แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะน้องนิค (^_^)

 

ยังสนใจเรื่องสมุนไพรกันอยู่จ้า แต่ตัวพี่เองมะค่อยได้ปลูกเท่าไหร่
ใครมีสมุนไพร เอามาแลกเปลี่ยนกะทางไก่-โย ได้นะคะ
มีสมุนไพรดีๆ เพียบๆๆ

ส่วนสมุนไพรที่ไก่-โยส่งมาทำบุญ
...ชิมกันแล้วนะ น้ำสมุนไพรที่ส่งมาน่ะ
น้ำแรกมีรสขมเฝื่อน แต่ว่าชุมคอดี
แต่น้ำต่อไป มีคนที่ชิมไปแล้วบอกว่าจะออกรสหวาน...หุหุ
พี่ที่ได้รับไปยังเล่าอีกว่า มีญาติไอติดต่อกันมาหลายวันไม่หายสักที
ก็เลยให้ลองกินน้ำสมุนไพรไป 1 แก้ว ตอนหัวค่ำ
ปรากฎว่าเช้าต่อมาอาการไอหายไปเลย เหลือแค่ระคายคอนิดหน่อย
ว้าววววว...สุดยอด

...แล้วสมุนไพรที่ส่งมา พี่ฝากให้พี่หนอนไปตะลอนบุญทางเหนือแล้วนะ

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553
ตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวง เพ็ญเดือน 12
ตรงกับงานเทศกาลทางน้ำของคนไทยพอดี
เราได้ร่วมกับเพื่อนธรรมอีกหลายท่าน นำทีมโดยพี่ชานนคนไทย
มุ่งหน้าสู่ จังหวัดสิงห์บุรี วัดน้อยเจริญธรรม
เพื่อร่วมกันทอดกฐินสามัคคี

 

ยอดกฐินในงานนี้ สามแสนสามหมื่นกว่าบาท จำยอดเต็มๆ ไม่ได้ค่ะ
ไม่ทันฟัง เอ...ไม่ใช่สิ ฟังแล้วแต่ได้ยินมะค่อยชัด
แฮ่ ^^ ยังไงก็ร่วมอนุโมทนาบุญกันนะคะ

 

ได้ต้มยาแล้วครับ สงสัยในซองยาใส่ชะเอมมาด้วยทำให้หวานดี เข้ากับรสขมฝาดนิดนิดของยา ตอนนี้ต้มเป้นน้ำที่สองแล้ว
ขอบคุณ ไก่ และ โย มากครับ
ผมจะนำบางส่วนไปถวายพระทางภาคเหนือ ร่วมกับหมวกไหมพรมที่ ณ ถักไว้ด้วยกัน
โมทนาในบุญนี้กันด้วยนะครับ

 

เวลาที่ชีวิตเกิดความอยาก...
ที่ไม่รู้จักพอ.....
กิเลสทั้งหลายที่มี...
พอ....แวะมาที่แคร่ริมคลอง....ทีไร
รู้สึกลดลงมากทีเดียว
แค่นี้ก็ขอขอบคุณ....ที่ชีวิตได้พบสิ่งที่ดีๆ
....ได้รู้จักพี่ๆ...ได้อ่านข้อความดีๆ
ขอบคุณจริงๆ......

 

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งทุกๆ เช้า ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้านจากหน้าต่างชั้นบน และวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง

'เพื่อนบ้านเรานี่ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้ใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร'

สามีก็ตอบว่า 'อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน'

แต่ภรรยาก็แอบไปดูเพื่อนบ้านจากหน้าต่างข้างบนบ้าน และวิ่งกลับมางานสามีทุกเช้า 'เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว'

อยู่มาวันหนึ่งภรรยาวิ่งลงมารายงานสามีด้วยความแปลกประหลาดใจ 'ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด อยากรู้เหลือเกินว่าเขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกอะไร หรือใช้วิธีใดซักผ้า'

สามีหัวเราะแล้วกล่าวว่า 'นี่ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้านี้ฉันตื่นแต่เช้ามืดและไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้สะอาด ก่อนหน้านี้ กระจกมันสกปรก เธอมองออกไปก็เห็นแต่ความสกปรก'


โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

*******************

 

หวานเป็นลม ขมเป็นยา
สะเดามันขม มันก็ต้องเป็นยาสิ
แต่ของขมกลับทำให้อร่อยลิ้นได้ด้วยภูมิปัญญาไทย
เช่นรวกสะเดาด้วยน้ำข้าว ก็จะทำให้ความขมจางไปได้เยอะเชียว
และน้ำปลาหวาน กับปลาย่าง ก็ยิ่งทำให้กลมกล่อม
รูดเอาใบกับดอกสะเดารวก พอดีคำวางใส่บนข้าวสวยร้อนๆ
แกะเนื้อปลาย่างหอมกรุ่น วางทับสะเดาไปอีกชั้น
ราดด้วยน้ำปลาหวานแสนเลิศรส
จากนั้นก็ตักทั้งหมดพร้อมข้าวสวยคำโต เข้าปากกว้างๆ เคี้ยวๆๆ
อืม...กลมกล่อมดีจริงๆ



ประโยชน์ที่เราได้รับจากสะเดาคือ เบต้าแคโรทีน ที่สามารถสกัดกั้นโรคมะเร็ง
มี Polysaccharides กับ Liminoids ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกหรือเนื้อร้าย
โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และยังช่วยรักษาระดับการเต้นของหัวใจให้ลงจังหวะดีอีกด้วย

อะไรก็ตามที่มันมีความขมอยู่
มันก็คงมีความหวาน(ประโยชน์)แอบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
เหมือนกับสะเดานั่นแหละ
แค่ให้เราหาวิธีที่จะหาความหวานของมันให้เจอ
แล้วจัดการซะ!!
แน่นอนเราจะได้ประโยชน์จากมันอีกโขเลยที่เดียว ... ^^ ...
คิดถึงแล้วชักน้ำลายสอ...อยากหม่ำสะเดาน้ำปลาหวานขึ้นตะหงิดๆ แล้วดิ

 

ณ อย่าลืมชวนพี่ลี ไปรับลมหนาว ที่ ลาวใต้
ผมไปอารัมภบทไว้แล้ว อิอิ

 

พิษภัยของสัญญาที่ไม่เที่ยง


สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ ดังนี้

๑. เรื่องของสัญญาความจำของชาวโลก มักจักไม่เที่ยง ฟังอะไรไม่ถ่องแท้ เข้าใจไม่ตลอด ก็มักจำความอะไรผิด ๆ แล้วนำไปพูดต่อในทางที่ผิด จึงทำให้คนที่ฟังต่อ ๆ ไปเข้าใจผิดอย่างมากมาย แต่นั่น ก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับการฟังพระธรรมคำสั่งสอน แล้วตีความหมายผิด ๆ เอาสัญญาความจำที่ไม่เที่ยงมาตู่คำสอน และเอาปัญญาที่มีอยู่ในตน ตีความหมายเอาตามความคิดเห็น อันเป็นอุปาทานส่วนตัวมาบังหน้า แล้วนำธรรมนั้นออกไปเผยแพร่กระจายออกสู่สาธารณชน คนฟังก็จำธรรมนั้นโดยการฟังที่คล้อยตาม จุดนี้ซิ อันตราย”

๒. “คนมักจักพูดโอ้อวดธรรมที่ไม่มีในตน โดยมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้เลิศประเสริฐในการเข้าใจพุทธพจน์ บทพระบาลีอ้างพระธรรมคำสั่งสอนว่า เป็นคำตรัสของพระตถาคตเจ้าขึ้นนำหน้า แต่ในภายหลังที่อรรถาธิบายก็มักจักสอดแทรกความคิดเห็นส่วนตน ตีความหมายของธรรมนั้นตามอุปาทานแห่งตน กล่าวเป็นเชิงโอ้อวดตนว่าเข้าถึงในธรรมนั้น ๆ”

๓. “ที่ตถาคตกล่าวมานี้ ก็เพื่อให้พวกเจ้าสำรวมจิต หรืออารมณ์ที่ทะนงตนว่าเป็นผู้เข้าถึงธรรมเอาไว้ให้ดี ๆ อย่าหลงตัวหลงตนคิดว่าดีแล้วเป็นอันขาด จักทำให้จิตพลาดจากความดีไปอย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง"

๔. “พูดมากเท่าใด ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น จงพิจารณาไตร่ตรองก่อนที่จักพูดทุกครั้ง เล็งเห็นสาระหรือประโยชน์ในการพูดแต่ละครั้งด้วย อย่าพูดให้เสียเปล่าหรือพูดให้เป็นโทษ เป็นที่เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น คุมจุดนี้เอาไว้ให้ดี ๆ ชาวโลกหมองใจฆ่ากันตาย ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันเพราะวจีกรรมมามากต่อมากแล้ว”

๕. “เมื่อห้ามปากแล้วก็มาห้ามใจ การห้ามปากและห้าม ใจก็ดี จงห้ามที่ตนเอง อย่าไปห้ามที่บุคคลอื่น เรื่องของการห้ามใจคือ ให้พิจารณาอารมณ์คิดดูว่า ขณะจิตหนึ่ง ๆ นั้นมีอารมณ์ที่เป็นสาระหรือประโยชน์ในความคิดหรือความสงบนั้นบ้างไหม เป็นคุณหรือเป็นโทษ เบียดเบียนตนเองหรือไม่ เบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นหรือไม่ อารมณ์ใดถ้าหากตกเป็นทาสของกิเลส จักโกรธ โลภ หลงก็ตาม อารมณ์นั้นได้ชื่อว่าเป็นโทษและเบียดเบียน จักต้องหมั่นรู้ธรรมของจิตอยู่เสมอ จึงจักแก้อารมณ์กิเลสได้”

ที่มา
�����¢ͧ�ѭ�ҷ��������§ - ��дҹʹ����Ѵ��Ң�ع
www.tangnipparn.com

 

ไปเจอทริปลาวใต้มาเอามาให้อ่านกันเป็นแนวทางครับ
...
เดินทางจากกรุงเทพ ตรงไปด่านช่องเม็ก ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม.โดยประมาณ
ทำเรื่องข้ามด่าน ฝั่งไทย + ทำเรื่องเข้าเมืองฝั่ง ลาว ประมาณ 1 ชม. ระหว่างทำเรื่องในฝั่งลาวก็เดินตลาด+ร้านปลอดภาษี

หลังจากเสร็จพิธีการขั้นตอนการเข้าเมืองแล้ว ก็มุ่งหน้าไปปากเซ ถ้าหิวข้าวเที่ยง ก็อาจหาร้านกินในปากเซก่อน จะเป็นเฝอ หรือก๊วยเตียว ที่ตลาดดาวเรือง เก่า หรือดาวเรืองใหม่ ก็ได้ครับ

กินข้าวเสร็จอาจแวะที่พัก เข้าห้องน้ำ เก็บกระเป๋า(ที่ควรจองไว้ก่อน ถ้าดีหน่อย ก็จำปาสักแกรนด์ หรือ เอราวัณ ริเวอร์ไชด์ ราคา ประมาณ ห้องละ 1200-1500 บาท) หรือจะลองดูโรงแรมที่ถูกลงมากว่านี้หน่อย ก็เยอะ ครับ

(แนะนำโรงแรมสมหวัง ตรงข้าม เอราวัณ รอเวอร์ใชด์ ราคาถูก สะดวก ปลอดภัย)
หลังจากนั้น เดินทางไป คอนพะเพ็ง แล้วย้อนกลับมา หลี่ผี (อันนี้จะต้องข้ามโขงโดยเรือ)
ถ้าไม่ละเมียดละไมใช้เวลามากไป อาจได้แวะ ปราสาทวัดภู อีก ที่ สำหรับวันนี้ น่าจะได้ 2 หรือ 3 ที่ดังกล่าว

หาอาหารเย็นกินริมโขงที่ปากเซ เข้าที่พัก หรือจะชมที่เที่ยวยามราตรี ของปากเซก็ได้ครับ

เช้าวันต่อมา กินข้าวเช้าที่โรงแรม น่าจะรวมอาหารเช้า ด้วย และไปเดินชม ตลาดเช้า (ตลาดดาวเรือง) ก่อนที่จะมาเก็บของเพื่อ ไป ตาดเยือม (เล่นน้ำได้) จากนั้นย้อนมาตาดฟาน(เล่นน้ำไม่ได้ ไปยืนชม เฉยๆ) อาจกินข้าวเที่ยงที่ตาดฟาน เขาจะมีร้านอาหาร กินข้าวไปชมความงามของตาดฟานไป ก็ได้ ครับ แต่กับข้าวจะช้านะครับ ต้องจัดเวลาให้เหมาะสม เพื่อนๆ จะได้ไม่หิวมาก(ตรงนี้ตอนที่อยู่ที่ตาดเยือมก่อนออกมาตาดฟานอาจให้ไกด์สาวเขาโทร จองเรืองอาหารที่ตาดฟานไว้ก่อน พอไปถึงจะได้ทานเลยก็ได้ครับ)

หลังจากออกจากตาดฟาน อาจพาแวะดูไร่ชา ระหว่างทางก็ได้

แนะนำว่าน่าไปเที่ยวเซกะตาม ที่อาจต้องเดินทางไปอีกไกล ครับ แต่คุ้มครับถ้าได้ไปเห็น เป็นน้ำตกที่แม่น้ำทั้งสายไหลมาแล้วตกลงตามหน้าผา สูงกว่า 100 เมตร(หรือมากกว่า) ต้องมายืนดูอีกฝั่งเขาอีกลูกหนึ่ง ถือว่าเป็นที่ท่องเที่ยวระดับมัธยม (พวกหลี่ผี คอนพะเพ็ง ตาดฟาน ตาดฝาส้วม ตาดเยือม ผมถือเป็นภาคบังคับ หรือระดับประถม นะครับ)

หลังจากนั้น เดินทางเข้าที่พัก ตาดฝาส้วม กินข้าวเย็นที่นั้น เข้านอนที่นั้น จะมีทั้งที่เป็นบ้านต้นไม้ เป็นหลังๆ(ราคาแพงพอได้) และที่พักแบบโฮมเสตย์ ราคาถูกไปกันหลายๆคนน่าจะพักได้ อีกบรรยากาศ ครับ (ผมแนะนำให้พักแบบโฮมเสตย์นะครับ - แต่ก็อยู่ที่ว่าเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกัน เป็นแบบ คุณหนู หรือลุย กัน แบบไหน ลองคุยๆกันดูนะครับ ถ้าจำไม่ผิด หรือถ้ายังไม่ขึ้นราคา ประมาณ หัวละ 300 +/- ครับ) และควรจองไปล่วงหน้า ครับถ้าเป็นบ้านต้นไม้ แม้แต่โฮมเสตย์ ก็ควรจองครับ ไม่ควร walk in

ทั้งสองแบบบริการพร้อมอาหารเช้า อาหารที่นี้มาตรฐานเรื่องรสชาด ครับไปตอนไหน ก็จะได้รสชาดและการบริการแบบนี้ครับ

ถ้าเล่นน้ำที่ตาดเยือมไม่สะใจ ก็สามารถเล่นน้ำที่นี้ได้อีกเช่นกัน

เช้าวันต่อมาหลังจากกินอาหารเช้าที่ตาดฝาส้วม ก็เตรียมตัวเข้าปากเซ แล้วก็เดินทางกลับด่านช่องเม็ก

ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสารออกเมืองลาวก็มีเวลาเดินซื้อของฝากร้านปลอดภาษีได้อีกรอบ

ทำเรื่องเข้าไทย ที่ด่านไทย หลังจากนั้นขึ้นรสบัสกลับกรุงเทพ

 

แหม่ น่าเสียดายไม่ได้ไป อย่าลืมของฝากนะครับ อิอิ

เดี๋ยวผมเอาบุญมาฝากจากวัดท่าซุงครับ

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ที่ผ่านมา
มีโอกาสได้ไปที่ท่าน้ำเทเวศร์ ได้ร่วมกับพี่ๆน้องๆ หลายท่าน
ได้ทำบุญปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ที่บริเวณท่าน้ำของวัดราชาธิวาสฯ

ปลาช่อนแม่ลูกอ่อน หมายถึงมีไข่อยู่ในท้อง 13.5 กก.
ปลาดุก 11.5 กก.
ปลาไหล 1.5 กก.

ร่วมอนุโมทนาบุญกันนะคะ

 

ก่อนกลับก็ได้เดินเลียบๆ เคียงๆ แวะเข้าไปที่โบสถ์วัดราชาฯ

 

ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปสมัยรัชการที่ 4
องค์ใหญ่ด้านในเป็นพระประธาน
พระนามว่าพระสัมพุทธพรรณี ซึ่งเป็นองค์จำลองจากองค์แรก
ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดพระแก้ว
องค์เล็กด้านหน้าพระนามว่าพระนิรันตราย

 

ขออนุโมทนากับคณะบุญ แคร่ริมคลอง ทุกท่านด้วยครับ
ทั้งคุณปาฏิหาริย์ คุณชานน และคุณ ณ

ที่ได้ร่วมกันสร้างมหากุศล อย่างต่อเนื่อง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สาธุๆ
​

 

เมื่อวานที่ได้บอกบุญบางท่านไป อาจจะตกหล่นบางท่านไปก็ขออภัยด้วยครับ ผมได้โอนปัจจัยไปทำบุญดังรายการต่อไปนี้นะครับ ร่วมโมทนาบุญ กันทุกท่านนะครับ อนุโมทนาสาธุ

ร่วมทำบุญ เจ้าภาพถวายพระเนตร และหัวใจ สมเด็จองค์ปฐมต้นพุทธวงศ์ ๑๓๖ พระองค์
รวมปัจจัยทั้งหมด 1,150 บาท
กระทู้ รายละเอียด http://palungjit.org/threads/บุญนำทางชีวิต-ปรารถนาตาทิพย์-ร่วมถวายพระเนตร-หัวใจสมเด็จองค์ปฐมต้นพุทธวงศ์136องค์.265152/

ร่วมทำบุญ สร้างศาลาปฎิบัติธรรม เพื่อรองรับญาติโยมที่มาร่วมหล่อพระที่วัด
รวมปัจจัยทั้งสิ้น 680 บาท
กระทู้รายละเอียด http://palungjit.org/threads/บุญนำท...มต้นพุทธวงศ์136องค์.265152/page-2#post4012266

ร่วมทำบุญต่างๆ ของวัดท่าซุง รวมปัจจัยทั้งสิ้น 1,250 บาท
1. สร้างศาลาหลวงพ่อ 5 พระองค์ 100 บาท
2. สร้างตึกพิพิธภัณฑ์ "สมบัติพ่อให้" 100 บาท
3. ซ่อมแซมอาคารด้านหลังพระอุโบสถ 100 บาท
4. ต่อเติมหลังคาบน "มณฑปแก้ว" 100 บาท
5. ต่อเติม "อาคารพระชำระหนี้สงฆ์" ด้านข้างปราสาททองคำ 100 บาท
6. ถวายค่าภัตตาหาร "พระสงฆ์วัดท่าซุง" 100 บาท
7. ทำบุญ "ชำระหนี้สงฆ์" 100 บาท
8. ทำบุญบวชหมู่ "งานธุดงค์ ปี 2553" 200 บาท
9. ถวายเป็นค่าทาสีและปิดทอง เพื่อซ่อมแซมตามอาคารสถานที่ต่างๆ ภายในวัดท่าซุง 200 บาท
10. ถวายเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงป่าเก่าและป่าใหม่ธุดงค์ 150 บาท
สามารถทำบุญออนไลน์ได้ที่ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=350

ถวายปัจจัยค่าพาหนะ หลวงพ่อโนรีและคณะ สำหรับเดินทาง ไปทำบุญหล่อพระ ยังภาคใต้ และ ที่อื่นๆ
รวมปัจจัยทั้งสิ้น 3000 บาท

 

พระอาจารย์ที่คอยดูแลให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านว่า
พระพุทธรูปในสมัยนั้น จะสร้างรูปลักษณะและการห่มจีวร ผ้าสังฆาฏิ เหมือนพระสงฆ์จริง
และที่พระเศียรจะไม่มีพระเกศมาลา จะมีแต่เปลวรัศมีเลย
สังเกตดีๆ บริเวณฐานบัวจะเห็นมีลวดลายที่งดงาม
รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านทรงมีความรู้ความชำนาญในเรื่องภาษามอญเป็นอย่างดี
เห็นได้จากคำจารึกที่ฐานพระสัมพุทธพรรณี ซึ่งเป็นภาษามอญ

 

ตรงซุ้มเรือนแก้วรอบองค์พระสัมพุทธพรรณี
จะเป็นพระราชลัญจกร 5 รัชกาล
ตรงกลางเป็นของรัชกาลที่ 1
ถัดลงมาทางขวาเป็นของรัชกาลที่ 2
ถัดลงมาทางซ้ายเป็นของรัชกาลที่ 3
ลงมาอีกทางขวาเป็นของรัชกาลที่ 4
ลงมาอีกทางซ้ายเป็นของรัชกาลที่ 5

 

บริเวณรอบๆ ห้องจะเป็นภาพวาดเรื่องพระเวสสันดร 13 กัณฑ์
โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงออกแบบ
วาดโดยศาสตรจารย์ ริโกลี ชาวอิตาเลี่ยน
ซึ่งรูปภาพบนผนังนี้งดงามมาก
เป็นศิลปะการเขียนสีไปบนผนังปูนที่ยังเปียกอยู่(Fresco)