เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าผู้เป็นอาจารย์ของ เสด็จเตี่ย.มีความสามารถในการ รูดใบมะขามเสกให้เป็น ตัวต่อ ไป ต่อย ศัตรูได้...เป็นยุคช่วง ร.5 หรือ ประมาณ 100 กว่าปีมานี้เอง
...................................................................................................
หลวงปู่คง แห่งวัดแค เก่งกาจ เรื่อง เสกใบมะขามเป็นตัวต่อ..สอนวิชานี้ให้แก่ ขุนแผน
ซึ่งเป็นศิษย์วัดป่าเลไลย์ ที่อยู่ห่างออกไป..จนเก่ง...บ้านนางพิมพิลาลัย อยู่ข้างวัดแค สุพรรณที่ ว่า..ขุนแผนจึงได้ พบ นางพิม ..เหมือนพระเอก เจอ นางเอก.แบบละครไทยๆๆทางทีวี...ยุคขุนแผน และหลวงปู่คง อยู่ในสมัยอยุธยา ช่วงต้นๆๆ หรือ นานกว่า 300 ปี
...นั่นคือ มาก่อน หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า..หลายชั่วอายุคน
..............................................................................................
ไม่แน่ นา หลวงปู่คง กับ ขุนแผน ในอดีต
กลับชาติมาเกิดเป็น หลวงปู่ศุข กับ เสด็จเตี่ย ก็ได้...ใครจะรู้
......................................................................

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ (ทัวร์ 9 วัด ต่อ)
.................................................
หลังจากทดลอง เอาใบมะขามมาหนึ่งใบ แล้ว เสกให้เป็น ตัวต่อ
ไปทดลองบิน ต่อย คนของ ชมรมที่ไปด้วยกันดู
เสกใบเดียว ตัวเดียว..ไม่กล้าหลายตัว เดี๋ยวตาย
......................................................
คำตอบมีว่า..รู้สึกว่ามีการต่อย แปล็บๆๆ คันนิดๆๆ เหมือนมดกัด
ไม่ได้เจ็บปวด เหมือนต่อตัวใหญ่มาต่อย..
ถ้าจริง ต้องปวดแสบปวดร้อนแน่นอน
ซึ่งก็เป็นไป ตามที่ได้ ศึกษามาก่อนแล้ว ว่า
....................................................................
พลังทำร้ายผู้อื่น ด้วย อาวุธ ทางจิต..จะเบามาก แค่ 1 ใน 100
หรือ 1 ใน 1,000 ของๆๆจริง..จึงไม่น่ากลัว
ยกเว้น ถ้ามีการทำ ซ้ำๆๆ ซากๆๆ ทุกวัน พลังเจ็บ ก็คงมีผลบ้าง
........................................................................
คราวที่แล้ว มีสมาชิก พลังจิต ชมรมคนตาทิพย์มานั่งรวมกัน6-7 คน
นั่งมุงกันเป็นวง...ก็ลองทดลองใช้ อาวุธทางพลังจิต
เรียกเอาพลังระเบิดปรมาณุที่ ถล่ม ฮิโรชิม่า/นางาซากิ..ประเทศญี่ปุ่น
ให้หล่นลงมาระเบิด กลางวง..ปรากฎว่า ผู้คน กระเด็นกระจายออก
คนละก้าวสองก้าว..และมีอาการหายใจขัด..อึดอัดอยู่หลายนาที
......................................................................
พลังระเบิดปรมาณุ ถล่ม เมือง ฮิโรชิม่า/ และ นางาซากิ
ทำให้คนตาย มากกว่า เจ็ดหมื่นคนในทันที
แต่พอลองเรียกมาลงกลางวง ผู้คน..ทำได้ แค่ ดัน คนออก
และหายใจขัดชั่วคราว...แสดงว่า พลัง มาแค่ 1 ใน ล้าน ของๆๆจริง
แต่ก็ยังมีผลต่อ ผู้คน อยู่ดี
...................................................................

 

วันหลังต้องลองใหม่...พอสมาชิกมานั่งเต็ม บู๊ธ 5-6 คน.
แล้วเอาระเบิดปรมาณุทางจิตลง เป็น ชุด สัก 10 ลูก
แบบติดต่อ กับ แบบ ปืนกล เลย
บึม...บึม....บึม...บึม....บึม....บึม....บึม....บึม...บึม
แล้วจะดูผลว่า..ได้ผลเป็นอย่างไร...กระเด็นไปไกลใหม...
หัวร้างข้างแตกใหม..สลบใหม?
..................................................................
ถ้าได้ ผล..วันหลังมีการประจันหน้า กัน ระหว่าง คนเสื้อต่างสี ทางการเมือง
จะเอาระเบิดนิวเคลียร์ ทางจิต ..ใส่เป็นชุดๆๆ.10 - 20 ชุด.ให้กระเด็นแยกกันไป
จะได้ไม่ต้องมีการฆ่ากัน...ถ้ายุ่งมากๆๆ
เอาระเบิด โยนใส่สภาเวลามีการประชุม..คนจะได้ เลิก ทะเลาะกัน
หรือ อย่างน้อย โยนใส่ คณะรัฐมนตรี เวลามีประชุม ครม..
จะได้คิดทำแต่เรื่องดีดี แก่ ชาติ...เห็นด้วย มั๊ย
......................................................................
เขียนแบบนี้ เป็นดาบสอง คมแฮะ
ต่อไป อาจจะไม่มีสมาชิก มาชุมนุม กันที่ บู๊ธ 042
กลัว สามตา จะเอา ระเบิดปรมาณุ ลง 10 ลูกเป็น ชุค
เป็นการทดลอง ภาคสนาม
เอาน่า...รับรอง ไม่มีการตาย
ใครตายก็จะทำให้ฟื้นได้
5-5-5

 

ออกมาจาก บริเวณ ต้นมะขามยักษ์..มีทางเดินไป ทางท้าย ด้านหลัง
ตามป้ายบอก " ตัวต่อใหญ่ที่สุดในโลก"...
ก็อยากดูว่า เป็น แบบ"ริบเล่ย์" ที่ ชอบบันทึก ของที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หรือเปล่า
..................................................................
ค่อยๆๆย่องไป..ทางแคบๆๆ ลึกลับนิดหน่อย
โผล่เข้าไป..ก็เห็น ตัวอะไร ใหญ่ จัง ปีกสีเหลือง
มีข้างละสอง ปีก...ยังกะ แมลงวัน
ตัวขนาดเท่า บ้าน...เห็นมีรูปปั้นพระสงฆ์ นั่งอยู่บนหลัง
ก็เดินมาด้านหน้า เพื่อดูให้ชัดๆๆ..อ้อ มันอ้วนๆๆตูมๆๆ
อ๋อ..ตัวต่อ กับ หลวงปู่คง..อาจารย์ สอน วิชา ปลุกเสก
ใบมะขามให้เป็น ตัวต่อ..อาจารย์ ของ ขุนแผนแสนสนิท นั่นเอง
.................................................................
น่าเกรงขาม และทรงพลังดี...
วันหลังจะเอาใหม่ ขออัญเชิญ หลวงปู่คง และตัวต่อมาที่บู๊ธ 042
แล้ว เอาใบมะขามที่ โกยเอามาด้วยแล้วมากกว่า 1000 ใบ
เสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อ 1000 ตัว
แล้วให้ ต่อย คนๆ เดียว เลย 1000 ตัว..น่าลองดูนะ
ใครจะเป็น ตัวทดลองคนแรก...... หว่า
............................................................

 

พอสำรวจพลัง ตัวต่อ และพลัง หลวงปู่คง เสร็จ
ก็เดินมาข้างหน้า ทางออก..เห็นรูปปั้น คนหลายคน นั่ง รอ ผู้คนมาบูชา
ก็เพิ่งเห็นว่า..มีรูปปั้น ชายรูปหล่อแข็งแรง สมชายชาตรี นั่งเด่นเป็น สง่า
มีป้ายชื่อ บอก " ขุนแผน"...อ้อ อย่างนี้เอง
ที่ไปเดินในคุ้ม ขุนแผน..จึงไม่เจอ เขา...เขามาอยู่ต้อนรับคนที่ นี่เอง
ก็ สำรวมตัว สำรวมใจ..แผ่เมตตา ให้ ขุนแผนไป..
เพราะอย่างไร ก็เป็น คนดี คนหนึ่ง ของ ชาติ..ที น่าสรรเสริญ
....................................................................

 

หุหุ เด็ดๆๆ

ปิ๊งงงง บูมมมมมมมมมมมมม เกิดเป็น โกโก้ ครั้นช์

๕๕๕+

 

ออกจากวัดแค..เดินทางเลียบแม่น้ำท่าจีนต่อไป
อีกประมาณ 2 กม. ก็มาถึงอีกวัดหนึ่ง ตามเป้าหมาย
นั่นคือ..วัดพระลอย..ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ

มีลานจอดกว้าง ข้างๆๆอุโบสถ..มีรถจอดอยู่แล้ว 2-3 คัน
ที่จะมาไหว้พระทำบุญ ด้วยกัน...ตัวอุโบสถสูงสง่างาม..
จากสิ่งก่อสร้างที่ มองเห็น เข้าใจว่า เพิ่งจะบูรณใหม่
..................................................................
เข้าไปกราบข้างใน..พอเข้าไป ก็สัมผัสได้ กับ พลัง แห่งพุทธะ
เป็นพลังแห่งพุทธโคตะมะ..ที่มีแรงสัมผัส นุ่มและอบอุ่น
ออกมาในแนว ให้ความสงบ และ วาง
................................................................
ต่างกับ พลังพุทธแห่ง องค์พระศรีอริยเมตไตร
ที่ออกมาในแนว เย็น สดชื่น ทำให้หายเหนื่อย
สบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์...
............................................................
สมาชิกชมรมคนตาทิพย์
ปัจจุบัน พอสัมผัส พลังแห่งพุทธ..ก็จะรู้ได้ในจิตว่า
พลังที่สัมผัสได้..เป็นขององค์ไหน
เป็นขององค์โคตะมะ หรือ ขององค์พระศรีอริยเมตไตร
.......................................................

 

ออกจากวัดแค..เดินทางเลียบแม่น้ำท่าจีนต่อไป
อีกประมาณ 2 กม. ก็มาถึงอีกวัดหนึ่ง ตามเป้าหมาย
นั่นคือ..วัดพระลอย..ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ

มีลานจอดกว้าง ข้างๆๆอุโบสถ..มีรถจอดอยู่แล้ว 2-3 คัน
ที่จะมาไหว้พระทำบุญ ด้วยกัน...ตัวอุโบสถสูงสง่างาม..
จากสิ่งก่อสร้างที่ มองเห็น เข้าใจว่า เพิ่งจะบูรณใหม่
..................................................................
เข้าไปกราบข้างใน..พอเข้าไป ก็สัมผัสได้ กับ พลัง แห่งพุทธะ
เป็นพลังแห่งพุทธโคตะมะ..ที่มีแรงสัมผัส นุ่มและอบอุ่น
ออกมาในแนว ให้ความสงบ และ วาง
................................................................
ต่างกับ พลังพุทธแห่ง องค์พระศรีอริยเมตไตร
ที่ออกมาในแนว เย็น สดชื่น ทำให้หายเหนื่อย
สบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์...
............................................................
สมาชิกชมรมคนตาทิพย์
ปัจจุบัน พอสัมผัส พลังแห่งพุทธ..ก็จะรู้ได้ในจิตว่า
พลังที่สัมผัสได้..เป็นขององค์ไหน
เป็นขององค์โคตะมะ หรือ ขององค์พระศรีอริยเมตไตร
.......................................................

 

ข้างในอุโบสถ เราก็เรียงกันเข้าไปกราบพระ
เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก เนื้อหินทราย สร้างสมัยลพบุรี
มีอายุประมาณ 700-800 ปี..วัดนี้มีชื่อว่า วัดพระลอย
จึงตั้งจิตถามท่านว่า ท่านลอยมาจริงๆๆหรือ
...........................................................
คำตอบที่มาในจิต " ฉันอยากมาอยู่ที่นี่..พญานาคเขาเป็นใจให้
เลยหนุนทวนน้ำขึ้นมา..ผู้คนเห็นเป็น อัศจรรย์..ก็เลยนิมนต์ ขึ้นฝั่ง
ตั้งศาลาให้ และก็กลายมาเป็นวัดเช่นปัจจุบันนี้..."
ฟังแล้ว...ก็เป็นเรื่องเดียวกับ พระพุทธโสธร แห่ง ฉะเชิงเทรา
ที่ฉะเชิงเทรา มีวัดเลียบแม่น้ำน้อย..ก็เลยเด่นและดัง
............................................................
แต่ที่สุพรรณบุรี มีวัดเรียงรายตามแม่น้ำท่าจีน..มากมาย
ความศรัทรา จึงกระจายกันออกไป...
ไม่กระจุกเท่า ความศรัทราที่ ผู้คน มีต่อ หลวงพ่อโสธร
...........................................................

 

ออกเดินทางต่อ..ไปได้ไม่กี่กิโล ก็มาถึงวัดลำดับที่ สาม คือ "วัดพระนอน"
ฟังแต่ชื่อ ..เราชินกับ พระนอนที่ วัดโพธิ์ กทม..ที่องค์ท่านนอนตะแคง
ที่วัดโพธิ์ นั้น ความสวยงาม อยู่ที่ ลายสลักมุก ที่ใต้พระบาท
แกะสลักอย่างละเอียด เงาวับ ด้วยเปลือกหอยมุกที่ฝังอยู่
.......................................................................
เพื่อความสวยงาม การสร้างพระนอนวัดโพธิ์
สร้างโดยพระพุทธบาท สองข้างคือซ้าย กับ ขวา วางซ้อนเท่ากัน
โดยพุทธศิลป์ ที่แท้ ในท่านิพพานของพระพุทธองค์
พระบาทซ้าย จะเกย พระบาทขวามาข้างหน้าสักนิด
....................................................................
ขอให้พวกเราที่เข้าวัด ดู ด้วยว่า ในวัดต่างๆๆ
ที่ สร้างพระนอน พระบาทจะต้อง เยื้องเกยกัน
ไม่ได้ ซ้อนกันตรงๆๆแบบก่อสร้างตึก
.............................................................
เมื่อไปถึงวัด..บริเวณวัดค่อนข้างกว้าง
มองเข้ามาเหมือนไม่มีผู้คน เป็น วัดที่ไม่มีงาน แม้จะใกล้สงกรานต์แล้ว
ก็ลองขับรถเลยเข้ามาด้านใน..จึงเห็นกลุ่มอาคารและ ตัวอุโบสถ
อ้อ...เข้ามาข้างในนี้เอง...พากันเข้าในอุโบสถ
ย่างเข้าตัวอาคารอุโบสถ..สัมผัสได้ กับ พลัง แห่ง พุทธ บารมี
.........................................................................

 

เข้าไป กลางอุโบสถ..ก็มองหาพระประธาน ที่ มักจะตั้งสูงเด่น
ก็มองไม่เห็น..มองหาล๊อกแล็ก..ซ้ายขวา
จนสมาชิกที่มาด้วยสกิดให้ดู..
..................................................................
อ้อ...พระพุทธองค์ ขนาด ปานกลาง
แต่อยู่ในท่า นอนหงายพนมมือ..ไม่ได้ นอนตะแคง
ในท่านอนหงาย เหมือนอยู่บนเตียง.ก็เลยไม่เป็นที่ สังเกตุ
ทำไม..พระพุทธองค์ จึงนอนหงาย
...............................................................
การที่ พระพุทธองค์ จะนอนหงายมีอยู่สองกระบวนท่า
คือ ทรงอาพาธ คือ ป่วย...โดยเฉพาะ ตอนฉันเนื้อหมู แล้ว อาพาธ
กับ ท่านอนหงาย รอ การถวายพระเพลิง..เช่นคนเราปกติ
.........................................................................
นี่ก็นับว่า เป็น ปางหนึ่ง ของ พระพุทธองค์ ที่ พวกเราไม่ค่อยได้ เห็นกัน
................................................................................
ปกติของคนเรา เวลาไป วัด เขาจะกะเกณฑ์ให้ ทำบุญใส่บาต
ตามพระประจำวัน นาคปรก/อุ้มบาต/ถวายเนตร/เลไลย์/พระนอน/ ฯลฯ
แยกออกเป็น เจ็ดวัน เจ็ดปาง..เป็นกุศโลบาย..
ไม่ให้ การทำบุญ จะไปกระจุกที่เดียวกัน
........................................................................
แต่ในทางจิต สัมผัส..เราคิดอะไร..ถืออะไร เราก็จะได้ อย่างนั้น
อย่างปางห้ามญาติ..พระพุทธองค์ ทรงต้องใช้สมอง และ พิจารณาญาณ
พระองค์ จะเหนื่อย ที่ ต้อง คิด..เราก็จะเหนื่อย ไปด้วย
ปางทุกขกริยา..อดอาหาร..ถ้าเราบูชาปางนี้
เราก็จะมีอาการหิวปวดท้องไปด้วย
.................................................................
ปางมารวิชัย...แปลว่า กำลังรบกับมาร
เราก็จะรู้สึกเหนื่อยไปด้วยเช่นกัน
แล้วเราจะบูชา สัมผัส ปางไหนดี
เราก็เลือกปางที่ ทำให้เรา สงบ/สบายใจ/นิ่ง/ว่างเปล่า
..........................................................
ปางสมาธิ/ปางตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์..เราจะได้ความสงบในจิตไปด้วย
ปางรำพึง/ปางอุ้ม บาตร์./ปางเลไลย์....จิตสบายที่ได้ แผ่เมตตา
ปางเปิดโลก /ปางโปรดพุทธมารดา/ปางปฐมเทศนา..จิตเป็นผู้ให้
อยากได้ จิตเช่นไร...ให้เลือกปางที่ถูกจริต ของเรา
..............................................................
ไม่จำเป็น ต้องเลือกบูชา ตามพระประจำวันเกิด
ที่ ใครก็ไม่รู้ได้ เป็นผู้กำหนดไว้..อันเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง
อย่างในประเทศพม่า เขานับถือไหว้ ตามราศีที่เกิด คือ สิบสอง ราศี
ไม่มีการกำหนดให้ไหว้พระตามวันเกิดแต่อย่างใด
มีเพียงในประเทศไทย..จึงขอเล่าสู่กันฟัง เพื่อความเข้าใจ
.................................................................

 

วันหลังต้องลองใหม่...พอสมาชิกมานั่งเต็ม บู๊ธ 5-6 คน.
แล้วเอาระเบิดปรมาณุทางจิตลง เป็น ชุด สัก 10 ลูก
แบบติดต่อ กับ แบบ ปืนกล เลย
บึม...บึม....บึม...บึม....บึม....บึม....บึม....บึม...บึม
แล้วจะดูผลว่า..ได้ผลเป็นอย่างไร...กระเด็นไปไกลใหม...
หัวร้างข้างแตกใหม..สลบใหม?
..................................................................
ถ้าได้ ผล..วันหลังมีการประจันหน้า กัน ระหว่าง คนเสื้อต่างสี ทางการเมือง
จะเอาระเบิดนิวเคลียร์ ทางจิต ..ใส่เป็นชุดๆๆ.10 - 20 ชุด.ให้กระเด็นแยกกันไป
จะได้ไม่ต้องมีการฆ่ากัน...ถ้ายุ่งมากๆๆ
เอาระเบิด โยนใส่สภาเวลามีการประชุม..คนจะได้ เลิก ทะเลาะกัน
หรือ อย่างน้อย โยนใส่ คณะรัฐมนตรี เวลามีประชุม ครม..
จะได้คิดทำแต่เรื่องดีดี แก่ ชาติ...เห็นด้วย มั๊ย


อาจารย์หายไปนาน กลับมาแล้วหรอคะ


เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ เรียกพลังระเบิดมาลงกลางวงให้ทุกคนแตกกระจายให้หมดเลย ไม่ว่าใครหน้าไหนทะเลากัน จะได้เลิก ประเทศจะได้สงบสุขไวๆ

ที่สุดคือพ่อหลวงของเราจะได้หลับสบายเหมือนใครๆ เขาได้บ้าง ทรงพระชราแล้ว ยังมีเรื่องไม่เป็นเรื่องของเด็กๆ ที่แต่ละฝ่ายมีทัศนคติ ความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน มาทะเลาะกัน ด้วยเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มตน ให้ประเทศเพื่อนบ้านเขาหัวเราะเยอะ

 

วันนี้ อาจาย์ มาแนว โหดๆ
แค่ วันก่อน ปล่อย ตัวต่อ มาลอง กัดผม
( ทีแรก ก็ยังคิด ว่า คงไม่ กัด เรา มั้ง สักพัก โดน เข้าไป สะดุ้งนิดหน่อย เจ็บ แปล๊บ คล้าย เข็ม ตำ )

ยังดี ที่ ทดลอง แค่ ตัวเดียว ถ้า เป็นร้อย เป็นพัน ก็ คงเป็นเรื่อง เหมือนกัน

ยิ่ง จะเอา อาตอมมิกบอม มาลง ที่ ละ 10 ลูก
ผม ว่าเป็นเรื่อง แน่

คงไม่มีคน กล้า มานั่ง ที่บูธ แน่เลย ............ 5 5

ระยะนี้ อากาศร้อนมาก แดด ก็แรง มากด้วย
ผม ว่า น่าจะ สร้าง แอร์ ขนาด ยักษ์ เอาแบบที่ใช้ตามโรงแรม ใหญ่ๆ

มาเป่า ลมเย็น ที่บูธ ก็ คงจะดี เหมือนกัน

ผม ก็ ลอง ทำใช้ เอง แบบเครื่อง พกพา
พอช่วยได้ นิดหน่อย ก็ยังไม่ หายร้อน โดยเฉพาะ ตอนออกตรวจงาน กลางแจ้ง ตั้อง เดินตากแดด เป็น ชั่วโมง บางวัน ก็ หลาย ชั่วโมง

กำลัง คิด อยุ่ ว่า จะขอไอเดีย ของอาจารย์ ว่าจะทำแอร์ หรือ ทำอะไรดี ไว้ กันร้อน ตอนที่ ตัอง ตรวจงาน เดินตากแดด.
................. อยุ่ ที เดียว

 

ปุ่มอนุโมทนาหายยยยย
สงสารพิมพิลาไลย และผู้หญิงสมัยโน้นน้อ ช้ำรัก
ตอนนี้มันร้อนสุดๆเลยนะคะ ที่บูธก็ร้อน มีแต่อาจารย์สามตานั่งสบาย
ไม่มีเหงื่อสักหยด พี่ดาวทะเลทราย ลองทดสอบวิธีดูนะคะ จะสมัครเป็นลูกค้าเลย

 

ดีใจจังเลยค่ะ เคยคิดว่า 'ตัวเองบ้า' อยู่เหมือนกัน ที่ไปเห็นองค์ในของร่างทรง ได้ยินเสียงนกแล้วรู้ว่าเค้าพูดอะไรกัน บางทีเห็นวิญญาณ ส่วนตัวแล้วกลัวผีมากกกกก แต่พอเห็นจริงๆ ก็ไม่กลัว รู้สึกสงสาร ดีจังที่ได้มาเจอเว็บนี้ T^T

 

งั้นถือโอกาส เล่าในสิ่งที่คิดว่า 'ตัวเองบ้า' ให้ฟังนะคะ ^^

มีอยู่คืนนึง เวลาตี 5 กำลังจะเข้านอน ได้ยินเสียงนกฮูกร้อง ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจ
แต่ก็ได้ยินอีก คราวนี้ ในจิตเราบอกว่า นกฮูกร้องบอกเราว่า "ให้บอกแม่เธอด้วย ว่าจะมีผู้ชายผิวดำจะมาหา ให้เค้าระวังตัวด้วยนะ มาไม่ดี" คิดว่าตัวเองคิดไปเอง ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
ผ่านไป 2-3 วัน คุณแม่โทรมา ก็เลยเล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่บอกว่า "เมื่อ วันก่อนมีผู้ชายผิวดำมาหาที่บ้านจริงๆ เค้ามาขออาศัยอยู่ด้วย จะมาขอเปิดสำนักสักยัน เค้าเป็นคนเขมร แต่แม่ว่า เค้าดูแปลกๆ ก็เลยปฏิเสธไป"
รู้สึกตกใจมาก กับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ ดีนะ ที่คุณแม่ปฏิเสธไป ถ้าคุณแม่รับไว้ แล้วเราไม่ได้บอกคุณแม่ คงเสียใจแย่เลยที่ไม่เชื่อสิ่งที่นกฮูกบอก

เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็หัวเราะกันบอกว่า คิดมากรึเปล่า คิดไปเองรึเปล่า จึงคิดว่า สงสัยเราคงจะฟุ้งซ่านจริงๆ ก็เลยลองตั้งใจฟังเสียงนกเอี้ยงแถวสวนสาธารณะคุยกัน อาการเดิมค่ะ คือ ฟังรู้เรื่องอีก ว่าเค้าคุยอะไรกัน รู้ในจิตนะคะ ไม่ได้ฟังรู้เหมือนฟังภาษาอังกฤษนะ มันไม่มีคำแปล แต่เข้าใจความหมายอ่ะค่ะ

แต่ตอนนี้อยากขอบคุณจากใจจริงค่ะ ที่สร้างบอร์ดนี้มา ให้รู้ว่า ไม่ได้คิดไปเอง ขอบคุณจริงๆค่ะ ^^
** ยังมีอีกหลายเรื่อง แล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะ **
ปล. หวังว่าวันนึง คงได้เป็นหนึ่งในสมาชิกคนตาทิพย์นะคะ

 

หนูคนนี้มาเล่าเรื่องแบบนี้อีกนะอยากเจอจังเลยนอกจากนกแล้วสัตว์อื่นก็ฟังรู้ด้วยไหม

 

คุณ ZeGiNe SiN เข้ามาเล่าเรื่อง พูดและฟังภาษาสัตว์ได้.เป็นเรื่องที่ไม่แปลก สำหรับคนที่ มีสมาธิ ฌาน ถึง ระดับ สี่..สามารถฟังสัตว์เลี้ยง ไม่ว่า นก แมว หมา รู้เรื่อง
เป็นการรับคลื่น ความคิดทางจิต..เราจะจับจิตเขาได้ ว่า พูดอะไร..ที่ บู๊ธ 042 มีการสอนวิธีคุยกับ สัตว์และ คุยกับต้นไม้ ดอกไม้ได้..มีคนมาเรียนเป็นประจำ จบไปแล้ว กว่า 100 คนแล้วมั๊ง

 

การแก้โลกร้อนที่บู๊ธ..ทำง่ายๆๆ เราก็ ตั้งจิต ย้าย ขั้วโลกเหนือ ให้มาอยู่ที่บู๊ธ เท่านั้น
ก็เย็นแล้ว....แต่มีข้อเสีย...น้ำโลกละลายเร็ว ขึ้นอีกแยะ..เหอ...เหอ...เหอ

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ตอน ทัวร์ วัด (ต่อ)
....................................................
ออกจากวัดพระนอน หงายก็วิ่งเลียบไป ตามแม่น้ำ ต่อ
เป้าหมายคือ วัด พร้าว ที่อยู่เกือบจะริมสุด ด้านใต้
ผ่านไป สอง-สามวัดเล็กๆๆ และเงียบ..ไม่มีผู้คน
ผ่านไปยังโค้ง..ที่จะเลี้ยวไปทางขวา..ก็เห็นอะไร อย่างหนึ่ง
ที่เด่น มองไม่ทัน..จึงบอกให้คนขับ กลับรถมาดูใหม่
.............................................................
อ้อ..เป็นรูปปั้นไก่โต้งตัวใหญ่ สูงกว่า คน นิดหน่อย
ใหญ่กว่า ไก่ ชน ที่เราเคยได้ พบ ที่ ดอนเจดีย์พนมทวน
เป็นไก่ ชนของ สมเด็จ พระนเรศวร..
ที่มายืนเรียงแถว ต้อนรับ นักท่องเที่ยว
.....................................................
ผ่านป้ายหน้า วัด เห็น ชัดๆ ว่า ..."วัดไก่เตี้ย"
มิน่า จึงมีรูปปั้นไก่โต้งตัวใหญ่เป็น สัญญลักษณ์
มีอยู่ตัวเดียว ยืนอยู่ในคอก ที่ กั้นไว้...
ไหนๆๆมาทั้งที ก็ชักรูปพร้อมไก่ไว้เพื่อ อ้างอิง ว่า เคยมาแล้ว
..............................................................
เป็นไก่ ที่ ค่อนข้างใหญ่ เป็นไก่โต้ง ตัวผู้ มีขนสวยงาม
ธรรมชาติ นี่ก็แปลก..สร้าง สัตว์ ทุกชนิดให้ตัวผู้ มีความสวยงาม
ดึงดูดเพศเมีย..ขณะที่ไก่ และสัตว์อื่นๆๆตัวเมีย จะเรียบๆๆ ไม่สวย
และตัวเล็กกว่า ตัวผู้...ดูแล้ว จ๋องๆๆเสียด้วยซ้ำ
แต่กับคนกลับไม่ใช่...ผู้ชายไม่ได้เรื่อง.หน้าตาส่วนใหญ่เบะบะมะกล่ำตานอง
แต่สาวๆๆ สวยด้วยกันทั้งโลก...ที่ไม่สวยก็เสริมกันให้สวยได้ ทุกดีกรี
สวยด้วยทุกส่วนสัด ทั้งการใช้ยา และการผ่าตัด
.............................................................................