ทุกคนเข้ามาทางนี้คราบ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เปรมจะทำดี, 16 พฤษภาคม 2010.

  1. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อิอิ
    ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นเรื่องปกติของการพิมพ์นะครับ
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    จะเห็นหรือไม่เห็นก็ไม่สมควรครับ
    เพราะเป็นข้อมูลของแต่ละสมาชิกครับ

    ส่วนเรื่องอ.กร ผมใช้คำสุภาพตลอดครับ

    ที่ท่านบอกว่าเหมาะ ดูแล้วไม่เหมาะนะครับ

    ดีนะครับที่รู้ว่ารับ กรรม เอง


    ไม่ได้ตัดสินท่านด้วยนะครับ
    แต่ดูจากการที่ท่าน กล่าวว่าเตือน แค่นี้ก็รู้แล้วนะครับว่า......คืออะไร ??
     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อิอิ.........ไม่ต้องตกใจหรอกครับ

    เป็นเรื่องปกติครับ
    และพี่เอง และคนอื่นๆๆ( ที่ร่วมงาน ทั้ง ๓ คนนั้น) ที่เข้ามาโพส ไม่ได้ทะเลาะเลยนะครับ แค่แย้งกันนิดหน่อยครับ สนุกดีครับ
     
  4. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับที่เข้าใจ
     
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เข้าใจตั้งนานแล้วครับ
    อิอิ
    เข้าใจแบบทะลุเลยเรื่องนี้ อิอิ
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมก็เข้าใจคุณต้นละเช่นกันครับ หุหุ
     
  7. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    จริงๆๆๆแล้ว
    ที่เข้ามาเล่นในหรือโพสที่นี้ ก็พิมพ์ผิดหลักพิมพ์ดีดหมดนั้นนะครับ พี่ยังพิมพ์ผิดหลักเลยนะ แบบว่าไม่ได้เขียนพิมพ์ดีดมานะ อิอิ
    แบบว่าเรียนน้อย เรียนไม่จบ ( เที่ยวมากไป)


    น้อง จขกท....อย่าคิดมากเลยนะครับ พิมพ์บ่อยๆๆๆๆใช้บ่อยๆๆ อ่านรูปแบบตัวหนังสือเยอะๆๆนะครับ เดี๋ยวคล่องครับ
    พยายามนึกภาพที่จะพิมพ์ ก่อนพิมพ์นะครับ จะได้ไม่มีคนเขามาว่าได้นะครับ

    จบมาสูงหรือ การศึกษาไม่ทำให้ใครๆๆๆ มีจิตใจสูง ได้หรอกครับ อิอิ

    ขึ้นอยู่กับอัธยาสัยเดิมๆๆๆ แต่อดีตชาตินะครับ
     
  8. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603

    ที่บอกว่าเข้าใจนะ เข้าใจเรื่อง กรรม ครับ
    ไม่ได้หมายถึงเข้าใจท่านนะครับ อ่านดีๆๆๆๆครับ
     
  9. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ครับ พอดีตอนแรกผมตอบคุณต้นละไปว่า

    ขอบคุณที่เข้าใจผมเรื่องรับกรรมเอง

    แล้วเห็นคุณต้นละตอบมาว่า เข้าใจตั้งนานแล้ว

    ผมเลยเข้าใจว่า คุณต้นละเข้าใจเรื่องกรรมยังไง
    (กรรมใด ใครทำ คนนั้นรับกรรมเอง จริงไหมครับ)

    เพราะเป็นลูกหลานหลวงพ่อฤาษีเหมือนกันครับ

    แต่ถ้าผมพิมพ์แล้วทำให้คุณต้นละเข้าใจผิด ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

    โมทนา
     
  10. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เป็นการอ้าง ถึงสถานที่ เฉยๆๆๆครับ จ๊อบ
    พี่เองไม่รู้หรอกครับ ว่าเป็นยังงัย
    แต่อีกสักวันหนึ่ง จ๊อบเองและพี่ก็จะรู้นะครับ
    วันที่จ๊อบรู้ วันนั้นพี่คนแรกจะไปถามจ๊อบนะครับ อิอิ
     
  11. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ไม่ได้เข้าใจผิดครับ
    แต่พิมพ์ให้ท่านเข้าใจ ว่าผมเข้าใจเรื่องอะไรนะครับ
    ผมเองก็ศิษย์หลวงพ่อครับ อิอิ
     
  12. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบบอนุโมทนาด้วยนะครับ
    ไม่สูญ แต่ก็ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอครับ อิอิ
     
  13. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมทราบดีครับ คุณต้นละเป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีที่ปรารถพุทธภูมิ แบบวิริยาธิกะพิเศษ
    ผมโมทนาในความปรารถนาของคุณต้นละด้วยครับ
     
  14. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เห็นท่านย้ำก็เลยเอามั้งนะครับ อิอิ.....

    ท่านครับ
    ผมแบบ ปัญญาธิกะแบบยาวนาน( 12,520 อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐มหากัปป์)ครับ
    ไม่ใช่แบบวิริยาธิกะครับ

    อาจจะแปลกไปหน่อย แต่ทุกอย่างต้องมีต้นแบบครับ อิอิ ( ดูหนังจีนมากไปหน่อยครับ )

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2010
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมขออนุญาตแนะนำคุณต้นละ ด้วยคำกล่าวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ

    ผมปรารถนาดีและไม่อยากให้ความปรารถนาในการบรรลุพระโพธิญาณของคุณต้นละต้องล่าช้าไปครับ ดังนั้นขออนุญาตชี้แจง



    [​IMG]
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



    ..........อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์ วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตน

    แล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้ว

    แต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)

    ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดวงดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่

    ทีนี้ต่อมา หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อ สดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมาก

    รวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้

    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่มี ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์์.........<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา : http://palungjit.org/threads/พระนิพพาน-หลวงปู่สดฯ-กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.87675/
     
  16. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    สุดยอดครับ 12,520 อสงไขย เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน

    ขนาดสมเด็จ ฯ องค์ปัจจุบันยังแค่ 20 อสงไขยเองครับ (หลังพุทธพยากรณ์ บำเพ็ญ 4 อสงไขย)

    โมทนา
     
  17. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น

    จงกล่าวโทษ โทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ

    ผู้ชนะ ที่แท้จริง คือ ชนะตัวเอง

    การอวดรู้ อวดภูมิ คือการอวดโง่

    คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก

    การรู้อดีต รู้อนาคต ยังเทียบไม่ได้ กับการรู้ ตัวเอง

    ถ้าว่าเราดีเมื่อไหร่ เราก็เลวเท่านั้น

    โมทนา กับธรรมมะ ดี ดี นะคะ หยุดเถอะ ค่ะ

    การอ้างเอาธรรมมะ คือคำสอน ขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเถียงกัน โดยไม่ปฏิบัติ เหมือนเล่นกับไฟ นะคะ จะต่างอะไร กับเสือกระดาษ หรือ เถรใบลานเปล่า และ กปิรภิกขุ (ผู้อวดอ้างตัว และเจนจบ ในปริยัติ จนลงอเวจีมหานรก) อาจจะพิมพ์ ผิดบ้าง ก็ขออภัย นะคะ

    พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับแสนกัป
    ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขยสองอสงไขยมาแล้วต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครูจะต้องเข้มแข็ง
    ถ้าไปโดนศรัทธาธิกะ ต้องหวด ๘ อสงไขย
    ถ้าวิริยะธิกะ ๑๖ อสงไขย

    เซ็งค่ะ บอกตรง ๆ อ่านแต่ต้น แล้ว นะคะ เอาพระสูตรใหน มาคุยกัน คะ หรือจะบิดเบือนคำสอน คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2010
  18. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ไม่มีอะไรล่าช้าในการบำเพ็ญหรอกครับ
    อย่างที่บอกนั้นล่ะครับ " ไม่สูญ แต่ก็ไม่มีอะไร "
    ขนาดอ.ที่ผมนับถือบำเพ็ญมาตั้ง ๑๖ อสงไขยท่านยังละปรารถนากลายเป็นสูญได้เลยนะครับ ( ไม่มีอะไร )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2010
  19. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ครับผม
    ขนาด วิริยาธิแบบพิเศษ ( ๑๔๘ อสงไขย )ยังมีเลย (พระศรีอาริย์ ๘๐ อสงไขยเอง )
    แบบปัญญาแบบพิเศษแบบยาวก็ต้องมีสิครับ อิอิ
    อย่างที่บอกนะครับ ว่าทุกอย่างต้องมีต้นแบบ
    และผมเองใช้ปัญญาบำเพ็ญ ความเพียรน้อยในด้านประเภท ( ปัญญา สัทธา เพียร )
     
  20. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ความจริงแล้ว ความมีกับไม่มีเป็นเนื้อเดียวกันครับ
    เพราะความมีเกิดจากจิตที่เปรียบเทียบ
    เช่นกัน ความไม่มีก็เกิดจากจิตที่เปรียบเทียบ

    “ดูกรกัจจนะโลกนี้ติด อยู่กับสิ่งสองประการ คือ “ความมี”และ “ความไม่มี” ผู้ใดเห็นความเกิดขึ้นของสิ่งทั้งหลาย ในโลกตามความเป็นจริงและดัวยปัญญา “ความไม่มี”อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น ดูก่อนกัจจนะ ผู้ใดเห็นความดับของสิ่งทั้งหลายในโลกตามความเป็นจริงและด้วยปัญญา “ความมี” อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น”

    ความมีกับไม่มียังเป็นสมมุติสัจจ์ครับ ในขั้นปรมัตถ์คือความไม่แบ่งแยก
    ห้วงหนึ่งคือมี อีกห้วงหนึ่งคือไม่มี เกิด-ดับ สลับไป มี-ไม่มี ล้วนมายา
    ทางมหายานจึงนำเรื่อง สุญญตา มาเป็นประเด็นสำคัญครับ...อิอิ
    เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ... รูปคือความว่าง ความว่างก็คือรูป รูปไม่ต่างจากความว่าง และความว่างก็ไม่ต่างจากรูป รูปกับความว่างเป็นเนื้อเดียวกัน ที่ต่างเพราะเปรียบเทียบ เช่นเดียวกับ ระยะทาง เวลา ขนาด ก็ไม่มีอยู่จริง มันขึ้นกับความสัมพัทธ์ สัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันเท่านั้นเอง

    อ่านๆไป คงจะเอะใจว่า ไอน์สไตน์เป็นลูกศิษย์พระโพธิสัตว์นาคารชุนรึเปล่าเนี่ย
    เพราะทฤษฎีสัมพัทธภาพ ก็ไม่ต่างอะไรกับคำว่า สุญญตา ที่นิกายศูนยวาทได้อธิบายไว้เลย - - ความไม่มีสวภาวะซึ่งตัวของมันเอง(ประมาณนี้ครับ ถ้าจะให้อธิบายจริงๆต้องเป็นเล่มๆ และถ้าจะให้เข้าใจจริงๆ ต้องภาวมยปัญญาครับ) ^^

    ฉะนั้น นิพพานไม่ขาดสูญครับ นิพพานเป็นธรรมชาติจริงแท้อันไร้การปรุงแต่ง ไม่ดำรงอยู่ในกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีกฏแห่งกรรม ทฤษฎีทางฟิสิกส์ทั้งปวงไม่มีอยู่ในนิพพาน เพราะนิพพานไม่อยู่ในสังสาร นิพพานไม่อยู่ในจักรวาล นิพพานไม่มีบิ๊กแบงค์ นิพพานไม่มีสัตว์ นิพพานไม่มีชีวะ นิพพานไม่ใช่จิต นิำพพานคือบรมสุขที่ไม่ได้มาจากการปรุงแต่งของจิตว่าสุข...
     

แชร์หน้านี้

Loading...