ขอเชิญร่วมกิจกรรม สแกนกรรม รักษาโรค สนทนาธรรม (ครั้งที่ ๓) ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย!!

ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย kittitpx, 28 มกราคม 2010.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
  2. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิก

    มาอัพเดรตต่อครับ กิจกรรม ตรวจกรรม รักษาโรค ในครั้งที่ ๓ บ้านพุทธามหาเวท

    ใครที่พลาดโอกาสเมื่อครั้งที่ผ่านมา หรือใครที่ยังไม่เคยเข้าร่วม ก็ขอเรียนเชิญนะครับ

    ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ มิถุนายน นี้ครับ
     
  3. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    ครับ ยินดีครับ ขออนุโมทนากับ อ.เม้าท์ เช่นกันครับ สาธุ สาธุ
     
  4. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา

    ร่างกายของคนเราประกอบด้วยระบบต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ระบบเครื่องห่อหุ้ม ระบบโครงกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ระบบน้ำเหลือง ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบขับถ่าย ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบหมุนเวียนของเลือด ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์
    เพราะอาศัยการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆของร่างกาย ชีวิตนี้จึงดำรงอยู่ได้

    ระบบของร่างกายนี้มันทำงานของมันเอง มันมีกลไกที่ดูแลตัวมันเองอยู่เสมอ ถึงเราจะรู้หรือไม่รู้ แต่ร่างกายมันรู้ มันหายใจเอง ถึงเราหลับมันก็ยังหายใจ
    ถ้าปล่อยให้หายใจกันเอง ก็คงจะตายกันหมดแล้วเพราะคอยแต่จะลืม แต่เพราะมันทำงานอัตโนมัติ มันจึงต้องหายใจเอง มันสูบฉีดโลหิตเอง มันย่อยอาหารเอง แม้เราไม่อยากให้มันย่อยเพราะไม่อยากจะกินบ่อย ๆ แต่มันก็ไม่สนใจเรา มันทำหน้าที่ของมันอัตโนมัติ มันดูแลตัวเองโดยอัตโนมัติ เมื่อมีเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย ภูมิคุ้มกันก็จะมาทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคนั้นทันที นอกจากหนักหนาสาหัสไม่อาจต้านทานได้
    ก็จะส่งอาการฟ้องออกมาที่ร่างกาย ตัวร้อนบ้าง เจ็บคอบ้าง หรืออาเจียนบ้าง ก็เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ฉันป่วยนะ หายากินหน่อย เพราะความจริงมันห่วงตัวมันเอง มันรักตัวมันเอง มันจึงดูแลตัวมันเอง
    ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บมาก ๆ มันจะตัดให้สลบไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว มันต้อง safety ตัวมันเอง เพราะมันมีกลไกของมันเอง มันทำงานถูกต้องตรงตามเวลาเป็นอัตโนมัติ

    มันจึงเป็นสิ่งที่บังคับบัญชาไม่ได้จริง ๆสมมุติว่า ถ้าเราเห็นว่า มันก็ทำงานของมันได้ เราลืมกินข้าวเพราะมัวยุ่งกับงาน มันก็จะแจ้งเตือนเพราะมันห่วงตัวมันเอง ด้วยการทำท้องร้องบ้างละ ทำเป็นหิวบ้างละ ก็เพราะร่างกายมันห่วงตัวมันเองว่าจะเป็นโน่นเป็นนี่ จริง ๆ แล้ว ถ้าเราดูจริง ๆ ไม่น่าห่วงมันหรอก เพราะมันห่วงตัวมันเองอยู่แล้ว เราก็แค่บริหารขันธ์ห้าไปตามสมควร ขาดเหลืออะไรมันเตือนของมันเองแหละ
    เพราะมันเป็นกลไกของธรรมชาติ

    เส้นผม หรือเล็บ พอเราตัดมัน พอเวลาผ่านไป มันก็งอกยาวขึ้นมาอีก มันค่อยๆงอก ยาวทีละนิด แต่เรามองไม่เห็น นานๆไปมันก็ยาวเหมือนเดิม ถึงแม้เราไม่ยากให้มันยาว เพราะไม่อยากตัดบ่อยๆ แต่มันก็ไม่สนใจ มันก็ทำตามหน้าที่ของมัน มันเป็นไปตามระบบของร่างกายที่สั่งการ แม้แต่ตัวเราในขณะนี้ ร่างกายในขณะนี้ก็ไม่ใช่ ตัวเรา ไม่ใช่ร่างกายเมื่อตอนสมัยเด็กๆ ทั้งๆที่ก็ดูเป็นคนเดียวกัน ที่เจริญเติบโตมา ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่า เซลล์ต่างๆของร่างกายเมื่อตอนเด็กนั้น มันได้ตายไปแล้ว มันไม่ใช่เซลล์อันเดียวกับในขณะนี้ เมื่อเรากินอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซึมสารอาหาร แล้วนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่ายกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งเซลล์ต่างๆของร่างกายที่ตาย ก็มีเซลล์ที่เกิดใหม่มาทดแทนเรื้อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2010
  5. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อครับ คอยติดตามนะครับ
     
  6. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    น่าสนใจมากเลยค่ะ.. จะรักษาโรคให้ด้วยเลยใช่ไหมคะ่?
     
  7. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    ครับ กิจกรรม ก็จะมีรักษาโรค และ ตรวจกรรมครับ

    อยากให้เข้าไปชมภาพบรรยากาศกิจกรรม ตรวจกรรม รักษาโรค ที่บ้านพุทธามหาเวท
    ตามด้านล่างครับ

    ครั้งที่ ๑ (ตามLink ด้านล่างครับ)
    7 ก.พ. 53 กิจกรรมสเเกนกรรม เเละ รักษาผู้ป่วย ณ บ้านพุทธามหาเวท มีนบุรี

    ครั้งที่ ๒
    กิจกรรมของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) บ้านพุทธามหาเวท ครั้งที่ ๒
     
  8. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    มาต่อครับ เรื่องร่างกาย


    ร่างกาย <-- ระบบของร่างกาย <-- อวัยวะ <-- เนื้อเยื่อ <-- เซลล์ <-- โมเลกุล <-- อะตอม

    จากด้านบน
    อะตอม 2 อะตอมขึ้นไป รวมกันเป็นโมเลกุล
    โมเลกุลหลายๆโมเลกุลรวมกันได้เป็นเซลล์
    เซลล์หลายๆเซลล์ รวมกันได้เป็นเนื้อเยื่อ
    เนื้อเยื่อทำงานแตกต่างกันภายในอวัยวะ
    อวัยวะหนึ่ง อวัยวะต่างๆ เหล่านี้มีตำแหน่งอยู่ต่างกันและทำหน้าที่ร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบหมุนเวียนโลหิต ก็มีหัวใจ เส้นเลือด ท่อน้าเหลือง ม้าม ตับ ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลือง
    และการทำหน้าที่ประสานกันทุกระบบทำให้เกิดเป็นร่างกาย ของสิ่งมีชีวิต

    ดังนั้นถ้าลองไล่ย้อนกลับไปดูแล้ว ร่างกายที่ดูใหญ่โตนี้ ก็ไม่ได้มาจากอะไรเลย
    นอกจากโมเลกุล หรืออะตอม ซึ่งมีจำนวนมากๆ มารวมกันก่อเกิดเป็นร่างกาย
    เช่น โมเลกุลของน้ำเกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมไฮโดรเจน 2 อะตอม และ อะตอมออกซิเจน 1 อะตอม
    ร่างกายของเรามีธาตุต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งก็มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์

    ดังนั้นที่พระพุทธศาสนา สอนไว้ว่า ร่างกายนี้ มันไม่ใช่ของเราก็เป็นความจริง
    ท่านพุทธทาส ก็เคยกล่าวเอาไว้ ว่าถ้าเราเรียกคน ว่าคนนี้มันก็เป็นอย่างหนึ่ง ถ้าเราเรียกคนว่า กลุ่มของธาตุ มันก็อีกอย่างหนึ่ง

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็พอทำให้ท่านผู้อ่าน มองเห็นชัดเจนขึ้นแล้ว ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
    เมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่อาจจะไปบังคับบัญชามันได้ เพราะ มันต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ไปตามกลไกของมัน
    แต่ทีนี้คนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ มีความนึกคิดว่า ร่างกายนี้เป็นของเรา มีตัวเรา มีเราเป็นตัวตน
    เมื่อยึดเราเป็นตัวเป็นตน ยึดว่าเรามีตัวตน มันจึงกลายเป็นว่า เราหิว เราหนาว เราร้อน เรากังวล เราปวดท้อง ทุกอย่างสารพัด
    มันจึงทำให้มีเราที่เป็นทุกข์ใจ เสียใจ เศร้าใจ เพราะความยึดมั่น ถือมั่นนี้เอง

    พระพุทธองค์ ท่านจึงบอกให้เราทั้งหลายนั้น ละความพอใจ ไม่ยึดมั่น ถือมั่นร่างกายนี้
    ว่าเป็นตัวเรา ของเรา
    ให้เบื่อหน่าย ให้คลายความยินดีในร่างกายนี้ เมื่อท่านไม่ยึดติด เมื่อไม่ยึดถือ ปล่อยวางได้ แล้วความทุกข์นั้น จะลดน้อยลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2010
  9. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกระทบกับร่างกาย หรือจิตใจ เช่น ความหิว ความร้อน ความหนาว ความกังวล ปวดหัว ปวดท้อง

    ให้เรามีสติรู้ตัวดูให้เห็นความคิด ความรู้สึก-อารมณ์ หรือความทุกข์นั้นให้ได้ ไม่ต้องไปข่ม ไม่ต้องไปดับ ไม่ต้องไปบังคับให้หาย
    แค่ดูมันเฉย ๆ หรือสอนมันบ้างก็ได้ เป็นการตอกย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ถ้ามันอยากทุกข์ มันอยากร้อนรน ก็เรื่องของมัน มันทำตัวมันเอง
    ธาตุรู้ หรือจิตที่มีสติปัญญารู้เท่าทันธรรมชาติจึงต้องถอยออกมาเป็นแค่ผู้ดูเท่านั้น จึงจะมองเห็นขันธ์ห้า ที่เล่นบทบาทไปตามสไตล์เดิม ๆ ของมัน
    ยิ่งมองเห็นความคิด มองเห็นความรู้สึกของขันธ์ห้าในขณะนั้น
    ก็จะยิ่งขำที่เห็นมันฟาดหัวฟาดหาง จะหาทางดึงเราเข้าไปทุกข์ ต้องมีสติรู้เท่าทันในอารมณ์

    อยากให้ลองมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติให้ทะลุ มองให้เห็นว่าสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นมันเป็นธรรมดาของมัน มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น นี้เป็นมุมมองที่จะทำให้ความทุกข์เบาบางลง และมองเห็นอะไรๆ ได้กว้างขึ้น
    เช่น ถ้าอากาศร้อน ก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา ถ้าไม่ได้กินข้าวก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ถ้าใครว่าก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถ้าเพลงเพราะเราก็ชอบเป็นธรรมดา หรือนั่งรถแล้วรถติดอารมณ์เบื่อหน่ายก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นได้
    แต่ไม่จำเป็นต้องไปทุกข์ หรือไปสุขกับมัน เพราะอารมณ์ที่จะขึ้นลงไปกับสถานการณ์ รอบด้านนั้นมันเกิดขึ้นตามธรรมดาตามกลไกของขันธ์ห้าอยู่แล้ว เมื่อเข้าใจถูกต้อง ความเคลื่อนไหว การกระเพื่อมของจิตจะเริ่มน้อยลง ความสงบจะมีมากขึ้น ความทุกข์จะเกิดได้ยากขึ้น เพราะเห็นความเป็นอย่างนั้นเองของธรรมชาติได้มากขึ้นนั่นเอง

    ตัวอย่าง ถ้าสมมุติว่า เราเดินอยู่กลางแดด เราร้อน เราอาจจะหงุดหงิด กระสับกระส่าย
    เป็นเหตุให้จิตใจไม่สงบ เป็นทุกข์
    ถ้าเรามีความคิดว่า อ๋อ ก็แดดมันร้อนนิ แล้วเราเดินอยู่กลางแดด มันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา
    เราไม่มีร่ม ไม่มีอะไรบังนิ เราก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา
    ถ้าคิดได้ ถ้าเข้าใจได้อย่างนี้ เชื่อไหม ความหงุดหงิด ความทุกข์ของท่านแทบจะไม่มีเลย

    ถ้าท่านมีสติรู้เท่าทันในอารมณ์ทั้งหลาย ความรู้สึกทุกข์ ที่มันจะกินใจท่าน มันก็จะกินยาก
    เพราะเรามองเห็นมันแล้ว เรามองเห็นอารมณ์ เรามองเห็นความรู้สึกทุกข์นั้นแล้ว แต่เราเป็นแค่ผู้ดู
    ไม่ได้ไปยึดถือ เอาความรู้สึกทุกข์นั้น มาเป็นของเรา

    เพราะมีเรา จึงมีทุกข์
    ถ้าไม่มีเราก็ไม่มีทุกข์
    ดังนั้นอย่าไปยึดถือ ว่าเป็นเรา หรือของเราเลย
    ในเมื่อตัวเรายังไม่มี แล้วของๆเรา จะมีได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2010
  10. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    เราท่านทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว

    โดยความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย

    โดยความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย

    เป็นผู้ถูกทุกหยั่งเอาไว้

    เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว

    ถ้าท่านยังอยากเวียนว่ายในสังสารวัฎนี้ต่อไป
    ยังยินดีในชาติภพและการเกิดต่อไป

    ท่านก็ไม่อาจจะหลุดพ้นจากห้วงแห่งทุกข์นี้ไปได้เลย

    ถ้าท่านเชื่อ ในพระสัจธรรม ของพระพุทธองค์แล้ว

    ท่านยังอยากจะเวียนว่ายในสังสารวัฎนี้ไปเพื่ออะไร ?
     
  11. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    มีบทความธรรมะ เพื่อการละวางอัตตาตัวตน 2 บทความ มาฝากครับ

    1. ปาฏิหาริย์แห่งธรรม รู้จักขันธ์ห้า เพื่อละวางอัตตาตัวตน โดยอาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน


    2. ธรรมะเพื่อการละวางอัตตาตัวตน ชุดที่ 1

    บทความยาวหน่อย ลองทะยอยอ่านก็ได้ครับ
    ถึงแม้จะยาวซักหน่อย แต่ก็เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยครับ


    ถ้าได้อ่านจนจบ จะช่วยให้รู้และเข้าใจอะไรใหม่ๆ มากขึ้นครับ สาธุ ขออนุโมทนาครับ


    ***อ่านแล้ว พิจารณา ไตร่ตรองให้ดีๆนะครับ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...