พระโอวาทท่านปู่พระยายมราช ผู้เป็นใหญ่ในนรกโลก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 26 เมษายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ทุกคนให้ตัดความสงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสีย ผู้ใดลังเลในพระรัตนตรัยไม่ถึงธรรมนะลูกทุกคน

    ทุกคนให้ตัดความสงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสีย ผู้ใดลังเลในพระรัตนตรัยไม่ถึงธรรมนะลูกทุกคน เร่งสร้างกุศลทำให้ดีให้จริงจัง นิวรณ์ทั้ง 5 จงตัดทิ้งออกไปจากจิต

    (นิวรณ์ 5 คือ
    1. ความรักในรูป รส กลิ่น เสียง
    2. ความหงุดหงิดไม่พอใจ
    3. ความง่วงเหงาหาวนอนขี้เกียจในการปฏิบัติธรรม
    4. ความฟุ้งซ่านคิดไร้สาระคิดแต่ในทางโลกไม่คิดทางออกจากขันธ์ 5
    5. ความลังเล สงสัยในผลของการปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน คิดว่าไม่มีผลจริง)

    ข้างล่างคือ นรกโลก มีผีนรกมากมาย พวกผีนรกนี้ก็มาจากคนที่ทำผิดศีล 5 ฆ่าสัตว์ฆ่าคน ลักขโมย มีชู้ พูดปด คดโกง พูดให้คนเป็นทุกข์ ดื่มสุรายาฝิ่น เล่นการพนัน เป็นต้น ไม่กตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่ผู้มีพระคุณ ปรามาสพระอริยเจ้า ก็ลงนรกได้ ทำไมคนไม่เลือกเดินทางไปสวรรค์กันเล่า ทำไมคนจึงเลือกเดินทางไปนรกกัน ตอบได้ไหม ? เพราะความไม่รู้คิดว่านรก สวรรค์ไม่มีจริง คิดว่าตายแล้วสูญ ชาตินี้มีชีวิตอยู่ชาติเดียวจบกัน ถ้าเข้าใจผิดมีอวิชชาแบบนี้ ปัญญาย่อมไม่เกิด แล้วจะเดินขึ้นสวรรค์ได้อย่างไรเล่า คอยถามพวกผีหรือวิญญาณของคนที่ตายแล้วทุกวันถึงบุญกุ ศลความดีที่เคยทำไว้ในสมัยเป็นคน ถ้านึกได้ข้าก็ให้ไปเสวยสุขที่สวรรค์ก่อน มันก็ระลึกถึงบุญกุศลกันไม่ออกสักคนสักตัว

    พวกผีนรกพวกนี้คือ คนที่ตลอดชีวิต ไม่เคยสร้างบุญกุศลเขาก็ระลึกนึกถึงความดีไม่ได้ ถ้าเขาใส่ใจบุญกุศลสักนิดเช่น ตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญให้ทาน ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เขาก็จะนึกออก สร้างพระพุทธรูป ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน วิหารทานดีทั้งนั้นไปสวรรค์ได้ง่าย เพราะเขาไม่ทราบว่ากฎของกรรมดี กรรมชั่ว มีจริง เขาจึงต้องเวียนกลับไปสู่แดน อบายภูมิ มีนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉานเป็นต้น

    อย่านึกว่าปู่ดีใจนะที่ได้เห็นพวกเจ้าลงนรกกัน นึกหรือว่าทรมานวิญญาณผีนรกแล้วมันสุขใจ ท่านปู่พระยายมราชเป็นทุกข์ใจมาก สวรรค์มีทางกว้างขวางไปก็ง่ายมาก ทำไมไม่ไปทางสวรรค์ นรกไม่มีประตูปิดกั้นหมดแล้ว คนก็ยังจะดันแส่หาเรื่องผิดศีลเข้าไปจนได้

    หากเจ้าจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แล้ว ในบรรดาคนในโลกที่ตายไปนั้นมีเพียง 1 % เท่านั้นที่เดินขึ้นสวรรค์ หายากนะลูก 99 % ไปนรก เพราะความไม่เข้าใจในชีวิตจิตเศร้าหมองติดอยู่ในคนรั ก ในทรัพย์สินเงินทองก่อนตาย ไม่ได้นึกถึงพระในศาสนาของตน นึกถึงพระศาสดาองค์ใดก็ดี ทั้งนั้น จิตจะสะอาด พวกที่เขาตายโดยอุบัติเหตุก็ให้ญาติรีบทำสังฆทาน ถวายอาหาร พระพุทธรูป (ขนาดไหนก็ได้ ) ผ้าไตรจีวร และปัจจัยสร้างวิหาร วัดไหนก็ได้ เป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ทำสมาธิภาวนา อุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้แก่ผู้ตายแล้วโดยตรง ก่อนที่เขาจะลงนรกเขารับรู้และอนุโมทนา ก็จะพ้นขุมนรก

    เพื่อความแน่ใจว่าผู้ตายจะได้รับบุญที่ญาติส่งไปให้ ก็กล่าวขอมอบฝากกับท่านปู่พระยายามราช ขอให้ท่านบอกกับผู้ตายชื่อนั้นชื่อนี้ ให้เขาได้โมทนา ความเป็นทิพย์ของท่านปู่พระยายมราชมี ท่านรับทราบท่านเต็มใจที่จะบอก เพราะท่านไม่ต้องการให้ใครลงนรก เพราะบางครั้งคนตาย ทำบุญกุศลมามากตอนมีชีวิต แต่ก่อนตายตกใจจิตว้าวุ่น วิตกกังวลกลัวเป็นห่วงญาติห่วงทรัพย์สมบัติจิตเศร้าห มองจิตวิญญาณก็ไปทางต่ำคือ อบายภูมิ ผู้รับอนุตตรธรรม รับธรรมไว้ในจิตใจไม่ผิดศีล 5 อีกต่อไป ย่อมได้รับการโปรด หลุดพ้นจาการควบคุมของยมฑูต มีการไหว้พระสวดมนต์ มีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์อยู่ในใจก็มีเทพเทวดาคอยรักษาคุ้มครองป้องกันภัย

    ทุกคนมีบาป ทุกคนจึงต้องรีบเร่งทำบุญหนีบาป บาปเก่าอดีตชาติยังคอยจ้องติดตามเราอยู่ตลอดเวลา รีบเตรียมรับกรรม อย่ากลัวตาย จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบาปกรรม บาปกรรมที่หนักที่สุดก็คือ เจ้าจะได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวก่อนที่ร่างกายจะแยกแ ตกสลายตายไปนะแหละ จำไว้เถิดลูกเอ๊ย จงรีบเร่งใช้สติปัญญาที่เรามี พิจารณาขันธ์ 5 ให้ได้มากที่สุด คือ สักกายทิฎฐิ นะแหละให้พิจารณาว่าร่างกายขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เป็นโทษ เป็นของสกปรก ไม่ใช่ของเรา จิตเป็นของเรา จะบังคับร่างกายก็ไม่ได้ ต้องปล่อยทำเฉย ๆ ทิ้งร่างกายขันธ์ 5 เป็นเรื่องของโลกของธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟเสีย นั่นแหละเจ้าจะปลดกรรมเก่าได้

    พอ ปลดปล่อยขันธ์ 5 ออกจากจิตเจ้าได้แล้วมันก็จะทุกข์น้อยลง เมื่อบาปกรรมเก่าของเจ้ามาถึง เจ้าก็จะคิดว่า กรรมเก่าทำเจ้าได้เฉพาะร่างกายเท่านั้น จิตเจ้าชนะร่างกายไม่เป็นทาสของร่างกายแล้ว และร่างกายก็ไม่ใช่ของเจ้าแล้วจะเจ็บจะปวดทรมานอย่าง ไรก้เป็นเรื่องของขันธ์ 5 จิตของเจ้าก็จะนอนยิ้ม เพราะเห็นว่าร่างกายมันไม่ใช่ของเจ้านี่ มันจะตายเพราะใช้บาปกรรมก็ดี ยอมตายดีกว่าใช่ไหม มันจะได้ไม่เจ็บปวดทรมานต่อไป เจ้ากรรมนายเวรจะน้อยลง รีบหนีไปนิพพานเสียให้หมดทุกคน หากใช้มโนมยิทธิจะรู้ว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร คือ บาปเก่ารออยู่ข้างหลังพวกเจ้าทุกคน

    สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคือ ร่างกายของคน อย่าหลงรักของชั่วร้าย คือ กายเรา กายเขา คือขันธ์ 5 เราขันธ์ 5 เขาต้องไล่ ขันธ์ 5 ร่างกายนี้ออกจากจิต ถ้าไม่ไล่ร่างกายของเจ้าออกจากจิตเจ้า เจ้าก็จะทุกข์กายทุกข์จิตใจแน่นอน ที่บอกมาก็เพราะต้องการให้เจ้าใช้กรรมด้วยปัญญา ไม่ให้หลงฤทธิ์ ถอดจิตหนีขึ้นนิพพานอย่านึกว่าพ้นนะ การทำบุญ เปรต สัมภเวสี เทวดา เขารอโมทนาเยอะ ถ้าผีวิญญาณที่เขาได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศแผ่ไปเขาก ็จะได้รับอภัยโทษ ให้ไปเกิดเป็นคนบ้าง ไปเกิดเป็นเทวดาบ้าง จงใช้มโนมยิทธิของเจ้าดู บ้างก็ไปเสวยบุญชั่วขณะตามกำลังของบุญ เมื่อหมดก็มาขอบุญอีกก็มีเยอะ ดังนั้นเจ้าควรจะทำสมาธิภาวนาแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุ ศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกยิ่งดี

    ผู้ที่ขยันแผ่เมตตาจิตไปทั้ง 3 โลก คือ 1. นรกโลก 2. มนุษย์โลก 3. เทวโลก พรหมโลก จึงเป็นที่รักใคร่ของมวลเทพเทวดา และมนุษย์ผีวิญญาณเร่ร่อนทั่วไป ปรทัตตูปชีวเปรตจะคอยโมทนา จงท่องคำอุทิศส่วนกุศลให้ทุกท่านได้โมทนาอยู่เป็นประจำก็จะดีมาก จะผ่านท่านปู่พระยายมราชได้ยิ่งดี ท่านจะจำนำเป็นพยานที่เจ้าได้ทำบุญกุศลไว้ตอนเป็นคนให้ จงพูดถึงข้า คือท่านปู่พระยายมราชทุกครั้งเมื่อกระทำบุญ

    เมื่อเจ้าลงนรกไปด้วยความประมาทไม่ได้นึกถึงบุญความด ีหรือพระพุทธเจ้าก่อนตาย ข้าหรือท่านปู่พระยายมราชจะได้บอกว่า เจ้าเคยฝากบุญไว้กับข้า คือท่านปู่พระยายมราชมาก่อน ข้าก็จะบอกให้เจ้าที่ผ่านสำนักพระยายมราชว่า จงโมทนาสาธุยินดีในบุญความดีเสีย บาปจะได้ตามไม่ทันจะได้พ้นนรก ถ้าเจ้ามีกำลังจิตจะฝากบุญกุศลให้แก่จิตวิญญาณของ คนทั้งโลกก็ได้ ข้าก็จะได้บอกเขาว่ามีคนฝากบุญกุศลให้เขาโมทนา ถ้าเขารับได้เขาก็จะพ้นทุกข์ตามกำลังของจิตของเขาที่ ทำบุญกุศลได้

    ถ้าหากเจ้าคิดจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทั้ง 3 โลกให้ทำดังนี้จะสะเทือนไปถึงทั้ง 3 โลก แต่เจ้าต้องมีศีล5บริสุทธิ์ เป็นอย่างต่ำ และมีบุญทานภาวนาเป็นอย่างสูง ให้ว่าดังนี้




    พระคาถาแผ่เมตตาทั่วไตรภพ

    สวดในนามพระพุทธเจ้าแล้ว แผ่เมตตาจิตไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก(นรกโลก มนุษย์โลก เทวโลก) สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา

    "นโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า
    ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
    ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ
    ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ
    ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส
    หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ
    สัมปะจิตฉามิ"

    คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสั ตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังน ี้

    1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเรา
    การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก

    2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข

    3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง

    4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์

    5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็นจิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชา พระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ

    1) พุทธานุสสติกรรมฐาน

    2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน

    3) สังฆานุสสติกรรมฐาน

    4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    5) อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน

    6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้าถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ

    7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุกๆวันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย

    8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น

    9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโ มทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณ ได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ

    การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีให ญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้น

    จิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนค นตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไป ให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล

    10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุ ทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ 1.สัตว์นรก 2. เปรต 3.อสุรกาย 4. สัตว์เดรัจฉาน 5. คน 6. เทวดา พรหม

    โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะกฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่
    เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ

    พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป
    พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
    พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป




    (รวบรวมโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ)

    http://www.yotathongthin.com/club/index.php?topic=344.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2009
  2. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    มืดก็สำเร็จ สว่างก็สำเร็จ ขอความสำเร็จจงประสิทธิเม แกทุกรูปทุกนามทุกภพทุกภูมิ ที่มีสภาวะเดิม(สำเร็จ)กันอยู่แล้ว
    คะเต คะเต ปะระคะเต ปะระสังคะเต โพธิสวาหา
     
  3. ขุนหลวงหาวัด

    ขุนหลวงหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +127
    ดีมากจ้ะ เพื่อความไม่ประมาททุกท่านต้องทำบุญสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมเเละวิหารเเก้ว เพื่อความเป็นมงคลเเก่ชีวิตนี้เเละสัมปรายาภพ
     
  4. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    ท่านพระญายมเจ้าคะ เมย์ูสมาทานศีล5 ทุกวัน และอุทิศบุญไปให้ท่านและบริวารของท่านทุกวันอ่ะค่ะ ท่านได้รับหรือยังเจ้าคะ บอกหนูด้วยนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2009
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ท่านปู่พระยายมราชใจดีที่สุดเลยครับ

    ถ้าใครหลงไปเจอท่านก็อย่ากลัวครับ แล้วจะปลอดภัยได้ไปสวรรค์

    นึกถึงความดีไว้มากๆครับ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2009
  6. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    อนุโมทนาสาธุค่ะ...[​IMG]

    [​IMG]
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถ้าอย่างนั้นน้องกะละมัง
    นรกจะไม่ได้ไปไฟจะไม่ได้ไหม้

    เพราะท่านพญายมจะมาเป็นพยานกับน้องกะละมัง เวลาหลงลืมสตินึกอะไรไม่ออกว่าได้ทำบุญทำทานอะไรไว้บ้าง บุคคลผู้นี้ เวลาทำบุญกุศลครั้งใดก็อุทิศให้

    กับเราพญายมทุกครั้งและพญายมและบริวาลก็มาอนุโมทานารับทุกครั้งไปสบายใจได้ ประกอบเหตุดี ผลก็ออกมาดี
    ทำดีดีส่งผล
     
  8. สิตามน

    สิตามน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +369
    อนุโมทนาผู้เขียน และพญายมราชด้วยค่ะ
    อยากให้เอามาฝากอีกๆ
     
  9. ฆราวาสธรรม

    ฆราวาสธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +2
    อนุโมทนาบุญกุศลคุณความดีนี้ แด่ ท่านปู่พระยายมราช พร้อมด้วยทั้งนายนิริยาบาล ท้าวจตุโลกบาล ศิริพุทธอำมาตย์ ชั้นจตุมหาราชิกาเบื้องบนโดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล ด้วยอานิสงค์ ผลบุญโดยการชี้แนะให้รอดจากการไปนรกภูมิ เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ _/\_
     
  10. nut5467

    nut5467 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +164
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]การเรียนวิชาของหลวงพ่อปานนั้น พอจะรวบรวมได้ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิชาแพทย์ จากหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เรียนวิชาปริยัติธรรมที่วัดเจ้าเจ็ดกับพระอาจารย์จีน ด้วยเหตุที่หลวงพ่อสุ่นท่านได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ให้จนหมดสิ้นแล้ว ท่านจึงแนะนำให้มาเรียนปริยัติธรรมที่วัดเจ้าเจ็ด กับพระอาจารย์จีน[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]จากปากคำของชาวบ้านแถบวัดเจ้าเจ็ด และผู้ที่เคยไปเรียนกับพระอาจารย์จีนได้ให้ปากคำตรงก ันว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระอาจารย์จีนเป็นคนโมโหร้าย เวลาโมโหแล้วยั้งไม่อยู่ ปากว่ามือถึง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ดังนั้น เวลาสอนใคร ถ้าลูกศิษย์ทำไม่ถูกต้องตามใจที่สอนไปแล้ว กลัวว่าจะไปทำร้ายลูกศิษย์เข้า ท่านจึงได้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สร้างกรงใหญ่ขึ้นสำหรับขังตัวท่านเองเวลาสอนหนังสือ โดยให้ลูกศิษย์เป็นคนใส่กุญแจขังแล้วเก็บกุญแจไว้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เวลาสอนหนังสือลูกศิษย์คนใดไม่ตั้งใจเรียนหรือตอบคำถ ามไม่ถูกต้องทำให้อาจารย์จีน ท่านก็จะโมโหโกรธา[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เอามือจับลูกกรงเหล็กเขย่าจนลูกศิษย์ที่เรียนตกใจขวั ญหนีดีฝ่อ แต่พอท่านคลายโทสะลงแล้ว ท่านก็กลายเป็น[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระอาจารย์จีนรูปเดิม[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานท่านมีความานะพยายามเป็นที่ตั้ง ท่านต้องพายเรือมาเรียนหนังสือที่วัดเจ้าเจ็ดทุกวัน เวลา[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พายเรือไปเรียนท่านก็จะท่องพระปาฏิโมกข์ และบนเรียนที่อาจารย์สอนจนขึ้นใจ พอเวลาเรียน อาจารย์ถามอะไร[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ก็ตอบได้ถูกต้อง เป็นที่พอใจแก่อาจารย์ยิ่ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ในที่สุดพระอาจารย์จีนก็สิ้นความรู้ที่จะสอนให้ท่านท ่านจึงหยุดเรียนและเตรียมตัว สำหรับที่จะหาสำนักเรียน[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ใหม่ หลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสกันต์ตามคำบอกเล่าของพระภิกษุเลี่ยมว่า หลวงพ่อปานได้เรียนรู้วิชามาหลายอย่าง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เคยพิมพ์คาถาออกแจกด้วย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อเห็นว่าพระอาจารย์จีนไม่มีความรู้ที่จะสอนได้อี กต่อไป ท่านจึงคิดเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะเป็นแหล่ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]รวมวิชาต่างๆ ท่านจึงได้ไปเรียนให้โยมมารดาของท่านได้รับทราบว่า จะขอลาไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ เพราะว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่นี่หาอาจารย์สอนไม่ได้อีกแล้ว[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]โยมมารดาท่านเป็นห่วงว่าท่านเป็นบุตรคนเล็กที่มีอยู่ นอกนั้นออกเรือนไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่ญาติโยมทาง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]กรุงเทพฯ จึงขอร้องไม่ให้ไป ท่านจึงลากลับวัดด้วยความเด็ดเดี่ยว ท่านตัดสินใจนำจีวรแพรที่โยมมารดาถวายไว้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]นำไปขายได้เงินแปดสิบบาท แล้วตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่บอกให้โยมมารดารู้ จะให้รู้ก็กลัวจากลงเรือ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ไปแล้ว จึงเข้าไปกราบนมัสการ หลวงปู่คล้าย(เจ้าอาวาสวัดบางนมโคสมัยนั้น)ว่าจะไปเร ียนหนังสือที่กรุงเทพฯ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่คล้าย จึงแนะนำให้ไปเรียนกับ พระอาจารย์เจิ่น สำนักวัดสระเกศ โดยมอบเงินช่วยเหลือไปอีกจำนวนหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เพื่อเป็นทุนในการศึกษาเล่าเรียน[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ตลอดเวลาท่านจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์เจิ่น ท่านได้พยายามหาความรู้เพิ่มเติม ในด้านคันถะธุระ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]และวิปัสสนาธุระ ตลอดจนพระปริยัติธรรมเพิ่มเติม ซึ่งต่อมาเมื่อท่านกลับมาวัดบางนมโค ปรากฏว่าท่านเป็น[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระธรรมกถึกที่เทศนาได้เพราะจับใจ และดึงดูดศรัทธายิ่งนัก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]นอกจากวัดสระเกศแล้ว ท่านยังได้มาเรียนเพิ่มเติมที่วัดสังเวช และที่อื่น จนมีความรู้ทางด้านแพทย์แผน[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]โบราณแตกฉานอีกด้วย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]จากข้อความในหนังสือ อนุสรณ์ครบ 101 ปี หลวงพ่อปาน เขียนไว้ว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานเคยเล่าให้ฟังว่าระหว่างอยู่ที่วัดสระเกศ นั้น อัดคัตมากบิณฑบาตบางครั้งก็พอฉัน บางครั้ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ก็ไม่พอ ได้แต่ข้าวเปล่าๆ จ้องเด็ดยอดกระถินมาจิ้มน้ำปลา น้ำพริก ฉันแทบทุกวัน แต่ท่านก็อดทน ด้วยรับการ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]อบรมเป็นปฐมมาจากพระอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ ท่านว่าอยู่กรุงเทพฯ 3 ปี ได้ฉันกระยาสารท[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เพียงครั้งเดียว โดยนางเฟือง คนกรุงเทพฯ นำมาถวาย ได้รับนิมนต์ไปบังสกุลครั้งหนึ่งได้ปัจจัยมาหนึ่งสลึ ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เจ้าหน้าที่สังฆการีก็มาเก็บเอาไปเสียเลยไม่ได้ใช้เง ินที่ติดตัวไป ท่านก็ใช้จ่ายไปในการศึกษาจนเกือบหมด[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านเหลือไว้หนึ่งบาท เอาไว้ใช้เมื่อมีความจำเป็นสุดยอดเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ด้วยความอดทนของท่าน ในปีสุดท้ายที่ท่านจะกลับวัดบางนมโคนั้นเอง คืนหนึ่งท่านได้ยินเสียงคนเคาะ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หน้ากุฏิ ท่านเปิดออกไปก็เจอเทวดามาบอกหวยแล้วเขียนให้ดู แล้วย้ำว่าจำได้ไหม ท่านก็ตอบว่าจำได้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านนอนคิดจนนอนไม่หลับ พอรุ่งเช้าแทนที่ท่านจะแทงหวย ท่านกลับเห็นว่า นั่นไม่ใช่กิจของสงฆ์ตามที่[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อสุ่นได้อบรมไว้ ท่านก็ไม่แทง ปรากฏว่าวันนั้นหวยออกตรงตามที่เทวดาบอกถ้าท่านแทงหว ย ก็คงจะ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]รวยหลาย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านอาจารย์แจง ฆราวาสชาวสวรรคโลก จากบันทึกของท่านฤาษีลิงดำว่า ท่านอาจารย์แจง เป็นฆราวาส[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สวรรคโลก ได้เดินทางล่องลงมาทางใต้ ถึงวัดบางนมโค มาเลื่อมใสในปฏิปทาของหลวงพ่อปาน จึงได้สอนให้รู้ถึง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]วิธีการปลุกเสกพระ และวิธีสร้างพระตามตำรา ซึ่งเป็นของพระร่วงเจ้าได้รับการสืบทอดมาจากอาจารย์ซ ึ่งเขียนไว้ว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"ข้าพเจ้าได้รักษาตำราของพระอาจารย์ไว้แล้วก็ปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของพระอาจารย์ทุกอย่าง วิชาต่างๆ<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]มีผลดีทุกประการ ถ้าบุคคลใดได้พบแล้วจะนำไปใช้ให้บูชาพระอาจารย์ของท่ านแต่มิได้ระบุว่าเป็นใคร"[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านอาจารย์แจงได้นิมนต์หลวงพ่อปานไปในโบสถ์ตามลำพัง เพื่อถ่ายทอดวิชา ซึ่งนอกจากวิชาการปลุกเสก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระ และทำพระแล้ว ยังได้ มหายันต์ เกราะเพชร ซึ่งท่านก็ได้ใช้ยันต์เกราะเพชรนี้สงเคราะห์ผู้คนได้ มากมาย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อเนียมวัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน บันทึกโดยท่านฤาษีลิงดำ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เขียนไว้ว่า "หลวงพ่อปานนิยมพระกัมมัฏฐาน หมายความว่า สิ่งที่ท่านต้องการที่สุด และปรารถนาที่สุดคือ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระกัมมัฏฐาน เรื่องพระกัมมัฏฐานนี้เป็นชีวิตจิตใจของหลวงพ่อปานจร ิงๆ ท่านเทิดทูนพระกัมมัฏฐานมาก ทั้งๆ ที่[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ทรงสมาบัติอยู่แล้ว ความอิ่ม ความเบื่อ ความพอใจในพระกัมมัฏฐานของท่านก็ไม่มี ท่านก็มีการทุรนทุราย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ปรารถนาจะเรียนพระกัมมัฏฐานให้มันดีกว่านั้น[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สมัยนั้นพระที่มีชื่อเสียงโดงดังมากเป็นพิเศษในสมัยน ั้นนะ สายอื่นฉันไม่ทราบก็มีหลวงพ่อเนียม วัดน้อย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี สมัยนั้นเรือยนต์มันก็ไม่มี ถ้าจะไปก็ต้องไปเรือแจว ถ้าไปเรือ แต่ทว่าทางเดินสะดวก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]กว่าเดินลัดทุ่งลัดนาลัดป่าไป ป่าก็เป็นป่าพงส่วนใหญ่ ท่านก็ใช้วิธีธุดงค์[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สมัยนั้นวิธีธุดงค์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เรียนกว่า ใกล้ค่ำที่ไหนปักกลดที่นั่น ชาวบ้านเขาเลี้ยงตอนเช้า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ฉันอิ่มแล้วก็ไปกัน พระธุดงค์ฉันเวลาเดียว[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านบอกว่า เวลาที่ถึงวัดน้อยเขาร่ำลือกันว่า หลวงพ่อเนียมนี่เก่งมาก ท่านก็เข้าไปหาหลวงพ่อเนียม เข้าไป[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หานะไม่รู้จักหลวงพ่อเนียมหรอก ความจริงท่านก็คิดว่าหลวงพ่อเนียมท่านจะเป็นเหมือนหล วงพ่อองค์อื่นๆ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่ท่านมีชื่อเสียงมาก นุ่งสบง จีวร เป็นปริมณฑล แล้วก็มักจะนั่งเฉยๆ ดีไม่ดีหลับตาปี๋ ก็หลับขยิบๆ เรียกว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลับไม่สนิทล่ะ คือ แกล้งหลับตาทำเคร่ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่นี้เวลาหลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียม ก็ไปโดนดีเข้า เข้าไปแล้วเจอะหลวงพ่อเนียมที่ไหน ความจริง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อเนียมก็เดินคว้างๆ อยู่กลางวัดนั่นแหละ มีผ้าอาบน้ำ 1 ผืน ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า ผ้าอาบน้ำฝน สีเหลือง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ผ้าอีกผืนแบบเดียวกันคล้องคอเดินไปรอบวัด[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานก็บอกว่า เมื่อท่านเห็นนะ ก็ไม่รู้หลวงพ่อเนียนเห็นพระแก่ๆ ผอมๆ นุ่งผ้าลอยชายผืนหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เข้าไปถึงก็กราบๆ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"เกล้ากระผมมาจากเมืองกรุงเก่าขอรับกระผมจะมานมัสการ หลวงพ่อ ขอเรียนพระ<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]กัมมัฏฐาน"[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อเนียมก็ทำท่าเป็นโมโห บอกว่า ไม่มีวิชาอะไรจะสอนพร้อมทั้งกล่าวขับไล่ไสส่งออกจาก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]วัด หลวงพ่อปานก็นั่งทนฟังอยู่ ในที่สุดเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องก็เลี้ยวหาพระในวัด ไปขออาศัยนอน แล้วก็ถามว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระองค์นั้นน่ะชื่ออะไร พระท่านก็บอกว่า องค์นี้แหละชื่อ หลวงพ่อเนียมล่ะ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พอวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อปานก็เข้าไปหา ก็ถูกด่าว่าอีกอย่างหนัก ท่านยืนยันจะเรียนให้ได้ หลวงพ่อเนียมเลย[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สั่งว่า 2 ทุ่ม ให้นุ่งสบงจีวรคาดสังฆาฎิไปหาในกุฏิ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พอตอนกลางคืน หลวงพ่อปานเข้าไปหาท่าน ปรากฏว่ารูปร่างท่านผิดไปมาก ผิวดำ ผอมเกร็งแบบเก่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่มีทางนุ่งสบงจีวรพาดสังฆาฏิเหลืองอร่ามผิวกายสมบู รณ์ร่างกายก็สมบูรณ์หน้าตาอิ่มเอิบ รัศมีกายผ่องใส่[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]สวยบอกไม่ถูก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานตรงเข้าไปกราบ 3 ครั้งแล้วก็นั่งมอง ท่านก็นั่งมองยิ้มๆ แล้วท่านก็ถามว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"แปลกใจรึคุณ"<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อป่านก็ยกมือนมัสบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"แปลกใจขอรับหลวงพ่อรูปร่างไม่เหมือนตอนกลางวัน"<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านก็บอกว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"รูปร่างน่ะคุณมันเป็นอนัตตา หาความเที่ยงแท้ไม่ได้ มันจะอ้วนเราก็ห้ามไม่ได้มันไม่มีอะไรห้ามได้เลยที่คุณ<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล่วนอนิจจัง เห็นไหม ไปเจอตัวอนิจจังเข้าแล้วซิ"[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานบอกว่า ตอนนี้ล่ะเริ่มสอนกัมมัฏฐาน อธิบายไพเราะจับใจฟังง่ายจริงๆ พูดได้ซึ้งใจทุกอย่าง[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เวลาท่านพูดคล้ายๆ ว่าจะบรรลุพระอรหันตผลไปพร้อมๆ ท่าน ท่านสอนได้ดีมากพอสอนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ให้ไปพักที่กุฏิอีกหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับกุฏิของท่าน แล้วเวลาทำกัมมัฏฐานกลางคืน หลวงพ่อปานวางอารมณ์ผิด[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านจะร้องบอกไปทันที บอก[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"คุณปานเอ๊ย คุณปาน นั่นคุณวางอารมณ์ผิดแล้วตั้งอารมณ์เสรยใหม่มันถึงจะใ ช้ได้"<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]นี่หลวงพ่อปานบอกว่า ท่านมีเจโตปริยญาณแจ่มใสมาก ท่านเรียนพระกัมมัฏฐานอยู่กับหลวงพ่อเนียม 3 เดือน แล้วจึงกลับก่อนหลวงพ่อปานจะกลับ หลวงพ่อเนียมก็บอกว่า[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]"ถ้าข้าตายนะ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน เขาแทนข้าได้ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ไปถาม หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน"<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อปานได้เรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อช่วงตอ นปลายของชีวิต คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ท่านไป[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เรียนกับ ครูผึ้ง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนนั้น ครูผึ้ง เป็นฆาวาส อายุ 99 ปี เพราะได้ข่าวว่าครูผึ้งเป็นคนพิเศษ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เวลาขอทานมาขอให้คนละ 1 บาท สมัยนั้นเงิน 1 บาท มีค่ามาก เงิน 100 บาท 200 บาท สามารถสร้างบ้านได้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]2 หลัง มีครัวได้ 1 หลัง เวลาทำบุญแกจะช่วยรายละ 100 บาท ไม่ใช่เงินเล็กน้อย<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อทราบข่าว หลวงพ่อจึงไปขอเรียนกับแก คาถาปัจเจพุทธเจ้านี้เรียกว่า คาถาแก้จน ท่านได้เรียนมา[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]และพิมพ์แจกเป็นทานแก่สาธุชนนำไปปฏิบัติและมีผลดีจบส ืบทอดกันมาจนทุกวันนี้[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
     
  11. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    ขนาดไปสวรรค์ยังมีเพียง หนึ่ง เปอร์เซนต์
    แล้วนิพพานล่ะครับ
     
  12. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    อนุโมทนา สาธุ

    ถ้ามีโอกาศ คุณกะละมัง ลงไปถาม ท่านปู่พยายมราช ด้วยตัวเอง จะดีกว่า นะ:z15
     
  13. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ขอบคุณนะคะคุณเต้ ไปถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านให้กล่าวอธิฐาน
    "ตัดนิวรณ์ให้เหือดหาย สืบสาย....." พูดตามที่ท่านกล่าวไปเรื่อย
    ตอนนี้ทราบความหมายแล้วคะ
    (นิวรณ์ 5 คือ
    1. ความรักในรูป รส กลิ่น เสียง
    2. ความหงุดหงิดไม่พอใจ
    3. ความง่วงเหงาหาวนอนขี้เกียจในการปฏิบัติธรรม
    4. ความฟุ้งซ่านคิดไร้สาระคิดแต่ในทางโลกไม่คิดทางออกจากขันธ์ 5
    5. ความลังเล สงสัยในผลของการปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน คิดว่าไม่มีผลจริง)
     
  14. เจี๊ยบ รักพ่อหลวงภูมิพล

    เจี๊ยบ รักพ่อหลวงภูมิพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,646
    ค่าพลัง:
    +4,272
    กราบอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านค่ะ สาธุ
     
  15. นายชัชฌาณัฏฐ์

    นายชัชฌาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    438
    ค่าพลัง:
    +301
    ข้าพเจ้าขอร่วมอนุโมทนาบุญกับพระโอวาทของปู่พระยายมราชด้วยนะครับ.
     
  16. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    ข้อความนี้เป็นอนุตรธรรมที่เป็นการใช้ปัญญา และเป็นสัมมาทิฐิโดยแท้ ขอโมทนาครับ

    เพราะส่วนมากเจอแต่ผู้เผยแพร่อนุตรธรรมที่บิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า
     
  17. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    ขออุทิศบุญกุศลใดๆที่เคยได้ทำตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ให้แก่ท่านปู่พระยายมราช และสรรพสัตว์ทั้งหลายใน 3 โลก และจักรวาล
    ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับผลบุญนี้ และขอจงอนุโมทนาส่วนกุศลนี้ พีงได้รับประโยชน์ และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะได้รับยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  18. คนบรรพต

    คนบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,456
    ขอตั้งใจไม่ไปนรกนะขอรับ กระผมขอตั้งจิตอธิฐานขอนิพพานในชาติภพปจจุบันนะครับผม
     
  19. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ ท่านได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้
     
  20. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    ผมเคยเห็น พระคาถาแผ่เมตตาทั่วไตรภพ อีกแบบนึงหนะครับ
    อยากทราบว่า ทำไมถึงไม่เหมือนกันครับ หรือว่ามีความเหมือน หรือต่างกันยังไงครับ

    นโม พระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า
    นโม สรรพพุทธานัง
    นโม สรรพธัมมานัง
    นโม สรรพสังฆานัง
    นโม อิติ อิติ โพธิสัตว์
    โอม ฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า
    โอม ท่านท้าวจาตุรมหาพรหม
    โอม ท่านท้าวพยายามราช
    โอม ท่านท้าวสักกะเทวราช
    โอม ท่านท้าวจาตุรมหาราช

    ลูกขออุทิศส่วนกุศลด้วยอิทังปุญญะพะลัง
    ผลบุญใดที่ลูกได้สั่งสมมารวมทั้งสวดพระนามพระผู้มีพระภาคเจ้า<O:p</O:p
    ลูกขอแผ่บุญกุศลไปกับฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการขอ<O:p</O:p
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

    ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกเจ้ากรรมนายเวร ญาติมิตร<O:p</O:p
    มีความสุขสำเร็จในชีวิตได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวักฏสงสารโดยสิ้นเชิง <O:p</O:p
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ <O:p</O:p
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกเจ้ากรรมนายเวรญาติมิตรและจิตของลูก<O:p</O:p
    สะอาดสว่างใส หลุดพ้นไซร้สู่ทิพย์นิพพานพร้อมด้วยบริวารทุกท่านเทอญ
    สัมปะติจฉามิสัมปจิตฉามินิพพานสุขัง<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...