ต้นเหตุกรรมความรัก "ยุคไดโนเสาร์"...ที่ส่งผลในชาตินี้

สวัสดีค่ะกัลยาณมิตรทุกท่าน เราจะขอเล่าประสบการณ์ของเราให้ทุกๆท่านฟังนะคะ อาจยาวไปหน่อยนึง แต่อยากเล่าให้ทุกท่านในห้องนี้ได้รับรู้เพื่อเป็นธรรมทาน

เมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนเราอยู่ออสเตรเลีย มีอยู่คืนหนึ่ง เรานอนฝันเห็นรูปปั้นพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า..อยากให้เราปฏิบัติธรรม เพราะถ้าเราปฏิบัติธรรม เราจะสมหวังทุกอย่าง..

พอเราตื่นขึ้นมา ก็เลยตั้งใจว่ากลับเมืองไทย แล้วจะปฏิบัติธรรม พอกลับเมืองไทยได้ 3 เดือน ก็เริ่มปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อฤาษีอย่างจริงจัง เพราะแม่เราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เราเลยตามแม่ไปด้วย , ทำทาน , ถือศีล 5 , นั่งสมาธิ

ในช่วงแรก หลังจากเริ่มนั่งสมาธิ พอจิตเริ่มสงบ จะเห็นวิญญาณโผล่พรวดเข้ามา มีทั้งน่ากลัวและไม่น่ากลัว ตอนที่เห็นใหม่ๆจะตกใจ แต่หลังๆเริ่มชิน พอเห็นก็จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้..(ขณะอุทิศไปให้ มีแอบคิดว่านี่เราเห็นจริงๆหรือเราจิตหลอนไปเอง!?!)

พอหลังจากเริ่มนั่งสมาธิผ่านไป 2 เดือน ในระหว่างที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรม อยู่ดีๆมองเห็นร่างคนอื่นที่กำลังนั่งสมาธิกลายเป็นซากศพ มีน้ำเลือดน้ำหนองไหลเยิ้ม แต่ใส่เสื้อผ้าปกติ และอยู่ในท่านั่งสมาธิเหมือนคนปกติ (มองเห็นในขณะที่เราหลับตา แต่แปลกมาก ทั้งๆที่เราเป็นคนกลัวผี แต่เวลาเห็นอะไรน่ากลัวตอนทำสมาธิจะไม่รู้สึกตกใจ) ตอนนั้นเราก็งง แล้วเราก็ลองมองดูตัวเอง เราก็กลายเป็นซากศพด้วยเหมือนกัน..พอเห็นไปสักพัก ก็เริ่มพิจารณา (พิจารณาไปตามเรื่อง แบบผิดๆถูกๆ) ก็พิจารณาว่า ร่างกายไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป พอเป็นซากศพแล้ว อีกไม่นานก็จะเหลือเพียงแค่โครงกระดูกเท่านั้น

แล้วพอพิจารณาถึง เหลือเพียงโครงกระดูก ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นเราเห็นทุกคนเป็นโครงกระดูกกันหมดเลย รวมถึงตัวเราเองด้วย

พอออกจากสมาธิ เราก็คิดว่าเราบ้า เค้าให้มานั่งสมาธิให้จิตสงบ แต่เรากลับสร้างนิยายในอากาศ บ้ามากๆ..

หลังจากวันนั้น ก็ไปนั่งสมาธิกับแม่อีก แล้วพอนั่งสมาธิไปสักพัก เราก็เห็นตัวเราเป็นโครงกระดูกอีกแล้ว แต่วันนี้พอเราเห็นเราเป็นโครงกระดูกปุ๊บ อยู่ดีๆเราเห็นภาพซ้อนเข้ามาเลย ภาพที่เราเห็น เป็นอีกสถานที่นึงที่เราก็ไม่รู้จัก มีโครงกระดูกอีกร่างนึง เป็นโครงใหญ่ๆเหมือนกระดูกผู้ชาย มาบอกกับเราว่า

โครงกระดูก : ให้มาต่อจากของเดิมนะ รอมาตั้งหลายชาติแล้วกว่าจะมาบรรจบกันสักที
เรา : แล้วเป็นใครเหรอ
โครงกระดูก : เราคือเธอให้ชาติอดีต ผ่านมาหลายชาติมากๆ ถึงจะได้เจอ

โอ้ว!! ตอนนั้นเราคิดว่า เฮ้ย กูบ้า!! นอกจากจะเห็นโครงกระดูกแล้ว เรายังบ้าขนาดนั่งคุยกับตัวเองได้อีก ใครมันจะบ้ามานั่งคุยกับตัวเองได้ เนี่ยเรียกว่าบ้า ฟุ้งซ่าน (ความคิดในตอนนั้น) แต่ภาพมันมาเรื่อยๆเลยอ่ะ เราเลยปล่อยภาพให้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ออกจากสมาธิ โครงกระดูกร่างนั้นก็พาเดินดูในชาตินั้น บอกว่า เนี่ยเราเคยสร้างวัดในชาตินั้น ก็พาไปดูวัด แล้วในสมาธิเราก็เห็นภาพโครงกระดูก 2 โครงเดินข้ามสะพานเข้าวัด

ในใจก็คิดว่า เอาเข้าไป บ้าเข้าไป ไปกันใหญ่แล้ว..

หลังจากออกจากสมาธิแล้ว ก็ไปถามอาจารย์ที่สอนนั่งสมาธิว่า เป็นไปได้มั้ยว่าเราสามารถคุยกับตัวเองในอดีตชาติได้ แล้วเราก็เล่าเรื่องโครงกระดูกให้ฟัง

อาจารย์ตอบว่า เป็นไปได้เรื่องกลับไปคุยกับตัวเองในอดีต ส่วนเรื่องเห็นโครงกระดูก แสดงว่าในชาตินั้น เคยได้ เรื่องอสุภะ มาแล้ว ถ้าจะต่อจากของเดิม ก็ให้พิจารณาต่อไปให้ลึกลงกว่านั้น ว่า เมื่อเป็นโครงกระดูกแล้ว หลังจากนั้นก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ ขี้เถ้าจะก็คืนสู่ดิน , ลมหายใจจะคืนสู่ลม ฯลฯ ขนาดร่างกายเรายังไม่ใช่ของเราเลย เราก็อย่าได้ยึดติดกับราคะจริต และกามตัณหาเลย

เมื่อพิจารณาตามอาจารย์ หลังจากนั้นเมื่อนั่งสมาธิอีก จะรู้สึกสงบนิ่งอย่างประหลาดมากๆ เหมือนกับไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว จิตนิ่งมากๆแม้ไม่ได้เริ่มภาวนาอะไรเลยด้วยซ้ำ

ครั้งล่าสุดที่นั่งสมาธิ นั่งไปสักพัก ก็เห็นหลวงพ่อฤาษีมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วท่านก็ลูบหัวบอกว่า เป็นลูกหลวงพ่อ ตอนนั้นเราดีใจมาก (แต่ก็แอบคิดว่า นี่เราคิดไปเองรึป่าวหว่า คือเราเพิ่งนั่งสมาธิมา 3 เดือน มันยังงงๆอยู่) ก้มลงกราบหลวงพ่อเลย แล้วขออาราธนาบารมีของหลวงพ่อ ขอย้อนไปดูอดีตชาติที่ส่งผลให้ชาตินี้ลูกมีกรรมเรื่องความรัก (คือเป็นความคับข้องใจของเรามากๆๆ ทำไมเราไม่เคยมีแฟนมาตลอดชีวิต เวลาเราไปชอบใคร จะถูกคนนั้นปฏิเสธหมดทุกคนเลย เสียใจผิดหวังทุกครั้งเลย)

พอเจอหลวงพ่อ เลยไม่พูดพร่ำทำเพลง ขออาราธนาบารมี ขอดูอดีตชาตินั้นเลย แล้วรอสักพัก เรากับหลวงพ่อ แล้วก็โครงกระดูกเราในอดีตชาติที่เราเคยเห็น ก็ตามด้วย ก็ไปโผล่ในหุบเขาแห่งนึง แล้วเห็นเราเป็นไดโนเสาร์กำลังอาละวาดอยู่ (ตอนนั้นคิดในใจ เอ่อ..หลวงพ่อพามาผิดชาติรึป่าวเนี่ย กลับๆ เพราะเราคิดมาตลอดว่า กรรมเรื่องความรัก เป็นเพราะในอดีต เกิดเป็นมนุษย์แล้วทำผิดศีลข้อ 3 เราเลยตั้งความหวังไว้ว่า เราจะเห็นตัวเราเป็นมนุษย์แล้วกำลังทำผิดศีลข้อ 3 อยู่)

เราก็ยืนดูไดโนเสาร์ที่จิตเราบอกว่า เป็นตัวเรา ตอนนั้นคิดว่า สงสัยตอนกำลังเดินทางไป เกิดหลุมดำแล้วไปโผล่อีกชาติโดยไม่ได้ตั้งใจ (คิดไปได้!) แต่พอดูไปสักพัก กลับเริ่มรู้สึกว่า..สงสัยเป็นชาตินี้เนี่ยแหละ

เราเห็นไดโนเสาร์ตัวนั้นฆ่าอุรังอุตังตาย (ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่เห็นเหมือนลิง แต่ตัวใหญ่ๆ คล้ายคนเลย) ไปทำลายรังนก แล้วในนั้นมีครอบครัวนก ต้องบินหนีกระเจิงไปหมด เรามองภาพที่เห็นแล้วรู้สึกสลดใจว่า ทำไมเราโหดร้ายแบบนี้ น่าสงสารสัตว์เหล่านั้นจังเลย ในเวลานั้นเราเลยตั้งจิตอธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้สัตว์ทั้งหมดที่ถูกเราฆ่าตาย แล้วเราก็หันไปถามหลวงพ่อว่า

เรา : หลวงพ่อคะ ก็ตอนหนูเป็นไดโนเสาร์ หนูทำร้ายไปโดยสัญชาตญาณ ไม่รู้ตัว ทำไมถึงเป็นบาปติดตัวด้วยคะ
หลวงพ่อ : เป็นเพราะทำไปด้วยความดุร้าย ขาดความเมตตา
เรา : แล้วมีอะไรอีกที่หนูต้องทำอีกบ้างคะ
หลวงพ่อ : แผ่เมตตา จิตใจจะได้มีความเมตตา

หลังจากนั้น เราก็กราบลาหลวงพ่อ แล้วก็ออกจากสมาธิ

หลังจากนั้น เรายิ่งรู้สึกเข้าใจกฏแห่งกรรมมากขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่เราเห็นในครั้งนี้ ทำลายความเชื่อของเราไปอย่างสิ้นเชิง

1.เราคิดมาตลอดว่า ทำกรรมอย่างไรได้ผลอย่างนั้น มีกรรมเรื่องความรัก ก็เพราะเคยทำผิดศีลข้อ 3 .. แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า กรรมมีความซับซ้อนยิ่งกว่านั้น มันไม่ใช่ให้ผลตรงๆแบบนั้นเสมอไป บางทีผู้ชายที่ปฏิเสธเราในชาตินี้ อาจเป็นสัตว์ที่เคยถูกเราฆ่าหรือครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้นก็ได้

2.เราคิดมาตลอดว่า พวกสัตว์ดุร้าย เสือ สิงโต ไม่บาป เพราะมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี .. แต่ตอนนี้ เรารู้แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากทำร้ายผู้อื่น ก็บาปด้วยกันทั้งนั้น และบาปนั้นก็จะติดตัวไป ถึงแม้จะผ่านไปแล้วกี่ชาติก็ตาม เมื่อรู้อย่างนี้ก็อย่าทำบาปกันอีกเลย และขอให้ปฏิบัติธรรมกันอย่างเคร่งครัด เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆ บางสิ่งที่เราเผลอคิดว่าไม่บาป บางทีอาจเป็นบาปที่ติดตัวเราไปก็ได้

จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่เราเห็น คือเราคิดไปเอง หรือเราเห็นจริงๆ แต่ทำไมสิ่งที่เราเห็นทุกครั้ง จะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ตั้งตัวหรือคาดหวังมาก่อนเสมอเลย

แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เห็นจริงๆ หรือคิดไปเอง เราก็จะตั้งใจทำความดี รักษาศีล นั่งสมาธิละกิเลส และขอนิพพานในชาตินี้<!-- google_ad_section_end -->

...........................................................

ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

 

อนุโมทนา สาธุ สักวันหนึ่งก็ต้องได้ใช้กรรมดีบ้างแหละครับ

 

อนุโมทนาด้วยครับ เรื่องของคุณทำให้ผมมีกำลังใจในการสร้าง ความดี บุญ กุศล ตลอดไปครับ ผมแหละคนหนึ่งที่ตอนนี้คิดได้และกลัวบาปมากๆ นั่งคิดถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว ก็เลยต้องตั้งใจเพียรทำความดีจนกว่าจะหมดลมครับ สาธุ

 

ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ

หากเรื่องของเราจะทำให้ทุกท่านมีกำลังใจในการทำความดี เราก็ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ

ส่วนเรา ก็จะมุ่งมั่นทำความดีต่อไป ขอบคุณค่ะ

 

กรรมละเอียดมาก เก็บเราทุกเม็ด เหอ ไม่อยากเกิดเพราะอย่างนี้แหละ

 

ขออนุโมทนาในบุญกุศลของคุณ jajamick ด้วยค่ะ

ดิฉันมีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน คือ พระกรรมฐานที่ปรากฏขึ้นกองแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คือ อสุภกรรมฐาน- มองเห็นตัวเองและเห็นศพตายทั้งกลมเดินตามเป็นสัปดาห์ (แต่ไม่รู้สึกกลัว) เห็นภาพตัวเองขณะนั่งภาวนา หน้าเละ มีเลือดไหล จากนั้นก็ค่อยๆ เน่าเปื่อย จนเห็นแต่โครงกระดูก และโครงกระดูกกลายเป็นผุยผง เห็นซ้ำ ๆ กลับ-ไปมา คือ เป็นร่างกาย เน่าเปื่อย ผุพัง กลายเป็นดิน (ภาพที่เห็นเป็นภาพช้า ๆ )

พระอาจารย์ผู้สอนพระกรรมฐานในขณะนั้น(เป็นพระธุดงค์แถบภาคเหนือ ) ท่านให้พิจารณาเป็นกฏไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ร่างกายเราย่อมมีการเสื่อมสลายเป็นธรรมดา

จากนั้นก็ทิพยจักขุญาณก็ปรากฏขึ้น สามารถเห็นผี เทวดา บางครั้งเห็นด้วยตาเนื้อ แต่ขณะนั้นตนเองไม่ได้สนใจ เห็นสักแต่ว่า เห็น หลังจากนั้น สิ่งที่ได้ต่อไปคือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ การระลึกชาติได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ ใหม่ ๆ รู้สึกสงสัยเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ


บางครั้งการพบหน้าผู้ที่เคยเนื่องกันมาแต่อดีตครั้งแรก จะเห็นภาพในอดีตซ้อนผุดขึ้นมาทันที เดิมทีคิดว่าอาจจะเป็นอุปทาน จึงไม่ได้ใส่ใจ ภายหลังมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นตามความเป็นจริง ทำให้เชื่อว่าเป็นการระลึกชาติได้

เรื่องของการระลึกชาติเคยกราบเรียนถามพระอาจารย์สุชาติ อาสโภ วัดพระธาตุโนนจำปา อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เรื่อง อสุภกรรมฐาน ท่านบอกว่า "ผู้ที่มีความชำนาญในเรื่อง อสุภกรรมฐาน นั้น จะเป็นผู้คล่องตัวในการระลึกชาติมาก"

เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เจตนามิได้ต้องการอวดอ้างตน แต่เพื่อให้คุณมั่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าลังเลสงสัย ควรเข้าหาครูบาอาจารย์ เพื่อให้ท่านช่วยต่อวิชาให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ ครูบาอาจารย์ในสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤษีลิงดำ มีหลายองค์ที่ท่านสงเคราะห์ให้ได้ เช่น พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เป็นต้นค่ะ

ขอให้สมความปรารถนาปรารถนาทุกประการค่ะ

ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญด้วยค่ะ

Numsai
he llo _car

 

ขณะนั่งสมาธิก็เห็นอดีตเคยเป็นทหารในสมัยอยุธยา นุ่งผ้ายักรั้ง สวมเสื้อกั๊ก ถือดาบมือ ดักโจมตีทหารพม่าในป่า และอีกครั้งเห็นว่าเคยเป็นทหารบกในสมัยสงครามอินโดจีนและถูกยิงตายระหว่างการสู้รบ ชาติปัจจุบันก็เคยเป็นทหารไปรบชายแดน

 

ดีแล้ว อย่างเธอนี่หาได้ยากเหมือนกัน ทำต่อไปนะ

 

อนุโมทนาค่ะ

อยากทำได้ แต่ไม่รู้วิธีปฏิบัติอย่างถ่องแท้เลยอ่ะค่ะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน
เรื่องจริงนั้นดีจริงๆ

 

หุหุหุน่ารักดี....สนุกดีๆๆเอาอีก ๆ ๆ ๆ มาเล่าอีกนะ สาธุๆๆ

 

ขอบคุณนะครับที่มาเล่าให้ฟัง มันเป็นอย่างนั้นจริงแท้แน่นอนครับมันซับซ้อนเกินกว่าที่ปุถุชนธรรมดาจะเข้าใจ หากไม่พิจารนาให้ถ่องแท้ จะไม่รู้เลยว่าความจริงมีอยู่อย่างไร
อนุโมทนาครับ.......สาธุ

 

ล่าสุดนี่นั่งสมาธิแล้วเห็นว่าภาพการสู้รบแต่สมัยไหนไม่ทราบค่ะ เห็นผู้ชายแต่งตัวเหมือนชาวบ้านนุ่งหยักรั้งสีแดงไม่ใส่เสื้อคาดว่าน่าจะเป็นทหารสมัยก่อนน่ะค่ะ.....แต่เค้าูถูกฟันคอขาด ลัีกษณะเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดเพราะว่าตัวเค้ายังไม่ล้มเลยค่ะ.....ในมือยังถือมีดดาบอยู่เลยค่ะ

แล้วก็เห็นคนอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนฟันยืนอยู่แต่เห็นไม่ชัดเจนเท่าไรค่ะ......

ดิฉันยังสงสัยอยู่เท่าทุกวันนี้ว่า....ดิฉันเป็นคนฟัน!!!!!!....หรือเป็นคนถูกฟัน!!!!!

...ทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ

 

กรรมนี่ช่างละเอียดอ่อนซับซ้อนเป็นโยงใยดีแท้

 

นั่งสมาธิกันยังไงถึงจะเห็นอดีตได้คะ เรานั่งไม่เคยสำเร็จเลยอ่ะค่ะ
จำเป็นไหมคะว่าต้องมีครู

 

แง้ว น่ารักตรงไหนอ่า ><

ขอบคุณค่าที่อยากฟังอีก ถ้าอย่างนั้นเราจะขอเล่าอีกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อเป็นธรรมทานนะคะ หากเรื่องของเราจะทำให้ใครมีกำลังใจทำความดี เราจะขออนุโมทนาที่สุดของที่สุดเลยค่ะ

แต่เรื่องนี้หากใครไม่เชื่อ สามารถผ่านได้เลยค่ะ เราไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ค่ะ สุดแล้วแต่วิจารณญาณในการชม/ฟัง

ย้อนหลังไปเมื่อ 3-4 เดือนก่อน ครั้งแรกที่เราตามแม่ไปนั่งสมาธิที่สถานปฏิบัติธรรม สายหลวงพ่อฤาษี ไปครั้งแรกเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ อาจารย์ก็จะสอนให้มีอารมณ์ใจมุ่งตรงต่อพระนิพพาน.. อธิบายหลักธรรมมากมาย ฯลฯ

แล้วในขณะที่กำลังนั่งสมาธิ เราเห็นวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนนั่งรอเราอยู่
พอออกจากสมาธิก็ไม่ได้คิดไร คิดว่าฟุ้งซ่าน บุญกุศลก็ไม่ได้อุทิศไรให้เค้าค่ะ เพราะนึกว่าคิดไปเอง

วันต่อมา กำลังจะหลับ ช่วงเคลิ้มๆ เห็นวิญญาณผู้หญิงคนนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาเรา เหมือนโกรธเรามาก ตาดุเขม็ง เราสะดุ้งตื่นเลยค่ะ..แต่ก็ยังคิดว่า สงสัยภาพติดตาจากเมื่อวานที่นั่งสมาธิ ก็นอนต่อ

วันต่อมาติดกันเลย กำลังจะหลับ ช่วงเคลิ้มๆอีกแล้ว เห็นอีกแล้ว เห็นร่างเค้าถูกไฟเผาทั้งร่างเลย ตอนนั้นเราสะดุ้งตื่นเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ว ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ความรู้สึกบอกอย่างมั่นใจว่า ไม่ได้คิดไปเอง เลยเล่าให้แม่ฟัง ตอนนั้นเราเพิ่งนั่งสมาธิครั้งแรก เรายังคิดอะไรทางธรรมเอง ยังไม่ออกค่ะ

หลังจากวันนั้น แม่ก็พาเราไปหาเพื่อนแม่ที่นั่งสมาธิเก่งๆ เล่าเรื่องของเราให้เค้าฟัง ตอนนั้นเล่าให้ผู้ที่นั่งสมาธิเก่งๆ 2 คน น่าแปลกมากตรงที่ 2 คนนี้พูดชื่อวิญญาณดวงนั้นตรงกันเป๊ะอย่างมิได้นัดหมาย ทั้งๆที่ 2 คนนี้อยู่คนละที่กัน

1 ใน 2 คนนั้นเป็นเพื่อนแม่เรา เราก็เรียกเค้าว่าน้า น้าเค้าก็บอกว่า หลังจากที่เค้านั่งสมาธิไปคุยกับวิญญาณดวงนี้แล้ว เค้าบอกว่า เป็นวิญญาณที่อาฆาตเรามาหลายชาติแล้ว เพราะในชาตินั้น เรากับวิญญาณดวงนี้เป็นพี่น้องคนละแม่กัน แล้วพ่อเรารักเค้ามากกว่า ให้สมบัติเค้ามากกว่า เราเลยอิจฉา เลยไปโกงสมบัติเค้ามา และฆ่าเค้าตาย
เค้าเลยอาฆาตเราตั้งแต่นั้น และก็ตามเรามา

เราก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เค้าค่ะ เราเคยไปบวชชีพราหมณ์ เราก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เค้าค่ะ แต่น้าบอกว่า เค้าไม่รับบุญเราค่ะ!!

น้า : ทำไมไม่รับบุญที่น้องเค้าอุทิศมาให้
ดวงวิญญาณ : กูไม่รับ กูจะเอามันลงให้ได้!!

น้าบอกว่า ไม่เคยเจอแบบนี้ เพราะวิญญาณที่เจอ ส่วนใหญ่จะต้องการบุญ ต้องการโมทนาบุญและไปสู่สุคติ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นวิญญาณอาฆาตแรงแบบนี้

น้าไปคุยกับเค้าหลายครั้งมากให้อโหสิกรรมให้เรา เค้าก็ไม่ยอมคุยกับน้าค่ะ จนครั้งสุดท้าย น้าไปบอกเค้าว่า บุญของชั้นเนี่ยทั้งหมด ชั้นจะให้ จะเอามั้ย จะไปทำไอ้น้องมันทำไม ตอนนี้น้องมันก็เริ่มปฏิบัติธรรมบ้างแล้ว ก็อโหสิกรรมต่อกัน แล้วก็มาปฏิบัติธรรม รักษาศีล จากนั้นอยากไปสวรรค์ พรหม นิพพาน อยากไปไหนก็ได้หมด.. พูดจนสุดท้ายเค้ายอมใจอ่อนอโหสิกรรมให้เราค่ะ

น้าบอกว่า อาจเป็นเพราะชาตินั้นที่เกิดเรื่อง ยังไม่มีศาสนา เค้าเลยไม่รู้จักการรับบุญ การรักษาศีล ปฏิบัติธรรม น้าเลยสอนให้เค้ารู้ว่า รักษาศีลทำยังไง นั่งสมาธิทำยังไง เค้าจะได้ปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างบารมี (วิญญาณก็ปฏิบัติธรรมได้นะคะ)

ตอนนี้วิญญาณดวงนี้ เค้ากำลังปฏิบัติธรรมเพื่อไปพระนิพพานอยู่ค่ะ เราก็ยินดีกับเค้าด้วยค่ะ

---------------------------------------------------

ส่วนเราน่ะเหรอคะ เมื่อเรารู้เรื่องนี้ แทบจะตกนรกทั้งเป็นค่ะ ยิ่งเกิดเรื่องตอนที่เราเพิ่งปฏิบัติธรรม ยังวางอุเบกขาไม่เป็น

พอรู้ว่าเราเคยทำอะไรเค้าไว้ในอดีตชาติ เราก็แทบจะรับตัวเองไม่ได้เลย เพราะในชาตินี้เราไม่มีความคิดจะฆ่าใคร เราเลยนึกภาพตัวเองไม่ออกว่า ชาตินั้นเราฆ่าน้องตัวเองไปได้อย่างไร นั่งด่าตัวเอง ทุกข์มากค่ะ

แม้ทุกวันนี้เค้าจะอโหสิกรรมให้เราแล้ว แต่เราก็ยังอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เค้าอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง และตั้งใจจะอุทิศให้เค้าไปตลอด

อีก 2 เดือน ยิ่งเรามารู้ว่า เราเคยเป็นไดโนเสาร์ทำสัตว์ตายไปเยอะ เราก็ยิ่งทุกข์ขึ้นไปอีก รับไม่ได้กับความเลวของตัวเอง

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เคยปฏิบัติธรรม เราอยากระลึกชาติได้ค่ะ อยากรู้อดีตชาติของตัวเอง ตอนนั้นคิดเพียงแค่ว่า อยากรู้ในสิ่งที่เร้นลับ คิดเพียงเท่านั้นค่ะ แต่ในตอนนี้ เมื่อได้รู้แล้ว แม้รู้เพียงไม่กี่ชาติ กลับรู้สึกว่า ไม่อยากรู้แล้ว รู้ไปก็มีแต่ทุกข์ ยิ่งรู้ว่าชาติก่อนเคยทำเลวอะไรไว้ ยิ่งทุกข์เข้าไปอีก

สิ่งที่ตั้งใจจะทำในตอนนี้ คือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เร่งทำความดีให้มากที่สุด เลิกทำบาปทุกอย่าง เพราะเราหวังว่า เมื่อถึงอนาคต หากเรามองย้อนกลับมา คงจะมีอดีตที่ดีให้เราชุ่มชื่นใจอยู่บ้าง

-------------------------------------------

อาจารย์เราสอนว่า การรู้อดีตนั้น รู้เพื่อให้เห็นทุกข์ รู้เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด หากเรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เราก็ทุกข์แบบนี้ทุกชาติ เห็นอดีตกี่ชาติๆก็ทุกข์หมด เพราะทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรม มีเพียงสิ่งเดียวที่จะหยุดทุกข์ได้ ก็คือ นิพพาน หากเราไม่อยากทุกข์อีก ขอให้เราตั้งมั่นที่จะไปพระนิพพานในชาตินี้ หยุดวัฏสังสาร แล้วพวกเราก็จะไม่ทุกข์อีกแล้ว..


ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ และหากเรื่องนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆท่าน ขอให้อานิสงส์แห่งบุญกุศลนี้จงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณดวงนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณมากที่อโหสิกรรมให้เรา _/\_

 

ของเราก็มีอาจารย์สอนอ่ะค่ะ แต่ว่าจะไปให้อาจารย์สอน แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง

ส่วนนั่งสมาธิให้เห็นอดีต เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่านั่งยังไงหากต้องการจะนั่งเพื่อเห็นอดีตโดยเฉพาะ

ส่วนของเรา เราขออาราธบารมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำไปเห็นอดีตตัวเองค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นได้ทุกครั้งที่นั่งสมาธิค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า ครั้งนั้นจิตเราสะอาดแค่ไหน

แต่ว่า เราว่าถ้าจะนั่งสมาธิ อยากให้เน้นเรื่อง นั่งเพื่อให้จิตสงบ มีสติ ปล่อยวาง ละกิเลส เกิดปัญญา มากกว่าค่ะ ส่วนจะเห็นอดีตได้หรือไม่นั้น หากถึงเวลา เราก็จะเห็นได้เองโดยไม่ต้องพยายามเลยค่ะ

แต่อาจารย์เราบอกว่า การนั่งสมาธิให้ได้ประโยชน์นั้น ต้องมี ทานและศีลครบถ้วนก่อนค่ะ ต้องรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก่อน จึงจะค่อยมานั่งสมาธิ อาจารย์บอกอย่างนี้ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ ขอโมทนาบุญค่ะ

 

อนุโมทนา สาธุด้วยครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดทั้ง 2 เรื่องเลยครับ
ขอบคุณมากครับ ถ้ามีอีกก้อเล่าอีกนะครับ ขอรีเควซ