เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

นี่ความลับเปิดเผยแล้ว
กรณีนี้ เล่นเอาหมอสุวิแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน คุณเธอ โทรหาหมอสุวิก่อนเพื่อนทั้งยามค่ำคืนและรุ่งเช้า
เรื่องหินๆนี่กับหมอสุวิไม่ค่อยจะถูกกัน มันหนักนะ ยกไม่ค่อยไหว แต่ละก้อนล้วนมีที่มาที่ไป
เลยช่วยส่งพลังไปรักษาหัวใจไว้ก่อน พลังหินหนักจะทับหัวใจเธอให้แบบแต๋
และ ยันกันอยู่เช่นนั้นหลายวันอยู่

เลยบอกให้แกโทรไปโวย อ.สามตาที เพราะก่อนกลับ แกจับก้อนหิน ที่หินๆอีกหลายก้อนบนโต๊ะ และพระอีกหลายองค์
เผื่อมีผู้ที่แอบชอบอัทยาศัยแก(พวกมีแต่พลัง) ขอตามไปอยูกับแกด้วย
(ผู้ที่โดนพลังแฝง หลังจากถูกเรียกออกไปแล้ว มักเหลือช่องว่างกลวงๆในตัวอยู่ ยังปิดไม่สนิท จึงมักถูก ผีซ้ำด้ามพลอยได้ง่าย)

และงานนี้ก็จริงๆด้วย ไอ้หินก้อนเก่า มันกลับไปอยู่ที่เดิม ซ้ำยังชวนเพื่อตามไปอยู่ด้วย
(เอ..ใครส่งไปหว่า ด้วยความหวังดีนะเนี่ย-เวรก้ำ เวรกกำ...)

พอ อ.สามตารู้ ก็เรียกกลับมา แต่ก้อนเก่า
แต่ยังเหลือไอ้ก้อนใหม่ที่ตามไป ทิ้งไว้ให้สุวิแบก
ยังไม่มีเวลาไปโวยท่านปรามาจารย์ เลย

นี่จะเรียกว่าอะไร
วิบากกรรมจะ
วิบากที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตัวจริง คอยทวง
แต่ด้วยเหตุประจวบเหมาะหลายๆอย่าง ล้วนชักนำให้เป็นไป ต้องประสพเคราะห์กรรม เสวยทุกขเวทนาอันสาหัส
แม้ว่าจะได้ผู้ช่วยเหลือแล้วก็ตาม

เฮ้อ..... เวรก้ำ เวรกรรมมมมม.......

 

เวร ก้ำ เวรกำ.................. อามิตาพุทธ......55


มิได้ หัวเราะ อาจารย์ หรอก นะท่าน...... ด้วยความเคารพ ครับผม

ทำให้ ข้าฯ น้อย ได้ ความรู้ ........อีก เรื่อง หนึ่ง แล้ว

 

วันนี้ สาวที่ มีกรรมเรื่องก้อนหิน..ที่ปัดเป่าไปอีกครั้งเมื่อ วาน
วันนี้มาจาก ชัยนาท ตอนบ่าย.มาที่บู๊ธ 042.
.เอาพระเครื่อง และพระบูชามาแยะ แบกเป็น ถุงเป้ ใหญ่
ก็เอามาวาสงชำแหละ...ทีละชิ้น
..............................................................
ซึ่งก็ แปลก พออยู่ที่ บ้านที่ชัยนาท จับอะไร ไม่รู้เรื่อง
พอโผล่มาที่ บู๊ธ 042...กลายเป็นคนเก่งเรื่องพลังไปจริงๆๆ
ปล่อยให้เขาจับเอง แต่ละชิ้น
อันไหนดี ก็ โอเค...อันไหนหายใจไม่ออก ก็ ร้องว๊ายจะเป็นลม
จับแยกเอง เสร็จ...มีคนขับรถมาด้วย อันไหน ที่ไม่ดี ก็ แจก เขาไป
พอ แยกหมด ก็สบายตัว ไม่อึดอัด....สะบายๆๆ
ก็เลยเสกน้ำมนต์ กันผี ให้ 12 ขวด พร้อม ใบไม้สวรรค์ อีก 1 ใบ
ทีนี้ ผีไม่เข้าอีกต่อไป..พลังเลวๆๆก็ไม่เข้าอีกต่อไป เช่นกัน
.................................................................

 

หลายๆวันที่ผ่านมา สาวเจ้า จากชัยนาท โทรหา หมอสุวิวันละหลายรอบ
ยุแล้วยุอีกแบบเป็นนัยๆว่า หยุดเถิดหยุดเสาะหาของดีแบบหินๆ
และให้สละวางสิ่งทั้งปวงให้หมด ไม่งั้น ของเก่าไปของใหม่ก็เข้ามาแทน ทนทุกข์ไม่รู้จบ

จนเมื่อเช้านี้เอง แกโดนสะกรัมหนัก ก็ช่วยบันเทาให้ไปตามเรื่อง ดังทุกวันที่ผ่านมาสามเวลา หลังอาหาร และก่อนนอน(ยังกะโดนจ่ายยาเลยวุ้ย)

แกบอก ไม่เอาแล้วยอมแล้วจ้า ยินดีสละสมบัติที่สะสมมานานนับสิบปีทิ้งสิ้น
จึงบอกแก ให้ขนสมบัติแสนรักแสนหวงทั้งมวล ไปหาอาจารย์สามตา
แกให้หมอสุวิไปหา อ.สามตาด้วยเผื่อช่วยกัน แต่หมอติดประชุมจนคำ จึงไม่ได้ ไป
ได้แต่สอนวิธีการอ้อนอาจารย์ให้ช่วยปัดๆเป่าๆ ยกก้อนหินออกจากอกแก

เฮ้อ...คืนวันนี้แกคงจะนอนหลับสนิทเป็นคืนแรกกระมัง

หมอสุวิต้องขอขอบพระคุณ อ.สามตาเป็นอย่างมากที่ช่วยให้หมอสุวิไม่ต้องโดนโทรปลุกตอนดึกๆ
ฮิฮิ ...หมอก็คงได้หลับสนิทเช่นกัน
สาธุ จ้า

 

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณตัวกลม คุณดาวฯ และทุกๆ ท่านที่ส่งจิตไปให้
ในการพูดเมื่อจันทร์ที่ผ่านมา
ขอบอกเลยว่า การพูดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตื่นเต้นมาก จริงๆ ตื่นเต้นทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะมีคนฟังมากเกินคาด แถมยังมีช่วงวัยที่ต่างกันมาก
ตั้งแต่ป้าๆ แม่ๆ อายุ 70-80 ไปจนถึงเด็กน้อย 6-7 ขวบ ช่องว่างตรงกลางมันจึงกว้าง
ที่สำคัญ คนฟังยังมาก รวมแล้วประมาณ 70 คน
(แถมยังถือศีลแปดกันทุกคนด้วย เรามันถือแค่ศีลห้าแค่คนเดียว ไปสอนคนถือศีลแปดประมาณ 70 คน กำลังของเราเลยถอยรูดเลย
จิตสู้กำลังพวกเขาแทบไม่ไหว แต่รับปากพระท่านไว้ ก็ต้องทำตามหน้าที่)
ซึ่งที่เคยพูดให้ฟังมีประมาณ 10 คน เป็นเด็กประถม
ถึงมากสุด 50 กว่าคน เป็นเด็กมหาลัย
ครั้งล่าสุดนี้จึงถือเป็นการปราบเซียน และยังเป็นวันที่ฝนตกด้วย
เรียกว่าลำบากทั้งกาย (เปียก) และลำบากใจ

และเพราะคุณตัวกลมกับคุณดาวฯ ส่งกำลังใจมาช่วยกระมัง ทำให้ดิฉันนึกถึงว่าจะต้องกราบพระประธาน
ซึ่งกราบแล้วกราบอีก คือ เข้ามาวัดก็กราบ ก่อนขึ้นพูดก็กราบ ก่อนเริ่มพูดก็กราบ อัยเชิญพลังของท่านมาช่วย
จิตระลึกถึงพลังสูงสุด แต่ก็ยังมีเหตุให้ฉุกละหุก เพราะไมค์

 

คือเวลาดิฉันขึ้นพูด จะต้องมีรายชื่อเด็กทุกครั้ง เพื่อเอาไว้ตั้งคำถามให้เด็กได้ตอบ
เรียกว่าวิธี จิตสอนจิต ตนเตือนตน ด้วยตนเอง คำถามที่เราถาม เขาได้ตอบออกมาจากใจเขา ไม่มีผิดถูก
เราเป็นได้แค่ผู้เสริม และดำเนินเรื่องที่จะพูดให้จบได้อย่างมีข้อคิด ตามที่พระท่านได้ตั้งหัวข้อไว้เท่านั้น ดิฉันคิดอย่างนี้

วัดมีไมโคโฟน แต่ไมค์ของวัดจะเป็นอย่างไร ทุกท่านคงเดาออก ไม่ใช่ว่ามันไม่ดัง แต่เพราะมันเป็นไมค์สาย กว่าจะลากไปให้น้องๆ ตอบ
ทำให้บรรยากาศขาดความต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว

ท้ายการสอน ได้ฝึกให้ทุกคนนั่งสมาธิแบบไม่หลับ ดังที่ได้เล่าไว้ในช่วงก่อนว่า มีเด็กมหาลัยคนหนึ่ง เป็นเด็กที่มีสมาธิดีมาก
เขาเรียนหนังสือในชั้นไม่เคยหลับ ทั้งๆ ที่เพื่อนคนอื่นหลับกัน จนเพื่อนเขามาถามว่าทำได้ยังไง

น้องเขาก็ไม่รู้ แต่เวลาเขานั่งสมาธิ เขาจะหลับ ดิฉันได้ฟังเขาเล่าเช่นนี้ ก็นึกถึงคำแนะนำของคุณสุวิ ที่เคยเขียนแนะนำไว้ใน PM คล้ายๆ กับว่า...
เวลานั่งสมาธิขอให้ดวงจิตอย่าลอย และอย่าจม ถ้าลอยก็จะเหมือนว่าปิติ (จำได้คล้ายๆ อย่างนี้นะคะ) ถ้าจมก็หลับ
แต่เราต้องกำหนดให้จิตเราอยู่ระหว่างการจมกับการลอย คือเป็นกลาง

 

ที่นี้น้องที่กล่าวไป เขาเรียนมีสมาธิ แต่หลับสมาธิ เหมือนกับว่า เขาเข้าสมาธิได้ในแบบที่มีอะไรวิ่งอยู่รอบๆ เขา
แต่ถ้าเขานั่งสมาธิ จิตเขาจะจม (อธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไร ขออภัย เดี๋ยวจะไปค้น PM ที่ว่านี้ แล้วยกมาแปะไว้ดีกว่า)
********************

ความในตอนหนึ่งว่า...
เคลื่อนไหวบนความนิ่ง เมื่อนิ่งจนเบื่อแล้วให้ดูการเคลื่อนของพลังในฐานที่เฝ้าดูอยู่
ในข้อนี้อาจแปรไปสู่การวิปัสนาธรรมได้<O</O
การช๊าทร์พลังเต็มแบบที่คุณอธิษฐานเล่ามา จะอยู่ในหัวข้อนิ่งบนความเคลื่อนไหว แน่นอน ไม่มีทางหลับ
เมื่อเลิกฝึก ให้ย้ายฐานจิตการฝึก มาเป็น นิ่งในนิ่ง พลังทุกชนิดไม่มีการเคลื่อนไหว แล้วกดจิตลงให้ปลิ่มน้ำ
(ตรงนี้ จิตจะเหมือนดวงแก้วสว่างใสลอยเด่นอยู่ ให้ดึงจิตให้ดิ่งลง เหมือนกดลูกบอลลงให้จมน้ำ จะหลับทันที
คล้ายๆให้สัมประชัญญะ ปิดสวิท จิต(สติ)
อธิบายยากเนาะ แต่คุณคงเข้าใจ – ด้วยวิธีการเหมือนตอนที่คุณฝึกดูลมหายใจอยู่ แล้ววูป หลับไป
– หาความลับตรงที่วูปหลับไปให้เจอ)
สุวิ<O</O
**************************************

ดังนั้นก็เลยสอนให้เขากำหนดจิตจากแสงเทียน คือ เรารู้ว่าวิธีที่เราแนะ นี้เป็นการช๊าตพลังเข้าตัว
นั่งแล้วไม่หลับ เรารู้วิธีนี้ (
แต่ไอ้ที่คุณสุวิบอกว่าไปหาความลับที่อยู่ตรงกลางระหว่างหลับตื่นนี้เป็นอีกเรื่องนะคะ)
********************

น้องมหาลัยคนที่ว่านี้เขาเคยนั่งมองแสงเทียนมาก่อน
เราก็เลยบอกว่าจำอารมณ์นั้นได้ไหม เขาบอกว่าจำได้
เราก็ให้จิตเขาเป็นดวงเทียน อยู่ที่ขวัญของเขา
ผูกติดกับจิต ที่โยงด้วยใยบางๆ ของพระพุทธองค์ กำลังให้อยุ่ในรูปของแสงเทียนเหมือนกัน แต่ลอยอยู่สูงขึ้นไป (ขอเล่าแบบย่อๆ)

ดังนั้นพอวันจันทร์ดิฉํนพูดจบ ก็ต่อด้วยการพูดให้ทุกคนทำสมาธิไม่หลับ
เพราะได้ถามเด็กๆ แล้ว ว่า มีใครทำสมาะแล้วง่วงบ้าง ทุกคนยกมือว่านั่งสมาธิจะหลับกันแทบทั้งนั้น

เราก็แบ่งกลุ่มจุดเทียนนั่งกัน สอนวิธีแบบที่สอนน้องมหาลัย
เด็กๆ และป้าๆ แม่ๆ ก็นั่งกัน ทั้งหมด
พอสอนจบก็มาคุยกับพระ พระท่านไม่ค่อยชอบเท่าไร บอกว่าดีที่สอนให้จิตสงบด้วยสมาธิ
เพราะดวงจิตของเด็กแต่ละคนซน ๆกันทั้งนั้น
แต่ไม่ค่อยชอบใจที่ให้นั่งผูกกับดวงจิตพระพุทธองค์แบบกำหนดจิตเรียกมาผูกแบบนั้น
มันไม่น่าจะเป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา

แต่ท่านก็เข้าใจในความปรารถนาดีของเรา ดิฉันก็เลยบอกท่านว่า ความคิดนี้ได้มาอย่างไร?
จากการสอนน้อง มหาลัย คนหนึ่ง และเห็นว่าเด็กๆ บอกว่านั่งสมาธิแล้ว ง่วง
จึงให้จิตเขาไปผูกจิตกับพระพุทธองค์ไว้อย่าให้ขาด ขาดแล้วก็จะหลับ
ถ้าไม่สอนแบบนี้ เด็กๆ ก็มองไม่เห็นเป็นรุปธรรม
ถ้าเด็กมองไม่เห็นเป็นรูปธรรม เด็กจะเข้าใจหรือเปล่า?
ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ดิฉํนเลยบอกว่า ให้ท่านเสริมภายหลังละกันว่า ดิฉํนต้องการสื่อยังไง ท่านไปเสริมเอา ท่านก็พอใจ

เล่ามาซะยาว คงไม่เบื่อกันนะคะ นานาสาระถึงคนที่ส่งกำลังใจไปช่วยในวันนั้นหนะเจ้าค่ะ อนุโมทนา

 

วันที่ไปพบอาจารย์ 3 ตา ได้ถามถึงเรื่องแผ่นดินสูง แผ่นดินต่ำ
อาจารย์สามตาก็เปิดแผนที่ขึ้นมา แล้วให้ดิฉันสัมผัสว่าตรงไหนหายใจสบาย แสดงว่าตรงนั้นแผ่นดินสูง
เราก็เลื่อนมือไปเรื่อยๆ
เอ๊! ทำไมตรงนี้เย็นสบาย ก็ยกมือออก แล้วมองลงไปที่แผ่นที่ มันเขียนว่า ห้วยขาแข้งนี่เอง
ตรงไหนหายใจลำบาก แสดงว่าตรงนั้นแผ่นดินต่ำ

นอกจากความรุ้สึกนั้นแล้ว ดิฉันยังได้สัมผัสถึงบางช่วงตอนที่เป็นลูกคลื่น และบางช่วงเหมือนมีอะไรมาดุนฝ่ามือ
เหมือนมีอะไรมาทิ่มที่ฝ่ามือ ไม่ใช่เข็มนะคะ เป็นเหมือนกระบองหนะคะ และบางช่วงจะเป็นเหมือนไฟฟ้า วิ่งจี้ขึ้นมาที่มือ

ช่วงที่รู้สึกว่าเป็นลูกคลื่น คุณจีรศักดิ์ ลูกศิษย์อาจารย์ ได้นั่งดูอยู่ด้วย บอกว่า มือของดิฉํนกำลังลากผ่านเทือกเขา ภูเขา จึงทำให้รู้สึกอย่างนี้
ส่วนช่วงที่เหมือนถูกกระบองทิ่มฝ่ามือ และช่วงที่เหมือนโดยไฟฟ้าจี้ เป็นช่วงที่มือผ่านแผ่นดินต่ำ และตระเข็บชายแดนเขมร
อาจารย์ยังให้ดิฉํนลองยกแผ่นดินด้วย แล้วจะเหลือหรือคะ ดิฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ บารมีไม่ถึงหรอกเจ้าคะ

คุณจีรศักดิ์รีบส่งพลังผ่านมือมาช่วย แต่ก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้ช่วยให้แผ่นดินสูงได้สักเท่าไร นอกจากให้เรารุ้เป้นประสบการณ์มากกว่าอย่างอื่น

 

วันนั้นยังได้พูดคุยกันถึงเรื่องการจับพระ ที่คุณดาวฯ ได้เข้ามาเล่าไว้แล้ว ในกระทู้นี้ด้วย
ดิฉันได้ไปเรียนถามอาจารย์สามตาต่อ ว่าวันนั้นคุณดาวฯ อยู่ในท่าทางแบบไหน พระอะไรที่พอจะจับแล้วไม่เห็นพลัง
แต่ต้องลองไปอยู่ไกล ถึงจะรู้สึก อาจารย์ก็บอกให้ฟัง แล้วให้ลองทำอย่างที่คุณดาวทำ
คือไปอยู่ระยะไกล 2-3 เมตร แล้ววิ่งดันพลังพระเครื่องเข้ามา
แต่ก็มีอีกวิธีคือ นั่งอยู่กับที่ แล้วกำหนดจิตให้ค่อยๆ ถอยออกไป ระยะที่ 1 เมตร 2 เมตร 3 เมตร ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องเดิน
ซึ่งใช้ได้ดีจริงๆ
*******************

ดิฉันได้ลองเอาวิธีนี้ไปตรวจพระเครื่องให้น้องๆ มหาลัยดู แต่ไม่อยากให้เขารู้สึกว่างมงาย
ดิฉันบอกว่าพระองค์นี้มีระยะกันภัยสุงสุดอยู่ที่ระยะเท่าไร และอยากให้เขารู้สึกด้วย
ก็เลยให้เขาถอดพระออก แล้วหายใจถึงท้อง แล้วจำเอาไว้
จากนั้นเอาพระที่เขาใส่ไปไว้ที่มือของเขา แบบมือประสานในท่านั่งสมาธิ แล้วลองหายใจ
***************

เขาก็รู้สึกติดขัด หายใจไม่สะดวกตรงช่วงที่เราคิดไว้จริงๆ โดยที่เราไม่ได้บอกน้องเขาก่อน
พอเขาหายใจไม่ได้ เราถึงบอกว่า...อย่างนั้นอย่างนี้ใช่ไหม? เขาก็รับว่าใช่
เขารู้ได้ด้วยตัวเขาเอง

พอวันจันทร์ที่ดิฉันไปพูดที่วัด แม่เขาเลยฝากพระมาให้ดู น้องเขาคงเอาไปเล่าให้แม่เขาฟัง
แค่วันจันทร์ดิฉันใช้กำลังไปในการพูด เหนื่อยมากแล้ว จึงขอกลับ และวันอาฬาฯ จะมาวัดใหม่
ก็ได้เจอน้องเขาอีก เพราะเขามีหน้าที่คุมเด็กให้ปฏิบัติธรรมทีวัด ตลอด 5 วันอาฬาฯ
**********

คราวนี้มีคนสนใจเพิ่มมาอีก 2 รวมเป็น 3
ก็ให้ทุกคนได้ลองจับพลังพระเครื่อง เชิญพลังพระเครื่องมา ซึ่งเป็นวิชาที่ดิฉันได้มาจากอาจารย์สามตา
ในวันที่ไปคุยกับอาจารย์เรื่องคุณดาวฯ จับพระ นั้นแหละค่ะ

ดิฉํนสอนให้ เพราะรู้ได้ว่าจิตของพวกเขาเปิด
ก็ใช้วิธีให้เขาจำจิตขณะที่หายใจถึงท้องโดยไม่มีพระ กับเมื่อลองจับพระดู
ซึ่งก็เป็นผลว่าแต่ละคนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง

ดิฉันอธิบายเป็นหลักวิทยาศาสตร์ประกอบ ทุกคนก็เลยยิ้มเลย ได้วิชากันไป
ทั้งนี้ต้องอนุโมทนาอาจารย์ สามตา เจ้าคะ

เดี๋ยวถ้าเด็กกลุ่มนี้มาให้จับพลังพระอีก จะไล่ให้ไปจับเองแล้ว ขอแค่เป็นผู้ดู ผู้แนะก็พอ น่าจะทำหน้าที่เพียงแค่นี้

 

ส่วนเรื่องหิน ที่คุณ ๙ตาล๙ เขานำเข้า หินลาวา เอามาบดเป็นผงเรียกว่าอะไรนะคะ
วันนั้นคุณ ๙ตาล๙ เขาเอามาถามอาจารย์ และแสดงให้ดิฉันและคุณจีรศักดิ์ดูด้วย
ดิฉันก็เอาไปแสดงให้เด็กๆ มหาลัยที่วัดดูอยู่ 3-4 คน
และเอาติดไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด ทำให้กระเป๋าหนักมาก หนักจนไหล่เมื่อย อึดอัด ทั้งๆ ที่เป็นแค่ผงปลายช้อน

อาจารย์สามตาช่วยมาเขียนชื่อ ว่าเขาเรียกว่าอะไรทีสิคะ หนูมันพวกความจำสั้น
แล้วเดียวจะมาเล่าถึงผงหินอันนี้ให้ฟังต่อค่ะ

 

ผงที่ คุณอธิษฐาน กล่าวถึง
ใช่ หิน ลาวา ที่เค้า เอาไปทำ เหรียญควอตัม พลัง สกอล่า หรือเปล่า

ถ้า เป็น หิน ชนิดนี้ พลัง ยึกเกาะ กับพื้นโลก ดี ครับ หนักแน่น มาก

น่าเอาไป ................ ผสม ในยาง รถยนต์
จะ ได้ ยางรถยนต์ ที่ เกาะ ถนน เป็นเลิศ ................. 55

 

อนุโมทนาคุณอธิษฐานค่ะ ทำดีก็ต้องมีผู้เกื้อหนุน แบบไม่ธรรมดาเสียด้วย
เก่งนะคะเนียะ ตอบสดๆ อย่างกูรูทีเดียว ได้วิชาก็ส่งต่อผู้อื่น มีเทคนิคในการพูด
พี่ดาวทะเลทรายนี่ส่งทางไกล ได้จริง ตัวกลมส่งให้ชาวทิพย์ที่อยู่กับคุณอธิษฐาน
เพราะตอนนี้กำลังพัฒนาเสาอากาศอยู่ เลยส่งแบบเจโตบ่ได้ แหะๆ

 

สวัสดีเช่นกันครับ คุณตัวกลมๆ ผมขออนุญาตชี้แจงเรื่องชื่อนิดนึงครับ
คือแบบว่านามสกุลจริงๆของผมคือ ทิพย์พละ ก็เลยถือโอกาสดัดแปลงมาใช้เป็นชื่อในเวป ด้วยความสัตย์จริงแล้วมิได้อาจเอื้อมว่าตนเองมีพลังอะไรหรอกครับ ยังต้องขอความเมตตาจากอาจารย์และผู้รู้ทั้งหลายอีกมากเลยครับ
อ้อ...มีเรื่องเล่าด้วยครับ คือสองวันก่อนโผล่ไปเที่ยวลำพูน (จริงๆแล้วอ.สามตาเคยเตือนแล้วว่าไม่จำเป็นอย่าเข้าไป) ก็ขับรถวนเวียน พอติดไฟแดงกำลังจะผ่านหน้าอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวี เพื่อไปกราบพระธาตุหริภูญชัย ก็รู้สึกเหมือนถูกแทงหรือถูกขย้ำที่เข่าขวาปวดแปล๊บขึ้นมาทันที ในใจคิดว่าเอาเข้าแล้ว จึงรีบแผ่เมตตาอุทิศบุญและขออโหสิกรรม อาการจึงทุเลาลง
เรื่องของเรื่องก็คือ อ.สามตาเคยบอกว่าเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีที่แล้วเคยเกิดเป็นทหารของพ่อขุนเม็งรายมหาราชแล้วยกทัพมาทำศึกกับเมืองลำพูนครับ
แหะๆๆ ไม่น่าโผล่เข้าไปคนเดียวเล๊ย

 

หายหน้าไปนานเพราะหน้าที่การงานและไปทำ

บุญวันอาสาฬหบูชาที่ผ่านมาก็ถวายเทียนหลอด

นีออนสังฆทานไปเก้าวัดก็ขอนำบุญกุศลมาฝาก

อาจารย์สามตา คุณvisnu คุณจักรพล

คุณตัวกลมๆ คุณดาวทะเลทราย คุณเตะจุ้ย

และสมาชิกท่านอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ visnu ด้วยนะครับ

กลับมาคงก้าวหน้าในธรรมนะครับ

คงหลุดพ้นโดยเร็วนี้นะครับ 555555

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณเตะจุ้ย

ที่จะรวบรวมปัจจัยในการให้เช่าพระแล้ว

นำปัจจัยไปบำรุงพระพุทธศาสนา

เบื้องบนบอกให้หาสมุนไพรมาไว้ในบ้าน

แก้มลภาวะและเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ

ให้เตรียมหัวตะไคร้ 2-3หัวตัดปลายทุบพอแตก

ขิงแ่ก่ 1-2 แว่น(ชิ้น)

ใบมะกรูดพอสมควร ฉีกเป็นชิ้นๆ

ผลมะกรูดผ่าซีกหรือหั่นเป็นชิ้นๆ

นำสมุนไพรทั้งหมดใส่จานหรือพาชนะตั้งไว้ในบ้าน

ที่เป็นทางลมเช้าบ้านจะช่วยป้องกันเรื่องหวัด2009ได้

ล่าสุดกำลังจะมีเชื้อโรคตัวใหม่เข้ามาทางอากาศจะเริ่ม

แพร่เชื้อมาจากทางภาคอิสาน

 

สำหรับเชื้อโรคตัวใหม่จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย

อย่างหนัก ได้ปรึกษากับอาจารย์สามตาและแก้ไข

ไปบ้างแล้วแต่สำหรับคนที่มีผลกรรมเข้ามาร่วม

ก็แล้วแต่เวรกรรมละคราบ

 

สวัดดีครับ อาจีรศักด์ิ กลับจาปฏิบัติธรรมแล้วไปได้ไม่นาน ตามกำลังที่สามารถไปได้ครับ
การไปครังนี้ได้ธรรมะมา มากมายหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้กับตัวเราและสอนผู้อื่นได้
ในส่วนของภัยอย่างที่อาจีรศักดิ์ พูดมามีอีกวิธีนึงครับในการรอดพ้นจากโรคครับคือ ฌาน4
คือ โรคภัยที่จะมาสามารถรักษาด้วยฌาน4 บอกแค่นี้แล้วกันเพราะข้างบนให้บอกได้เท่านี้ แล้วแต่ ปัญญาของผู้นั้นจะตักตวงครับ

 

ถูก...ถูก ..ถูกต้องแล้วครับ

(ขอเลียนแบบคุณปัญญา เจ้าพ่อแห่ง Work point สักกะหน่อย อิอิ)

ขอบพระคุณคุณดาวฯ ค่ะ ช่วยดิฉันได้มากเลย

เดี๋ยวจะเข้ามาเล่าต่อเจ้าค่ะ

 

กราบขอบพระคุณคุณเห็ดหอมเจ้าคะ สำหรับสูตรแก้มลภาวะและเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ

ที่บ้านมีผักสวนครัวอย่างที่คุณว่ามา ครบพอดี ซื้อหาก็เพียงขิงแก่เท่านั้น

ได้ยาดีแล้ว ดีใจจัง

อนุโมทนาคะ จะเอาไปตั้งไว้ที่หน้าต่างห้องนอน น่าจะช่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง

ที่ตอนนี้กำลังบุกหนักให้กับดิฉันและทุกๆ ท่านได้

อนุโมทนาอีกครั้งค่ะ คุณเห็ดหอม

 

ฌาณ 4 หรอคะ คุณ visnu

สงสัยพอเข้าถึงช่วงอุบัติภัยล้างโลก

ดิฉันคงได้กราบลาทุกท่านก่อนเป็นแน่

เหอะ เหอะ เหอะ ฌาณ 4 ท่าจะยังอีกไกล

กราบอนุโมทนาคุณ visnu ค่ะ

ที่กรุณาแนะนำ

*******************

แต่ช่วงนี้ก็ถือว่าแปลกมาก ที่จิตของดิฉันค่อนข้างรับกระแสจิตจากผู้อื่นได้
อย่างที่คุณตัวกลมเรียกว่า ตั้งเสาอากาศ 555
น่ารักดีจัง...ตั้งเสาอากาศ...เรด้า...555
แต่ดิฉันทำสมาธิไม่ได้เรื่องเลย ทั้งที่ช่วงนี้ทำแทบทุกวัน แต่ไม่ได้เรื่อง

 

;hi2เอาน่าจะวิตกทำไมรอดไม่รอดยังไงก็ต้องตายหมดอยู่ดี:z1ไม่มีใครค้ำฟ้าหรอกจะช้าจะเร็วก็แล้วแต่rabbit_heartเราก็ไม่ได้ฌาน4เหมือนกัน:z2แต่ไม่วิตกเพราะเข้าใจว่าทุกคนเกิดมาต้องตาย;k05อย่าไปคิดวุ่นวายใครเขาทำได้ก็ดีของเขาwelcome3เราทำไม่ได้rabbit_heartเราก็ทำแบบของเราไป;k05ไม่มีอะไรที่แท้แน่นอนหรอกนะrabbit_heartตัวเรายังไม่ใช่ของเราเลย:z2จะไปยึดอะไรเป็นจริงเป็นจังทุกเปล่านะrabbit_heartrabbit_heartrabbit_heartrabbit_heartrabbit_heart