ขอความรู้เกี่ยวกับ ณาน 16 ขั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Rupanama, 25 สิงหาคม 2009.

  1. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เอานะธรรมไม่อยากยุ่งนะกับพวกกิเลสนี่
    ไปนิพพานท่านเอาใจไปนะ

    ส่วนขี่เบนซ์ ขี่ควายนี่
    มันไปได้ 2 อย่างเท่านั้นมั้ง
    ไม่ขึ้นสวรรค์ ก็ลงนรกเท่านั้นล่ะ
    มันไปนิพพานไม่ได้นะ

    กิเลสหลอกสัตว์โลกมันหลอกอย่างนี้นี่ล่ะ
    มันลดดีกรีมันอยู่ จนเหลือแต่ไส้ มันยังไม่รู้ตัวนะ
    มันยังมาอวดอีกแน่ะ
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คำว่า ดูเฉยๆที่ผมใช้ คือการ ตามรู้ หรือ ชำเรืองดู อารมณ์ ที่ผ่านการกระทบ ทางอายตนะทั้ง 12 ชำเรือง หรือ รู้เฉยๆ ลงมาที่ใจ แบบผ่านๆ
    เช่นว่า เวลา ผมฟังเพลง แล้วใจมันรู้สึก ยินดีไหล ไปกับเพลง ก็รู้ลงไปที่ใจ แบบผ่านๆ หรือจะเรียกว่า ตามรู้ทันไป แต่ว่าจะฝึกให้ได้บ่อยๆ
    เวลาทานข้าว อาหารผ่านลิ้น แล้วรู้สึกยินดี ในอาหารนั้น ผมก็ชำเรืองรู้ หรือรู้เฉยๆ แบบผ่านๆ ลงมาที่ใจ จะฝึกแบบนี้ ให้ได้บ่อยๆ
    เวลาอาบ น้ำ กายที่มันขยับไปขยับมา ก็จะฝึก ตามรู้ กายที่มันขยับ รู้เฉยๆ แบบผ่านๆ อะไรขยับก็รู้เฉยๆ เท่านั้นเอง
    เวลาโดนคนด่า หรือคนชม เวลาอ่านบอร์ด ก็ชำเรืองรู้ลงไปที่ใจ ว่ามัน ยินดี ยินร้ายหรือ เฉยๆ ก็ฝึกสังเกตุ โดยที่เรียกว่า รู้เฉยๆก็ได้ แต่ ต้องฝึกให้รู้ได้บ่อยๆ ฝึก ทุกวัน ชำเรืองบ่อยๆ รู้เฉยๆ จึงเป็นการเรียก สำหรับผม หรือเรียกว่า
    ตามรู้ทัน ในขณะฝึกฝน แต่ ต้องทำให้ได้บ่อยๆ เนืองๆ นี่ก็เป็นการฝึก ในชีวิต ประจำวันของผม

    สำหรับการฝึกในรูปแบบ ที่ผมเคยฝึกมา ในท่านั่งสมาธิ ผมก็ดูลมหายใจ จนพอสงบลงหน่อย ก็นึกให้เห็นกายตัวเองนอนอยู่ พิจารณาความตาย เห็น ตัวเองนอนตายแล้วเน่า สลายไปเรื่อยๆกลับไปกลับมา ในช่วง ที่พิจารณานั้น ผมก็ชำเรืองดู ใจไปด้วย เวลาเห็นรูปที่ผมกำหนดมาพิจารณานั้น มันเป็นอย่างไร มันสอิดเสอียน หรือ ยินร้าย อะไร ก็รู้เฉยๆ อยู่ที่ใจแบบผ่านๆ ในเวลาเห็นรูปที่ยกมาพิจารณานี้

    ในบางครั้ง ในเวลานั่ง สมาธิ พอผมดูลมหายใจไปพอสงบ ก็นั่งตามรู้ความคิดที่มันผุดขึ้น รู้เฉยๆ เมื่อ ปีติมามันซ่าน ก็รู้เฉยๆ ดูลงไปที่ใจ ใจมันรู้สึกอย่างไร ก็รู้เฉยๆ ฝึก ตามรู้ทันหรือรู้เฉยๆ ให้ได้บ่อย ๆ

    ในช่วงที่ทุกขเวทนาทางกายมา ผมก็ฝึกชำเรืองรู้ หรือ รู้เฉยๆ ลงไปที่ใจ เวลาที่เวทนาทางกายมันมา ใจมันดีดดิ้น มันดิ้นรน ก็รู้เฉยๆ อยู่ที่ใจ ก็ฝึกแบบนี้

    นี่เป็นความหมาย ของคำว่า รู้เฉยๆ ที่ผมเข้าใจ
     
  3. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    บางคนควายไม่ขี่ เบนซ์ไม่ขับ แต่ก็อยากเดินลงนรกทั้งๆที่ รู้อะไรดี อะไรชั่ว
    ดูใจตัวเองก่อนว่าคิดอะไร สิ่งไหนดีควรทำ ทำได้ก็ต้องทำ สิ่งไหนไม่ดีแต่ยังฝืนทำตามใจกิเลส เข้าข้างตัวเอง สร้างเหตุเอง ก็ต้องรับผลที่ทำไว้...
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ขอถามเลยแล้วกันนะท่าน(ท่านใดจะช่วยตอบก็ได้)
    ..แล้วแบบรู้เฉยที่เป็นแบบ จิตที่มันรู้แบบจิตเดียวหรือที่เรียกว่าจิตรวมฯ.( เอกกัคคัตตา)มีหรือไม่..

    หากถามผมเรื่อง จิตรวม จริงๆผมยังไม่ค่ยเข้าใจคำถามนะ
    แต่มีลักษณะ อาการนึง ไม่รู้เรียกว่าอย่างไร ขณะที่ทำสมาธิอยู่ มันเกิดเหมือนสั่นเบาๆ เหมือน ชา จากปลายเท้า ปลายแขน วิ่งรวมกันมาที่ลิ้นปี่ เหมือนตกจากที่สูง แล้วก็สว่างโพลง ไปไม่มีประมาณเหมือนเรานั่งอยู่ในดวงอาทิตย์ ยังไงยังนั้น ตอนที่มันสว่าง รู้แต่ว่าสว่างไม่รู้ถึงว่า ตัว ร่างกายยังมีอยู่ เหมือน เบิ้ม ออกจากตัวเรา ขยายออกไป ไม่มีประมาณ

    หลังจากที่แสงส่วาง หายไป ผมรู้สึกเหมือนมองไป ข้างหน้าแบบ ลืมตามอง แต่ภาพที่มองนั้นมันชัดเจนแจ่มใสมาก ซักครู่ มันก็ลืมตา เพราะ มันงง ที่ว่าเราลืมตาอยู่เหรอ ทั้งที่มันนั่งสมาธิด้วยการหลับตาอยู่ พอลืมตาไปจึงรู้ว่า เมื่อกี้ที่เห็นเรามองผ่านเปลือกตาออกไป

    แล้ว ผมก็หลับตาทำสมาธิใหม่ แล้วก็เป็นแบบเดิมอีก รอบ

    แล้วมาครั้งที่ สาม จึงเอาผ้าพันอกมาพันตาไว้ แต่ก็ยังเป็นแบบเดิมแบบครั้งที่ 1-และ 2 ไม่รู้ว่า อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรเช่นกัน


    คำว่ารู้เฉย..ของท่านมีหรือไม่และเป็นอย่างไร
    (ขณะจิตรวมฯ)..กรุณาอธิบายเอาบุญด้วยเถิด...กราบขอบคุณครับ..

    ..ลักษณะ อีกกรณี นึง อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร

    ...ผมฝึกเจริญสติด้วยการ รู้เฉยๆนี่ล่ะ ในชีวิตประจำวัน ช่วงนั้น เจริญสติมาอย่างต่อเนื่องด้วยการ รู้เฉยๆ แบบผ่านลงมาที่ใจให้ได้ บ่อยๆ จนวันนึง มันรู้สึกถึง มวลที่ลิ้นปี่ มันดันมันแน่นๆ บวมๆออกมา ผมสังเกตุ รู้เฉยๆ นั้น ตอนที่มันแน่นๆที่ลิ้นปี่ ซึ่งไม่ได้อยู่ในท่านั่งสมาธิเป็นช่วงที่ผมใช้ชีวิตในประจำวัน พอวันที่ สาม ช่วงเช้าเริ่มจะสาย มันรู้สึก เหมือนพลังงานมันซ่าน จาก หัว ลงมาที่ลิ้นปี่ จากขา และแขน ลงมาที่ลิ้นปี่คล้ายๆ อาการปีติ ขนลุก ขนชัน ตามมา ความซ่านมันรุนแรงมาก ถี่ๆขึ้น ซักพักเหมือน ที่มวรสารที่ลิ้นปี่มันแตกพุ่งกระจาย ผุดขึ้น ยังกะพรุแตก ความซ่านเหมือนปีติพุ่งขึ้นไปที่หัว กระจายไปทั่วราง ตามแขน ขา แล้วมันรู้สึกเหมือนผมจะหัวเราะออกมา แต่ได้แค่อมยิ้มไว้ รู้สึกถึง ว่ามัน มีความสุข แบบเบาสะบายจริงๆ อาการแบบนี้เป็นแบบผมไม่ได้ตังใจให้มา มันมาเอง ในระว่าง ที่ผมฝึก รู้เฉยๆ ให้ได้บ่อยๆ ลงมาที่ใจ พอมันซ่านเหมือนพรุแตก มันซ่านเป็นปีติ ขนลุกขนชั่น วิ่งไปทั่ว หัว แขน ขา เป็นอย่างนั้นทั้งวัน ผมไปเรียน พร้อมกับขนลุกอยู่อย่างนั้น อมยิ้มอยู่ทั้งวัน พลังที่มันซ่านก็เป็นทั้งวัน ทุก นาที จิตมันก็ยังรู้เฉยๆ ที่อาการแบบนี้ ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไร ... อาการที่ผมเป็นนี้ไม่ได้อยู่ ในท่านั่งสมาธิ แต่เกิดช่วงที่ผมฝึกตามรู้ หรือรู้เฉยๆ ลงมาที่ใจให้ได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2009
  5. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ธรรมท่านไม่มีอะไรว่าแล้วก็จบ
    เฉยไปเลย

    ต่างกับกิเลส
     
  6. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เคยได้ยินไหมยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งรู้ความจริงมากยิ่งโง่มาก ในทางธรรมมักเป็นอย่างนั้น เพราะมีเฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่เห็นเป็นเช่นนี้ ผู้ไม่เคยเข้าถึงและผู้ที่แค่พึ่งได้สมาธิที่เป็นสมถะก็จะยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจริงเรื่องนี้ สงสัยไม่เคยอะดิเพราะไม่เคยพิจารณาไงมัวแต่คิดว่าตนเองนั้นเก่งใกล้ถึงที่มั้งละทั้งที่ของมันไม่มีเหตุแล้วมันจะเอาอะไรไปถึงประสาอ่านเอาฟังเอาหนะมันเข้าไปไม่ได้หรอก แม้กระแสแห่งพระนิพพานมันก็ไม่เข้าใจบางคนถึงกับปรามาสพระธรรม เห็นเป็นเรื่องตลกบอกว่าไม่จำเป็นต้องเห็นไตรลักษณ์ก็เข้าถึงซึ่งนิพพานได้ไม่รู้เอาที่ไหนมาพูดยังกล่าวว่า ไปพิจารณาไตรลักษณ์กับสัปเร่อบ้างก็มี แล้วยังจะฝันหานิพพานอีกบางคนยิ่งแล้วใหญ่ยิ่งปฏิบัติไปๆยิ่งเพี้ยนแทนที่จะมองเห็นกิเลสของตนเห็นทิฐิมานะของตน กลับเห็นว่าตนเก่งตนฉลาดตนบรรลุเที่ยวกระแหนะกระแหนไปเรื่อยทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายของสิ่งใดเลยทำตัวประหนึ่งคนขี่ควายอย่างไร้สาระ อ้างโน้นอ้างนี่ไปวันๆผมไม่อยากจะกล่าวหรอกว่าคุณคนไหนรู้ธรรมอย่างลึกซึ้งหรือรู้จริงและใครบางคนเป็นอริยะบุคคลจริงใครสมาธิเทียมไว้หลอกเด็กใครสมาธิแท้มีปัญญาแต่ว่าของเหล่านี้มันพิสูจน์โดยความไม่ศรัทธาแล้วมันทำไม่ได้หรอกแต่หากรู้จักสังเกตตนเองก็จะทราบดีว่าล่วงเกินใครไปไม่ได้ว่านะก็ความเชื่ออีกนั่นแหละเพราะคนบางคนกลัวตกนรกก็เลยไม่อยากทำบาปแต่คนบางคนไม่รู้จักนรกก็เลยไม่กลัวเพราะไม่มีศรัทธา แต่ท้าคนเหล่านั้นเลยให้สังเกตตนเองว่าหากได้ทำการปรามาสผู้ที่เขารู้และเห็นธรรมนั้นจริงๆแล้วละก็จ้างให้สมาธิของจริงก็ไม่มีวันได้หรอกปัญญาของจริงก็ไม่มีวันได้หรอก จิตจะมีแต่ความฟุ้งซ่านเป็นอารมณ์ขณิกสมาธิก็เข้าไม่ถึงหรอก มีแต่โม้ มีแต่บัญญัติ ทั้งหมดนี้เหตุมาจากอกุศลจิตมีนิวรณ์ธรรมเป็นเหตุของแท้ถ้าสังเกตตรงนี้จะทราบดีว่าใครเป็นใครแต่มันจะทราบได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีศรัทธาในพระศาสนาในระดับของกัลยาณบุคคลเท่านั้น คนคลอนเคลนเหมือนไม้ปักเลนอ้อๆแอ้ๆไปกับเขาเรื่อยก็ไม่รู้ไม่เข้าใจหรอก เพราะว่าไม่เคยมีสมาธิมาตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่เข้าใจหรอก ครับส่วนท่านอริยะบุคคลเหล่านั้นทั้งหลายท่านรู้ดีว่าปฏิบัติถูกทางแล้วกิเลสตัวหยาบหดหายกิเลสตัวกลางและตัวละเอียดรอรอบปัญญาให้เกิดให้ถึงพร้อมก็จะประหัสประหารมันได้ตามกาล ก็ขออนุโมทนาด้วยครับพึงอย่าประมาทและหลงไปตามกิเลสกาลที่คอยทำให้แขวอยู่ตลอดเวลาครับ<O:p</O:p
    อนุโมทนาครับ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2009
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดีแล้ว ที่ทำแบบนั้น มันคือ การสังเกตุ รูป นาม เท่านั้น ถ้าเรียกเป็น ญาณ 16 ระดับ คุณก็เพิ่งจะขั้นแรก
    คุณยังไม่เคยเจอทุกข์อริยสัจ

    เพราะว่า ความแปรปรวนของใจ ที่มันคับข้องใจ ที่มันทนไม่ได้ของใจ มันยังมีอยู่

    เพียงแต่ มันยังไม่แสดงออกเท่านั้นเอง ดังนั้นสิ่งที่คุณพูดมาข้างต้น เป็นเพียงสันตติที่ปิดบังทุกข์อริยสัจ การรู้เฉยๆ กับอายตนะเหล่านั้น เป็นเพียงการดู ระดับ กายและ เวทนาเท่านั้น

    ยังมีอีกมาก วิษณุ สมาธิที่ปราณีตยังมี ไตรลักษณะของจิตที่ละเอียดยังมี ความโง่ความหลง ในอุปาทาน ยังมีอีกมาก
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ครับ ผมก็ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไม่มีปัญหานี่ ปัญหามันอยู่ที่ คุณสนับสนุนธรรมที่ผิด และ ออกมาแสดงท่าที ต่อคนหมู่มาก
    เท่านั้น ดังนั้น ถ้าคุณจะระลึกได้อีก ก็ควรระลึกว่า

    สิ่งที่เราโต้แย้ง และเราสนทนากันมันคืออะไร และทำไมผมต้องมาตอบคุณ

    คุณต้องระลึกย้อนอย่างมีสติที่มั่นคง ไม่ใช่ นึกอะไรขึ้นมาก็พูด เรียกว่า ยังมีสติพร่อง
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ผมถึงถามว่า ท่านขันธ์ไปเข้าใจคำว่า รู้เฉยๆ กับเค้าว่า ไม่ทำอะไรเลย อย่างนั้นหรือ .... หากเข้าใจอย่างนั้นก็คือเข้าใจผิด ผมถึงได้ถามไป
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ที่คุณมีสติ ที่พร่องมาก เพราะว่า คุณทำอะไรแล้วปล่อยผ่านไป

    พูดอะไรปล่อยผ่านไป ไม่เชื่อคุณลองนึกย้อนไปหน่อยสิ ว่า ไอ้คำพูด อะๆอุๆ ของคุณ นั่นคุณพูดอะไรมาบ้าง มีประเด็นอะไรบ้างที่คุณ พูดธรรมในที่นี้มาตั้งแต่ เข้ามาเล่นในนี้

    สำหรับผม ระลึกย้อนได้เกือบหมด ใครพูดอะไรอย่างไรไว้ นี่แหละ ที่ว่า เหตุต้นของสติคือการจำได้ ระลึกได้

    ไม่ใช่ว่า ดูเฉยๆ มันจะจำได้ และจะเกิดสติ ตามแบบที่พระปราโมทย์พูดมา

    ขอตัว เอาไประลึกให้ดี ว่า แท้จริงแล้ว สติคือการกำหนดรู้ได้ ระลึกได้ แม้จะผ่านมาก็จำได้
    ย่นเข้ามา เหลือปัจจุบันขณะ คือ รู้ปัจจุบันขณะอย่างมั่นคง ด้วยปัญญา

    ไม่ใ่ช่ กินข้าวรู้ มันรู้่ด้วยนิวรณ์ทั้งนั้นแหละ นั่น

    ขอตัว
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ขาดสติ และ ยังมีอุปนิสัยแห่งปัญญาที่กำหนดประเด็น ยังไม่ถูก

    เพราะว่า มีแต่ความล่องลอยจนชิน

    เอาหละ ผมจะพักผ่อน ขอตัว
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ที่คุณมีสติ ที่พร่องมาก เพราะว่า คุณทำอะไรแล้วปล่อยผ่านไป
    ..เป็นธรรมดาครับของคนที่ฝึกฝน สติไม่สมบูรณ์แน่ๆ ระยะฝึกฝนใครบอกว่า สติ สมบูรณ์ คนนั้นเพี้ยน แน่ๆ สติในที่นี้ คือ สัมมาสติ

    พูดอะไรปล่อยผ่านไป ไม่เชื่อคุณลองนึกย้อนไปหน่อยสิ ว่า ไอ้คำพูด อะๆอุๆ ของคุณ
    ..อันนี้ก้เป็นอะไร ที่ไม่ซีเรียสไม่เคร่งเครียด สะบายๆ สำหรับผม
    อยู่ที่คน ชอบไม่ชอบ พอใจ ไม่พอใจ หากคนไม่ยึดติดไม่ซีเรียส ก็จะผ่านๆไป ก็คุย แบบสะบายๆ
    นั่นคุณพูดอะไรมาบ้าง มีประเด็นอะไรบ้างที่คุณ พูดธรรมในที่นี้มาตั้งแต่ เข้ามาเล่นในนี้
    ... ตรงนี้ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ

    สำหรับผม ระลึกย้อนได้เกือบหมด ใครพูดอะไรอย่างไรไว้ นี่แหละ ที่ว่า เหตุต้นของสติคือการจำได้ ระลึกได้
    ...หาก สติ ตัว นี้ที่ ท่านขันธ์เข้าใจ ผมก็เข้าใจว่า เป็น เป็นการไปดึงออกมาจากสัญญา ด้วยเจตนาที่ระลึก ต่างจากสติที่พ้นเจตนา


    ไม่ใช่ว่า ดูเฉยๆ มันจะจำได้ และจะเกิดสติ ตามแบบที่พระปราโมทย์พูดมา
    ..ผมยังยืนยันเหมือนเดิมตรงนี้ การดูเฉยๆ นี้มันต้องดู บ่อยๆ เน้น มากๆ ต้องบ่อยๆ สภาวะไหน ที่มันดูได้บ่อยๆ จนมันเกิดจำได้ สภาวะนั้นเมื่อมันมา มันจะระลึกได้โดยพ้นเจตนา ตัวนี้ จึงเรียกว่า สัมมาสติ หรือเรียกได้ว่า เริ่มเป็นไปโดยอัตโนมัติซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

    ขอตัว เอาไประลึกให้ดี ว่า แท้จริงแล้ว


    สติคือการกำหนดรู้ได้ ระลึกได้ แม้จะผ่านมาก็จำได้
    ย่นเข้ามา เหลือปัจจุบันขณะ คือ รู้ปัจจุบันขณะอย่างมั่นคง ด้วยปัญญา
    ....สติด้วยการกำหนดรู้ไม่ใช่สัมมาสติ แต่ สัมมาสติ อาศัยสติด้วยการกำหนดรู้ ให้ได้บ่อยๆ จนมันเป็นเองโดยอัตโนมัติ


    ไม่ใ่ช่ กินข้าวรู้ มันรู้่ด้วยนิวรณ์ทั้งนั้นแหละ นั่น

    ขอตัว.. ว่างก็มาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2009
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ... ...... ^-^
     
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500

    โอ้นี่มันคืออะไรกันนี่ ไม่นะโอ้ ม่ายเข้าใจอะพี่จิน
     
  16. wintakarukae

    wintakarukae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +31
    ... ...... ^-^
    ... ...... ^-^
    ... ...... ^-^
     
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เพราะปากมันแข็ง ปัญญามันเลยอ่อนตลอด...แค่นั้น
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ขอลบข้อความนี้ก่อนครับ เอาไว้ให้หลักฐานทั้งหมดปรากฏแล้ว ค่อยว่ากันต่อครับขออภัยจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2009
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    คนเราดีเพราะปากไม่ได้หรอกนะคะ มันต้องไปพร้อมใจด้วย...
     
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ท่านเกรสครับผมขออนุญาตุอ้างอิงข้อความนี้หน่อยนะครับ ผมง่วงนอนอีกแล้วแต่อยากตื่นเหลือเกินครับ
    ขอบพระคุณครับที่ตักเตือนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...