แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ขอบคุณครับ จะมาเล่าเรื่อยๆ ครับ

 

ฟังเรื่องจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำมา ท่านเล่าว่าท่านพบกรมหลวงชุมพร กรมหลวงชุมพรท่านเป็นเทวดาอยู่ชั้นสูงครับ คอยช่วยเหลือพวกเราอยู่ ท่านบอกต้องเชื่อมั่นในท่านหมั่นทำความดี ถ้าคนไม่ดีท่านก็จะไม่ช่วยไม่มีเทวดาองค์ไหนอยากช่วยคนไม่ดีครับ หลวงพ่อบอกว่ามีวิธีบนกรมหลวงชุมพรครับ..

 

ขอถามหน่อยครับพี่ๆเพื่อนๆทุกคน

ทำไมสมาชิกในเวปนี้(โดยส่วนมาก)จะไม่ค่อยโชว์หน้ากันอ่ะครับเป็นเพราะอะไร แต่ว่าเท่าที่ผมอยู่ และอ่านมาในไม่กี่กะทู้แต่จะรู้สึกได้ว่าทุกคนโดยส่วนมากจะมีน้ำใจไมตรีต่อกันเหลือเกิน เปรียบกับเวปอื่นๆที่ผมเคยเป็นสมาชิกที่ผ่านมา ผมว่ามันต่างกันจริงๆในเรื่องของหัวจิต หัวใจ แล้วพี่ๆเพื่อนๆมีความคิดเห็นว่าไงครับ

 

ใจผมก็อยากแสดงน่าตาครับ แต่ด้วยน่าตาอันหล่อไม่เหลาของผม จะทำให้ทุกท่านเปิดหน้าอื่นหนี้ไปกันหมดครับ อิอิ

 

สวัสดียามบ่ายค่ะ ทุกท่าน แวะมาชวนไปดูหนัง อุดหนุนหนังไทยกันนะคะ
วันนี้ไปดู " บุญชู 10 " ฝากคุยกันให้สนุกนะคะ เรื่อง ขาวๆพิมพ์นิยม หุๆๆ

 

โชแล้วครับ แต่หล่อแบบ 120m น่ะครับ เลยไม่กล่านำรูปชัดๆมาลง

 

เครื่องบนกรมหลวงชุมพร
1 ข้าวปากหม้อ
2 หมูต้ม 1/2 กก หรือถ้าไม่มีทุนมากก็ 1 ชิ้นใหญ่ๆหน่อย
3 ไก่ต้ม 1 ตัว หรือถ้าไม่มีทุนมากก็ 1 ชิ้นใหญ่ๆหน่อย
4 ทองหยิบ ฝอยทอง
5 ขนมจีนน้ำพริก

ช่วงเช้า
ต้องทำก่อน 8.10 น
ช่วงเย็น
ต้องทำก่อน 15.00 น

เรื่องเหล้ายาปลาปิ้ง ไม่ต้องนะครับ เพราะท่านกรมหลวงชุมพรอยู่ขั้นวิฬุน 6 ครับ

 

ท่องแดนพุทธภูมิ
คณะพระสงฆ์ที่ไปด้วยคราวนี้ มีพระผู้ใหญ่ไปด้วย คือ รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น นับว่าเป็นบุญของคณะผมมาก ทางอินเดียจึงได้ส่ง พระมหาบุญมี ซึ่งท่านเป็นชาวมหาสารคาม มาเป็นไกด์ เพื่อให้ความรู้ตลอดเส้นทาง รวมทั้งพาทำพิธี และการกล่าวคำอธิษฐานแต่ละสถานที่ ท่านนำอธิษฐานแบบไม่เคยได้ยินมาก่อน ท่านพระมหาบุญมีท่านตัวเล็กๆ แต่พูดเก่งมาก ทั้งตลกหัวเราะกันตลอดทาง ท่านกำลังมาเรียนต่อปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาที่พาราณสี
สิ่งประทับใจต่อมาก็คือ การต้องนั่งรถนานๆ ในแต่ละวัน ต้องอาศรัยการสวดมนต์ ตลอดเส้นทาง พอล้อเคลื่อนก็สวดมนต์กัน บางครั้งก็มีการเทศน์แหล่ พอดีมีพระที่ท่านเป็นนักแหล่ไปด้วย เท่ากับว่าได้สวดมนต์กันเกือบทั้งวัน
ต่อไปก็คือ วัดไทยที่ไปพัก เหมือนอยู่บ้านตัวเอง แต่ละแห่งท่านเตรียมไว้เพื่อคนไทยที่จะไปแสวงบุญจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ ราชคฤห์ ไพศาลี(เวสาลี) กุสินารา ลุมพินีวัน พาราณสี ท่านทำไว้ยังกะโรงแรม บางแห่งก็ติดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ด้วย ท่านมีคนทำอาหารไทยไห้ด้วย แต่พวกเราก็ช่วยกันทอดผ้าป่าทุกวัดเพื่อตอบแทนช่วยเหลือท่าน เพราะที่อินเดียท่านไม่สามารถเดินบิณฑบาตรได้อย่างเมืองไทย ภาระกิจของท่านทุกแห่ง คือ ได้รับมอบหมายให้นำพุทธศาสนากลับไปเผยแผ่ให้เจริญรุ่งเรืองยังถิ่นกำเนิดให้มากที่สุด ซึ่งเป็นภาระใหญ่มาก เนื่องจากอินเดีย มีคนนับถือศานาใหญ่ๆ 2 ศาสนา คือ ฮิสดู กับ อิสลาม จากการพูดคุยกะพระเดชพระคุณที่อยู่ในอินเดียนั้น ท่านว่า เป็นงานหนักเพราะคนอินเดีย ชอบบูชามากกว่าปฏิบัติแบบบ้านเรา ชาวพุทธในอินเดียตอนนี้เริ่มมีมากขึ้น เหตุผลเพื่อยกฐานะวรรณของตนเองมากกว่าทำให้มีโอกาสทางสังคมมากขึ้น เนื่องจากพุทธศาสนาไม่กีดกันเรื่องวรรณะ แต่คนที่เป็นพุทธแล้ว ก็นิยมบูชาด้วยดอกไม้ ของหอม เหมือนบูชาเทพเจ้าทั่วไปเหมือนเดิม ที่เวสาลี ท่านก็ไปหาเด็กชายชาวพุทธในอินเดียมาบวชเณร สวดมนต์แบบไทย เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ไว้ในอนาคต เด็กแขกบวชเณรดูแล้วน่ารักดี
วัดไทยที่กุสินารา (สถานที่ปรินิพพาน)ใหญ่มาก เพราะองค์ในหลวงท่านให้การอุปถัม และสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่นั่น ส่วนที่ลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล(สถานที่ประสูตร) ก็สวยงามร่มรื่น
ที่เมืองสาวัตถี มีสถานที่สำคัญคือ วัดเชตวันวิหาร เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าจำพรรษานานที่สุด และเมืองสาวัตถีเก่าซึ่งยังมีบ้านของอานาบิณฑกเศรษฐีผู้สร้างวัดเชตวัน และบ้านองค์คุลีมาร อยู่เป็นหลักฐาน คณะผมไม่ได้ไปนอนวัดไทย เนื่องจากมีคนพักเต็มก่อนแล้ว เลยต้องไปนอนวัดพม่า ก็เป็นประสบการณ์อีกแบบ เพราะต้องกินอาหารพม่า ซึ่งมีกลิ่นแปลกๆ พอกินได้

 

ท่องแดนพุทธภูมิ...ต้องร้องให้

ในบรรดา สังเวลนียสถานนั้น มีอยู่แห่งเดียวที่ผมต้อง ร้องให้ คือที่ปรินิพพาน เมืองกุสินารา พอลงรถด้านนอกพวกเราต้องเดินเท้าเปล่าเข้าไป ไกด์ให้เข้าแถวเรียงหนึ่งเดินตามกันไป พร้อมกับสวด อิติปิโส...ภควา พอเข้าไปถึงตัวสถูปต้องต้องเวียนทักษินาวัตร เพื่อทำการสักการะด้านนอกก่อน พอเดินได้ 2-3 ก้าว ก็เกิดปีติมาก ขนลุกขนชันไปหมด แล้วก็เกิดความสลดใจ ว่าตรงนี้เองที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านปรินิพพาน เหมือนว่าท่านยงอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็สะอึกสะอื้น กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เดินต่อก็ไม่ไหว ต้องออกมายืนพิงกำแพงร้องให้ ผมก็สังเกตเห็นหลายคนมีอาการเช่นเดียวกัน ไม่ใช่แต่โยมพระก็เช่นกัน แต่ต่างคนต่างเป็นพูดไม่ออกเลย
จากนั้นก็เข้าไปกราบพระบาทท่านในสถูปเจดีย์ สวดมนต์แล้ห่มผ้าถวายเป็นพุทธบูชา

 

พระคุ้มครอง

ขอให้เดินทางไป-กลับด้วยความปลอดภัยน่ะครับ

 

ความรู้สึกลึกๆ

ความรู้สึกแบบนี้เหมือนผมรู้สึกกับแม่ผมเลยครับ มันพูดอะไรไม่ออก(แต่ว่าแม่ผมท่านยังมีชีวิตอยู่แต่ว่านึกถึงทีไรตื้นตันใจทุกที)

 

ท่องแดนพุทธภูมิ พุทธคยา
สถานที่สุดท้าย ที่ทัวร์พาไปก่อนกลับบ้านเรา คือ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ใต้โพธิบัลลังก์ และเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธเมตตา ที่นี่ผู้คนจะมาอยู่นานเพื่อปฏิบัติก็มี และมามากกว่าที่อื่นๆ จะพบชาวพุทธหลายประเทศทางบ้านเรา รวมทั้งพระสงค์ที่แต่งเครื่องแบบแปลกๆ เยอะมาก เดินสวนกันอยู่ตลอด
ในบรรดาพระจากประเทศต่างๆ จะมีพิเศษกว่าใคร คือ พระจากธิเบต เพราะท่านจะเอาสเก๊ตบอร์ตมาด้วย (ที่รองกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ ดูแล้วคล้ายๆ สเก๊ตบอร์ด) กราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ ผมเรียก หมอบรายคาบแก้ว คือนอนคว่ำทั้งตัว พวกที่นั่งเข้าญานนิ่งๆ ทั้งวันก็มี พวกที่กราบแบบหมอบราบคาบแก้วทั้งวันก็มี ดูแล้วน่าจะแข็งแรงมาก กล้ามเป็นมัดๆ เหมือนเล่น โยคะเลย
ที่นี่คนจะวนเวียนเข้าออกทั้งวัน เพื่อมากราบสักการะ แต่เขามีเวลาปิดเปิด คือ เปิด 6 โมงเช้า ปิด 6 โมงเย็น(ถ้าจำไม่ผิด) ถ้าใครจะอยู่ปฏิบัติทั้งคืน ต้องลงทะเบียน 80 รูปี กลางคืนมียามเดินรักษาความปลอดภัย
และที่นี่ผมและเพือ่นๆ 5 คน พระ 5 รูป ได้ตั้งใจปฏิบัติบูชา 1 คืน โดยอธิษฐานไม่นอน บังเอิญว่ากลางคืน ส่วนใหญ่มีแต่คนไทย พระไทยเท่านั้นที่อยู่ปฏิบัติไม่เจอพระหรือคนชาติอื่น คนเลยไม่มาก พระท่านก็มีกลดมา โยมอีก 3 คน เขาไปยืม มุ้งกลดจากวัดไทย มา ผมกะเพือ่นไม่รู้ว่าเขาไปยืม เลยไม่มีอะไร ตัวเปล่าๆ ชุดชาว ถุงเท้ากันหนาว เสื้อขาวใน แจ๊คเก๊ต ผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน กย 15 อีก 1 ขวด คิดว่าน่าจะเอาอยู่ แต่คาดผิดถนัด.....ยุงตัวโตๆ เยอะมาก ทายาก็ไม่กลัว เอาผ้ามาคลุมหัวนั่งสมาธิมันก็หาทางเข้ากัดจนได้ เพื่อนผมเขาสมาธิดี เขานั่งแบบไม่รู้สึกตัวได้ คือ เข้าณาน ส่วนผมไม่ไหว เลยต้องเดินจงกรมใต้ต้นโพธิ์เป็นระยะ ต้องเดินแบบเร็วๆ พุทโธ ๆๆๆๆๆ เมือ่ยก็มานั่ง หายเหนื่อยก็เดินไม่งั้นมันต้องศีลขาดแน่
เลยกลายเป็นว่าผมเดินจงกรมไป เก็บใบโพธิ์ที่ร่วงลงมาทั้งคืน ได้มาแจกเพือ่นๆ ที่ทำงาน
พระท่านเป็นห่วง เห็นเดินตลอดท่านมาถามว่าไหวไม๊ ไม่ไหวให้นั่ง ผมบอกว่าไหวครับ (ไม่ไหวได้ไง ถ้านั่งผิดศีลแน่)
พอตี 5 พระท่านนำทำวัตรเช้า แล้วเดินกลับที่พัก (2 คืนสุดท้ายทัวร์เขาพานอนโรงแรม เอาแรงหลังนั่งรถมา 8 วัน) ถึงที่พัก หลับเป็นตายไปตื่นเอาบ่ายโมง
ที่นี่นับว่าคุ้มค่าที่สุดในชีวิต ครับ

 

ไม่เกี่ยวเลยครับ

ผมว่ามีรูปไม่มีรูปก็ไม่สำคัญหรอกครับ หากแต่เรามองกันที่ภายในจิตใจของกัน และกัน ซึ่งมันจะดูเป็นมิตรภาพมากกว่าครับ

 

เท่ห์มากครับ

ผมว่าหล่อ 120M ของพี่พุทธิวงษ์ ก็เท่ห์ไม่เบาครับท่าทาง เดินหล่อแบบด้วยใจ หัวสีแดงดวงโตเชียวครับ

 

ท่องแดนพุทธภูมิ....ตอนจบ
ตลอดเวลาที่อยู่อินเดียนั้น ผมคล้อง สมเด็จประทานพร หลวงปู่ดู่องค์เดียว เพราะตั้งใจว่า จะอัญเชิญบารมีท่านหลวงปู่ทวดหลวงปู่ดู่ ไปแผ่ภพภูมิทุกแห่ง ผมใช้ทั้งกำสวดมนต์ในรถ สวดมนต์ตามที่พัก แผ่เมตตาตามสังเวชนียสถานต่างๆ ทั้งวันที่ปฏิบัติใต้ต้นโพธิ์ ขอพลังพระพุทธองค์เพิ่มเติมไปทุกแห่งด้วย ....หลังจากกลับเมืองไทยแล้ว ปลายปีผมได้คล้องพระองค์นี้ไปงาน สัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ กทม. และได้ถ่ายภาพออร่า ที่บู๊ท หลวงพ่อโลกทิพย์ ก่อนถ่ายก็ทำใจสงบนึกถึงหลวงปู่ดู่ ขอท่านว่าขอชมภาพออร่าจากพระท่านด้วย ภาพที่ออกมา ดังรูปครับ นี่แหละ หลวงปู่ดู่ท่านว่า พระของท่านทำไว้ให้ทุกอย่าง สีสันมีทุกสีครับ....ใครดูแสงออร่าเป็นก็ลองวิเคราะห์ให้เป็นวิทยาทานด้วย จะขอบคุณมาก

.....ผมตั้งใจว่า จะร่วมรายการกับคุณหนุ่ม และ เพือ่นๆหลายท่าน...มอบพระสมเด็จประทานพรองค์นี้ ให้ท่านที่เล่าเรื่องแม่ตามกติกาของคุณหนุ่ม...และให้คุณหนุ่มช่วยตัดสินมาให้ 1 ท่าน ด้วยครับ ถ้าไม่เป็นรบกวนเกินไป ผมจะจัดส่งให้ผู้โชคดีต่อไป (ไม่รวมสร้อยนะครับ...ทองแพง มีกะเขาเส้นเดียวครับ)

 

ดูขลังมากครับ

ดูสวย และดูมีมนต์ขลังมากครับของแบบนี้เป็นบุญตายิ่งนัก

 

ผมขอมอบพระผงจักรพรรดิ์พระเหนือพรหมเพิ่มอีกจำนวน 21 องค์และลูกแก้วจักรพรรดิ์มณีนพรัตน์ของหลวงตาม้าจำนวน 26 ลูกสำหรับใช้กำสมาธิหรือใช้วางปรับภพภูมิ ผมขอทราบที่อยู่ในการส่งพระผมจะไปต่างจังหวัด( จ.ตรัง )หลายวันและยังไม่ทราบวันกลับ ต้องไปเยียมคุณแม่ซึ่งป่วย และหลานผมเป็นเนื้องอกในสมองตอนนี้ผ่าตัดเรียบร้อยและปลอดภัยครับ ผมจะเดินทางวันจันทร์นี้ครับ รบกวนช่วยpm ที่อยู่ให้ผมด้วยจะได้จัดส่งวันจันทร์ที่ 9 ส.ค.นี้เลย
ขอบคุณครับ

 

จิตใจดีมีเมตตรา

ขออนุโมธนาสาธุครับ คุณอภิรัตน์