อึดอัดมากๆกับการชวนเข้าลัทธิอนุตรธรรม จะพูดอย่างไรดี

ในเวปคงทราบคร่าวๆ เกี่ยวกับลัทธินี้แล้ว เราเองเคยไปแล้วและหาข้อมูลเพิ่ม ตกลงใจว่า จะไม่ไปอีกแล้ว
แต่เพื่อนยังคงเซ้าซี้ (เราพยายามปฏิเสธ ด้วยข้ออ้างๆ ต่างๆ ไปหมดแล้ว)
คงยกเว้นการวิจารณ์ ลัทธิเขา (เพื่อนบอกเราว่า เป็นพุทธ ไม่ใช่ลัทธิ เขาโกหกเรา)

มีวิธีปฏิเสธที่นุ่มนวลอย่างไร ไม่ให้เสียเพื่อน

ในใจเรานั้น ยังไม่หมดกิเลส ยัง รู้สึกไม่ดีกับลัทธินี้มากๆ หัวข้อ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก ก็เอาไปก๊อปปี้ เป็นลัทธิตัวเอง เงินบริจาคก็บังคับ หากไปประชุมธรรมครบ 3 วันแล้ว ก็ต้อง สละเวลาไปช่วยงานเขาทุกๆอาทิตย์ (หรือจ่ายเป็นเงินก็ได้) หลายอย่างมากๆ ที่ทำให้เราอึดอัด ยิ่งเพื่อนยิ่งพูดยิ่งอึดอัด

 

บอกไปเลยครับ....ว่าคุณต้องการปฏิบัติแบบพุทธเถรวาท....รู้สึกว่าอนุตรธรรมไม่ถูกกับจริตนิสัยเท่าไร....เอาไว้เมื่อไรอยากร่วมจะเข้าไปร่วม.....

 

เขาอ้างว่า ภัยพิบัติกำลังจะมา ไม่ทันการแล้ว ต้องรีบๆๆๆไปนะ

ตัวเองเป็นคนปากเสีย(จึงได้แต่ไม่ขอวิจารณ์ ไม่พูด) เพราะเกรงคำพูดเราจะไม่ดี
เคยบอกว่า ตัวเอง ยังไม่มีเวลาไปนั่งวิปัสสะนากรรมฐานวัดใกล้บ้านเลย เพราะห่วงลูก งาน (อันนีัเรื่องจริงค่ะ เพราะลูกเล็ก)
เขาตอบว่า นั่งวิปัสสะนาก็ดี แต่ของเขาดีกว่า ส่ิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยได้มากกว่าการไป นั่งสมาธิ

เราเกลียดการเอาศาสนาพุทธมาเป็นข้ออ้าง (เราบอกว่าเราเป็นพุทธ) แต่ไม่ได้หมายความว่าเกลียดเพื่อน

เราเสียดายเงินที่ ต้องจ่ายไปให้ลัทธิเขา เราก็ไม่ได้เต็มใจ เขาบอกได้บุญมาก เราเคยบอกว่า เรายอมได้บุญน้อยๆ หากทำอะไรแล้วสบายใจกว่า

 

เราเคยเข้าไปแล้ว..คิดเหมือนคุณเลย..ไม่ชอบใจตรงที่ว่าเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามา

สอนล้วนๆแล้วเปลี่ยนภาษาให้ดูพิสดาร..บนแท่นพิธีก็ให้พระรูปอยู่ต่ำกว่ารูปเคารพของพวก

เค้า..เงินรับธรรมมะต้อง200บาทขึ้นไป..ถ้าเพื่อนมาชวนก็เฉยๆไว้ดีกว่าไม่ต้องพูดอะไร

 

ปฏิเสธไปตรงๆ เถอะ
ว่าไม่ใช่ทางที่เราชอบ ไม่ถูกจริตเรา ไม่ต้องมาบังคับให้เสียเพื่อนกันเปล่าๆ
ถ้าไม่ฟังก็ปล่อย เขาไปเถอะ

เราเคยเข้าไปเหมือนกันเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว
ลัทธิ ฯ อาจทำให้เรากลัวการทำชั่วอย่างหยาบได้

แต่เราชาวพุทธแท้ อย่างไรก็หวังสิ้นกิเลส มากกว่าโลภในบุญ ในโลกหน้า

 

บอกหน่อยก็ดีนะครับว่าเป็นสำนักอะไรเพราะบางคนจะได้ไม่หลงเข้าไปให้เสียเวลาจะใบ้เอาก็ได้ครับ
สำหรับผมพอเเล้วครับเชื่อพระไตรปิฏกอย่างเดียวเเม้เเต่พระเวลาท่านสอนเราก็ต้องเอามาคิดอีกทีก่อนจะเชื่อ

 

ก็บอกไปว่า .... ความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริตนิสัย ความเชื่อ ความศรัทธา ทุกคนก็ไม่เหมือนกัน....... บังคับกันไม่ได้ เช่นกันกับการทำบุญ จะมาบังคับกันไม่ได้ ทำบุญผู้ทำต้องตั้งใจทำเอง ........

 

ลัทธินี้บัวก็เคยเข้าไปอยู่ครั้งนึง...แล้วไม่ไปอีกเลย ตอนแรกที่เข้าไปเพราะไม่ทราบรายละเอียดว่าสอนอะไร..

ถ้าเพื่อนคุณค่อนข้างสนิทกัน..และอยากชี้ทางสว่างให้เขา ก็อธิบายไปเลยว่าที่ไม่ไปเพราะเหตุผลอะไร สอนผิดจากพระพุทธเจ้าอย่างไร..และเราไม่ชอบใจอย่างไร..เพื่อนคุณจะเข้าใจ และเราก็บอกเพื่อนไปเลยว่าเราไม่เต็มใจไป รู้สึกฝืน ไม่ชอบใจ..อย่าบังคับใจเราเลยนะ
แต่ถ้าเพื่อนไม่สนิทกันก็บอกว่าไม่ถูกจริต ปฏิบัติแล้วรู้สึกขัดใจ ไม่ชอบใจ..อย่างไร เค้าจะได้รู้และไม่มารบกวนเราอีก..

ให้นึกไว้ว่าไปสวรรค์..ไปนิพพาน เราก็ไปคนเดียว เราไม่ได้พามันไปด้วย ไม่ต้องเกรงใจใคร.. อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ปฏิเสธไปเลย ถ้ามัวเกรงใจแล้วไปกะเขา อีกหน่อยเราก็กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด ก็ลงนรกไป มันคุ้มไหม...ถึงตอนนั้นใครจะช่วยคุณได้บ้าง เพื่อนคนนั้นมันมาช่วยคุณได้ไหม ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอดเลย..ไม่ต้องเกรงใจมัน ปฏิเสธไปเลยดีที่สุด..

 

บอกเพื่อนไปตรงๆๆเลยนะครับ ว่าไม่ชอบ(คนเราชอบไม่เหมือนกัน)
ผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกันนะครับ(เพื่อนชวน แต่ผมก็บอกว่าไม่ชอบ) เรื่องบริจาคเงินและประชุม ๓ วันนะครับ
อย่าไปคิดมากเลยนะครับ แต่ผมเองก็ทานอาหารเจปกติ ไปซื้ออาหารเจปกติ แต่ผมเองก็ไม่เข้าสถานธรรมนะ เพราะไม่ค่อยชอบสิ่งที่เขาสอนอย่างที่ท่านกล่าวมานะครับ