แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. chanayut

    chanayut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +1,671
    ผมขอรบกวนพี่หนุ่มด้วยคนนะครับ
    ผมเกิดวันเสาร์ เดือนเมษายน ปีจอครับ ผมธาตุไฟใช่ไหมครับ ผมจะจัดชุดพระที่บูชาติดตัวอย่างไรครับผมขอคำแนะนำด้วยครับ ที่ผมจัดเอง มีเหรียญเปิดโลกเนื้อตะกั่ว เหรียญเศรษฐีเหรียญหมุนเงินหมุนทอง พระผงดวงเศรษฐี เหรียญจั๊บโป้ยหล่อฮั่นรุ่น2 มี 5 องค์ครับ กับตระกรุดไม้คูณและแหวนรุ่น2 ของหลวงปู่หมุน ขาดเหลือหรือเพิ่มเติมอย่างไรดีครับ
    พระที่ผมสะสมบางส่วน มี
    หลวงปู่ดู่ - เหรียญเปิดโลกเนื้อตะกั่ว-พระเหนือพรหมเนื้อดินเผา-เหรียญเศรษฐี-สมเด็จเนื้อโขลก-พระนาคปรกนิรันตราย-สังกัจจายรับทรัพย์-แหวนปี24

    หลวงปู่หมุน - เหรียญหมุนเงินหมุนทอง-นารายณ์ทรงครุฑ-รูปหล่อรวยทันใจ-เหรียญโภคทรัพย์-เหรียญพรหมจักรพรรดิ-แหวนรุ่น2-ตระกรุดไม้คูณ

    หลวงปู่สี-เหรียญมหาลาภ-เหรียญขวัญถุง-ปิดตานะมิ-ลูกอมจีวรหมาก

    หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน - เหรียญธรรมสภาตะกั่ว

    สมเด็จแหวกม่าน มีของหลวงพ่อทรง กับ หลวงปู่หงษ์ เนื้อผง ,พระคำข้าวคำหมาก พระผงรุ่นจตุรพรครูบากองแก้ว
    พระหลวงพ่อผาง หลายรุ่นที่สะสมเคยอ่านหนังสือ เป็นพระโฉลกแต่ไม่เคยบูชาติดตัวครับ

    ผมขอคำแนะนำจะได้จัดเข้าชุดเพื่อบูชาติดตัว เป็นพระคู่ชีวิตครับ



     
  2. เด็กมือใหม่

    เด็กมือใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,476
    เเล้วธันวาคม มะเส็ง วันอาทิตย์ 2532 ควรห้อยพระอะไรดีครับ

    ขอบพระคุณครับ
     
  3. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ดึกแล้วผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรม ชมรมคนรักพี่หนุ่มเมืองแกลง ทุกๆท่านราตรีสวัสดิ์ครับ
     
  4. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    สวัสดีครับ ขอต้อนรับกลับครับปู่หนุ่ม ผมเพิ่งได้มาอ่าน รู้สึกดีมาก แต่ขอร้องอย่าลบกระทู้นี้เลยครับ บางหน้าผมยังไม่ได้อ่าน ถึงอ่านก็ยังไม่ได้พิจารณา ทั้งกระทู้นี้และผู้สร้างคือปู่หนุ่มเป็นของมีค่ามาก อย่าให้มันหายไปเลยครับ เผื่อคนที่เค้ายังไม่ได้พบเจอจะได้มาอ่านได้อีกยาวๆ นานๆ เพื่อส่วนรวมต่อไปนะครับ ผมขอครับ
     
  5. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    สวัสดีครับทุกคน

    6โมงเช่ากว่าๆผมยังไม่ได้นอนครับ นั่งคิดไปคิดมาเรื่อง ของที่มีอยู่และอยากเอามาห้อยติดตัว เลยลองไปค้นหา ลูกอม(ไม่ใช่ขนมนะครับ) หามาได้ที่มีอยู่ 4 ลูก เป็นลูกอมของ หลวงพ่อผินะ วัดพระสนมลาว ครับ นั่งดูไปดูมาจับไปจับมา ที่นี่เพ่งครับ มือขวาจับลูกอม เพ่งจิตแบบสบายๆที่ลูกอม ภาวนา นะเตสุเต ตามลมหายใจ ไปเรื่อยๆ . . . ครับ ไม่มีอะไรอะเกิดขึ้นเลยครับ ^^"
    ถึงเกิดจริงก็เล่าเป็นคำพูดไม่ได้ครับ เรื่องของจิต ต้องลองทำเองครับ เดี๋ยวก็รู้เอง แต่ผมยังไม่รู้ครับ ที่รู้คือเป็นเรื่องจริงครับ ของหลวงพ่อผินะ (เอาที่ท่านปลุกเสกจริงๆ ไม่ใช่ของเสริมที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน พร้อมนิทานอะไรก็ไม่รู้) ทั้งหมดเป็นของดีมากและไม่ธรรมดาเลยครับ เป็นของที่เย็นๆ ท่านเสกไว้แบบเย็นๆ สบายๆ ท่านเป็นพระผู้ที่มีจิตที่ไม่ธรรมดาเลยครับ เท่าที่อ่านจากประวัติของท่านและปฏิปทาของท่าน ข้อธรรมท่านลึกจริงๆครับ วัตถุมงคลของท่าน ถ้าไม่เชี่ยวชาญจริงๆไม่แนะนำให้หามาบูชา เพราะอาจได้ของเสริม หรือไม่ก็เก๊ไปเลย ถึงแท้ก็มีราคาแพงมาก แต่ถ้าศรัทธาท่าน ให้ท่องคาถาของท่านระลึกถึงท่าน แล้วเมื่อปฏิบัติธรรม หรือ ทำบุญทุกครั้ง ให้นำบุญกุศลนั้นยกขึ้นบูชาท่านด้วยก็จะดีมากครับ

    ขอแนะนำนิดนึงสำหรับใครที่ชอบนั่งภาวนาสมาธิ ให้ลองภาวนาว่า มะ อะ อุ อุ อะ มะ ดูนะครับ ผมใช้เป็นประจำภาวนาตามที่หลวงปู่หมุน วัดบ้านจานท่านสอนเอาไว้ เพียงแต่ไม่ได้นับลูกประคำ แต่ใช้กับลมหายใจเข้าออก ใช้ได้ดีเลยทีเดียวครับ ผมศรัทธาหลวงปู่หมุนทั้งๆที่ไม่เคยเจอท่านเลยสักครั้งในชีวิตและเพิ่งมารู้จักท่านก็ 7 ปีให้หลังจากที่ท่านได้ละสังขารไปแล้ว เป็นเด็กปลายแถวว่างั้นเห๊อะ เหตุผลไม่มีครับ แล้วไม่ค่อยจะได้ตามกระแสกับเขาสักเท่าไหร่ อย่าคิดว่าผมจะมีพระหลวงปู่เยอะนะครับ ไม่ใช่เลยครับ ขอบอกเลยว่าน้อย พอใช้ได้ครับ ราคาไม่แพงเช่าพระหลวงปู่ไม่เคยเกินองค์ละสองพันบาท ส่วนใหญ่หลักร้อยทั้งนั้น ไม่มีของเลิศเลอเหมือนกับคนอื่นก็จริง แต่ไม่น้อยใจครับเพราะผมมีของดีที่เลิศกว่ารุ่นนิยมของท่านมากแต่คนไม่ค่อยนิยมครับและส่วนใหญ่มักจะมองข้ามกันไปด้วยซ้ำ ของดีหลักเกินแสนเกินล้านนี้ไม่มีชื่อรุ่นไม่มีเนื้อไหนพิมพ์ไหนไม่มีต๊อกโค๊ตและกล่องเดิมจากวัดคือ คำภาวนาที่ท่านสอนไว้ว่า มะ อะ อุ อุ อะ มะ นี้แหละที่ชัวร์ที่สุด แค่อ่านอย่าเพิ่งเชื่อนะ ลองน้อมนำคำท่านไปปฏิบัติดูแต่ไม่ต้องมาบอกผมนะ รู้ตัวเองไว้ก็พอ ใครทำใครได้ ไม่มีฝากทำให้ เหมือนกินข้าว กินเองก็อิ่มเอง ฝากคนอื่นกินมันคงจะอิ่มหรอกนะ แล้วจะมาพร่ำต่อนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  6. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับ พี่หนุ่มพี่ๆทุกท่าน ขอนำบทความมาฝากครับ

    ท่องคาถาอย่างมีคุณภาพเท่าไหร่ ยิ่งให้ผลมากเท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    ถาม : เรื่องเกี่ยวกับคาถาสมัยก่อน....?

    ตอบ: สมัยนี้ก็ขลัง สำคัญว่าโยมทำจริงมั้ย ? เรื่องของเวทย์มนต์คาถามันเป็นบาทของอภิญญา คนจะทำอภิญญาต้องเป็นคนเด็ดขาด จริงจัง สม่ำเสมอ ไม่ย่อท้อ สมัยนี้บอกให้ไปท่องคาถา หลวงพ่อท่านมีคาถาอยู่บท เรียกว่า คาถาเงินล้าน ถ้าหากว่าใครท่องจะรวย ท่านบอกว่าอย่างน้อยให้ท่อง ๗ จบ ๙ จบ โยมหลายคนมาบ่น บอกอยากจะรวย ถามว่ารู้จักคาถาเงินล้านมั้ย ? รู้...แล้วเคยท่องมั้ย ? เคย ท่องวันละกี่จบ ? หนึ่งจบ มันน่ารวยอยู่หรอก อาตมาบอกไปท่องไม่ต้องมาก วันละ ๑๐๘ หรือ ๓๐๐ จบก็ได้ เขาถามแล้วอาจารย์เคยท่องวันละกี่จบ ? บอกเคยท่องสูงสุดประมาณ ๑,๒๐๐ มันหมดวันซะก่อน คือ ท่องกันแบบเอาคุณภาพ ไปช้าๆ อย่ารีบ เหมือนกับกินข้าว ค่อยๆ เคี้ยวหน่อย เอาคุณภาพ ว่าไปเรื่อยๆ สบายๆ ใจไม่ต้องไปนึกอะไร คิดว่าเราทำเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ของที่ดีที่สุดที่ครูบาอาจารย์ให้มา หน้าที่ของเราคือท่องบ่นเป็นการรักษาไว้ ถ้าเราทำอย่างแบบนี้ จริงจัง สม่ำเสมอ ไประยะหนึ่ง ผลที่มันสะสมตัวมามันจะเริ่มเกิดมันก็จะส่งให้ จุดที่คาถาให้ผลจริงๆ ก็คือ กำลังใจของเราที่เป็นสมาธิ ยิ่งท่องเป็นสมาธิสูงเท่าไหร่ คาถายิ่งให้ผลมากเท่านั้น

    สมัยก่อนเขาท่องกันจริงจังสม่ำเสมอ อาตมาเคยรู้จักอดีตโจรคนหนึ่ง แก่มากแล้ว เรียกแกว่า ลุง ถามว่าสมัยของลุงทำไมมันหนังเหนียวกันเยอะแท้ สมัยของพวกผมไม่เห็นได้อย่างลุงเลย บอกไอ้หนูลุงถึงจะเป็นโจร แต่ถ้าหากว่ารู้ตัวเมื่อไหร่ต้องรีบภาวนา เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าทรัพย์จะฆ่าเราหรือเปล่า ? ไม่รู้ว่าตำรวจจะยิงเราหรือเปล่า ? ว่างเมื่อไหร่ต้องภาวนา โอ้โห...ยิ่งกว่าพระอีก เพราะฉะนั้นเขาทำกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ และพวกนี้เขามีสัจจะ คำว่ามีสัจจะ อย่างโจรสมัยก่อนไปปล้น เขามีสัจจะอยู่ ถ้าหากว่าเป็นของที่เขาใช้อยู่จะไม่เอา เอาเฉพาะของที่เขาเก็บ เป็นของที่เขาเก็บก็จะไม่เอาหมด เอาครึ่งหนึ่ง เอาหนึ่งในสาม อะไรอย่างนี้ ถ้าหากเป็นของทำบุญนี่ จะไม่แตะต้องเลย

    อาตมาอยู่นครปฐม มีโจรดังอยู่คนหนึ่ง คือ เสือผาด ทับสายทอง วันนั้นแกตั้งใจจะไปปล้นโรงสี ปักป้ายล่วงหน้าไว้ ๗ วัน ถึงวันนั้นฉันไปปล้นแน่ ถ้าอยากจะสบายๆ ก็เก็บเงินเก็บทองใส่กำปั่นรอไว้ ถึงเวลาไปหิ้วเสร็จ ก็จะไปเลย ไม่รบกวนอะไร ถ้าคิดจะสู้ ก็ไปหาคนมา ไปแจ้งตำรวจมาจะได้ฟัดกัน ปรากฏว่าเข้าไปถึงในงาน เถ้าแก่โรงสีกำลังบวชลูกชายอยู่ เสือผาดแทนที่จะได้สตางค์ ต้องควักตัวเองไป ๘๐๐ ไปให้เขา ถ้าทำบุญอยู่เขาไม่ยุ่งเลย แล้วอีกอย่างถ้าไปบ้านไหน เขาเคยให้ข้าวให้น้ำกิน เขาถือเป็นผู้มีบุญคุณ ให้อาหารเป็นการต่อชีวิต เขาจะไม่รบกวนบ้านนั้นอีกเลย

    สมัยนี้ไม่มีหรอก มันปล้นกระทั่งพ่อแม่ตัวเอง ข่าวหนังสือพิมพ์ ดูหรือเปล่า มันเป็นสายให้เขาไปปล้น ให้เขาไปขโมยบ้านตัวเองก็มี ในเมื่อไม่มีความจริงจัง ความสม่ำเสมอ ขาดสัจจะ เรื่องเหล่านี้ทำไป ก็ไม่มีผล สมัยก่อนสัจจะเขามี ครูบาอาจารย์ห้ามอะไรเขาจะทำตามนั้น ห้ามด่าแม่คนอื่น ห้ามลอดราวผ้า ลอดใต้ถุนบ้าน เขาทำกันอย่างนั้นเลย
    ปัจจุบันอาตมาก็เจอหลายคน เดินๆ ไป เห็นเขามองโน่นมองนี่ เลยถามว่าทำไม ? ระวังอยู่ กลัวจะไปลอดอะไรเข้า ถ้าอย่างนั้นเอ็งไม่ต้องเข้ากรุงเพท เข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ สะพานลอยเพียบ (หัวเราะ) เดี๋ยวมันก็ลอดจนได้ ทำให้จริง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของคนจริง ต้องทำจริงจัง แล้วจะมีผล ส่วนใหญ่ไปทำๆ ทิ้งๆ ยังไม่ทันจะเกิดผลก็ท้อเสียก่อน

    ถาม : มันเกี่ยวกับคนสมัยก่อนเป็นคนดีหรือเปล่า เพราะว่าคนสมัยก่อนเวลาว่างเขาเยอะ และการทำมาหากินเขาก็ไม่เบียดเบียนคนอื่น สมัยนี้ต่างคนต่างเบียดเบียนกัน ?

    ตอบ: ความรัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า เพราะแรงกระตุ้นมากกว่า สมัยก่อนคนอยู่ใกล้ชิดวัด อยู่ในศีลในธรรม รุ่นของอาตมาถึงแม้จะไม่ถึงรุ่นของโยม แต่อาตมาก็ยังทันในยุคที่โรงเรียนปิดวันโกน วันพระ แล้วสมัยนี้มีซะที่ไหน อาตมาขึ้นชั้น ป.๓ ต้องไปไล่ถามพี่สาวตลอดว่าเมื่อไหร่จะวันอาทิตย์ ไม่รู้จักจริงๆ เสาร์-อาทิตย์ มันเป็นยังไงเพราะของเราใช้ ขึ้น-แรม ปิดวันโกน-วันพระมาตลอด โรงเรียนก็คือวัด วัดก็คือโรงเรียน นักเรียนคลุกอยู่กับวัดตลอด ทันทีที่เขาแยกวัดออกจากโรงเรียน ความบรรลัยก็เริ่มเข้ามาตอนนั้น


    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
    http://palungjit.org/threads/ท่องคาถาอย่างมีคุณภาพเท่าไหร่-ยิ่งให้ผลมากเท่านั้น.246060/


    องคุลีมาล

    วันนี้ เฟื่องฟ้าจะเขียนเรื่อง องคุลีมาล โดยเป็นบทกลอน
    และตั้งใจ จะให้เป็ภาพการ์ตูน เมื่อเขียนเสร็จแล้ว โดยจะให้ลุงบูลย์เป็นผู้วาด ลุงรับปากนะ



    [​IMG]


    องคุลีมาล

    คนชั่วช้า แต่สำนึก ระลึกรู้
    น่าเชิดชู ควรอภัย ไม่เหยียบย่ำ
    ซ้ำเพียรบุญ สร้างกุศล เร่งพ้นกรรม
    ย่อมเลิศล้ำ ไปสู่แคว้น แดนวิมาน

    ที่นคร สาวัตถี มีเรื่องเล่า
    เป็นเรื่องเก่า เขียนไว้ดี มีหลักฐาน
    ณ คืนหนึ่ง มีแสงไฟ ใหญ่ตระการ
    ที่ในบ้าน ของหญิงหนึ่ง ( นางมันตานี ) ซึ่งตั้งครรภ์

    แสงสว่าง แผ่รังสี ที่ยิ่งใหญ่
    ส่องไปไกล มองเห็น เป็นชั้นๆ
    ประเดี๋ยวเดียว เด็กก็คลอด ปลอดภัยพลัน
    เป็นเด็กชาย ผิวพรรณ วรรณะงาม

    ผู้บิดา ซึ่งเป็นพราหมณ์ ตามประคบ
    เข้าสมทบ ลูบไล้ สุดใจห้าม
    ณ บนฟ้า มีเสียงร้อง ก้องคำราม
    ดูฤกษ์ยาม คืนนี้ มิมีคุณ

    เป็นฤกษ์โจร โหรทำนาย ทายว่าแย่
    จะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ มีแต่วุ่น
    มิอาจหวัง ได้อาศัย พึ่งใบบุญ
    ด้วยบาปหนุน มาแต่ก่อน ย้อนกลับคืน

    ผู้บิดา นอนตรึก นึกเรื่องนี้
    ทำไงดี แสนอึดอัด ยากขัดขืน
    ดั่งดวงใจ โดนสุม รุมด้วยฟืน
    ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้า เข้าสู่วัง

    เพื่อเข้าเฝ้า พระราชา ปรึกษาท่าน
    ค่อยๆคลาน ก้มผ่าน ม่านด้านหลัง
    พระราชา นั่งติดห้อง ท้องพระคลัง
    กล่าวเสียงดัง มีอะไร ให้ช่วยฤา

    ขอย้อนเล่า เรื่องราว คร่าวๆก่อน
    อันบิดร เด็กน้อยนั่น นั้นมีชื่อ
    พราหมณ์คัคคะ เป็นคนดี มีฝีมือ
    ที่เลื่องลือ คือดูฤกษ์ ได้เกริกไกร...

    ...พระราชา ตะโกนย้ำ ซ้ำสองหน
    พราหมณ์คัคคะ ร้อนรน ปนหมองไหม้
    แล้วเล่าเรื่อง เด็กที่เกิด เปิดความนัย
    ว่าเด็กน้อย คือภัย ในแผ่นดิน

    ขอพระองค์ จงจับตัว ปลิดหัวเด็ก
    มหาดเล็ก นั่งอยู่ใกล้ ใจแทบสิ้น
    พราหมณ์คัคคะ กล่าววาจา น้ำตาริน
    พระราชา ได้ยิน ผินพักต์เมิน

    ช้าก่อนหนา ท่านพราหมณ์ ขอถามก่อน
    อย่าใจร้อน อย่ามองแต่ แค่ผิวเผิน
    สิ่งที่เกิด อาจจะเป็น เช่นบังเอิญ
    ข้าขอเชิญ ท่านจงนั่ง ตั้งใจฟัง

    เจ้าจงเลี้ยง ลูกไว้ อย่าไกลห่าง
    อย่าละวาง จำไว้หนา ที่ข้าสั่ง
    ฟังดีๆ แต่นี้ไป ให้ระวัง
    อย่าเผลอพลั้ง ปล่อยไปไหน จนไกลตา

    เมื่อได้ยิน เช่นนั้น พราหมณ์หันกลับ
    ไหว้คำนับ เดินลง ที่ตรงท่า
    พายเรือออก เคลื่อนไป ในคงคา
    เสียงเด็กน้อย ร้องจ้า ท้องฟ้าดำ

    พราหมณ์คัคคะ เกิดโทสะ จะโยนทิ้ง
    เสียงร้องนิ่ง ฝนโปรยหล่น จนชุ่มฉ่ำ
    เริ่มคิดได้ ไม่อยากก่อ ต่อเวรกรรม
    ฝนพรำๆ หยุดสนิท จิตเริ่มเย็น

    แล้วจากนั้น ก้มลงจูบ ลูบใบหน้า
    พลันน้ำตา รินไหล หัวใจเต้น
    ต่อนี้ไป ข้าจะขอ ก่อบำเพ็ญ
    ให้เฉกเช่น พระสงฆ์ องค์สัมมา

    ข้าขอตั้ง ชื่อเจ้าไว้ ให้ดียิ่ง
    คืออหิง สกะ นะลูกข้า
    จะเลี้ยงเจ้า ด้วยจิตใจ ให้เมตตา
    ตามคำสั่ง พระราชา ข้าสาบาน

    ( นาง )มันตานี ผู้เป็นแม่ ชะแง้ชะเง้อ
    หัวใจเธอ คละคลุ้ง ด้วยฟุ้งซ่าน
    นั่งเหม่อมอง เฝ้าดู อยู่นอกชาน
    ดุจไฟผลาญ ในหัวใจ แทบไหม้จุล

    พราหมณ์ คัคคะ ขึ้นสู่ฝั่ง ทางหลังบ้าน
    ผ่านต้นตาล และต้นไทร เข้าใต้ถุน
    มันตานี ร้องไห้โฮ โถพ่อคุณ
    จับเด็กน้อย วางตักอุ่น ให้หนุนนอน

    อหิงสกะ เป็นเด็กเรียนดี.....

    อหิงสกะ มาะนะเรียน เพียรหมั่นสู้
    ช่างเรียนรู้ จดจำ ทุกคำสอน
    เป็นศิษย์รัก ที่ครูเกื้อ เอื้ออาทร
    ทุกขั้นตอน ครูสอนให้ ไม่ปิดบัง ...เฟื่องฟ้า

    ต่อจากตอน ๑

    [​IMG]


    อหิงสกะ เรียนรู้ สู้ศึกษา
    ที่ตักศิลา ครูชอบใจ ไม่ผิดหวัง
    แต่เพื่อนฝูง กลับรู้สึก นึกชิงชัง
    เพราะทำตัว ดุจดั่ง ดังกว่าใคร

    เพื่อนทุกคน จึงรวมหัว คอยยั่วเย้า
    บ้างกระเซ้า กล่าววาจา ด้วยสาไถย
    ไปหลอกครู อหิงสกะ จะคิดไกล
    หวังเป็นใหญ่ คิดคด กบฏครู

    ครูทิศา ปาโมกข์ แสนโศกเศร้า
    โอ้ศิษย์เรา ใยบัดซบ คิดลบหลู่
    นึกว่าศิษย์ นั้นจะ กตัญญู
    น่าอดสู ที่หลงคิด ดูผิดไป

    ด้วยแรงยุ ของพวกศิษย์ คิดอิจฉา
    ครูทิศา จึงมีจิต คิดผลักไส
    หวังกำจัด อหิงสกะ ให้สะใจ
    จึงวางแผน เตรียมใช้ ให้ไปตาย


    อหิงสกะ ไม่รู้ตัว เพื่อนชั่วแกล้ง
    ไม่คลางแคลง พวกสนิท มิตรสหาย
    เจอะหน้ากัน ก็คงรัก และทักทาย
    พอตอนสาย ยินเสียงสั่ง ดังแว่วมา

    อหิงสกะ หันไป ในทางเสียง
    ครูทิศา มองเมียง เลี่ยงมาหา
    เมื่อถึงตัว ก็เอื้อนเอ่ย เผยวาจา
    มีวิชา อีกหนึ่ง ซึ่งมีคุณ

    วิชานี้ เฉพาะชน คนฉลาด
    วิษณุศาสตร์ ลองเรียนไหม ครูใคร่หนุน
    วิชานี้ บอกตามตรง ต้องลงทุน
    อยากเป็นขุน เจ้าต้องล่า ฆ่าพันคน

    อหิงสกะ ส่ายหน้า หารับไม่
    ครูทิศา วอนเท่าไหร่ ไม่เป็นผล
    พยายาม เฝ้าเพียรถาม ตามเวียนวน
    อหิงสกะ สุดทน จนรับคำ

    เพราะหลายคน บ่งชี้ ว่าดีแน่
    วิชานี้ เป็นของแท้ ทุกแง่ล้ำ
    เมื่อเรียนจบ จะได้เป็น เช่นผู้นำ
    เพื่อมุ่งปราบ เหล่าอธรรม ที่กล้ำกราย

    อหิงสกะ ตัดสินใจ ในเช้าตรู่
    เดี๋ยวคนรู้ ถ้าออกไป ในตอนสาย
    ขวาถือดาบ โล่อยู่หลัง ไว้บังกาย
    ไล่ล่าคน มากมาย ตายทุกวัน

    ทุกหย่อมหญ้า โจษกัน สนั่นไหว
    มิมีใคร ป้องปัด สกัดกั้น
    อหิงสกะ ฆ่าคน จนเมามัน
    ยังยืนหยัด ยืนยัน ต้องพันคน...เฟื่องฟ้า


    จบตอน ๒



    อหิงสกะ ถูกเรียกว่า องคุลีมาล

    อหิงสกะ ฆ่าคน จนไม่ถ้วน
    นึกทบทวน เท่าไร ไม่มีผล
    ภาพคนตาย ยัง ติดตา มาเวียนวน
    จำไม่ได้ ฆ่ากี่คน บ่นรำพัน

    ต่อนี้ไป ฆ่าใคร ต้องนับใหม่
    ตัดเอานิ้ว แขวนไว้ ใช้เชือกขวั้น
    เพื่อเป็นเครื่อง เตือนใจ ไว้ยืนยัน
    นึกเสร็จพลัน ก็กระโดด ลิงโลดลอย

    อหิงสกะ ฆ่าดะ พระไม่เว้น
    คอกระเด็น เก็บนิ้วไป ใช้เชือกร้อย
    ชาวบ้านตื่น ถอยล่น จนติดดอย
    ต่างเศร้าสร้อย เก็บตัว ด้วยกลัวภัย

    อหิงสกะ ไปทุกหน ชนกล่าวขาน
    เรียกว่าอง คุลีมาล สะท้านไหว
    หนีไม่พ้น ก็ถูกล่า ฆ่าตายไป
    จนบ้านเมือง ลุกเป็นไฟ ในบัดดล

    พวงนิ้วมือ เริ่มมาก ลำบากยิ่ง
    หนักจริงๆ เมื่อวิ่งไป ในทุกหน
    นำออกนับ ดีกว่า ว่ากี่คน
    ดีใจล้น เหลืออีกหนึ่ง จึงครบพัน

    ฝ่ายชาวบ้าน พากัน ขวัญผวา
    ไปปรึกษา ราชา หาทางกั้น
    พระองค์ทรง บัญชา ต้องฆ่ามัน
    ให้บิดา เป็นผู้บั่น ห้ำหั่นคอ

    พรามหมณ์ คัคคะ ได้ยิน แทบสิ้นไร้
    ตัดสินใจ เร็วจี๋ ขี่ม้าห้อ
    เพื่อไปบอก มันตานี อย่ารีรอ
    แย่แล้วหนอ ลูกเรา เข้าตาจน

    มันตานี ผู้เป็นแม่ ผู้แก่เฒ่า
    นึกถึงลูก ตอนเยาว์ เศร้าเหลือล้น
    ยินคำพราหมณ์ ให้รู้สึก นึกกังวล
    จึ่งดั้นด้น สู่ป่า หาลูกชาย ...เฟื่องฟ้า


    จบตอน ๓


    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=F11T>ต่อจากตอน ๓

    [​IMG]


    องคุลีมาลได้พบพระพุทธเจ้า

    ตั้งใจว่า หากพบเจอะ เจอคราวนี้
    ขอให้ลูก จรลี หลบหนีหาย
    อยากช่วยเจ้า สักหน ให้พ้นตาย
    แสงจันทร์ฉาย แนวป่า ชาลิวัน

    พระศาสดา ทรงตรวจดู หมู่มนุษย์
    ต้องแก้ไข เร็วสุด หยุดขวางกั้น
    เพื่อมิให้ แม่กับลูก ซึ่งผูกพัน
    ต้องฆ่ากัน ด้วยมานะ อวิชชา

    แม้หากลูก คนใด ไล่ฆ่าแม่
    กรรมนั้นช่าง หนักแท้ แก้ยากหนา
    มาตุฆาต คือสังหาร ฆ่ามารดา
    ศาสดา จึงหวังช่วย ด้วยเต็มใจ

    ด้วยทรงเห็น กาลไกล ในโลกภพ
    จะประสบ พระสงฆ์ องค์ยิ่งใหญ่
    เขาผู้นั้น อยู่ใกล้ มิใช่ไกล
    องคุลีมาล นั่นไง ในป่าพง

    พุทธองค์ ข้ามบึง ถึงทางแยก
    เห็นนกแสก ยืนอยู่ คู่กับหงส์
    พระอาทิตย์ ก็เริ่มจะ อัสดง
    จึงตกลง ปักหลัก พักชั่วคืน

    พอรุ่งเช้า ก็เดินต่อ หาท้อไม่
    แลไกลๆ เห็นคนแหวก วิ่งแตกตื่น
    เป็นชาวบ้าน เข้าป่า มาหาฟืน
    พุทธองค์ ทรงยืน ยื่นหัตถ์ไป

    แล้วถามว่า มีอะไร ใยต้องหนี
    ทุกคนชี้ ไปข้างหลัง ยังป่าใหญ่
    หลายคนร้อง คล้ายตระหนก และตกใจ
    ชวนพระองค์ ด้วยห่วงใย ไปด้วยกัน

    พุทธองค์ ทรงนิ่ง หาวิ่งไม่
    องคุลีมาล วิ่งเข้าใส่ ก็ไม่หัน
    ถือดาบเงื้อ วิ่งเท่าไร ไล่ไม่ทัน
    พอจ้วงฟัน ก็ดูเหมือน ท่านเคลื่อนลอย

    จงหยุดก่อน ได้ยินไหม ให้หยุดก่อน
    ข้าเหนื่อยอ่อน แล้วหนา จงอย่าถอย
    หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าขอ ให้รอคอย
    เจ้าคนถ่อย ท่านคือใคร ให้บอกมา

    เราหยุดแล้ว แต่ท่านใย ไม่ยอมหยุด
    องคุลีมาล นั่งทรุด ก้มมุดหน้า
    แล้วนิ่งฟัง บทธรรม ล้ำวาจา
    คำว่าหยุด ในธรรมา ว่าอย่างไร

    ข้าพเจ้า หยุดฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต
    ดับสนิท จิตนิ่ง เลิกวิ่งไล่
    ส่วนท่านเอง ยังไม่หยุด ฉุดฆ่าใคร
    องคุลีมาล เข้าใจ ในทันที...เฟื่องฟ้า


    อนันตริยกรรม กรรมหนัก, กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด ตัดทางสวรรค์ ตัดทางนิพพาน, เดือดร้อนไม่เว้นระยะเลย มี ๕ อย่าง คือ

    ๑.มาตุฆาต ฆ่ามารดา
    ๒. . ปิตุฆาต ฆ่าบิดา .
    ๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์ .
    ๔.โล-หิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป
    ๕.. สังฆเภท ทำสงฆ์ให้แตกกัน


    จบตอน ๔
    องคุลีมาล ขอบรรพชา

    ดาบอาวุธ วางนิ่ง โยนทิ้งเหว
    เคยทำเลว ขอยั้ง ตั้งแต่นี้
    จะบำเพ็ญ กุศล เป็นคนดี
    และขอพลี เพื่อพระองค์ ทรงสัมมา

    จะขอบวช บรรพชา นาทีนี้
    ขอพระองค์ ช่วยชี้ ทีเถิดหนา
    นึกเสียว่า ช่วยลูกนก วิหคกา
    วอนท่านจง กรุณา เมตตาที

    พุทธองค์ ทรงยืน ยื่นหัตถ์ขวา
    แล้วย่างกราย เอ่ยวาจา ให้มานี่
    องคุลีมาล รู้สึก นึกยินดี
    กราบลงที่ เหนือพระบาท ตรงลาดเนิน

    บัดนี้หรือ ท่านคือสงฆ์ องค์พุทธะ
    มีธรรมะ ไปทุกหน คนสรรเสริญ
    แต่นี้ไป ใช้พระธรรม นำหน้าเดิน
    จะเผชิญ สิ่งใด ไม่ต้องกลัว

    พระศาสดา พาสงฆ์ องค์บวชใหม่
    ท่องเรื่อยไป จนย่ำ ค่ำสลัว
    แต่ชาวบ้าน ยังขยาด และหวาดกลัว
    บ้างนำหิน ขว้างหัว เลือดทั่วแดง


    พระราชาได้พบภิกษุองคุลีมาล...

    พระราชา หารู้ไม่ ในเรื่องนี้
    ท่องนที ขึ้นฝั่ง ยังที่แห้ง
    พลม้า ล้อมหน้าหลัง ดั่งกำแพง
    ต้องย่ำแข่ง สายฝน ที่หล่นมา

    ใกล้ตะวัน ลับฟ้า ระอาจิต
    พระราชา หงุดหงิด ยืนชิดผา
    สั่งทุกคน อย่าไปไหน ให้ไกลตา
    เราจะพัก ตรงนี้หนา ล้าเต็มที

    มันตานี เห็นกองไฟ ในป่าใหญ่
    นึกแปลกใจ ใครหนา มาที่นี่
    ด้วยนางเอง ก็ไส้กิ่ว หิวพอดี
    จึงรีบปรี่ เข้าไป โดยไม่กลัว

    มหาดเล็ก จับนางหาม ห้ามเข้าใกล้
    มันตานี ตกใจ ไข้ขึ้นหัว
    โดนเอาเชือก ผูกติด ชิดลำตัว
    นางเงยหัว ถึงผงะ โอ้..พระราชา

    พระราชา จำได้ จึงให้ปล่อย
    มันตานี ร่วงผล็อย ถอยผวา
    ทรงตรัสถาม เป็นอย่างไร ไปไหนมา
    จงอย่าช้า ตอบมา ข้าคอยฟัง

    ข้ามาตาม ลูกชาย ที่ท้ายป่า
    มันตานี เอ่ยวาจา หันหน้าหลัง
    อยากนำลูก พาไป ให้ถึงวัง
    แต่ผิดหวัง ไม่ประสบ ไม่พบเจอ

    พระราชา เข้าใจ ในเรื่องนี้
    บอกเอางี้ แล้วกัน ฉันเสนอ
    พราหมณ์คัคคะ ดุจดั่ง ดังเพื่อนเกลอ
    ฉันให้เธอ พักผ่อน นอนสักคืน

    มีอาหาร ผ้าห่ม มีร่มให้
    แล้วพรุ่งนี้ ค่อยไป ไม่ต้องฝืน
    แม้เธอหนาว โน่นไง ทั้งไฟฟืน
    มันตานี ยิ้มรื่น แสนชื่นใจ

    พอรุ่งเช้า พระราชา ขึ้นม้าก่อน
    จัดแถวตอน เคลื่อนขยับ เป็นทัพใหญ่
    มันตานี พยายาม เดินตามไป
    เจอนที ขวางไว้ กว้างใหญ่จริง

    มิสามารถ ให้ม้า นั้นพาข้าม
    พยามยาม เท่าไร ม้าไม่วิ่ง
    เลยต้องผูก มันไว้ ใต้มะปริง
    ค่อยๆอิ่ง เดินข้ามน้ำ ตามเป็นพรวน

    ถึงปลายฝั่ง เดินต่อ หาท้อไม่
    เลาะป่าไผ่ ย่ำไป ในนาสวน
    มันตานี เกาะติด ชิดขบวน
    เกิดลมหวน ทุกคนหยุด เพราะสุดทาง

    พอฝุ่นจาง ทุกอย่าง กระจ่างชัด
    เห็นถนัด แลสงฆ์ ทรงเยื้องย่าง
    มีสององค์ องค์หนึ่งเหมือน ดูเลือนราง .
    มีบางอย่าง ดูคล้าย ละม้ายจัง

    พระศาสดา องค์หน้า ราชารู้
    แต่อีกองค์ ไม่รู้ องค์อยู่หลัง
    พระศาสดา ทรงยืน ฝืนตัวบัง
    แล้วทรงสั่ง พระราชา มาหาใคร

    ใยท่านจึง ถือมีดไม้ ไว้สองแขน
    คงเคืองแค้น โกรธใคร ใช่หรือไม่
    พระราชา จึงเล่า เท้าความนัย
    องคุลีมาล มิหวั่นไหว เมื่อได้ยิน...เฟื่องฟ้า


    จบตอน ๕

    ตอน ๖


    [​IMG]



    อภัยทาน ทานนี้ ที่ยิ่งใหญ่
    สูงกว่าทาน ใดๆ ในทั้งสิ้น
    แม้อาฆาต มีแต่เพิ่ม เติมมลทิน
    เหมือนแบกหิน ขึ้นบ่า พาท่องไป

    หลังจากนั้น พุทธองค์ ทรงเอี้ยวหลบ
    องคุลีมาล ยืนสงบ สบตาให้
    พระราชา ทรงตระหนก ตกพระทัย
    เหงื่อกาฬไหล เนื่องพระองค์ ทรงหวาดกลัว

    พระศาสดา ตรัสว่า อย่ากลัวเลย
    สิ่งใดเคย ทำไว้ ในทางชั่ว
    เขาเลิกแล้ว เหมือนดัง ดุจดั่งบัว
    ขึ้นโผล่หัว จากนที ที่มืดมน

    มันตานี ก้มกราบ ราบกับพื้น
    แล้วสะอื้น โหยหา น้ำตาหล่น
    องคุลีมาล เฉยสิ้น มิดิ้นรน
    แล้วถอยร่น เยื้องย่าง ห่างมารดา

    พระราชา สงสัย จึงไต่ถาม
    เป็นโจรทราม ขู่เข็น เที่ยวเข่นฆ่า
    ข้าพระองค์ ยากทำใจ ให้ศรัทธา
    ...พระศาสดา จึงเอ่ย เผยให้ฟัง...

    อันกรรมเวร ใครก่อไว้ ในชาตินี้
    จะราวี ตามไป ไม่หยุดยั้ง
    ไม่เว้นแต่ บ่าวไพร่ คนในวัง
    แม้กระทั่ง ผู้ดี มีหรือจน

    แม้บวชแล้ว กรรมนั้นหนา หาหมดไม่
    องคุลีมาล ทำไว้ ก็ไม่พ้น
    ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า พาทุกข์ทน
    หวังเพียงแต่ บุญกุศล ดลเบาบาง

    พระราชา ซาบซึ้ง ถึงคำสอน
    ดุจคำพร ยิ่งใหญ่ ใสกระจ่าง
    จึงถอยออก ทีละนิด เลิกปิดทาง
    แสงสว่าง ก็บังเกิด เจิดจ้าพลัน

    มันตานี กล่าววาจา ว่าสาธุ
    ไหว้ภิกษุ รูปใหม่ ใจสุขสันต์
    สีจีวร ส่องประกาย คล้ายแสงจันทร์
    แสนตื้นตัน ปีติเกิด เปิดกุสลา


    ในที่สุดก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    องคุลีมาล เดินท่องธรรม ย่ำไปทั่ว
    ผ่านแนวรั้ว หนามพง ฝ่าดงหญ้า
    บิณฑบาต มิเคยได้ อะไรมา
    คนขว้างปา ด้วยท่อนไม้ ให้ทรมาน

    โลหิตไหล เปื้อนจีวร นอนร้องปวด
    เจ็บยิ่งยวด มิมีใคร ใคร่สงสาร
    พระศาสดา ทรงรู้ดี ด้วยมีญาณ
    ปล่อยให้กรรม ดำเนินการ ดลดาลไป

    ไปทางไหน มิมีใคร ให้ต้อนรับ
    ยามนอนหลับ มีคนปลุก คอยลุกไล่
    บ้างก็แกล้ง เรียกให้หยุด แล้วจุดไฟ
    เป็นเช่นนี้ ทุกวันไป เพื่อใช้กรรม

    มีพ่อแม่ เท่านั้น มิหันเห
    ยอมทุ่มเท อดทน มิบ่นพร่ำ
    นำอาหาร มาวางไว้ ให้ประจำ
    มิหนำซ้ำ เจ็บป่วย มาช่วยดู

    องคุลีมาล แบ่งอาหาร เจือจานให้
    สัตว์น้อยใหญ่ ถึงเวลา พากันรู้
    บ้างชูคอ บ้างก็ดิ่ง วิ่งจากรู
    บ้างคุดคู้ รอล่วงหน้า เวลาเดิม

    เพียรบำเพ็ญ ภาวนา มาตลอด
    หวังให้ปลอด จากกรรม ไม่ทำเสริม
    สร้างความดี เพื่อก่อบุญ หนุนต่อเติม
    พอกพูนเพิ่ม กุศล ดลจิตงาม

    เช้าวันหนึ่ง ยินเสียงร้อง หญิงท้องแก่
    ดูเหมือนว่า กำลังแย่ ร่อแร่หาม
    เด็กไม่คลอด ถึงแม้จะ พยายาม
    จนบ่ายสาม แม่สงบ สลบไป

    องคุลีมาล รู้ข่าว รีบก้าวออก
    ไปทูลบอก ศาสดา หาช้าไม่
    พระองค์เห็น จึงถามว่า มาทำไม
    เมื่อรู้นัย จึงแนะนำ ให้ทำดู

    ท่านจงเอ่ย วาจา ว่าตามนี้
    ขออาศัย ความดี ที่มีอยู่
    ช่วยบันดาล ผลักไส ไล่ศัตรู
    ขอบรมครู จงปกปักษ์ รักษาเอย

    องคุลีมาล สงสัย ในคำกล่าว
    ใช่ก้าวร้าว เพียงแต่ แค่อยากเผย
    อันความดี ฉันนี้ ไม่มีเลย
    จะให้เอ่ย ดูเหมือนแสร้ง แกล้งหลอกลวง

    พระศาสดา กล่าวเสียงดัง ให้ฟังก่อน
    ให้มองย้อน กลับไป ในบางช่วง
    อันความชั่ว ที่ทำไป ในทั้งปวง
    นั้นเป็นห้วง ที่ยังไร้ ในปัญญา

    มาบัดนี้ ท่านได้เพียร เรียนรู้แล้ว
    ดุจดั่งแก้ว เจียระไน ไม่ไร้ค่า
    ท่านเป็นสงฆ์ มิใช่ชน คนธรรมดา
    ซึ่งเป็นหน่อ พุทธา พาสู่บุญ

    พระศาสดา กล่าวจบ ใกล้พลบค่ำ
    องคุลีมาล น้อมนำ จำคำหนุน
    เหมือนได้ทรัพย์ เก็บไว้ ใช้ทำทุน
    แสนอบอุ่น เหลือเกิน เมื่อเดินไป

    เห็นผู้คน ยังขวักไขว่ ในใต้ถุน
    ชุลมุน ช่วยหญิงท้อง บ้างร้องไห้
    องคุลีมาล รีบเข้าไป ในทันใด
    แล้วบอกให้ ทุกคน ร่นถอยมา

    ข้าพเจ้า ขอช่วย ด้วยบริสุทธิ์
    ข้าได้หยุด ทุกสิ่ง จริงๆหนา
    เคยฆ่าคน ก่อเหตุ ด้วยเจตนา
    เป็นบาปกรรม แน่นหนา ข้ารู้ดี

    มาบัดนี้ ข้ารำลึก สำนึกชั่ว
    จึงโกนหัว บวชเรียน เพียรเต็มที่
    เพื่อล้างกรรม ที่ทำไว้ ในหลายปี
    ขอบารมี พุทธองค์ จงคุ้มครอง

    อุงคุลีมาล หลับตา ท้องฟ้าปิด
    มืดสนิท ยินสำเนียง เสียงเด็กร้อง
    ทุกๆคน หันหน้า พากันมอง
    แม่เด็กน้อย ลืมตาจ้อง ทั้งสองตา

    หลังจากนั้น ชาวบ้าน ต่างขานรับ
    เลิกคิดจับ เลิกระวัง เลิกกังขา
    ต่างพร้อมใจ ตะเบ็ง เปล่งวาจา
    เรียกอรหันต์ ศาสดา ทุกคราไป...เฟื่องฟ้า


    ต่อมาภิกษุองคุลิมาลก็หลีกออกจากคณะไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ผู้เดียวไม่นานเท่าไรนักก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    "บาปกรรมที่บุคคลทำแล้ว
    ย่อมละเสียได้ด้วยกุศลกรรม
    บุคคลเช่นนั้น ย่อมยังโลกให้สว่าง
    เหมือนดวงจันทร์ที่พ้นจากเมฆหมอก ฉะนั้น"


    อวสานองคุลีมาล

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    กำเนิดอหิงสกะกุมาร

    คนชั่วช้า แต่สำนึก ระลึกรู้
    น่าเชิดชู ควรอภัย ไม่เหยียบย่ำ
    ซ้ำเพียรบุญ สร้างกุศล เร่งพ้นกรรม
    ย่อมเลิศล้ำ ไปสู่แคว้น แดนวิมาน

    ที่นคร สาวัตถี มีเรื่องเล่า
    เป็นเรื่องเก่า เขียนไว้ดี มีหลักฐาน
    ณ คืนหนึ่ง มีแสงไฟ ใหญ่ตระการ
    ที่ในบ้าน ของหญิงหนึ่ง ( นางมันตานี ) ซึ่งตั้งครรภ์

    แสงสว่าง แผ่รังสี ที่ยิ่งใหญ่
    ส่องไปไกล มองเห็น เป็นชั้นๆ
    ประเดี๋ยวเดียว เด็กก็คลอด ปลอดภัยพลัน
    เป็นเด็กชาย ผิวพรรณ วรรณะงาม

    ผู้บิดา ซึ่งเป็นพราหมณ์ ตามประคบ
    เข้าสมทบ ลูบไล้ สุดใจห้าม
    ณ บนฟ้า มีเสียงร้อง ก้องคำราม
    ดูฤกษ์ยาม คืนนี้ มิมีคุณ

    เป็นฤกษ์โจร โหรทำนาย ทายว่าแย่
    จะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ มีแต่วุ่น
    มิอาจหวัง ได้อาศัย พึ่งใบบุญ
    ด้วยบาปหนุน มาแต่ก่อน ย้อนกลับคืน

    ผู้บิดา นอนตรึก นึกเรื่องนี้
    ทำไงดี แสนอึดอัด ยากขัดขืน
    ดั่งดวงใจ โดนสุม รุมด้วยฟืน
    ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้า เข้าสู่วัง

    เพื่อเข้าเฝ้า พระราชา ปรึกษาท่าน
    ค่อยๆคลาน ก้มผ่าน ม่านด้านหลัง
    พระราชา นั่งติดห้อง ท้องพระคลัง
    กล่าวเสียงดัง มีอะไร ให้ช่วยฤา

    ขอย้อนเล่า เรื่องราว คร่าวๆก่อน
    อันบิดร เด็กน้อยนั่น นั้นมีชื่อ
    พราหมณ์คัคคะ เป็นคนดี มีฝีมือ
    ที่เลื่องลือ คือดูฤกษ์ ได้เกริกไกร...

    ...พระราชา ตะโกนย้ำ ซ้ำสองหน
    พราหมณ์คัคคะ ร้อนรน ปนหมองไหม้
    แล้วเล่าเรื่อง เด็กที่เกิด เปิดความนัย
    ว่าเด็กน้อย คือภัย ในแผ่นดิน

    ขอพระองค์ จงจับตัว ปลิดหัวเด็ก
    มหาดเล็ก นั่งอยู่ใกล้ ใจแทบสิ้น
    พราหมณ์คัคคะ กล่าววาจา น้ำตาริน
    พระราชา ได้ยิน ผินพักต์เมิน

    ช้าก่อนหนา ท่านพราหมณ์ ขอถามก่อน
    อย่าใจร้อน อย่ามองแต่ แค่ผิวเผิน
    สิ่งที่เกิด อาจจะเป็น เช่นบังเอิญ
    ข้าขอเชิญ ท่านจงนั่ง ตั้งใจฟัง

    เจ้าจงเลี้ยง ลูกไว้ อย่าไกลห่าง
    อย่าละวาง จำไว้หนา ที่ข้าสั่ง
    ฟังดีๆ แต่นี้ไป ให้ระวัง
    อย่าเผลอพลั้ง ปล่อยไปไหน จนไกลตา

    เมื่อได้ยิน เช่นนั้น พราหมณ์หันกลับ
    ไหว้คำนับ เดินลง ที่ตรงท่า
    พายเรือออก เคลื่อนไป ในคงคา
    เสียงเด็กน้อย ร้องจ้า ท้องฟ้าดำ

    พราหมณ์คัคคะ เกิดโทสะ จะโยนทิ้ง
    เสียงร้องนิ่ง ฝนโปรยหล่น จนชุ่มฉ่ำ
    เริ่มคิดได้ ไม่อยากก่อ ต่อเวรกรรม
    ฝนพรำๆ หยุดสนิท จิตเริ่มเย็น

    แล้วจากนั้น ก้มลงจูบ ลูบใบหน้า
    พลันน้ำตา รินไหล หัวใจเต้น
    ต่อนี้ไป ข้าจะขอ ก่อบำเพ็ญ
    ให้เฉกเช่น พระสงฆ์ องค์สัมมา

    ข้าขอตั้ง ชื่อเจ้าไว้ ให้ดียิ่ง
    คืออหิง สกะ นะลูกข้า
    จะเลี้ยงเจ้า ด้วยจิตใจ ให้เมตตา
    ตามคำสั่ง พระราชา ข้าสาบาน

    ( นาง )มันตานี ผู้เป็นแม่ ชะแง้ชะเง้อ
    หัวใจเธอ คละคลุ้ง ด้วยฟุ้งซ่าน
    นั่งเหม่อมอง เฝ้าดู อยู่นอกชาน
    ดุจไฟผลาญ ในหัวใจ แทบไหม้จุล

    พราหมณ์ คัคคะ ขึ้นสู่ฝั่ง ทางหลังบ้าน
    ผ่านต้นตาล และต้นไทร เข้าใต้ถุน
    มันตานี ร้องไห้โฮ โถพ่อคุณ
    จับเด็กน้อย วางตักอุ่น ให้หนุนนอน


    ͧ
     
  7. Step&Time

    Step&Time เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    792
    ค่าพลัง:
    +4,220
    [FONT=&quot]ผมขอรบกวนคุณหนุ่มด้วยคนครับ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]เกิดปีมะเส็ง เดือนตุลาคม วันพุธ กลางคืน ใจร้อน ทำงานสถาบันการเงิน[/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่มี[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-ลพ.กวย ปรกโพธิ์ย้อนยุค (ได้รับความเมตตา จาก คุณศิษย์หลวงปู่กวย009)[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-หลวงปู่หมุน กริ่งพระแก้วมรกต, เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ, หมุนเงินหมุนทอง, [/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ปิดตาผงกสิณ, พระผงดวงเศรษฐี, กริ่งสัมฤทธิผล[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระคำข้าว, พระหางหมาก, สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 3[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-หลวงปู่ทิม เป็นพระผงพรายกุมาร รุ่น 122 ปี[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-แหวกม่าน หลวงพ่อทรง [/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-พระมงคลมหาลาภ, พุทโธน้อยหลังยันต์เฑาะห์[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-พระ 25 ศตวรรษเนื้อตะกั่ว[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-เหรียญยันต์ดวง, พระพรหมเกสา หลวงปู่ดู่[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]-หลวงปู่ชื้น เหรียญธรรมสภา, เปิดโลก(องค์เล็ก ๆ)
    [/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ[/FONT]<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  8. โอ ท่าซุง

    โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,434
    สวัสดียามเช้าทุกๆท่านครับ อนุโมทนากับสิ่งดีๆเช่นเคยและยังคงติดตามอย่างต่อเนื่องครับ :cool:
     
  9. Flow

    Flow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    640
    ค่าพลัง:
    +1,364
    ขอบคุณมากครับ ได้ผลอย่างไรจะมารายงานให้ทราบครับ
     
  10. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
    ที่บอกมานี่มีอยู่สองอย่างทีื่ตรงคือ ผงกสิณ และ เนื้อดิน25 ศตวรร(ไม่แน่ใจว่าเสริมหรือไม่เด๊๋ยวกลับบ้านแล้วจะลองเอามาให้พี่ดูครับ)
     
  11. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,712


    เยี่ยมครับ หลักพื้นฐานของการรักและเคารพครูบาอาจารย์ทุกท่านครับ
     
  12. KHAjit

    KHAjit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +941
    ผมขอรบกวนคุณหนุ่มจัดชุดให้หน่อยครับ
    ผมเกิดเดือน พฤษภาคม วันศุกร์ ตอนพระบินทบาตรครับ ไมทราบเวลาที่แน่นอนเป็นคนธาตุดิน มีแนวคิดที่จะเรียนซ่อมมือถือเปิดร้านเล็กๆครับพระที่ผมพอจะมี
    หลวงพ่อกวย-ปรกโพเล็ก,เหรียญจตุรพิธพรชัย
    หลวงปู่หมุน-กริ่งแก้วมรกต,หมุนเงินหมุนทอง,มังกรคู่,สมเด็จหูบายศรี
    หลวงพ่อทรง-เต่าเรือน,พระรูปเหมือนเนื้อผง,แหวกม่านหลังเต่าเรือน(แตกที่มุม)
    หลวงปู่ญาท่านสวน-เหรียญเทพยินดี
    พระยี่สิบห้าศตวรรษเนื้อตะกั่ว
     
  13. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    มีใช่แค่รูปถ่ายปี21องค์เดียวที่ใช่ แต่ผมมองไม่ชัดแต่ดูไม่ดี ยังงัยให้ท่านอื่นดูอีกที ผมมองไม่ชัดดูแปลกๆส่วนที่เหลือต้องเชื่อที่มาเป็นหลักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  14. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดียามเช้าครับทุกๆท่าน....(^_^)..
     
  15. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดียามสาย ๆ ครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดท้งวันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  16. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,573
    สวัสดียามเช้าๆครับครู ,,,,สวัสดียามเช้าๆครับทุกๆคน,,,,,^_^
     
  17. นำทาง

    นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,865
    สวัสดีทุกๆๆๆท่านครับ
     
  18. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    ขอบคุณมากครับพี่หนุ่ม
     
  19. รักษ์พระ

    รักษ์พระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    คุณหนุ่มได้เล่าว่าได้ก้อนหินมาจากคุณยายซึ่งได้มาจากคุณแม่บุญเรือนไว้ใส่น้ำทำน้ำมนต์เลยขอมาคุยด้วยคนนะครับ หินนี้คือศิลาน้ำที่คุณแม่อธิษฐานให้กับศิษย์ของท่าน พวกศิษย์ที่ได้ไปต่างหวงแหนมากเพราะเป็นหินที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง สามารถคุ้มภัยอันตราย รักษาโรคได้อย่างดียิ่ง
    หลวงพ่อสุวรรณ ปภัสโรแห่งวัดอาวุธซึ่งเป็นศิษย์คุณแม่(ตอนนี้ท่านมรณะภาพและกระดูกก็ได้เปลี่ยนเป็นพระธาตุแล้ว)ได้เคยเล่าให้ฟังอยู่ 2 เรื่องครับ
    เรื่องที่ 1. มีช่างไฟฟ้านำไปห้อยติดตัวไว้ โดนไฟแรงสูงดูดอย่างจัง แต่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายเลย
    เรื่องที่ 2. หลวงพ่อประสบกับตัวท่านเองสมัยท่านเป็นฆราวาสก่อนบวช ที่บ้านท่านเกิดระเบิดจากดินปืนที่ลูกชายนำมาทำพลุ ลูกชายอยู่ตรงที่เกิดเหตุ รู้สึกตัวอีกทีมาอยู่นอกบ้าน ไม่รู้ว่าออกมาได้ยังไง ร่างกายก็เป็นปกติไม่เป็นไรเลย (ห้อยพระพุทโธน้อยอยู่กับตัว) ตัวท่านเองนั่งห่างออกมาหน่อยแต่ไม่ได้ห้อยพระพุทโธน้อยถูกไฟคลอกทั้งตัวอาการสาหัส หมอมาดูบอกว่าโอกาสรอดยากแล้ว ท่านไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่นำเอาศิลาน้ำของคุณแม่มาอมไว้ในปากแล้วหลับตาภาวนาพักอยู่กับบ้าน ไม่นานท่านก็หายเป็นปกติ ท่านว่าศิลาน้ำนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
    ศิลาน้ำตอนนี้เป็นของหายากครับ และไม่มีทางดูรู้ว่าของที่วางขายกันเป็นของแท้หรือไม่เพราะเหมือนกับก้อนหินทั่วๆไป ไม่แนะนำให้ไปหาเช่านะครับ ราคาล่าสุดที่รู้มาคือก้อนละ 1 แสนบาท เป็นราคาที่คหบดีรายหนึ่งไปขอชมศิลาน้ำที่ลูกศิษย์ของคุณแม่บุญเรือนมีไว้(ลูกศิษย์คนนี้ทันคุณแม่ครับ) เป็นศิลาน้ำที่มีพระธาตุเสด็จมาบนก้อนสวยงามมาก คหบดีรายนี้อยากได้มากจึงเสนอขอร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่จังหวัดพิษณุโลก 1 แสนบาทและขอศิลาน้ำก้อนนั้นมาไว้บูชา
    การบูชาศิลาน้ำมักนิยมนำไปใส่ไว้ในภาชนาที่เก็บน้ำเพื่อทำให้น้ำนั้นเป็นน้ำมนต์ควบคู่ไปกับการตั้งน้ำอธิษฐานในเช้าวันเสาร์ จะทำให้น้ำนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ผมรู้จักอาจารย์หมอท่านหนึ่งที่โรงพยาบาลของรัฐ ท่านก็นำศิลาน้ำไปใส่ไว้ในถังน้ำให้คนไข้ได้ดื่มกิน ท่านว่าช่วยให้คนไข้หายไวขึ้น
    ลูกศิษย์บางคนก็นิยมเอาก้อนเล็กๆไปทำเป็นหัวแหวนหรือเลี่ยมไว้ติดตัวแต่มีเคล็ดตรงว่าศิลาน้ำนี้คุณแม่ท่านห้ามไม่ให้นำไปเจียรหรือขัดแต่งใดๆ ให้คงสภาพของเดิมไว้เท่านั้นครับ
     
  20. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    เสียใจเรื่องคุณยายด้วยนะครับ...อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยครับ....พอได้อ่านเรื่องของคุณยายของคุณศิษย์หลวงปู่กวย แล้วทำให้ผมได้หวนกลับไปคิดถึงก๋งผมที่จากผมไปนานเมื่อ 8 ปีก่อนเลยครับ...จากวัยที่ไม่มีความคิด....จวบจนมาถึงทุกวันนี้..ทำให้เราได้รู้จริงๆครับว่า..ไม่มีใครที่จะรักและห่วงใยเราเท่ากับคนในบ้านอีกแล้ว....แต่เมื่อคิดได้..ทุกอย่างมันก็สายเกินไป...เวลาไม่อาจหวนคืนมา..อนาคตก็ไม่แน่นอน...ขอทำวันนี้และปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอครับ...(^_^)...
     

แชร์หน้านี้

Loading...