พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    คุณรู้จัก เครื่องสำอาง ดีเพียงใด

    วิธีแต่งหน้า คุณรู้จัก เครื่องสำอาง ดีเพียงใด


    [​IMG]

    คุณรู้จัก... เครื่องสำอาง ดีเพียงใด (สวยด้วยแพทย์)


    สำหรับคอลัมน์นี้ เราได้เสนอวิธีการแต่งเสริมเติมใบหน้าให้สวยงามไปแล้วหลายแบบ รวมถึงเทรนด์การแต่งหน้าใหม่ ๆ ตามฤดูกาล มาในวันนี้เราขอเสนอเรื่องของเครื่องสำอางว่า แท้จริงแล้วเครื่องสำอางคืออะไร แล้วทำไมบางคนถึงแพ้เครื่องสำอาง เป็นความรู้พื้นฐานสำหรับสาว ๆ ค่ะ

    เครื่องสำอางสามารถจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ ครีมสำหรับล้างหน้า สบู่ โลชั่น ผลิตภัณฑ์ใช้ก่อนแต่งหน้า และผลิตภัณฑ์แต่งหน้าต่าง ๆ สำหรับสาเหตุที่สาว ๆ

    บางท่านต้องประสบปัญหาแพ้เครื่องสำอางนั้นมาจาก

    [​IMG] เป็นภูมิแพ้แล้วมาใช้เครื่องสำอาง ทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น

    [​IMG] มีสารที่มีอันตรายปะปนอยู่ในเครื่องสำอาง (กรณีนี้ไม่ค่อยพบเห็นในปัจจุบันแล้ว)

    [​IMG] ใช้ผิดวิธี เช่น มีสิวขึ้นตามใบหน้าเยอะ แล้วคิดว่าการทารองพื้นให้หนาขึ้นจะช่วยปกปิดได้ ซึ่งแท้จริงแล้วกลับกลายเป็นการเพิ่มการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้อีก

    [​IMG] ใช้เมื่อร่างกายไม่อยู่ในสภาพปกติ เช่น เป็นไข้

    ดังนั้น หากจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง จึงต้องเข้าใจคุณสมบัติของเครื่องสำอางแต่ละชนิด และระมัดระวังทุกครั้งที่ใช้

    นี่เป็นทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ นำมาฝากค่ะ

    [​IMG] แม้จะเป็นเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำแต่หากร่างกายอยู่ในสภาพไม่ปกติ เครื่องสำอางอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองโดยที่เราคาดไม่ถึงได้

    [​IMG] หากใช้เครื่องสำอางแล้วเกิดผดผื่นขึ้น ให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคือคุณแพ้เครื่องสำอางแล้ว

    [​IMG] ผู้หญิงบางคนช่วงก่อนและหลังมีรอบประจำเดือนจะเกิดผดผื่นขึ้นจากการใช้เครื่องสำอาง นั่นเป็นเพราะระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไม่ใช่การแพ้เครื่องสำอางค่ะ

    [​IMG] ต้องล้างเครื่องสำอางทุกครั้งเมื่อถึงบ้าน ไม่ควรปล่อยให้ข้ามคืน เพราะจะทำให้รูขุมขนอุดตัน เป็นเหตุให้เกิดผดผื่น และสิวได้

    [​IMG] เมื่ออยากเปลี่ยนเครื่องสำอางใหม่ ให้ทดสอบว่าผิวเราจะระคายเคืองหรือไม่ที่บริเวณด้านในแขนตรงใต้รักแร้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวจะรับสัมผัสได้ไวเป็นพิเศษ

    [​IMG] ห้ามเสียดายเด็ดขาดถึงแม้เครื่องสำอางจะราคาแพงก็ตาม หากทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง

    เพื่อให้การใช้เครื่องสำอางขอบคุณเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ แต่งแต้มใบหน้าให้สวยงานตามต้องการ เราจึงต้องทำความเข้าให้ถ่องแท้ค่ะ

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    นิตยสารสวยด้วยแพทย์
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เตือนวัดระวังแก๊งตุ๋นซื้อเต็นท์

    ˹ѧ

    เตือนวัดระวังแก๊งตุ๋นซื้อเต็นท์



    นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสงขลา (กอ.รมน.จว.สข.) ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือ แจ้งมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เพื่อแจ้งให้วัดต่างๆ ทั่วประเทศ ได้รับทราบว่า ตามที่ขณะนี้ปรากฏว่ามีผู้แอบอ้างขอความสนับสนุน "ซื้อเต็นท์สนามมอบให้เหล่าทหารกล้า" ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นค่าเต็นท์สนามและอุปกรณ์เครื่องสนามออกลาดตระเวน โดยเป็นราคาเต็นท์สนาม ชุดละ 14,000 บาท รวมอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องสนามชุดละ 9,000 บาท เพื่อช่วยเหลือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กอ.รมน.จว.สข.ขอเรียนว่าไม่ได้ดำเนินการขอรับการสนับสนุน "ซื้อเต็นท์สนามมอบให้เหล่าทหารกล้า" ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามหนังสือขอรับการสนับสนุนดังกล่าว และผู้ลงนามในหนังสือก็มิใช่รอง ผอ.รมน.จว.สข.(ท.) แต่อย่างใด จึงขอแจ้งให้วัดต่างๆ ได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ทั้งนี้ กอ.รมน.จว.สข. ได้ทำหนังสือดังกล่าวมาเพื่อขอความร่วมมือมายังสำนักพุทธฯ เพื่อให้แจ้งไปยังทุกวัดทั่วประเทศ มิให้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่จะขอรับบริจาคเงินโดยอ้างว่าจะนำเงินไปเพื่อดำเนินการซื้อเต็นท์ให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีวัดใดที่หลงเชื่อบริจาคเงิน ขณะเดียวกันสำนักเลขาธิการมหาเถรฯ ยังทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศให้คอยเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว และกำชับไปว่าหากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    "ในหลวง"รับสั่งผู้พิพากษา รักษาความยุติธรรมในหน้าที่-นอกหน้าที่ แม้คนไม่ดียังหวังพึ่งความยุติธรรม

    Matichon Online:

    "ในหลวง"รับสั่งผู้พิพากษา รักษาความยุติธรรมในหน้าที่-นอกหน้าที่ แม้คนไม่ดียังหวังพึ่งความยุติธรรม

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1265032851&grpid=00&catid=


    ในหลวงรับสั่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รักษาความยุติธรรมทุกเมื่อ เพื่อเป็นประกันของความสงบสุข ความเรียบร้อย ความหวังของประเทศ ตราบใดที่เป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม ก็เชื่อว่าช่วยให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อย มีความสงบสุข ถ้าทำดีก็ช่วยให้ประเทศไปรอด



    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 17.53 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม จำนวนคน 168 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

    โอกาสนี้ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และ นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเข้าเฝ้าฯด้วย

    ในการนี้ได้พระราชทาน พระบรมราโชวาท แก่คณะผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม ความว่า ศาลฎีกามีความสำคัญมาก เพราะถ้าปฎิบัติเท่ากับเป็นตัวอย่างในการตุลาการของประเทศ สำหรับศาลทุกขั้น ตั้งแต่ศาลท้องที่ จนกระทั่งศาลสูงสุดคือ ศาลฎีกา ฉะนั้นการที่ท่านต้องปฎิญาณตนว่า จะปฎิบัติหน้าที่ในทางที่ดีที่สุด หมายความให้ปฎิบัติอย่างถูกต้อง กล่าวคือ การปฎิบัติถูกต้องตามหน้าที่ของท่านในฐานะผู้พิพากษาก็ต้องมีการปฎิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างเข้มแข็ง และอันนี้มิใช่เฉพาะในโรงศาลแต่ในตามทั่วไป หมายความว่า ทุกเมื่อ เมื่อคนเขาเห็นว่านี้เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาก็ต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัดสำหรับความยุติธรรม ความเป็นบุคคลของประเทศที่ถือว่าเป็นผู้รักษาความเรียบร้อยของประเทศ ฉะนั้นท่านก็ต้องรักษาความเคร่งครัดของหน้าที่นี้ต่อไป ไม่ใช่เฉพาะในโรงศาลแต่ทุกเมื่อ

    เมื่อคนเขาเห็นว่านี้คือผู้พิพากษาศาลฎีกาของประเทศ แม้จะไม่ได้แต่งเครื่องแบบของศาลคนก็จะจำได้ว่านี้คือ ผู้พิพากษาที่ประสาทความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกเหล่า ทุกพวก ทุกเมื่อ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าเขาจำได้ว่านี่คือผู้พิพากษาที่ต้องรักษาความยุติธรรมของประเทศเขาก็หวังพึ่งความยุติธรรมของท่าน ก็จะต้องเห็นความยุติธรรม ความศักดิสิทธิ์ของศาล เขาก็มีความหวังว่าในประเทศมีความยุติธรรม ในประเทศมีผู้ที่รักษาความยุติธรรม ฉะนั้นท่านจะต้องรักษาความยุติธรรมนี้ทุกเมื่อ ในหน้าที่และนอกหน้าที่ จนกระทั่งชีวิตท่านจะหาไม่เพราะว่าคนเขานับถือศาล ซึ่งเป็นของที่ดีของประเทศที่เมืองไทยมีศาล และคนหวังในความยุติธรรม ถ้าเขารู้ว่ามีความยุติธรรมในประเทศจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เขาก็จะต้องรู้ว่ามีความหวังกัน หวังในประเทศว่ามีความยุติธรรม

    ฉะนั้น ท่านต้องเป็นผู้รักษาความยุติธรรม ทำหน้าที่เป็นของดี ทุกเมื่อ ประเทศชาติก็จะมีความหวังที่จะมีความเรียบร้อยแม้แต่ตัวคนร้ายก็หวังความยุติธรรม ผู้ที่มีจิตไม่ทำอะไรที่เรียบร้อย ที่ดีเขาก็จะทำดีขึ้น ดีกว่าที่จะไม่มีเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านทั้งหลายมีความสำคัญมาก เพราะแต่ละคนเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม เป็นเครื่องหมายของความดี เป็นเครื่องหมายของความเรียยบร้อยของประเทศชาติ

    ไม่น่าเชื่อว่าแต่ละคนมีความสำคัญ แต่ละคนที่เป็นผู้พิพากษามีความสำคัญมากสำหรับความเรียบร้อย ความหวังของคนทั่วประเทศ ซึ่งเหมือนจะเป็นคนดีบ้างคนไม่ดีบ้าง คนไม่ดีก็มี แต่อย่างไรผู้พิพากษาก็ต้องปฎิบัติหน้าที่และแม้จะไม่ได้ปฎิบัติติหน้าที่เขาก็มีความหวังทำให้คนเป็นคนดีมากขึ้น ถ้าประเทศชาติมีความดีประเทศก็มีความหวังได้ว่ามีความสมบุรณ์ มีความสุขในประเทศไทย ฉะนั้นท่านเป็นประกันของความสุข ความเรียบร้อย ความหวังของประเทศ เท่ากับเป็นผู้ที่รักษาความยุติธรรม

    เมื่อการรักษาความยุติธรรมไว้ก็เป็นคนที่รักษาความสงบสุขของประเทศ ฉะนั้นจึงขอให้สำนึกว่าแต่ละคนมีความสำคัญมาก ต่อประเทศชาติ ต่อส่วนร่วมเพราะเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ในการปฎิบัติกฎหมายสูงสุด ทุกคนมีความหวังในผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ ปฎิบัติความยุติธรรม ทั้งเมื่อท่านนั่งบัลลังค์ในศาลฎีกา หรือไม่ใช่ในโรงศาลชื่อท่านก็เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ตราบใดที่ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม ก็เชื่อว่าช่วยให้ประเทศชาติมีความเรียยบร้อย มีความสงบสุขได้ คนที่อยู่ก็มีความสงบ มีความยุติธรรม ให้ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรมในประเทศ ทำให้ประเทศชาติไปรอดได้ดี หมายความว่า ท่านเป็นเครื่องหมายด้วยการปฎิบัติ ถ้าท่านทำดีก็เชื่อว่าท่านก็รู้ว่าท่านทำดี ถ้าท่านทำดีก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศไปรอด ทุกคนอยากให้ประเทศไปรอด แม้แต่โจรที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เขาก็ต้องการความสงบสุข ถ้าท่านทำให้คนทั้งประเทศมีความหวังในความสงบ ในความยุติธรรม ประเทศชาติก็ไปด้วยดี

    แต่ละท่านก็มีความหวัง มีความพอใจในการปฎิบัติหน้าที่เพราะได้ช่วยส่วนร่วม ขอให้ท่านสามารถปฎิบัติความดีของผู้พิพากษาศาลฎีกาอันมีเกียรติอย่างยิ่งของประเทศ ขอให้ท่านมีกำลังใจปฎิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาตลอดไปตลอดชีวิตแม้เมื่อไรที่ท่านจะหมดหน้าที่ก็หมายความว่าท่านอาจจะตาย ท่านก็ยังรักษาความดีนี้เอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น

    ฉะนั้น ถ้าท่านรักษาความดี ผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านก็มีเกียรติ ท่านได้ทำหน้าที่อย่างเหนียวแน่นจริงๆ ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายตลอด เพื่อสามารถปฎิบัติงานผู้พิพากษาศาลฎีกาด้วยความเข้มแข็ง เหนียวแน่นที่สุด ไม่มีท้อใจ เหนียวแน่นจริงๆ แม้กระทั่งหมดแรง ถ้าท่านทำได้ดีอย่างนี้ท่านก็มีเกียรติมาก ท่านก็เป็นผู้ช่วยประเทศให้ผ่านพ้นอุปสรรตต่างๆ และท่านเองจะได้รับผลประโยนช์ของการตัดสินใจเป็นผู้พากษาศาลดีกา ทำหน้าที่เพื่อความเรียบร้อยของประเทศ ขอให้ท่านรักษาความดี เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งกฎหมายและความยุติธรรมตลอดชีวิตรักษาความดีของการเป็นผู้พิพากษาอย่างเหนียแน่น

    ท่านจะได้ทำตามที่ได้ปฎิญาณ ถ้าทำได้ท่านก็เป็นผู้มีคุณภาพ ตามที่ได้ปฎิญาณตนว่า จะทำหน้าที่สำคัญนี้ให้ตลอดไป ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญาครบถ้วนในการปฎิบัติงานของผู้พิพากษาศาลฎีกาไปตลอดชีวิต ท่านจะได้เป็นคนมีคุณภาพ เป็นคนที่ทำตามที่ได้ปฎิญาณตนขอให้ท่านสามารถปฎิบัติตามคำปฎิญาณอย่างเหนียวแน่ ซึ่งจะเป็นประโยนช์ต่อส่วนร่วม ทำทุกอย่างที่มีอยู่ในใจเมื่อเปล่งคำปฎิญาณ ไม่ทราบว่าในใจของท่านมีอะไรอยู่ในใจ แต่ก็หวังว่าเป็นความดี ความสงบ และความตั้งใจที่จะให้ส่วนร่วมอันเรียกว่าประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข มีความเหนียวแน่นในความเข้มแข็งเต็มที่ ถ้าทำได้แล้ว ท่านได้ช่วยคนจำนวนมากให้มีความหวังในชีวิต และถ้าทำได้ ท่านมีบุญที่ได้มีโอกาสได้ช่วยคนจำนวนมากให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้ท่านสามารถปฎิบัติหน้าที่โดยครบถ้วนชั่วกาลนานจนกระทั้งชีวิตจะหาไม่

    เพราะฉะนั้น ที่ท่านมาปฎิญาณตนไม่ใช่สิ่งกลวงๆ เป็นสิ่งสำคัญของประเทศชาติ จะช่วยคนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน ขอให้ท่านรักษาความศักดิสิทธิ์ของการเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาขอให้มีความสำเร็จ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะทำ ขอให้ท่านสำเร็จตามที่ได้เปล่งวาจาขอให้มีความสำเร็จและมีความสุขในงานการ ให้มีความสุขที่จะช่วยคนส่วนมากให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เมื่อวานนี้ ผมฝากพระพิมพ์ "พระแม่ธรณี" ของวังหน้า จำนวน 300 องค์ ให้กับน้องอุ้ม เพื่อที่จะฝากให้พี่เอื้อยได้ถวายพระภิกษุ(ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ และแล้วแต่พี่เอื้อยกับน้องอุ้มว่า จะถวายองค์ไหน) ในช่วงเวลาวันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่จะถึงนี้( 6 - 7 มกราคม 2553) และผมได้ฝากเงินกับน้องอุ้ม เพื่อที่จะไปชำระหนี้สงฆ์ แล้วแต่น้องอุ้มจะไปทำที่ไหน จำนวนเงินเท่าไหร่ครับ

    มาโมทนาบุญร่วมกัน

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ช่วงนี้ ผมเองจะถวายพระพิมพ์ต่างๆของวังหน้า ฝากหลายๆท่าน ไปถวายพระภิกษุ ที่ท่านปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ แล้วแต่ท่านจะไปทำอะไร ตามประสงค์ของท่าน

    แต่หากมีผู้ที่รับพระพิมพ์ต่างๆของวังหน้าไปแล้ว แล้วยังไม่เชื่อในพระภิกษุ(ที่ท่านแจก) ไปถามแก๊งบัวใต้น้ำ แล้วแก๊งบัวใต้น้ำบอกว่า เก๊ หรือ ไม่แท้ หรือคำพูดในลักษณะนี้ ยิ่งบอกมากเท่าไหร่ กรรมไปมากเท่านั้น เนื่องจากปรามาสทั้ง(ทุก)เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพิมพ์ต่างๆของวังหน้า , ปรามาสพระภิกษุที่ท่านปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบอีก

    เทคนิคง่ายๆในการพาคนไป(อยู่)นรก หุหุหุ

    .
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ความคิดดีครับ ส่วนของผมฝากน้องอุ้มชำระหนี้สงฆ์ด้วยครับ หุ หุ
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ตาลุงฝากถามว่า แล้วเขียวแบบนี้กับไม่มี dell ด้วยโอเคปล่าวครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 16 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, กิติ, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า ต้องรีบไปบุกบ้านตาลุงกันแล้วครับคุณnongnooo

    .
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    2 ท่าน ถนัดในการ"ยืมดาบฆ่าคน" หุ..หุ..แต่การยืมเช่นนี้จะต้องให้แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้ กลับอาจถูกศัตรูย้อนรอย

    [​IMG]


    36กลยุทธ์แห่งชัยชนะ

    ส่งมาโดย kennabee เมื่อ 10/8/2008 2:02:33
    36กลยุทธ์แห่งชัยชนะ ในการสัประยุทธ์ทุกปริมณฑล

    แบ่งเป็น6ส่วนส่วนละ6กลยุทธ์ทั้งหมด36กลยุทธ์

    กลยุทธ์ชนะศึก
    "ยามเมื่อเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด"

    .....กลยุทธ์ที่ 1 ปิดฟ้าข้ามทะเล
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า สิ่งที่ตนคิดว่าได้ตระเตรียมไว้อย่างพร้อมมูลแล้ว ก็มักจะมึนชาและประมาทศัตรูได้ง่าย สิ่งที่พบเห็นอยู่เสมอในยามปรกติก็ไม่เกิดความสงสัยอีกต่อไป

    .....กลยุทธ์ที่ 2 ล้อมเว่ยช่วยเจ้า
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกรวมศูนย์กำลังพลไว้ ควรจะใช้กลอุบายดึงแยกข้าศึกออกไป ทำให้กำลังพลกระจัดกระจาย ห่วงหน้าพะวงหลัง ครั้นแล้วจึงเข้าโจมตี นี้ก็คือ “ศัตรูรวมมิสู้ศัตรูแยก” และตำราพิชัยสงครามในสมัยโบราณ ขนานนามยุทธศาสตร์การส่งทหารเข้าบุกข้าศึกก่อนเป็น “ศัตรูแจ้ง” ส่วนยุทธศาสตร์กำราบข้าศึกทีหลังเป็น “ศัตรูมืด”

    .....กลยุทธ์ที่ 3 ยืมดาบฆ่าคน
    กลยุทธ์นี้มีความหวายว่า เมื่อศัตรูปรากฏแน่ชัด แต่มิตรยังลังเล สิ่งที่พึงกระทำก็คือล่อให้พันธมิตรออกไปปะทะศัตรู นี้เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งใช้ความขัดแย้ง ยืมกำลังของคนอื่นไปทำลายศัตรู เพื่อรักษากำลังตนเองไว้ แต่การยืมเช่นนี้จะต้องให้แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้ กลับอาจถูกศัตรูย้อนรอย

    .....กลยุทธ์ที่ 4 รอซ้ำยามเปลี้ย
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสงค์จักทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะลำบาก ไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีรบแต่ฝ่ายเดียว อาจจะใช้วิธี "แกร่งเสียอ่อนได้” ตามที่กล่าวไว้ใน “คัมภีร์อี้จิง สูญเสีย เพื่อให้ได้รับชัยชนะก็ได้”

    "ยามเมื่อเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด"

    .....กลยุทธ์ที่ 5 ตีชิงตามไฟ
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกอยู่ในภาวะวิกฤติ ควรฉวยโอกาสรุกรบโจมตี เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หรือให้ผู้เข้มแข็งออกโรงเข้าแทรกแซงให้ผู้อ่อนกว่ายอมสยบด้วย นี้ก็คือที่เรียกว่า “ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อน”

    .....กลยุทธ์ที่ 6 ส่งเสียงบุรพาฝ่าตีประจิม
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ตามคำอธิบายของ “คัมภีร์อี้จิง ปั่นป่วน” คำว่า “ดุจจมในปลัก” ก็คือตกอยู่ในภาวะที่รวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน แต่ขยับตัวหรือกระจายแนวออกต่อตีมิได้ มีอันตรายที่จะพังพินาศได้ทุกเวลา ประดุจฝูงสัตว์ที่ขาดหัวหน้า มิมีการบัญชาที่ถูกต้อง ก็จักต้องพ่ายแพ้ไม่ช้าก็เร็ว

    กลยุทธ์เผชิญศึก
    “ยามเมื่อเผชิญศึก เท็จลวงกับจริงแท้ พึงใช้สอดแทรกซึ่งกันและกันอย่างสลับซับซ้อน ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ”

    .....กลยุทธ์ที่ 7 มีในไม่มี
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ให้ใช้ภาพลวงล่อหลอกข้าศึก แต่มิใช้จะล่อลวงจนถึงที่สุด หากแต่เพื่อแปรเปลี่ยนจากลวงเป็นจริง ทำให้ข้าศึกเกิดความหลงผิด ที่ว่า “ลวง” ก็คือ “หลอกลวง” ที่ว่า “มืด” ก็คือ “เท็จ” จากมืดน้อยไปถึงมืดมาก จากมืดมากแปรเปลี่ยนเป็นสว่างแจ้ง ก็คือใช้ภาพลวงปกปิดภาพจริง ผันจากเท็จลวงให้กลายเป็นแท้จริงแท้ นี้เป็นเรื่องในการศึกเท็จลวงและแท้จริงแท้สลับกันเป็นฟันปลา ในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง

    .....กลยุทธ์ที่ 8 ลอบตีเฉินชัง
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ในการศึก ใช้โอกาสที่ฝ่ายข้าศึกตัดสินใจจะรักษาพื้นที่ แสร้งทำเป็นจะโจมตีด้านหน้า แต่เข้าจู่โจมในพื้นที่ที่ข้าศึกไม่สนใจอย่างมิได้คาดคิด ใน “คัมภีร์อี้จิง ประโยชน์” เรียกว่า “เข้าจู่โจมดุจพายุ” ซึ่งก็คือกลวิธีวกวนลอบเข้าจู่โจมอย่างเป็นฝ่ายกระทำ เข้าตีข้าศึกโดยมิได้ระวังตัว เอาชนะอย่างมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง

    .....กลยุทธ์ที่ 9 ดูไฟชายฝั่ง
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสบกับภาวะที่ข้าศึกแตกแยกวุ่นวายปั่นป่วนอย่างหนัก พึงรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ หากข้าศึกใช้ความป่าเถื่อนแก่กัน ต่างพิพากเข่นฆ่ากัน แนวโน้มก็จักพาไปสู่ความวินาศเอง ในเวลาเยี่ยงนี้จำต้องปฏิบัติให้คล้อยตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพข้าศึก ตระเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ชิงมาซึ่งชัยชนะโดยใช้การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของทางฝ่ายข้าศึกให้เป็นประโยชน์

    .....กลยุทธ์ที่ 10 ซ่อนดาบบนรอยยิ้ม
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จะต้องทำให้ข้าศึกเชื่อว่าเรามิได้เคลื่อนไหวอะไรเลย จึงสงบไม่เคลื่อนเช่นกัน ทั้งเกิดความคิดมึนชาขึ้น แต่เรากลับดำเนินการตระเตรียมเป็นการลับ รอคอยโอกาส เพื่อที่จะออกปฏิบัติการ โดยฉับพลันทันที แต่ต้องระวังมิให้ข้าศึกล่วงรู้ก่อน อันจะทำให้สภาพการณ์เกิดเปลี่ยนแปลงไป

    .....กลยุทธ์ที่ 11 หลี่ตายแทนถาว
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อการพัฒนาของสถานการณ์มิเป็นผลดีแก่ตน จักต้องเกิดความเสียหายอย่างหลียกเลี่ยงไม่พัน เพื่อที่จะแปรความเสียเปรียบเป็นความได้เปรียบ ก็จะต้องยอมเสีย “มืด” เพื่อประโยชน์แก่ “สว่าง” ซึ่งก็หมายความว่าจำต้องเสียสละส่วนหนึ่ง เสียค่าตอบแทนน้อย เพื่อแลกกับชัยชนะทั่วทุกด้าน

    .....กลยุทธ์ที่ 12 จูงแพะติดมือ
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า แม้จะเป็นความเลินเล่อของข้าศึกเพียงเล็กน้อย เราก็พึงฉกฉวยเอาประโยชน์ แม้จะเป็นชัยชนะเพียงเล็กน้อย ก็จะต้องชิงเอามาให้ได้

    กลยุทธ์เพื่อการเข้าตี
    “เมื่อสองฝ่ายเริ่มรบด้วยกลศึก พึงใช้ทุกมาตรการถือเพทุบายเป็นวิถี เอาชนะด้วยเล่ห์กล”
    .....กลยุทธ์ที่ 13 ตีหญ้าให้งูตื่น(ปัจจุบันกลายเป็นแหวกหญ้าให้งูตื่น)
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อมีสิ่งใดพึงสงสัย ควรจังส่งคนสอดแนมให้รู้ชัด กุมสภาพข้าศึกได้แล้ว จึงเคลื่อน นี้เรียกว่า “สงสัยพึงแจ้ง สังเกตจึงเคลื่อน”
    .....ใน “คัมภีร์อี้จิง ซ้ำ” ได้อธิบายไว้ว่า “ใช้มรรควิธีเดิมกลับไปมา 7 วัน เมื่อละเอียดแล้ว จึงเข้าใจสิ่งนั้นได้” ความหมายของคำนี้ก็คือ ต่อสิ่งใดก็ตามจังต้องสังเกตซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงจะสามารถจำแนกแยกแยะมันได้ถูก

    .....กลยุทธ์ที่ 14 ยืมซากคืนชีพ
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ผู้ที่มีความสามารถและมีบทบาทนั้น จะใช้อย่างผลีผลามมิได้ ส่วนผู้ที่ไร้ความสามารถ ก็มักจะมาของความช่วยเหลือจากเรา การใช้ผู้ที่ไร้ความสามารถ มิใช้เพราะว่าเราต้องการจะใช้เขา หากแต่เพราะเขาต้องการพึ่งเรา คำว่า “เด็กไร้เดียงสา” มาจาก “คัมภีร์อี้จิง ไร้เดียงสา”

    .....กลยุทธ์ที่ 15 ล่อเสือออกจากถ้ำ
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จะต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลอันเป็นเงือนไขตามธรรมชาติ เช่น หนาว ร้อน ฝน แจ้ง เป็นต้น ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างและเพิ่มความยากลำบากให้กับข้าศึก ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ภาพลวงที่เราจงใจสร้างขึ้น ล่อให้ข้าศึกออกจากแนวป้องกัน หลังจากนั้นก็โจมตีหรือทำลายเสีย

    .....กลยุทธ์ที่ 16 แสร้งปล่อยเพื่อจับ
    กลยุทธ์นี้หมายความว่า ถ้าบีบคั้นจนเกินไปนัก สุนัขก็จักสู้อย่างจนตรอก ปล่อยข้าศึกหนี ก็จักทำลายความเหิมเกริมของข้าศึกได้ ทว่าต้องไล่ตามอย่าละ เพื่อบั่นทอนกำลังของข้าศึกให้กระปลกกะเปลี้ย ครั้นเมื่อสิ้นเรี่ยวแรงใจก็มิคิดต่อสู้ด้วยแล้ว จึงจับ อันเป็นการรบที่ไม่เสียเลือดเนื้อ อีกทั้งทำให้ข้าศึกแตกสลายไปเอง

    .....กลยุทธ์ที่ 17 โยนกระเบื้องล่อหยก
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ใช้สิ่งที่คล้ายคลึงกันไปล่อข้าศึก ให้ข้าศึกต้องอุบายพ่ายแพ้ไป
    การใช้กลยุทธ์นี้ กำหนดขึ้นตามสภาพรูปธรรมของข้าศึก ในตำราพิชัยสงครามชื่อ "ร้อยยุทธการพิสดาร การรบที่ได้ประโยชน์” กล่าวไว้ว่า “เมื่อประมือกับข้าศึก ขุนพลฝ่ายตรงข้ามโง่เง่ามิรู้พลิกแพลง จักล่อด้วยประโยชน์ เขาละโมบในประโยชน์ มิรู้ผลร้าย ก็ซุ่มทหารลอบตีได้ ข้าศึกจักพ่ายนี้คือ “ล่อด้วยประโยชน์”

    .....กลยุทธ์ที่ 18 จับโจรเอาหัวโจก
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จักต้องตีข้าศึกในจุดที่เป็นหัวโจของกองทัพ เพื่อสลายพลังของข้าศึก “มังกรสู้บนปฐพี ก็อับจนหมดหนทาง” เปรียบประดุจมังกรในทะเล ขึ้นมาสู้กับศัตรูบนพื้นแผ่นดิน ก็จักปราชัยแก่ข้าศึกโดยง่าย คำนี้เดิมพบใน “คัมภีร์อี้จิง ดิน” ซึ่งแฝงความนัยว่า “จับโจรให้เอาตัวหัวโจก” อันเป็นกลอุบายใช้วิธี “ตีงูให้ตีหัว” เพื่อสยบข้าศึกอย่างหนึ่ง

    กลยุทธ์ติดพัน
    “เมื่อเกิดศึกชุลมุน พึงตีหัวใจเป็นสำคัญ ลวงข้าศึกให้หย่อนการป้องกัน สยบข้าศึกด้อยอ่อนพิชิตแข็ง”

    .....กลยุทธ์ที่ 19 ถอนฟืนใต้กระทะ
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อเปรียบเทียบกำลังกันแล้ว มิเหนือกว่าข้าศึก พิงหาทางบันทอนความฮึกเหิมลงเสีย
    “ดุจฟ้าอยู่เหนือน้ำ” ตามคำอธิบายของ “คัมภีร์ 64 ทิศ ปฏิบัติ” “น้ำ” หมายถึงความแกร่ง “ฟ้า” หมายถึงความอ่อน รวมแล้วหมายความว่า เอาอ่อนชนะแข็ง ซึ่งก็คือพึงใช้วิธีอ่อนพิชิตแข็ง ฉกฉวยโอกาสทำลายกำลังส่วนหนึ่งของข้าศึกไปเสีย ให้พ่ายไปสิ้นในภายหลัง

    .....กลยุทธ์ที่ 20 กวนน้ำจับปลา
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกเกิดความปั่นป่วนในกองทัพของตน เราจักต้องฉวยโอกาสความวุ่นวาย มิรู้ที่จะทำประการใดของข้าศึกนี้ แย่งยึดเอาผลประโยชน์มา หรืออีกนัยหนึ่ง “เอาชัยจากคงวามปั่นป่วน” ดุจดังพายุฝนกระหน่ำยามค่ำคืน ที่ต่ำก็จักขังน้ำ ผู้คนจักเข้าสู่นิทรารมณ์ อันเป็นปกติวิสัยของธรรมชาติมนุษย์

    .....กลยุทธ์ที่ 21 จักจั่นลอกคราบ
    กลยุทธ์นี้มีความหวายว่า รักษาไว้ซึ่งแนวรบเยี่ยงเดิม ให้ดูน่าเกรงขามเหมือนเก่า ฝ่ายมิตรก็มิสงสัย ฝ่ายข้าศึกมิกล้าผลีผลาม ครั้นแล้ว จึงถอนตัวอย่างปกปิด เคลื่อนกำลังหลักให้หลบเลี่ยงไป
    “เลี่ยงเพื่อสลาย ลวง” คำนี้มาจาก “คัมภีร์อี้จิง ลวง” “เลี่ยง” ก็คือหลบหลีก “ลวง” ก็คือทำให้งงงวย
    นี้นับเป็นกลยุทธ์ถอยทัพอย่างไม่กระโตกกระตาก เพื่อเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ หรือหลีกเลี่ยงความสูญเสียอย่างหนึ่ง

    .....กลยุทธ์ที่ 22 ปิดประตูจับโจร
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ต่อข้าศึกอ่อนแอจำนวนน้อย พึงโอบล้อมแล้ว ทำลายเสียให้สิ้น เพื่อมิให้เป็นภัยแก่เราในภายหลัง
    “ปล่อย มิเป็นคุณซึ่งติดพัน” มาจาก “คัมภีร์อีกจิง ปล่อย” “ปล่อย” ในที่นี้หมายถึงการแตกกระจายออกเป็นกองเล็กกองน้อยของข้าศึก กำลังก็อ่อนเปลี้ยจนไร้สมรรถนะที่จะสู้รบแล้ว “ติดพัน” หมายถึงการไล่ติดตามไม่ลดละทั้งใกล้และไกล “มิเป็นคุณซึ่งติดพัน” ก็คือ ต่อข้าศึกกองเล็กกองน้อย ปล่อยให้หนีไปได้ แม้จะเล็ก แต่ก็สามารถย้อยกลับมาสร้างความยุ่งยากแก่เรา จนเราต้องไล่ติดตามเพื่อทำลายเสีย เช่นนี้มิเป็นประโยชน์แก่เรา

    .....กลยุทธ์ที่ 23 คบไกลตีใกล้
    กลยุทธ์นี้หมายความว่า เมื่อถูกจำกัดโดยสภาพแวดล้อม ควรตีเอาข้าศึกที่อยู่ใกล้ตัว จึงจะเป็นประโยชน์แก่ตน โจมตีข้าศึกที่อยู่ไกล จักเป็นผลร้ายแก่ตน
    “เปลวไฟลอยขึ้น น้ำบึงไหลลง” หมายความว่า การผูกมิตรนั้น แม้ความคิดเห็นจะไม่ตรงกัน ก็สามารถที่จะร่วมมือกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
    คำนี้มาจาก “คัมภีร์อี้จิง ต่าง” ความว่า “เปลวไฟลอยขึ้น น้ำบึงไหลลง บุรุษจักร่วมกันเพราะความผิดแผก”
    ดังนั้น ต่อข้าศึกใกล้และไกล พึงมีนโยบายที่แตกต่างกัน นี้เป็นกลยุทธ์ที่ผูกมิตรกับรัฐไกล เพื่อเอาชัยต่อรัฐใกล้อย่างหนึ่ง

    .....กลยุทธ์ที่ 24 ยืมทางพรางกล
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ประเทศเล็กที่อยู่ในระหว่าง 2 ประเทศใหญ่เมื่อถูกข้าศึกบังคับให้สยบอยู่ใต้อำนาจ เราพึงให้ความช่วยเหลือโดยพลัน เพื่อให้ประเทศที่ถูกข่มเหงเชื่อถือ ต่อประเทศที่ตกอยู่ในความยากลำบาก การช่วยเหลือแต่เพียงทางวาจา มิได้มีการกระทำที่เป็นจริง ย่อมจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ที่รอดความช่วยเหลือ

    กลยุทธ์ร่วมรบ
    “เมื่อร่วมรบด้วยพันธมิตร พึงให้ได้อำนาจบัญชาการ ทั้งฝ่ายเราและศัตรู”
    .....กลยุทธ์ที่ 25 ลักขื่อเปลี่ยนเสา
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ต่อกำลังที่ร่วมรบด้วยข้าศึกกับเราหรือต่อข้าศึกจักต้องหาทางเปลี่ยนแปลงแนวรบฝ่ายนั้นอยู่เสมอ ถอดถอนเคลื่อนย้ายกำลังสำคัญของฝ่ายนั้นไป รอให้ฝ่ายนั้นอ่อนแอต้องประสบกับความพ่ายแพ้จึงฉวยโอกาสแปรกำลังฝ่ายนั้น ให้กลายมาเป็นของเรา แล้วควบคุมกำลังของฝ่ายนั้นไว้ใต้การบัญชา

    .....กลยุทธ์ที่ 26 ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อผู้ที่เข้มแข็งกว่าหรือรัฐใหญ่รังแกผู้ที่อ่อนแอหรือรัฐเล็กแล้ว ก็ควรจะใช้วิธีการตักเตือนให้เกรงกลัว ถ้าแม้นเราแสดงความเข้มแข็งให้ประจักษ์ ก็จักได้รับการสนับสนุนจากผู้อ่อนแอ ถ้าเรากล้าใช้ความรุนแรง ก็จักเป็นที่ยอมรับนับถือแก่ผู้อ่อนแอ
    “แกร่งจึงต้อนรับ เสี่ยงจึงยอมสยบ” เดิมมาจาก “คัมภีร์อี้จิง แม่ทัพ” ความเต็มว่า "แกร่งจึงต้อนรับ เสี่ยงจึงยอมสยบ นี้คือหนทางปกครองแผ่นดินราษฎรจึงขึ้นต่อ”

    .....กลยุทธ์ที่ 27 แสร้งทำบอแต่ไม่บ้า
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ยอมแสร้งทำเป็นโง่ มิเคลื่อนไหว อย่าทำเป็นสู่รู้ทำบู่มบ่าม
    คำว่า “ดุจดั่งอสนีบาตหยุดฟาดฟัน” เก็บความมาจาก “คัมภีร์อี้จิง หยุด” ความว่า “อสนีบาตฤดูหนาวแฝงกายอยู่ใต้พื้นพสุธา จักแผดร้องก้องนภาคราฤดูใบไม้ผลิ” ซึ่งความหมายว่า ผู้ที่มีสติปัญญามิพึงแสดงตัว แต่พึงเตรียมการทั้งปวงอย่างลับๆ ประหนึ่งคมดาบอยู่ในฝัก มิปรากฏให้เห็น ครั้งเมื่อถึงกาลอันควร ก็จักคำรนคำรามเหมือนสายฟ้า ที่จะกระหน่ำพสุธาให้แตกสลายไปฉะนั้น

    .....กลยุทธ์ที่ 28 ขึ้นบ้านชักบันได
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จงใจเปิดจุดอ่อนให้ข้าศึกเห็น สร้างเงื่อนไขและล่อหลอกให้ข้าศึกเข้าตี ครั้นแล้วตัดขาดส่วนหน้าที่คอยสมทบ และส่วนหลังที่เป็นกำลังหนุน บีบให้ข้าศึกเข้าไปในปากถุงที่เปิดอ้าไว้รับหรือในวงล้อมหลุมพรางที่วางดักไว้
    “เจอพิษ มิควรที่” มีใน “คัมภีร์อี้จิง ขบ” เปรียบประดุจเคี้ยวกระดูกหรือเนื้อเหนี่ยว รังแต่จะทำให้ฟันชำรุดเสียหาย หรือเหมือนดั่งมักได้ในสิ่งที่มิควรได้ ย่อมจักนำมาซึ่งความวิบัติฉะนั้น

    .....กลยุทธ์ที่ 29 ต้นไม้ผลิดอก
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ใช้แนวรบของมิตรมาสร้างแนวรบที่เป็นประโยชน์แต่เราขึ้น แม้กำลังจะน้อย แต่ก็สามารถทำให้ดูเหมือนใหญ่โต ดุจเดียวกับนกอินทรีที่ผกผินอยู่ในอากาศ ปีกขนกางเหยียดมีท่วงท่าน่าเกรงขาม

    .....กลยุทธ์ที่ 30 สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเปิดช่องให้สอดแทรก ควรแทรก กุมจุดสำคัญหรือหัวใจของอีกฝ่ายไว้
    “ค่อยผันสู่ชัยชนะ” พบได้ใน “คัมภีร์อี้จิง รุก” ซึ่งมีความเต็มว่า “สรรพสิงในใต้หล้า เคลื่อนอย่างใจร้อนจักเสีย สงบแต่คล้อยตามจักได้ ค่อยๆผันไปช้าๆ จักเป็นคุณ เคลื่อนดังนี้จึงจะมีผล” อันหมายความว่า การตอกลิ้มเข้าไปในฝ่ายตรงข้าม เพื่อยึดอำนาจการบัญชาการนั้น จัดต้องค่อยเป็นค่อยไป ดังนี้จึงจะบรรลุซึ่งชัยชนะได้

    กลยุทธ์ยามพ่าย
    “เมื่อกำลังเราอ่อนแอ แต่ศัตรูกล้าแข็งฮึกห้าว พึงรีบถอยโดยเร็ว ที่ถอยใช้แพ้ แต่เตรียมตีโต้กลับเมื่อพร้อม

    .....กลยุทธ์ที่ 31 กลสาวงาม
    กลยุทธ์นี้หมายความว่า สำรับข้าศึกที่มีกำลังเข้มแข็ง พึงสยบแม่ทัพเสียก่อน ต่อแม่ทัพที่เฉลียวฉลาด ก็โจมตีจุดอ่อนทางใจ ให้มีอุปสรรค ส่วนแม่ทัพที่ย่อนย่อท้อแท้ ไพร่พลที่กำลังถดถอย ก็จักเสื่อมโทรมแพ้พ่ายไปเอง

    .....กลยุทธ์ที่ 32 กลปิดเมือง
    กลยุทธ์นี้หมายความว่า กำลังเราอ่อนยิ่งจงใจแสดงให้เห็นว่า มิได้มีการป้องกันเลย ทำให้ข้าศึกฉงนสนเท่ห์ ในสภาวะที่ข้าศึกมีกำลังมาก เรามีน้อย การใช้กลยุทธ์เช่นนี้ ก็มีความพิสดารพันลึกเป็นทวีคูณ
    “ท่ามกลางแข็งกับอ่อน” มาจาก “คัมภีร์อี้จิง แก้” ใช้ควบกับคำว่า “พิสดาร ซ่อนพิสดาร” ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่ข้าศึกแข็งแรงเราอ่อน ให้จัดกำลังโดยใช้กลยุทธ์ “กลวงยิ่งทำกลวง” แสดงให้เห็นถึงความพิสดารในกลศึกที่ข้าศึกคาดคิดไม่ถึง

    .....กลยุทธ์ที่ 33 กลไส้ศึก
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกสร้างอุบายเพื่อให้ฝ่ายเราเกิดแตกแยก เราก็พึงซ้อนกลสร้างแผนลวงให้ข้าศึกเกิดร้าวฉาน ให้ข้าศึกระแวงสงสัยซึ่งกันและกัน ที่เราสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้
    “มีผู้แฝงอยู่ภายใน ไม่เสียหายแก่เรา” มาจาก “คัมภีร์อี้จิง ช่วย” หมายความว่า เนื่องจากมีการช่วยเหลือมาจากภายในของข้าศึก จึงเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเรา เราจึงมีความมั่นใจที่จะตีข้าศึกให้ย่อยยับไป

    .....กลยุทธ์ที่ 34 กลทุกข์กาย
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า โดยสามัญสำนึก คนเราทุกคนไม่ทำร้ายตัวเองหากบาดเจ็บ ก็เชื่อว่าคงถูกทำร้าย ถ้าแม้นสามารถทำเท็จให้เป็นจริง ให้ศัตรูเชื่อไม่สงสัย กลอุบายก็จะสัมฤทธิ์ผล ทว่าการทำให้ศัตรูเชื่อ ก็พึงเข้าใจในจุดอ่อนของศัตรู ทำเท็จให้จริงจัง ให้เชื่อจริงแท้
    “อาศัยจุดอ่อนแห่งจิต ลู่ตามจึงพิชิต” คำนี้มาจาก “คัมภีร์อี้จิง ปิด” หมายความว่า อาศัยความไร้เดียงสาของทารก ล่อหลอกโดยโอนอ่อนผ่อนตามไปก็จังลวงให้บรรลุประสงค์ได้

    .....กลยุทธ์ที่ 35 กลลูกโซ่
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อกำลังศัตรูเข้มแข็งกว่าหลายเท่า จักปะทะด้วยมิได้เป็นอันขาด พึงใช้กลอุบายนานา ให้ศัตรูต่างถ่วงรั้งซึ่งกันและกันทำลายความแกร่งของศัตรู หรือร่วมมือกับพลังต่างๆทั้งมวล ร่วมกันโจมตี เพื่อขจัดความฮักเหิมของศัตรูไป
    “แม่ทัพผู้ปรีชา จักได้ฟ้าอนุเคราะห์” มาจาก “คัมภีร์อี้จิง แม่ทัพ” อันความหมายว่า แม่ทัพผู้ปรีชา ย่อมสามารถจะบัญชาการศึกได้อย่างคล่องแคล่วดุจดั่งคล้อยตาม “ความประสงค์ของฟ้า” จักต้องได้รับชัยชนะเป็นมั่นคง

    .....กลยุทธ์ที่ 36 หนีคือยอดกลยุทธ์
    กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อรบกับข้าศึก หากข้าศึกแข็งเราอ่อน อาจจะถอยร่นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงการปะทะเสียก่อน ดังที่มีคำกล่าวไว้ใน “คัมภีร์อี้จิง แม่ทัพ” ว่า “ถอยหนีมิผิด เป็นวิสัยแห่งสงคราม” ซึ่งชี้ชัดว่า การถอยหนี่ในการทำสงครามนั้น มิใช้ความผิดพลาด หากแต่เป็นเรืองธรรมดาเสียสามัญในการรบที่มักจะพบเห็นเสมอ การถอนเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายในยามที่เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และเพื่อชิงโอกาสตอบโตภายหลังมิใช่ถอยหนีอย่างพ่ายแพ้หมดรูป ตีโต้กลับมิได้อีก


    ในตำราพิชัยสงครามชื่อ “ไหวหนานจื่อ ฝึกการยุทธทหาร” เคยกล่าวไว้ว่า “แข็งจึงสู้ อ่อนก็หนี” ในตำราพิชัยสงครามอีกเล่มหนึ่งชื่อ “ปิงฝ่าหยวนจีได้” ก็กล่าวไว้ว่า “แม้นหลบแล้วรักษาไว้ได้ ก็พึงหลบ” ใน “ซุนจื่อ บทกลยุทธ์” ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า “แข็งพึงเลี่ยงเสีย”

    ที่มา: palungjit.org เวบพระพุทธศาสนาอันดับ1ของโลก

    <OBJECT id=WMP7 height=180 width=330 classid=CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6>
























    </OBJECT>

    ดาวน์โหลด 01 Shuang Fei.mp3
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    ทวาฯ สำริด(สัมฤทธิ์)สนิมเขียว..:cool: แบบนี้ไม่ต้องมี DELL ก็ได้ครับ..
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรื่องการเดินทางไปผาผึ้ง รบกวนคุณหนุ่มช่วยแจ้งเพื่อนสมาชิกถึงกำหนดการต่างๆด้วยนะครับว่า ว่าเป็นช่วงวันไหน และจะเดินทางกันยังไง เผื่อเพื่อนๆหลายท่านสนใจไปร่วมด้วย
     
  12. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,438
    โมทนาสาธุด้วยนะครับ :cool:
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ยินดีครับ

    รายละเอียด ผมต้องรอให้พี่แอ๊วแจ้งมาก่อนนะครับ

    งานสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง จะไม่เสร็จสิ้น ยังมีงานที่ยังต้องทำอยู่อีกมากพอสมควร พระอาจารย์นิลท่านพยายามเร่งงาน รวมทั้งยังคงเปิดรับบริจาคเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งอยู่อีกพอสมควร

    ขอเชิญท่านผู้ใจบุญทุกๆท่าน ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งกันด้วยนะครับ


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ่า คุณเพชรครับ

    เรื่องพาคนไป(อยู่)นรก ไม่ยากครับ

    มีเทคนิคง่ายๆ หลายๆวิธีที่จะพาคนไป(อยู่)นรกได้ เหอๆๆๆๆ


    .
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ...หุ..ผมคิดว่าไม่ต้องถึงกับพาเขาไปเองหรอกครับ สถานที่อย่างนั้น ต่อให้เดินหลงทาง ก็ถึงกันได้ เพราะยังไงก็ต้องได้ไปหากยังดำเนินตามแนวทางที่ไม่ใช่ทางสายพระนิพพาน ยังไงก็มีโอกาสพลาดพลั้งกันได้ครับ..แต่หากไปคิดว่า จะวานให้พระพาไปอีกทางหนึ่งนั้น เห็นว่าไม่ควรสนับสนุน แต่เขาต้องได้ไปแน่ หากยังลองผิด ลองถูกแบบไม่รู้อีโหน่ อีเหน่แบบนี้ เราก็ทำได้เท่าที่เราทำกันในครรลอง เขาอยากไปเองก็ช่างเขาครับ หนทางมันถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้วตามกฎแห่งกรรม...
     
  16. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,438
    [​IMG]
    อืม...ท่าทางจะเข้มขลัง เขียวซะขนาดนี้เนอะพี่ :)
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่ออาทิตย์ก่อนไป lotus ซื้อถุงดำใส่ขยะ แล้วมีความรู้สึกว่า น่าจะได้ของที่ตามหาอยู่เห็นร้านที่มาเช่าพื้นที่กับทางห้าง เปิดเป็นมุมหนังสือเก่า ก็ลองเข้าไปดู ก็พบหนังสือ "ธรรโมวาท" โดยเสด็จพระราชกุศล ในงานออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโร) วัดสามพระยา จำนวน ๒ เล่ม และพระธรรมเทศนาอีก ๑ เล่ม หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคารพนับถือสมเด็จท่านมาก สมเด็จท่านเป็นแม่กองบาลีสนามหลวงตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๔-๒๕๓๑ ก็เป็นสัมปสาทนียกถา และโอวาทที่มีค่ามาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010294.JPG
      P1010294.JPG
      ขนาดไฟล์:
      221.9 KB
      เปิดดู:
      33
    • P1010295.JPG
      P1010295.JPG
      ขนาดไฟล์:
      220.5 KB
      เปิดดู:
      30
    • P1010297.JPG
      P1010297.JPG
      ขนาดไฟล์:
      216.3 KB
      เปิดดู:
      24
    • P1010299.JPG
      P1010299.JPG
      ขนาดไฟล์:
      247.5 KB
      เปิดดู:
      32
    • P1010300.JPG
      P1010300.JPG
      ขนาดไฟล์:
      244.9 KB
      เปิดดู:
      28
    • P1010302.JPG
      P1010302.JPG
      ขนาดไฟล์:
      206.7 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2010
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระปัจเจกพุทธเจ้าครับ ......ต้องเปิดไฟเขียวมั่ง เปิดแต่ไฟแดง ไฟเหลือง รถติด ไปไหนไม่ได้...หุ..หุ..

    โฆษณาชิ้นนี้ "ประกิต อภิสารธนรักษ์" บอสใหญ่ค่ายประกิตฯ นักโฆษณารุ่นเก๋า และต้นฉบับโฆษณาเพื่อสังคมในยุคแรกๆ บอกว่า ได้ติดตั้งมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งคนที่ผ่านไปผ่านมาก็โทรเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเยอะมาก โดยเฉพาะคนที่รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์.....เป็นการสื่อความหมายที่เชื่อว่าตรงใจคนไทยหลายๆ คน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2010
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949

    ผมเอง ก็ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะพาแก๊งบัวใต้น้ำไป(อยู่)นรก เพียงแต่พวกนี้ เลือกหนทางเดินของตัวเอง ที่จะไป(อยู่)นรกเอง ผมไม่ได้บังคับให้ไปครับ เหอๆๆๆๆ


    .
     
  20. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    เมื่อวานนี้มี Missed Call มา2สาย ต้องขออภัยด้วยครับที่ไม่สะดวกรับสาย นับตั้งแต่ได้รับคำแนะนำให้เกี่ยวกับ Newmoon ทำให้ผมมีงานเข้าทั้งงานราษฎร์ และงานหลวง BUSY จริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2010

แชร์หน้านี้

Loading...