กรรมที่ทำให้มีเสน่ห์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โทรจิต, 9 กันยายน 2010.

  1. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ฤกษ์ดีๆ พฤหัสบดี กระผมขอนำเสนอเรื่องของการเป็นที่รักของบุคคล
    คุณสังเกตุไหม ทำไมบางคนถึงได้เป็นที่รักของบุคคลต่างๆ
    ทั้งที่หน้าตา ก็อาจจะไม่ได้ว่าจัดอยู่ในขั้นเทพ
    แต่ทำไม ทำไม ถึงมีแต่คนมารัก มาหลงพวกเค้ากัน
    ปัจจัยอาจมาจากบุญต่างๆดังต่อไปนี้
    หลังจากที่เมื่อวานกระผมนำเสนอบทความเกี่ยวกับ
    กรรมที่ทำให้ผิดหวังในเรื่องของความรัก
    วันนี้ผมขอเสนอ กรรมที่ทำให้เป็นที่รัก
    ( เพราะไม่มีใคร ควรค่าแก่การเกลียดชัง )

    ถาม – การที่คนเรามีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป เป็นผลของกรรมอะไรบ้างคะ?

    เหตุแห่งการเป็นผู้ทรงเสน่ห์นั้น ไม่ใช่ง่ายที่จะกล่าวถึงให้ครอบคลุม เพราะไม่ใช่แค่ ‘ทำดีแล้วจะมีเสน่ห์’ เนื่องจากเสน่ห์มีหลายรูปแบบ และเสน่ห์แต่ละแบบก็ไม่ใช่จะ ‘ใช้ได้ผล’ กับทุกคน คุณอาจประหลาดใจว่าทำไมบางคนประพฤติตัวชั่วร้าย พูดจาเอาแต่ได้ ทว่ายังคงมีเสน่ห์ลึกลับ ทรงพลังพอจะจับใจคนใกล้ชิดให้ถวิลหาอาวรณ์ได้เกือบตลอดเวลา

    สรุปง่ายๆนะครับ ถ้าแค่มองหา ‘สูตรสร้างเสน่ห์’ ด้วยการแต่งตัว จัดทรงผม ปรับปรุงบุคลิกในอิริยาบถต่างๆ ตลอดจนกระทั่งฝึกพูดจาให้น่าพิศวาส คุณจะพบความจริงว่าสำหรับหลายๆคนแล้ว สูตรสร้างเสน่ห์ทั้งหลายอาจแค่ช่วยให้ดูดีขึ้น แต่หาได้เปิดก๊อกเทพลังเสน่ห์ให้ไหลมาเทมาแต่อย่างใดไม่

    แม้แต่สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพระดับโลกยังทราบครับว่าไม่มีสูตรสำเร็จครอบจักรวาลที่ทำให้ ‘ทุกคน’ ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น เอาแค่ข้อจำกัดทางกายภาพที่แต่ละคนมีเด่นมีด้อยต่างกัน ก็ไม่ทราบจะหั่นหรือเฉือนกันท่าไหนให้เท่าเทียมกันทั้งหมด ฉะนั้นตามแนวคิดเชิงพุทธ คำถามของคุณนับว่าตรงเป้าที่สุดแล้ว นั่นคือ กรรมอันใดส่งผลให้เกิดเสน่ห์?

    ก่อนอื่นต้องมองว่า ‘เสน่ห์’ คือพลังอะไรอย่างหนึ่งที่ทำให้คนอื่นหลงใหลหรือรักใคร่ อยู่ห่างแล้วถวิลถึง อยากเข้าพบ อยากเข้าใกล้ และประกายเสน่ห์อาจเปล่งออกมาจากรูปกายก็ได้ เปล่งออกมาจากวิธีพูดจาก็ได้ หรือเปล่งออกมาจากกระแสจิตเงียบๆก็ได้

    นอกจากนั้น พลังเสน่ห์ยังมีอยู่ ๓ ชนิดหลักๆ คือพลังดึงดูด พลังประทับ และพลังชะโลม เมื่อเข้าใจตามนี้ก็จะเห็นกลไกและที่มาที่ไปของเสน่ห์แต่ละชนิดอย่างกระจ่าง

    เสน่ห์ทางกาย

    เป็นเสน่ห์ที่เน้นพลังฝ่ายดึงดูดมากกว่าอย่างอื่น เช่นเห็นแล้วดึงดูดให้อยากมองนานๆยากจะถอนสายตา หรือกระทั่งอยากถลาเข้าไปลองสัมผัสให้ได้เดี๋ยวนั้น

    เสน่ห์ทางกายปรากฏเด่นเห็นง่ายสุด จับต้องได้ง่ายสุด เพราะกายมนุษย์เปล่งประกายเสน่ห์ได้ผ่านความสมส่วนแห่งรูปพรรณสัณฐาน ตลอดจนความผ่องใสมีสง่าราศีแห่งผิวพรรณ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือพิธีรีตองใดๆในการเปล่งประกายเสน่ห์ชนิดนี้ แค่ปรากฏตัวก็ใช้ได้แล้ว

    ความเปล่งปลั่งชนิดบาดตาได้ตั้งแต่แรกพบนั้น เป็นผลอันเกิดจากการให้ทานที่ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ไม่มีความขัดข้องทางใจเท่ายองใย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีโอกาสถวายทานแด่พระพุทธเจ้าหรืออริยสงฆ์สาวก แล้วรักษาความเลื่อมใสนั้นไว้ได้ตลอดชีวิต ก็จะมีความรุ่งเรืองปรากฏชัดทางผิวหนังตั้งแต่ในชาติแห่งทานนั้น แล้วปรากฏชัดเจนในชาติถัดมา ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมนุษย์

    ความสมส่วนแห่งรูปพรรณสัณฐานจะเกิดจากความมีศีลสะอาดเป็นหลัก รายละเอียดและมิติของรูปร่างหน้าตาที่ล่อตาชวนตะลึง กลิ่นกายที่น่าพิสมัย ตลอดจนความละเอียดน่าสัมผัสของผิวหนังที่เหมาะกับเพศนั้น บันดาลขึ้นจากความสามารถในการ ‘งดเว้น’ ความประพฤติทางกายและวาจาอันสกปรกเน่าเหม็นจนเคยชิน กระทั่งแม้ความคิดก็ไม่หลุดออกนอกกรอบของศีล พูดง่ายๆว่าเป็นผู้เคยมีศีลอันมั่นคงแข็งแรง จิตสะอาดสะอ้านจากมลทินยิ่ง จึงบันดาลให้เกิดผลงดงามไร้ที่ติ กระทบตาผู้คนแล้วชวนหลงใหลยิ่ง

    คนที่ไม่ค่อยทำบุญกับบุคคลศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆมักมีอำนาจเสน่ห์ทางกายน้อย เนื่องจากโอกาสที่จิตจะเปล่งประกายความเลื่อมใสอย่างแรงกล้าขณะทำบุญนั้นยากนัก

    เสน่ห์ทางวาจา

    เป็นเสน่ห์ที่มีพลังฝ่ายประทับมากกว่าอย่างอื่น เช่นฟังพูดแล้วติดหูไม่รู้ลืม ราวกับพลังเสียงและสำเนียงพูดบุกรุกเข้ามาฝังตัวและกลอกกลิ้งอยู่ในแก้วหูคนฟังได้ พอห่างกันแล้วถวิลถึงราวกับโดนเสน่ห์ยาแฝด

    เสน่ห์ทางวาจาจะแผลงฤทธิ์เต็มที่ต่อเมื่อผู้พูดมีโอกาสฉายไม้เด็ดสักประโยคสองประโยค การโอภาปราศรัยทักทายเพียงคำสองคำอาจจะยังไม่ได้ผลนัก แต่หากได้ช่องสำแดงเดชเต็มกำลัง เสน่ห์ทางวาจาก็อาจชวนให้หวนคิดถึงได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายมาก เนื่องจากความทรงจำเกี่ยวกับส่ำเสียงและถ้อยคำจะยืนยาวกว่าความทรงจำเกี่ยวกับรูปลักษณ์

    เสน่ห์ทางวาจาที่หยิบยกมาเป็นตัวอย่างเห็นภาพง่ายที่สุดคงได้แก่วิธีรบเร้าหรือวิธีตื๊อของแต่ละคน บางคนตื๊อแล้วน่ารัก แต่หลายคนตื๊อแล้วน่ารำคาญ ทั้งที่ก็เป็นการรบกวนผู้ฟังเหมือนๆกัน นี่ก็เพราะบางคนเท่านั้นที่มีพลังเสน่ห์ทางวาจา ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่มี

    เสน่ห์ทางวาจามีองค์ประกอบหลายส่วน ซึ่งแต่ละส่วนก็เกิดจากกรรมเกี่ยวกับวาจาทั้งในอดีตและปัจจุบันรวมกันทั้งสิ้น องค์ประกอบหลักของเสน่ห์ทางวาจาจำแนกได้เป็น ๓ ส่วนดังนี้

    ๑) ความไพเราะของแก้วเสียง เกิดขึ้นจากความเป็นผู้มีวาจาสุจริต ทั้งพูดเรื่องจริงเท่าที่ควรพูด เลือกคำที่ฟังรื่นหูไม่หยาบคาย หาวิธีพูดประนีประนอมไม่เสียดสีใคร ตลอดจนครองสติในการพูดเพื่อประโยชน์ได้เสมอ องค์ประกอบหลักเหล่านี้จะปรุงแต่งแก้วเสียงให้ฟังดี ฟังเย็น และฟังมีพลังสะกด ถ้ายิ่งหมั่นสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ ตลอดจนเปล่งเสียงประกาศธรรมอันชอบโดยไม่เคอะเขิน แก้วเสียงก็จะเปล่งประกายสดใสเพราะพริ้งได้ตั้งแต่ชาติปัจจุบัน และไปปรากฏผลชัดที่สุดในชาติถัดมา น้ำเสียงและสำเนียงจะกลมกล่อมไม่บาดหูเลย (เว้นไว้แต่จะหลงผิด พูดจาเป็นอัปมงคลนานปีจนกำลังของวจีทุจริตใหม่ชนะกำลังของวจีสุจริตเก่า)

    ๒) ลูกเล่นในการจำนรรจา เกิดขึ้นจากความเป็นผู้ใส่ใจเจรจาให้น่าเอ็นดู เป็นที่ถูกใจ ทำความบันเทิงสดใสแก่ผู้ฟัง ยกตัวอย่างเช่นพวกชอบเล่านิทานให้เด็กฟัง ด้วยความหวังว่าเด็กจะได้สนุกสนาน ได้ข้อคิด และได้มองโลกในแง่ดีมีความอบอุ่น กรรมอันเกิดจากการฝึกเล่านิทานจริงจังจะบันดาลให้เกิดสัญชาตญาณในการมัดใจด้วยลีลาพูด คือรู้เองว่าด้วยลูกเล่นการออกเสียงสั้นยาว ลงเสียงหนักเบา ตลอดจนควบกล้ำอย่างไรให้ฟังน่ารักน่าใคร่ ชัดถ้อยชัดคำ พวกนี้ถ้าทำงานพากย์จะประสบความสำเร็จง่ายมาก และอาจจะไม่ต้องร่ำเรียนที่ไหนก็เก่งได้ยิ่งกว่ามืออาชีพที่คร่ำหวอดมานมนาน

    ๓) ความฉลาดเลือกคำ เกิดขึ้นจากความเป็นผู้คิดก่อนพูด ใช้สติในการง้างปากที่อ้ายาก ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์บงการปากที่ไร้หูรูด ธรรมชาติของสตินั้น ยิ่งฝึกฝนให้เพิ่มมากขึ้นเท่าใด ปัญญาก็จะยิ่งทวีขึ้นเท่านั้น

    คนที่ไม่ค่อยใส่ใจกับการพูดนั้น นอกจากจะขาดเสน่ห์ทางวาจาแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดข้อน่ารังเกียจได้มากมาย เช่นคนพูดส่อเสียดและใส่ไคล้ผู้อื่นบ่อยๆมักมีกลิ่นปากเหม็นเน่า คนติดพูดคำหยาบคายกระโชกโฮกฮากมักมีสำเนียงเสียงไม่รื่นหูไม่ชวนฟัง เป็นต้น

    เสน่ห์ทางกระแสจิต

    เป็นเสน่ห์ชนิดที่มีพลังชะโลมได้มากกว่าอย่างอื่น เช่นแค่เข้าใกล้รัศมีใครบางคนคุณก็รู้สึกเยือกเย็น หรือกระทั่งเกิดความเงียบสงัดไร้ความคิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม กระแสจิตของบางคนอาจเปี่ยมด้วยอิทธิพลแห่งพลังดึงดูดและพลังประทับได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายกับวาจารวมกันเสียอีก หากคุณเคยมีประสบการณ์ผ่านพบใครบางคน ที่คุณอยู่ใกล้ๆแล้วเกิดความอยากอยู่ใกล้ เมื่อห่างไปก็ถวิลถึง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาไม่จัดว่าเลอเลิศ กับทั้งถ้อยทีเจรจาก็งั้นๆ นั่นแหละครับตัวอย่างของคนมีเสน่ห์ทางกระแสจิตขั้นรุนแรง

    เสน่ห์แห่งกระแสจิตนั้น เป็นสิ่งเห็นไม่ได้ด้วยตา จับต้องไม่ได้ด้วยมือ ทว่าง่ายที่จะสัมผัสด้วยใจ และแม้คุณพบเจอจังๆอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทว่าในเมื่อไม่เคยมีใครขอให้คุณอธิบาย คุณเลยไม่เคยฝึกจำแนกแยกแยะว่ากระแสจิตมีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีพลังเสน่ห์จับใจได้แตกต่างกันสักแค่ไหน

    จิตมนุษย์ที่กระจายออกมาให้สัมผัสได้นั้น มีกระแสพลังจากแหล่งต่างๆได้หลายหลาก อาทิเช่น พลังความคิด พลังจากมหากุศลที่ประกอบแล้ว พลังความสว่างทางปัญญาที่รู้ชอบในธรรมะ พลังสุขภาพ พลังของหน้าที่ พลังของอิทธิพลต่อหมู่คน พลังของที่อยู่อาศัย พลังของพาหนะส่วนตัว พลังของอัญมณี พลังของสัตว์ที่ผูกพันแน่นเหนียว พลังไสยศาสตร์ ตลอดไปจนกระทั่งพลังของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกันในทางใดทางหนึ่ง โดยย่นย่อกระแสจิตจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวิธีมีตัวตนของแต่ละคน

    ผมอาจแจกแจงที่มาที่ไปและชนิดของเสน่ห์ทางกระแสจิตอย่างละเอียดเป็นหนังสือเล่มหนึ่งได้โดยเฉพาะ แต่ในที่จำกัดนี้คงกล่าวเพียงสังเขปในแง่ ‘วิธีคิดอันเป็นต้นตอเสน่ห์ทางกระแสจิต’ เพราะเสน่ห์ทางกระแสจิตของมนุษย์ธรรมดาจะเป็นไปตามวิธีคิด สายความคิดของมนุษย์ทั่วไปจะไม่ค่อยขาดสาย จึงปรุงแต่งให้จิตเป็นไปต่างๆนานาได้มากกว่าปัจจัยอื่น

    ขอยกเฉพาะวิธีคิดหลักๆที่ก่อรัศมีจิตอันเป็นเสน่ห์ดังนี้

    ๑) ความคิดเป็นเส้นตรงไม่หมกมุ่นวุ่นวน คือมีเป้าหมายปลายทางของความคิดชัดเจน มีลำดับที่จะไปให้ถึงจุดหมายอย่างแน่ชัด หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชะโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกราบรื่น ไม่วกวน และอยู่ใกล้คุณนานๆอาจพลอยเกิดคลื่นความคิดเป็นระเบียบตามไปด้วย

    ๒) ความคิดที่เบากริบหรือเงียบเชียบ คือคิดเท่าที่จำเป็น สามารถเว้นวรรคความคิดเพราะรู้จักเสพสุขกับสิ่งอื่น เช่นภาพแมกไม้ เสียงน้ำตก หรือกระทั่งเฝ้าสังเกตสายลมหายใจตนเองเข้าออกอย่างเรียบง่าย หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชะโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัด อยู่ใกล้คุณอาจพลอยสงบผาสุกตามไปด้วยชั่วครู่ และหากคลุกคลีใกล้ชิดกับคุณนานพอ กลุ่มความคิดที่หนาแน่นของเขาอาจพลอยเบาบาง กลายเป็นคนไม่คิดมากตามคุณไปด้วยอย่างถาวร

    ๓) ความคิดมองโลกในแง่ดี คือมีมุมมองของความหวังด้านบวกเสมอ จึงเชี่ยวชาญในการสร้างทางออก ขณะที่คนทั้งโลกเชี่ยวชาญในการพาตัวไปสู่ทางตัน หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชะโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกสว่างไสว ไม่มืดมน และอยู่ใกล้คุณนานๆอาจพลอยเกิดแรงบันดาลใจและความหวังใหม่ๆตามไปด้วย

    ๔) ความคิดเผื่อแผ่พร้อมจะเสียสละ คือมีความอยากให้มากกว่าอยากเอา สามารถเป็นผู้ริเริ่มในการให้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนวณเสียก่อนว่าจะได้รับสิ่งใดเป็นผลตอบแทน หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชะโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ เห็นคุณเป็นที่พึ่ง (ขอให้ทราบว่าความเป็นที่พึ่งกับความเป็นคนรับใช้นั้นต่างกันนิดเดียว ระหว่างให้แบบใจอ่อนยินยอมไปหมด กับให้แบบใจดีมีความน่าเกรงใจ ศิลปะของการให้อย่างหลังจะมีเสน่ห์ ขณะที่การให้อย่างแรกจะดูไร้ค่าหรือถึงขนาดน่ารังแก)

    ๕) ความมีใจเอ็นดูไม่คิดประทุษร้าย คือไม่แม้แต่จะแอบด่า แอบสาปแช่งคนหรือสัตว์ที่ตนเกลียด แต่มีเหตุผลบอกตนเองเสมอว่าทำไมจึงควรให้อภัย เห็นกระจ่างที่มาที่ไปอันน่าเห็นใจของคนแสนเลวสักคน หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชะโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่หวาดระแวง และบังเกิดความปรารถนาดีต่อคุณ หากเกลียดหรือคิดทำร้ายคุณได้แปลว่าต้องมีใจพาลสันดานหยาบเอาเรื่องทีเดียว

    ๖) ความคิดมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไม่ท้อแท้ คือแม้พบอุปสรรคก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น เพราะคิดหาทางรุกคืบไปข้างหน้าเข้าหาเส้นชัยหรือทางออกจากปัญหา ทำอะไรทำจริง พูดอะไรแล้วทำอย่างที่พูด ตั้งใจอะไรแล้วไม่ล้มเลิกง่ายๆ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงพละกำลัง ความเข้มแข็งไม่อ่อนแอ ความคมคายไม่ทื่อมะลื่อ เต็มไปด้วยความก้าวหน้าพัฒนาสู่ความสำเร็จลุล่วง

    ๗) ความคิดยับยั้งชั่งใจ คือแม้พบสิ่งยั่วยุให้ละโมบโลภมาก ก็ระงับความทะยานอยากเสียได้หากเห็นว่าไม่ถูกไม่ชอบ หรือแม้พบสิ่งยั่วยุให้พยาบาทอาฆาตแค้น ก็ระงับความหุนหันพลันแล่นอยากโต้ตอบด้วยความรุนแรงเสียได้ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงขันติ ความอดทนทางใจ

    ๘) ความคิดไม่เข้าข้างตัวเอง คือไม่หลงตัว ไม่ปกป้องตัวเอง เป็นคนดีจริงด้วยการรู้ตัวว่ายังมีจุดบอดหรือข้อเสียอันใดอยู่บ้าง ไม่ใช่ดีจริงด้วยการประกาศว่าข้าดีพร้อม ข้าทำอะไรไม่ผิดสักอย่าง ไม่คิดเข้าข้างตัวเองแม้ผิดพลาดทำชั่วบ้าง ก็มีระดับมโนธรรมสูงพอจะสำนึกผิดได้ด้วยตนเอง หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงสำนึกอันดีงามของมนุษย์ กระแสความสำนึกผิดและการรับผิดชอบอย่างอาจหาญจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นกล้าที่จะสำนึกผิด แล้วก็ไม่ต้องขัดแย้งกับตนเอง ไม่ต้องเกลียดตนเองด้วยกำแพงปกป้องตนเองอันน่ารังเกียจ

    ๙) ความคิดที่รื่นรมย์เบาสมอง คือความสามารถมองแง่ร้ายให้กลายเป็นตลกได้ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังดึงดูดใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกพร้อมจะมีอารมณ์ขัน นึกสนุก ไม่เคร่งเครียด เต็มไปด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจตามไปด้วย

    ๑๐) ความคิดแบบผู้ชนะที่มีน้ำใจนักกีฬาและความปรานี ไม่มีใครอยากยืนอยู่ข้างคนแพ้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครอยากอยู่ใต้อำนาจคนชนะที่เหลิงหลงและหมิ่นศักดิ์ศรีผู้อื่น ผู้ชนะอาจอยู่ในเกมกีฬา เกมธุรกิจ ตลอดจนกระทั่งเกมกิเลส คือถ้าเอาชนะกิเลสยากๆของตนเองได้ก็จัดเป็นผู้ชนะได้เหมือนกัน และเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วย หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังดึงดูดใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกหลงใหลมนต์เสน่ห์อันโดดเด่นจับตาจับใจได้ง่าย

    วิธีคิดแบบอันเป็นตรงข้ามกับที่กล่าวมาข้างต้น จะบั่นทอนเสน่ห์ลง กล่าวคือกระแสความคิดจะเป็นแบบผลักไสให้ออกห่าง (ตรงข้ามกับพลังดึงดูดใจ) หรือแบบไม่ประทับลงในความทรงจำ (ตรงข้ามกับพลังประทับใจ) หรือแบบระคายเคือง (ตรงข้ามกับพลังชะโลมใจ) เช่นต่อให้มีเสน่ห์ทางกายและเสน่ห์ทางวาจา แต่ถ้าคิดฟุ้งซ่านมากๆเป็นนิตย์ ก็จะก่อคลื่นรบกวนคนใกล้ชิดให้ปั่นป่วนตาม อึดอัดที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดนานๆ เป็นต้น

    ---------
    จากเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว - ดังตฤณ


    เพิ่มเติมจากหนังสือ รักแท้มีอยู่จริง โดย ดังตฤณ

    ๑) อากัปกิริยา

    อากัปกิริยาที่เป็นเสน่ห์ ไม่ใช่การพยายามดัดจริตเคลื่อนไหวให้โก้เก๋ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงถึงความรู้สึกตัว รู้จักจังหวะจะโคน ฉับไวในเวลาที่ควรฉับไว แช่มช้าในเวลาที่ควรแช่มช้า และที่สำคัญคือมีความนิ่มนวลสง่างามในที แบบที่ทำให้คนมองพลอยเกิดแรงบันดาลใจจะมีสติรู้สึกตัวตาม
    บุญที่ทำให้เป็นผู้มีอากัปกิริยาท่าทีงามสง่าและเต็มไป ด้วยความรู้สึกตัว คือการเป็นผู้รู้จักสำรวมในกาละเทศะอันควร โดยเฉพาะกับบุคคลและสถานที่อันเป็นมงคล อาศัยความรู้นี้ คุณก็สามารถทำบุญสร้างเสน่ห์ทางอากัปกิริยาได้ โดยเริ่มจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เช่น ทำความเคารพพระปฏิมาบนโต๊ะหมู่บูชาในบ้านด้วยกิริยาประณีต หรือเดินเข้าไปในวัดวาอารามด้วยความสำรวมกายสำรวมใจ
    สำรวมไม่ได้แปลว่าเกร็งนะครับ แต่หมายถึงตามสบายอย่างมีสติรู้ทุกการเคลื่อนไหว ไม่กะเปิ๊บกะป๊าบด้วยความฟุ้งซ่านกระเจิดกระเจิง
    ใจนั่นเองเป็นผู้ปรุงแต่งกายให้เกิดความประณีตและสำรวม ถ้าใจคุณเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแสดงกิริยาอันเป็นการเคารพ และกิริยาอันเป็นไปเพื่อความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่แค่ไม่กี่แบบ นับเริ่มตั้งแต่ไม่เอะอะมะเทิ่งใกล้เขตพระพุทธรูป เวลาก้มลงกราบมีความนบนอบศิโรราบ ตอนสวดมนต์ตั้งตัวตรงไม่โยกไปเยกมา เมื่อเหม่อลอยหรือฟุ้งซ่านก็ยอมรับว่าเหม่อลอย และค่อยๆหันเหกลับมาอยู่กับบทสวด เป็นต้น กิริยาอันเป็นบุญเหล่านี้ รวมกันแล้วจะทำให้คุณรู้สึกถึงความสว่างทางกายขึ้นมาทีละน้อย


    ๒) นัยน์ตา

    นัยน์ตาที่เป็นเสน่ห์ ควรฉายแววแจ่มชัด ถ้าสาดประกายจับตาคนมองด้วยยิ่งดี แต่ ทั้งหมดนั้นไม่สำคัญเท่ามนต์สะกดที่ตรึงคู่สนทนาให้อยู่กับคุณได้ ด้วยการทำให้เขารู้สึกว่าคุณมองเขาอยู่คนเดียว และจะไม่ละสายตาไปไหน
    บุญที่ทำให้เป็นผู้มีประกายตาเงางาม คือการรู้จักมองผู้อื่นด้วยความเมตตาเอ็นดู หรือเล็งแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเลื่อมใสบูชา อาศัยความรู้นี้ คุณก็สามารถทำบุญสร้างเสน่ห์ในประกายตาได้ โดยเริ่มจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เช่น หาพระพุทธรูปที่เห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสจับตาคุณมากๆมาประดิษฐานในห้องพระที่ บ้าน แล้วหมั่นแลมองด้วยสายตาตรงให้เห็นถนัดชัดทั้งองค์ แต่ละครั้งให้นิ่งและนานจนกว่าคุณจะรู้สึกได้ว่าประกายศรัทธาสาดออกมาจาก นัยน์ตาตัวเองอย่างคงเส้นคงวา
    ระหว่างอยู่ในชีวิตประจำวัน พยายามมองผู้คนแบบที่จะเห็นความดีงาม ความน่ารักของพวกเขา กระทั่งคุณสามารถมองพวกเขาด้วยความเลื่อมใสคุณงามความดี และอยากมอบความรู้สึกดีๆให้กับพวกเขา อย่าไปจดจ้องอะไรที่เป็นเรื่องแย่ๆหรือคุณสมบัติที่เป็นโทษ เพราะนัยน์ตาคุณจะขุ่น ใจคุณจะเจือด้วยโทสะยามมอง


    ๓) น้ำเสียง

    น้ำเสียงที่เป็นเสน่ห์ ควรมีความแจ่มชัดเป็นกังวานนุ่มนวล แต่ละคำถูกเปล่งออกมาเต็มปากเต็มคำโดยไม่มีการดัด และดีที่สุดคือมีชีวิตชีวา เสียงขึ้นสูงลงต่ำอย่างเหมาะกับจังหวะจะโคนตามธรรมชาติ สามารถกล่อมอารมณ์คนฟังให้เพลิดเพลินราวกับเสียงเครื่องดนตรีที่เล่นโดยมือ อาชีพ
    บุญที่ทำให้เป็นผู้มีกังวานเสียงน่าฟัง คือการมีใจเป็นสุขกับการพูดจาด้วยถ้อยคำที่เป็นจริง ที่สุภาพไพเราะ ที่ประสานสัมพันธ์ และที่ฟังแล้วเกิดสติทั้งเราทั้งเขา ตลอดจนมีปีติกับการสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญเช่นพระพุทธเจ้าและผู้ทรงคุณ ประเสริฐทั้งหลาย อาศัยความรู้นี้ คุณก็สามารถทำบุญสร้างเสน่ห์ให้กับน้ำเสียงได้ โดยเริ่มจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เช่น กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนของท่าน และพระสงฆ์สาวกของท่าน ด้วยถ้อยคำที่เป็นจริง ด้วยความไพเราะ ด้วยความเข้าใจอันดี และด้วยความมีสติ
    การกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัยมีมานมนาน ผ่านรูปแบบของการสวดมนต์นั่นเอง บทสวดอันเป็นที่นิยมที่สุดมาจากการจาระไนคุณสมบัติอันเป็นจริงของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าบท ‘อิติปิโส
    สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกับ ‘ผู้สรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยใจ’ คือประกายแก้วเสียงที่สดใสเสนาะโสตขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อาจจะในทันทีที่สวดจบ และแก้วเสียงจะยกระดับขึ้นถาวรเมื่อสวดต่อเนื่องอย่างมีโสมนัสทุกวัน ถ้า คุณจะคิดว่านี่คือคาถาเปลี่ยนเสียงก็ไม่น่าจะเกินจริงนัก ขอเงื่อนไขเพียงต้องท่องคาถาด้วยใจโสมนัสด้วยนะครับ ไม่ใช่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  2. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คนเราทุกคนมักอยากให้คนมารัก

    ดังนั้นเราควรเริ่มทำตัวให้น่ารักกันก่อนดีกว่า ^0^
     
  3. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    แล้วทำไมพวกทำศัลกรรมมันถึงมีเสน่ห์ทางกายสูงล่ะ

    แล้วสมัยนี้กระเทย สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก แถมแววตาก็ยั่วยวน ให้หลงไหล
    ถ้าไม่ติดที่เคยเป็นผู้ชายมาก่อน

    แต่เรื่องเสน่ห์ทางใจนี้ไม่เท่าไหร่เข้าใจได้ดี
    สรุปมันยังงั้ยกันแน่
     
  4. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    มาสว่าง ไปสว่าง ก็มี
    มาสว่าง ไปมืดก็มีมาก
    ของดีที่ได้ติดตัวมา ก็ใช้ในทางที่ชอบที่ควรเถิด
    รูปทรัพย์เป็นเพียงทรัพย์ภายนอก ใช้ไม่นานก็ต้องเสื่อมสลายไป
    อริยทรัพย์ต่างหากที่ควรสั่งสม
    โลภะ โทสะ โมหะ เป็นกิเลส อย่าไปหลงมัน จะเป็นทุกข์
    ในภายหลัง
    ที่พูดเพราะเคยหลงมาก่อน
     
  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ความงามภายนอกหาเทียบเท่าความงามที่เกิดขึ้นจากภายในจิตใจแม้แต่น้อยค่ะ รูปสวยรวยทรัพย์แต่ทำตัวไร้คุณค่า ย่อมไม่อาจเทียบเท่ารูปกายไม่สวยงามแต่จิตใจเต็มเปี่ยมด้วยคุณงามความดีอย่างแน่นอน
     
  6. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า
     
  7. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    แน่นอนครับผม
    ความงามที่เลอค่าที่สุด
    คืองามจากภายใน
    ถ้าคุณคิดบวก สำหรับผมก็คิดว่างามแล้ว
    แต่สำหรับกระทู้นี้ผม
    อยากจะอุทิศให้คนที่ คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเลย
    ไม่ศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวเอง
    หน้าตาก็ไม่ดี วาสนาบารมีก็สู้เขาไม่ได้
    แต่อยากจะให้ทุกคนทำดี พูดดี คิดดีกัน
    นั่นคือจุดประสงค์ของผม
    ขอให้ทุกคนพบเจอแต่คนจริงใจ มีแต่กัลยาณมิตรครับ


    [​IMG]
     
  8. แมงปอปีกดำ

    แมงปอปีกดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +379
    เคยสัมผัสกระแสเย็นๆ อบอุ่น เมตตา...เหมือนท่านเป็นพ่อของเรา
    อยู่ใกล้แล้วมีความสุขมากๆ
     
  9. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    สังเกตตัวเองแล้วรู้เลยว่ามักจะหลงเสน่ห์คนที่

    ความคิดมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไม่ท้อแท้ คือแม้พบอุปสรรคก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น

    เวลาอยู่ใกล้แล้ว รู้สึกดี

    อานุภาพของความคิดรุนแรงออกมาภายนอกจริงๆ

    อนุโมทนาบุญครับ
     
  10. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    อนุโมทนาสาธคะ...เฮ้ยเซิ่นหวัดดีจร้าหายไปไหนมาอะ
    ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ
     
  11. mashimo

    mashimo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +246
    ขออนุโมทนาด้วยน่ะค่ะที่ทุกคนกล่าวมาจริงหมดที่แน่นอนคืองามจากข้างในเสน่ห์จากมีคำพูดจากจริงใจมีน้ำใจงามก็มีเสน่ห์แล้วค่ะ
     
  12. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับ อยากสวยให้ถือศีล อยากรวยให้ทำทาน อยากปัญญาชาญให้ภาวนา สาธุ
     
  13. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    ความงามอยู่ที่รสนิยม
     
  14. chiwgim

    chiwgim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +308
    เอาง่ายๆนะครับ ยิ้มด้วยความทเต็มใจครับ มีเสน่จบครับ
    จะให้ดีสวดมนต์ก้ดีนะครับ ได้สมาธิ ได้บุญ
     
  15. xushukung

    xushukung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +465
    กระทู้ยาวมาก อ่านไม่หมด แต่ก็ได้สาระดี รวมถึงความเห็นของทุกท่านด้วยนะครับ อนุโมทนาครับ ขอให้มีเสน่ห์ทุกท่านครับ
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    กระทู้ดี มีสาระ น่าอ่านมั่กๆ (ปกติเป็นคนนิสัยแย่มากๆอ่ะ) จะเก็บไว้พัฒนาตัวเอง ขอบคุณจขกท...
     
  17. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    เดี๋ยวเช็คเรตติ้ง ก่อนค่ะ อ๋อ ได้รับอนุโมทนาร้อยกว่าครั้งแล้วค่ะ สงสัยเสน่ห์หลวงปู่ในรูป กิ้วๆ
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    สงสัย"ว่างจัด" ตลกปนน่ารัก ไร้พิษภัยแก่ผู้ใด ขออนุโมทนาท่านด้วยนะคะ"ท่านpimapinya"
     
  19. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ๕๕๕๕+ แอบฮา

    [​IMG]

    อย่าว่ากันนะครับ สาธุ
     
  20. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    เสน่ห์แผ่วเบา(f)catt3catt3catt3ขอตัวไปเช็คเรตติ้งกระทู้หน้าก่อนนะคะ โมทนาสาธุกับทุกท่านค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...