พระนาคปรกกรุพระธาตุนาดูน..อายุประมาณ1,300-1,500ปี แท้ล้าน%เป็นกรุพระที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอีกที

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย Lar'En'Ciel, 28 มกราคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอเชิญ พุทธศาสนิกชน ร่วมงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน

    ขอเชิญ พุทธศาสนิกชน ร่วมงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน
    ตั้งแต่วันที่ 7-15 ก.พ.2552 นี้
    ณ พทุธมณฑลอีสาน พระบรมธาตุนาดูน
    จ.มหาสารคาม บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ตักบาตรทำบุญ เพิ่มพูนบารมี เที่ยวงานนาดูน อิ่มบุญ อิ่มใจ ชมมหรสพ ฟรี ตลอดงาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. chakarin

    chakarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,541
    ค่าพลัง:
    +397
    พระธาตุบังพวน...จ.หนองคาย

    <CENTER>[SIZE=+2]พระธาตุบังพวน[/SIZE]
    [​IMG]</CENTER>
    พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของจังหวัดหนองคาย และเป็นพระธาตุที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน ประดิษฐานอยู่ ณ บ้านพระธาตุบังพวน ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
    ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหาน สกลนคร พระยาคำแดง เจ้าเมืองหนองหารน้อย อุดรธานี พระยาจุลณี พรหมทัต เจ้าเมืองจุลณี (ลาวเหนือ) พระยาอินทปัตนคร เจ้าเมืองอินทปัตนนนคร (เขมร) และพระยานันทเสน เจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์หลวง (ตรงข้ามนครพนม) ได้ร่วมกันอุปถัมภ์ พระมหากัสสเถระ พร้อมด้วยพระอรหันต์ อีก 500 องค์ ทำการก่อสร้างพระธาตุพนม แล้วเสร็จ และได้บรรลุพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด ต่อมาได้เดินทางไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อไปอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ นำมาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ 4 แห่งคือ บริเวณเมืองหนองคาย และเมืองเวียงจันทน์ หนึ่งในสี่แห่งนั้น คือพระธาตุบังพวน ซึ่งได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาพักที่ร่มไม้ปาแป้ง (ไม้โพธิ) ณ ภูเขาหลวง อันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ พระธาตุบังพวนปัจจุบัน
    จากการสำรวจทางโบราณคดีพบว่า พระธาตุบังพวนได้มีการก่อสร้างสืบเนื่องกันมาสามสมัย คือ ฐานเดิมสร้างด้วยศิลาแลง ชั้นที่สองสร้างด้วยอิฐครอบชั้นแรก และต่อมาได้มีการก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้น จากจารึกที่ฐานพระพุทธรูปที่ขุดได้ 4 องค์ ในจำนวนทั้งหมด 6 องค์ ระบุศักราชที่สร้างไว้ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2118 พ.ศ. 2150 พ.ศ. 2158 และ พ.ศ. 2167 และข้อความในจารึกเมื่อ พ.ศ. 2167 มีประวัติในการสร้าง โดยได้กล่าวถึงพระเจ้าโพธิสาลราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง มีราชธานีอยู่ที่นครเชียงทอง ซึ่งก็ตรงกับรูปแบบการก่อสร้างโบราณสถานในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ที่แสดงถึงอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง
    พระธาตุบังพวนเป็นพระสถูปเจดีย์ ทรงเรือนปราสาทสี่เหลี่ยม เป็นองค์ประธานซึ่งมีชื่ออยู่ในศิลาจารึกว่า พระธาตุบังพวนพระเจดีย์ศรีสัตตมหาทาน ภายในวัดมีกลุ่มพระธาตุขนาดต่าง ๆ อีก 15 องค์ สันนิษฐานว่า คงจะสร้างในสมัยใกล้เคียงกันกับพระธาตุบังพวน มีวิหาร 3 หลัง อุโบสถ 1 หลัง สระน้ำ และบ่อน้ำโบราณ นอกจากนั้นยังมีโบราณสถานอีกกลุ่มหนึ่ง ภายในบริเวณเดียวกัน เรียกว่า สัตตมหาสถาน อันเป็นสถานที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธประวัติ เมื่อครั้งแรกตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย สัตตมหาสถานที่สร้างขึ้นมาภายหลัง มีอยู่ 3 แห่งอยู่ ที่ประเทศพม่าหนึ่งแห่ง และที่ประเทศไทยสองแห่ง คือที่วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ และที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคายแห่งนี้
    สัตตสถานที่วัดพระธาตุบังพวนยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา ประมวลได้ดังนี้


    <CENTER>
    [SIZE=+2]พระโพธิบัลลังก์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐ เป็นพระสถูปทรงกลมสูงประมาณ สองเมตรครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ เจ็ดเมตรครึ่ง โพธิบัลลังก์หรือวัชรอาสน์นี้ เป็นอาสน์ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่ง เพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิต จนบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อวันเพ็ญเดือนหก ก่อนพระพุทธศักราช 45 ปี ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎก กล่าวว่า พระพุทธองค์ได้ทรงประทับนั่งอยู่บนโพธิบัลลังก์นี้เป็นเวลา 7 วัน ทรงพิจารณาธรรมที่ตรัสรู้แล้ว คือ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งสายเกิด และสายดับ กลับไปกลับมา ขณะพิจรณาธรรมทั้งสามในราตรีนั้น แล้วเปล่งพุทธอุทานในแต่ละยามดังนี้

    อุทานในยามต้นว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะมารู้แจ้งธรรมว่าเกิดแต่เหตุ
    </CENTER>
    อุทานในยามเป็นท่ามกลางว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้ความสิ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย
    </CENTER>
    อุทานในยามที่สุดว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น พราหมณ์นั้นย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้ ดุจพระอาทิตย์อุทัยกำจัดมืด ทำอากาศให้สว่างฉะนั้น



    [SIZE=+2]พระอนิมมิสเจดีย์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐสอปูน ตามพุทธประวัติจากอรรถกถา กล่าวว่า เมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ได้เสด็จมาประทับยืนอยู่ ณ ที่นี้ แล้วทรงทอดพระเนตรดูต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ให้ร่มเงาปกคลุมโพธิบัลลังก์ อยู่ 7 วัน


    <CENTER>
    [SIZE=+2]พระรัตนจงกรมเจดีย์[/SIZE]</CENTER>


    ที่พุทธคยาจะตั้งอยู่ระหว่างพระโพธิบัลลังก์กับพระอนิมมิสเจดีย์ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวนนั้น พระรัตนจงกรมเจดีย์ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือ เป็นพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐสอปูน มีลาดพระบาทก่อด้วยอิฐกว้างประมาณสองเมตรครึ่ง จรดพระอนิมมิสเจดีย์ ตอนกลางมีรอยพระพุทธบาทใหญ่ ตามพุทธประวัติจากอรรถกถา กล่าวว่า เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่อนิมมิสเจดีย์ ครบ 7 วัน แล้ว ได้ทรงเดินจงกรม เพื่อพิจารณาบรรดาสัตว์โลกที่จะเสด็จไปโปรด อยู่ 7 วัน <CENTER>


    [SIZE=+2]พระรัตนฆรเจดีย์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ที่พุทธคยา จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระโพธิบัลลังก์ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เป็นพระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุม ก่อด้วยอิฐสอปูนขนาดใหญ่ ทรงปราสาทเรือนธาตุ มีซุ้มและพระพุทธรูปปางสมาธิ ตามพุทธประวัติจากอรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน ทรงประทับอยู่ที่เรือนแก้วที่เทวดานิรมิตถวาย บังเกิดฉัพพรรณรังษีรอบพระวรกาย
    <CENTER>


    [SIZE=+2]พระอชปาลนิโครธเจดีย์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ที่พุทธคยาจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นพระสถูปเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎก กล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงโต้ตอบกับพราหมณ์ผู้มีทิฐิมานะคนหนึ่ง ที่ชอบว่าคนอื่น ตามอรรถกถากล่าวว่า ทรงมีพุทธฎีกาต่อธิดาพญามาร 3 ตน มีนามว่า ตัณหา ราคา และอรดี ที่รับอาสาพญามารนามว่า วสวัตตี ผู้เป็นพ่อ มายั่วยวนพระพุทธเจ้า แต่ก็พ่ายแพ้อันตรธานไปในที่สุด พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ ที่นี่เป็นเวลา 7 วัน
    <CENTER>


    [SIZE=+2]พระมุจลินทเจดีย์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยู่คู่กับสระน้ำ ที่พระธาตุบังพวน ได้สร้างวิหารแบบโปร่งไม่มีผนัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่สระน้ำมีรูปปั้นพระยานาค 7 เศียร อยู่กลางสระ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎกกล่าวว่า ช่วงนี้อยู่ในสัปดาห์ที่สามหลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับอยู่ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ในช่วงเวลาที่ฝนตกพรำตลอด 7 วัน พญามุจลินทนาคราชได้ขึ้นมาขนดและแผ่พังพาน เพื่อบังลมและฝนให้ เมื่อพายุหายแล้ว ก็คลายขนด จำแลงกายเป็นมาณพน้อย ยืนประคองอัญชลีนมัสการพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเปล่งพุทธอุทานว่า
    <CENTER>

    ความสงัดของผู้ที่ยินดีในธรรมเป็นสุข การระมัดระวังไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย
    การละกามคุณได้เป็นสุข การละอัสมิมานะ (ความถือตัว) เสียได้เป็นสุขอย่างยิ่ง


    [SIZE=+2]พระราชายตนะเจดีย์[/SIZE]

    [​IMG]</CENTER>
    ตั้งอยู่ทางทิศใต้ เป็นพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม และมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิ เช่นเดียวกับ อชปาลนิโครธเจดีย์ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎกกล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ 4 หลังการตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับที่ใต้ต้นราชายตนะ (ต้นเกตุ) ณ ที่นี้ได้มีพ่อค้าสองคน มีนามว่า ตปุสสะ กับ ภัลลิกะมาพบ ได้ถวายข้าวสัตตุก้อน และสัตตุผง และได้เปล่งวาจาถึงพระพุทธและพระธรรม เป็นสรณะ เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีพระสงฆ์
    <CENTER>

    [​IMG]</CENTER>
    พระธาตุบังพวน ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยต่อมา แต่ไม่ต่อเนื่องนัก ในระยะหลังจึงทรุดโทรมมาก และได้พังทะลายลงมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2513 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการบูรณขึ้นใหม่ โดยก่อคอนกรีตเสริมฐานเดิม ซึ่งที่ฐานล่างเป็นศิลาแลง ต่อมาเป็นฐานทักษิณ 3 ชั้น บัวคว่ำ 2 ชั้น ต่อด้วยปรางค์สี่เหลี่ยมบัวปากระฆัง บัวสายรัด 3 ชั้น รับดวงปลีบัวตูม แล้วตั้งฉัตร 5 ชั้น ฐานล่างรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละประมาณสิบเจ็ดเมตร สูงถึงยอดฉัตรประมาณสามสิบสี่เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้ง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน และร่วมยกฉัตรสู่ยอดพระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ในวันเพ็ญเดือนสาม ของทุกปี จะมีงานเทศกาลนมัสการ พระธาตุบังพวน เป็นเวลา 5 วัน 5 คืน
     
  3. chakarin

    chakarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,541
    ค่าพลัง:
    +397
    งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุบังพวน จ.หนองคาย

    <CENTER>งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุบังพวน สัตตมหาสถาน 1 ใน 4 ของโลก

    </CENTER><CENTER>5 - 9 กุมภาพันธ์ 2552 ณ วัดพระธาตุบังพวน จ.หนองคาย

    </CENTER><CENTER>ร่วมบวชชีพราหมณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ 5 วัน 4 คืน

    </CENTER>
    5 ก.พ. 52 เวลา 14.00 น. พิธีบวชชีพราหมณ์ เวลา 18.00 น. พิธีเปิดงาน โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดงาน9 ก.พ. 52 วันมาฆบูชา ทำบุญถวายต้นเงินกัณฑ์สมโภช ตลอดวัน เวลา 17.00 น. ร่วมพิธีเททองหล่อพระประธานอุโบสถหน้าตักกว้าง 79 นิ้ว สูง 3.50 เมตร พร้อมอัครสาวกพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร</PRE>
    </PRE>
    ท่านใดที่จะงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน แวะมานมัสการงานพระธาตุบังพวน จ.หนองคาย ก่อนน่ะครับ</PRE>
    ก่อนน่ะครับ....สาธุ สาธุ</PRE>
     
  4. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    น่าไปกราบทั้ง 2 ที่เลยครับ
     
  5. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    พระธาตุพนม ก็น่าไปกราบน่ะคับ ประวัติยาวนานอีกที่ครับ

    <TABLE id=AutoNumber26 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 height=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width="90%" colSpan=3 height=1> [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    พระธาตุพนมหรือเรียกตามแผ่นทองจารึกซึ่งจารึกไว้ในสมัยเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กแห่งนครเวียงจันทน์มาบูรณะใน พ.ศ. ๒๒๓๖ - ๔๕ ว่า "ธาตุปะนม" เป็นพุทธเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคธาตุ ( กระดูกส่วนพระอุระ ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ประดับตกแต่งด้วยศิลปลวดลายอันวิจิตรประณีตทั้งองค์ มีความหมายทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง สูงจากระดับพื้นดิน ๕๓ เมตร ฉัตรทองคำสูง ๔ เมตร รวมเป็น ๕๗ เมตร ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ห่างจากแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างประเทศลาวกับประเทศไทยประมาณ ๕๐๐ เมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๘๐๐ กิโลเมตร
    [​IMG]

    <TABLE id=AutoNumber28 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="98%"> ในตำนานพระธาตุพนมกล่าวไว้ว่า องค์พระธาตุพนมสร้างครั้งแรกในราว พ.ศ. ๘ ในสมัยอาณาจักรศรีโคตบูรกำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ โดยท้าวพญาทั้ง ๕ อันมีพญาศรีโคตบูร เป็นต้น และพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ อันมีพระมหากัสสปะเถระเป็นประมุข
    ลักษณะการก่อสร้างในสมัยแรกนั้น ใช้ดินดิบก่อขึ้นเป็นรูปเตาสี่เหลี่ยม แล้วเผาให้สุกทีหลัง กว้างด้านละสองวาของพระมหากัสสปะ สูงสองวา ข้างในเป็นโพรง มีประตูเปิดทั้งสี่ด้าน เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าที่พระมหากัสสปะเถระนำมาจากประเทศอิเนเดีย ประดิษฐานไว้ข้างใน แล้วปิดประตูทั้งสี่ด้าน แต่ยังปิดไม่สนิททีเดียว ยังเปิดให้คนเข้าไปสักการะบูชาได้อยู่บางโอกาส ในตำนานพระธาตุพนมบอกว่า "ยังมิได้ฐานปนาให้สมบูรณ์" นี้ก็หมายความวว่า ยังมิได้ปิดประตูพระธาตุให้มิดชิดนั่นเอง พึ่งมาสถาปนาให้สมบูรณ์ในราว พ.ศ. ๕๐๐

    </TD><TD width="5%"> </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD width="98%">[​IMG]</TD><TD width="5%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท้าวพญาทั้ง ๕ ผู้มาเป็นประมุขประธานในการก่อสร้างพระธาตุพนมในครั้งนั้น เป็นเจ้าผู้ครองนครในแคว้นต่าง ๆ คือ
    ๑. พญาจุลณีพรหมทัค ครองแคว้นจุลมณี ก่อด้านตะวันออก
    ๒. พญาอินทปัตถนคร ครองเมืองอินทปัตถนคร ก่อด้านตะวันตก
    ๓. พญาคำแดง ครองเมืองหนองหานน้อย ก่อด้านตะวันตก
    ๔. พญานันทเสน ครองเมืองศรีโคตบูร ก่อด้านเหนือ
    ๕. พญาสุวรรณภิงคาร ครองเมืองหนองหานหลวง ก่อขึ้นรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาละมี
    องค์พระธาตุพนม ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในยุคต่อมาโดยลำดับ ซึ่งจะได้นำมาเขียนไว้โดยสังเขปดังนี้
    ๑. การบูรณะครั้งที่ ๑ ในราว พ.ศ. ๕๐๐
    โดยมีพญาสุมิตธรรมวงศา แห่งเมืองมรุกขนคร และพระอรหันต์ ๕ องค์ เป็นประธาน ในการบูรณะครั้งนั้น ได้เอาอิฐซึ่งเผาให้สุกดีแล้วมาก่อต่อเติมจากยอดพระธาตุพนมองค์เดิมให้สูงขึ้นไปอีกประมาณ ๒๔ เมตร ( สันนิษฐานดูตามลักษณะก้อนอิฐหลังจากองค์พระธาตุพนมหักพังลงแล้ว ) แล้วอัญเชิญพระอุรังคธาตุออกจากอุโมงค์เดิม ซึ่งทำการบรรจุตั้งแต่สมัยพระมหากัสสปเถระ ขึ้นไปประดิษฐานไว้ใหม่ที่ใจกลางพระธาตุชั้นที่สอง แล้วปิดประตูอย่างมิดชิด หรือสถาปนาไว้อย่างสมบูรณ์ ( เวลานี้พบแล้ว อยู่สูงจากระดับพื้นดิน ๑๔.๗๐ เมตร )
    ๒. การบูรณะครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๑๕๗
    โดยมีพระยานครหลวงพิชิตราชธานีศรีโคตบูร แห่งเมืองศรีโคตบูร เป็นประธาน ได้โบกสะทายตีนพระธาตุทั้งสี่ด้าน และสร้างกำแพงรอบพระธาตุ พร้อมทั้งซุ้มประตู และเจดีย์หอข้าวพระทางทิศตะวันออกพระธาตุ ๑ องค์ ( ถูกพระธาตุหักพังทับยับเยินหมดแล้ว )
    ๓. การบูรณะครั้งที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๖ - ๔๕ โดยมีเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กแห่งนครเวียงจันทน์เป็นประธาน การบูรณะครั้งนี้ ได้ใช้อิฐก่อต่อเติมจากพระธาตุชั้นที่สองซึ่งทำการบูรณะใน พ.ศ. ๕๐๐ ให้สูงขึ้นอีกประมาณ ๔๓ เมตร ได้มีการปรับปรุงที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุใหม่ โดยสร้างอูบสำริดครอบเจดีย์ศิลาอันเป็นที่บรรจุบุษบกและผอบพระอุรังคธาตุไว้อย่างแน่นหนา และได้บรรจุพระพุทธรูปเงิน ทอง แก้ว มรกต และอัญมณีอันมีค่าต่าง ๆ ไว้ภายในอูบสำริดและนอกอูบสำริดไว้มากมาย มีจารึกพระธาตุพนมว่า "ธาตุปะนม" (ประนม)
    ๔. การบูรณะครั้งที่ ๔ ใน พ.ศ. ๒๓๕๐ - ๕๖ โดยมีเจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์เป็นประธาน ได้ทำฉัตรใหม่ด้วยทองคำ ประดับด้วยเพชรพลอยสีต่าง ๆ ประมาณ ๒๐๐ เม็ด และได้ทำพิธียกฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเจดีย์ในปีนั้น ( พ.ศ. ๒๓๕๖ ) ( ฉัตรนี้ ได้นำลงมาเก็บรักษาไว้ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารใน พ.ศ. ๒๔๙๗ )
    ๕. การบูรณะครั้งที่ ๕ โดยมีพระครูวิโรจน์รัตโนบล วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธาน ได้ซ่อมแซมโบกปูนองค์พระธาตุพนมใหม่ ลงรักปิดทองส่วนบนประดับแก้วติดดาวที่ระฆัง แผ่แผ่นทองคำหุ้มยอด ปูลานพระธาตุ ซ่อมแซมกำแพงชั้นในและชั้นกลาง
    ๖. การบูรณะครั้งที่ ๖ ใน พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๘๔ รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ชุมจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ให้กรมศิลปากรอันมีหลวงวิจิตราวาทการเป็นหัวหน้า สร้างเสริมครอบพระธาตุพนมองค์เดิมด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตั้งแต่ชัน้ที่ ๓ ขั้นไป และต่อยอดให้สูงขึ้นไปอีก ๑๐ เมตร รวมเป็น ๕๗ เมตร
    ๗. พ.ศ. ๒๔๙๗ รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ทำฉัตรใหม่ด้วยทองคำ ซึ่งเป็นของวัดที่ได้จากประชาชนบริจาคและได้ทำพิธียกฉัตรในปีนั้น ฉัตรทองคำ มีเนื้อทองของวัดอยู่ประมาณ ๗ กิโลกรัม นอกนั้นเป็นโลหะสีทองหนักประมาณ ๒๐ กิโลกรัม ฉัตรหนักทั้งหมด ๑๑๐ กิโลกรัม ก่อนรื้อนั่งร้าน ทางวัดได้ขอแรงสามเณรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร โบกปูนตั้งแต่ยอดซุ้มประตูพระธาตุชั้นที่ ๑ จนถึงยอดสุด ใช้เวลาทำงานอยู่ ๑ เดือนจึงแล้วเสร็จ
    <TABLE id=AutoNumber29 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    [​IMG]
    องค์พระธาตุพนม
    </TD><TD width="1%"> </TD><TD width="66%">๘. พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารได้ลงรักปิดทองพระธาตุพนมส่วนยอดประมาณ ๑๐ เมตรจนถึงก้านฉัตร ได้ขอแรงพระภิกษุสามเณรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารช่วยทำ ใช้เวลาทำงานอยู่ ๑ เดือน กับ ๑๕ วัน จึงเสร็จเรียบร้อยดี
    ๙. พ.ศ. ๒๕๑๑ ทางวัดได้ขอแรงพระภิกษุสามเณรวัดพระธาตุพนม ลงรักปิดทองลวดลายองค์พระธาตุพนมช่วงบน ซึ่งทำการประดับใน พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๘๔ ส่วนยอดสูงประมาณ ๕ เมตร ได้เอาแผ่นทองเหลืองหุ้มแล้วจึงลงรักปิดทอง ใช้เวลาทำงาน ๒ เดือนกว่าจึงแล้วเสร็จ
    </TD></TR></TBODY></TABLE> ๑๐. ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ องค์พระธาตุพนมได้หักล้มลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ ทับวัตถุก่อสร้าง ๆ ซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น เช่น หอพระทางทิศเหนือและทิศใต้ ศาลาการเปรียญและพระวิหารหอพระแก้วเสียหายหมด ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากฐานหรือพระธาตุชั้นที่ ๑ ซึ่งสร้างในสมัยแรกนั้นเก่าแก่มาก และไม่สามารถทานน้ำหนักส่วนบนได้ จึงเกิดพังทลายลงมาดังกล่าว
    ๑๑. วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๑๘ หลังจากองค์พระธาตุพนมพังทลายแล้ว ๒๐ วัน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ลงมือทำการรื้อถอนและขนย้ายซากปรักหักพังขององค์พระธาตุพนม ใช้แรงงานคนงานจำนวน ๕๐ คน ใช้เวลาในการรื้อถอนและขนย้ายอยู่ ๑๗๐ วันจึงเสร็จเรียบร้อยดี
    ๑๒. วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๘ ทำพิธีบูชาพระธาตุพนมและบวงสรวงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตลอดถึงเทพเจ้าผู้พิทักษ์องค์พระธาตุพนม และอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่พระธาตุจำลองชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่ เมื่อสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่เสร็จแล้ว จะได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ที่เดิม
    ในพิธีนี้มี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระพิมลธรรม ( อาสภมหาเถระ ) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และในขณะเดียวกันก็ได้อัญเชีญเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่พระธาตุจำลองด้วย
    ๑๓. วันที่ ๑๗ - ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๘ ( หลังจากองค์พระธาตุพนมหักพังแล้ว ๖๒ วัน ) ได้พบพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหัวอกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ในผอบแก้ว หรือหลอดแก้ว ซึ่งมีสัณฐานคล้ายรูปหัวใจ ผอบแก้วใบนี้หุ้มทองมีช่องเจาะสี่ด้าน มีฝาทองคำปิดสนิทสูง ๒.๑ เซนติเมตร มีสีขาวแวววาวมาก คล้ายกับแก้วผลึก ภายในผอบมีน้ำมันจันทน์หล่อเลี้ยงอยู่และมีพระอุรังคธาตุบรรจุอยู่ ๘ องค์
    ๑๔. วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๘ ( หลังจากพบพระอุรังคธาตุแล้ว ๒ เดือน ๒๕ วัน ) ได้จัดสมโภชพระอุรังคธาตุขึ้นรวม ๗ วัน ๗ คืน งานเริ่มวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๘ ถึงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๙
    ในงานนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงเสด็จมาเป็นประธานในพิธี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์สถานที่ประกอบพิธีอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือขององค์พระธาตุพนม
    ๑๕. วันที่ ๑๐ - ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ ทางวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้จัดงานเทศกาลประจำปี ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออบมาให้พุทธศาสนิกชนสักการะบูชา และนำสิ่งของที่พบในองค์พระธาตุพนมออกมาให้ประชาชนชมตลอดงาน
    ๑๖. วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙ บริษัท อิตาเลียน - ไทย ได้ขุดหลุมลงเข็มรากพระธาตุพนมองค์ใหม่ ต่อมาวันที่ ๒๘ - ๒๙ พฤษภาคม ศกเดียวกัน ทางวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อันมีพระเทพรัตนโมลี เป็นประธาน ได้ทำพิธีลงเข็มรากพระธาตุพนมเพื่อเป็นปฐมฤกษ์ในการก่อสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่
    ๑๗. วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๙ สมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จมาเยี่ยมคณะสงฆ์และประชาชนทั่วัดพระธาตุพนม ได้ตรวจดูการก่อสร้างองค์พระธาตุพนม และได้ทรงนมัสการพระอุรังคธาตุด้วย
    ๑๘. วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๙ ถึงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๐ ทางวัดได้ขอแรงประชาชนในเขตอำเภอธาตุพนม มาขนเศษอิฐเศษปูนจากบริเวณสนามหญ้าข้างในวิหารคตออกไปกองไว้ข้างนอกทางด้านทิศเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้หอพระนอน
    ๑๙. วันที่ ๑๙ มกราคม ถึงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ ทางวัดได้จัดงานเทศกาลประจำปี ได้อัญเชิญพระบรมสารีกธาตุ ออกไปให้ประชาชนชมและสักการะบูชาอีก และมีการแสดงนิทรรศการของโบราณเหมือนปีก่อน
    ๒๐. วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๐ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ได้ลงมือประดับตกแต่งลวดลายองค์พระธาตุพนม
    ๒๑. วันที่ ๑๗ - ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ทางวัดได้จัดงานเทศกาลประจำปี ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกมาให้ประชาชนได้สักการะบูชาจนตลอดงาน พระเทพรัตนโมลี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม และนายสมพร กลิ่นพงษา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีอัญเชิญ ได้ทำพิธีแห่โดยตั้งขบวนแห่ที่ถนนหน้าวัดแล้วเดินทางไปตามถนนชยางกูร เลี้ยวเข้าถนนหน้าพระธาตุพนมจำลอง ตรงไปยังเบญจาซึ่งตั้งอยู่สนามหญ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพระธาตุ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เบญจา เสร็จงานแล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เดิม ในงานนี้มีการแสดงนิทรรศการเหมือนปีก่อนฯ
    ๒๒. วันที่ ๖ - ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ ทางวัดได้จัดงานนมัสการพระธาตุพนมประจำปีเหมือนปีก่อน ๆ และได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุออกมาให้พุทธศาสนิกชนสักการะบูชาตลอดงาน พระเทพรัตนโมลี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และนายพิชิต ลักษณะสมพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีอัญเชิญ ได้ทำพิธีแห่รอบองค์พระธาตุ ๑ รอบ แล้วจึงได้อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานไว้ บนพระเบญจาตลอด ๗ วัน ในวันสุดท้ายของงานพระเทพรัตนโมลี พร้อมด้วยพระสงฆ์และญาติโยมได้ทำพิธีคาระวะพระอุรังคธาตุ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เดิม ในงานนี้มีการนำเอาของมีค่าซึ่งค้นพบที่องค์พระธาตุพนมออกมาให้ประชาชนได้ชมจนตลอดงานเหมือนปีที่แล้วมา
    ๒๓. วันที่ ๒๑ - ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๒ ทางรัฐบาลได้จัดพระราชพิธีบรรจุพระอุรังคธาตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาเป็นประธานในพิธีบรรจุ ในวันแรกของงานได้ทำพิธีแห่พระอุรังคธาตุ ในวันที่ ๒ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกทรงเป็นประธานยกฉัตรพระธาตุ ในวันที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาทรงบรรจุพระอุรังคธาตุ

    </TD><TD align=middle width="2%" height=1></TD></TR><TR><TD align=middle width="16%" height=1>[​IMG]</TD><TD align=middle width="2%" height=1>[​IMG]</TD><TD align=middle width="72%" height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    เชิญร่วมงานนมัสการพระธาตุพนม ปี 2552
    ระหว่างวันที่ 2 - 10 กุมภาพันธ์ 2552
    (ขึ้น 8 ค่ำ ถึง แรม 1 ค่ำเดือน 3 ของทุกปี) รวม 9 วัน 9 คืน
     
  7. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    สำหรับเพื่อนๆ ท่านที่ต้องการบูชาพระนาคปรก
    พระธาตุนาดูนน่ะครับ.......โทรมาสอบถามกันได้เหรอว่า
    ท่านติดต่อทาง pm ก็ได้น่ะครับ ขอบคุณครับ
     
  8. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,444
    ค่าพลัง:
    +36,810


    [​IMG] ผมมีพระกรุนี้แทบทุกพิมพ์(แต่มีพิมพ์นั่งเมืองแค่ ๒ องค์เท่านั้น) และศึกษามาพอสมควร จึงรับรองแทนท่านเจ้าของกระทู้ได้ว่า พระชุดนี้ "แท้" แบบไม่กลัวหน้าแตก ที่ปลอมนั้นถ้าเป็นชุดเซียนสะอื้นจริงๆ จะใช้พระเก่าที่แตกหักมาบดแล้วถอดพิมพ์ใหม่ แต่ก็ยังสังเกตุได้ว่าไม่มีคราบกรุ และเม็ดแร่ไม่เป็นธรรมชาติครับ [​IMG]
     
  9. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    ให้เพื่อนชาวเว็บพลังจิตตัดสินใจเองน่ะครับ ว่าเป็นยังไง

    ให้ท่านทั้งหลายตัดสินใจเองน่ะครับว่าเป็นยังไง ให้ท่านสังเกตเนื้อของพระให้ดีๆครับ ถ้าท่านที่มีความรู้จริงในเรื่องพระกรุนาดูนนี้ ท่านจะรู้เลยว่าจริงหรือไม่จริง และให้เพื่อนทั้งหลายได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆด้วยครับ จะได้รับข้อมูลหลายด้าน ไม่ใช่รับข้อมูลด้านเดียวจากบุคคลคนเดียวที่มาอ้างว่าพระของคนนั้นคนนี้ปลอมน่ะครับ ด้วยความเคารพ
    ให้ข้อสังเกตอีกอย่างน่ะคัรบว่า พระตามแผงพระทั่วไป มีพิมพ์แบบนี้ป่าว( รูปแรกน่ะคัรบ )
    ผมได้มาเอง ผมพึ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรกเลยครับว่ามีพิมพ์แบบนี้ด้วย
    อยากจะถามคุณ มันตรัย หน่อยน่ะครับว่าเคยเห็นพิมพ์แบบนี้ป่าว ที่พูดไปผมพูดด้วยเหตุผลน่ะครับ ไม่ได้ใช้อารมณ์แต่อย่างใด และให้เพื่อนชาวพลังจิตทุกท่านใช้วิจารณญาณตัดสินใจเองด้วยหลักของความถูกต้องและเหตุผลด้วยน่ะครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง

    ***เอาภาพให้เพื่อนดูแล้วตัดสินใจเองครับเอามาให้เปรียบเทียบกันดูระหว่างพระของผมกับพระที่
    คุณ มันตรัย ว่าเป็นพระเก๊น่ะคัรบ สังเกตที่เนื้อของพระน่ะครับว่าเป็นยังไงแล้วค่อยตัดสินใจ ถ้าท่านใดที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ขอให้ท่านเป็นกลางไว้อย่าพึ่งตัดสินใจครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    รู้ดีแค่ไหน...ในพระกรุนาดูน

    อยากจะถาม คุณ มันตรัย หน่อยน่ะครับ

    ว่าราคาพระที่คุณเอารูปมาให้ดูและ

    ว่าเก๊นั้น ราคาองค์เท่าไหร่อ่ะ

    ขอบคุณ
     
  11. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    [​IMG]


    [​IMG]


    ให้ดูกันชัดๆๆระหว่างองค์ที่คุณ มันตรัย นำมาให้ชม และองค์ของผมน่ะครับ

    และพระของผมก็มีเท่าที่เอาออกมาให้ชมน่ะครับ ไม่ได้มีเยอะแบบแผงพระต่างๆครับ
     
  12. Lar'En'Ciel

    Lar'En'Ciel สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    ให้ท่านทั้งหลายตัดสินใจเองน่ะครับว่าเป็นยังไง ให้ท่านสังเกตเนื้อของพระให้ดีๆครับ ถ้าท่านที่มีความรู้จริงในเรื่องพระกรุนาดูนนี้ ท่านจะรู้เลยว่าจริงหรือไม่จริง และให้เพื่อนทั้งหลายได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆด้วยครับ จะได้รับข้อมูลหลายด้าน ไม่ใช่รับข้อมูลด้านเดียวจากบุคคลคนเดียวที่มาอ้างว่าพระของคนนั้นคนนี้ปลอมน่ะครับ ด้วยความเคารพ

    ขอย้ำอีกครั้งน่ะครับว่า

    ให้เพื่อนทั้งหลายได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆด้วยครับ จะได้รับข้อมูลหลายด้าน ไม่ใช่รับข้อมูลด้านเดียวจากบุคคลคนเดียวที่มาอ้างว่าพระของคนนั้นคนนี้ปลอมน่ะครับ
     
  13. chakarin

    chakarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,541
    ค่าพลัง:
    +397
    ขอบคุณครับ ที่ทำให้เห้นความชัดเจน ระหว่างเก๊กับแท้

    ขอบคุณครับ ที่ทำให้เห้นความชัดเจน ระหว่างเก๊กับแท้

    สาธุด้วยครับ

    <CENTER>ขอเชิญร่วมงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุบังพวน สัตตมหาสถาน 1 ใน 4 ของโลก

    </CENTER><CENTER>5 - 9 กุมภาพันธ์ 2552 ณ วัดพระธาตุบังพวน จ.หนองคาย

    </CENTER><CENTER>ร่วมบวชชีพราหมณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ 5 วัน 4 คืน
    </CENTER>
     
  14. Panudda3

    Panudda3 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +24
    สาธุด้วยครับ...


    สาธุด้วยครับ
     
  15. Panudda3

    Panudda3 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +24
    ขอเป็นกำลังใจให้น่ะครับ เมื่อรู้จักตัวเองก็ย่อมไม่กลัวสิ่งใดในโลกนี้

    ความจริงก็คือความจริงนะครับ
     
  16. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    อีกแรงครับ สาธุ


    ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงน่ะครับ สาธุ สาธุ
     
  17. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    จากคนกลางน่ะครับ


    ดูจากเนื้อของพระแล้วแตกต่างกันน่ะครับ

    แสดงความคิดเห็นจากคนกลางน่ะครับ
     
  18. นักปฏิบัติ

    นักปฏิบัติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +0
    แค่นี้ผมก็รู้ครับว่าเป็นยังไง
    เอาเป็นว่า เก๊ กับ แท้ แยกได้แล้วครับ
    ขอบคุณครับที่ให้ข้อมูลดีๆน่ะครับ
     
  19. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    ขอเป็นกำลังใจให้คุณมันตรัยค่ะ เราก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับคุณมันตรัย แต่ในฐานะสมาชิกเวปคนหนึ่ง มีหลายๆกระทู้ที่นำพระเก๊มาให้บูชา และนำพระหรือวัตถุมงคลมาให้บูชา แล้วหายไปโดยไม่ส่งของ และไม่สามารถติดต่อทวงถามได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนเบอร์หรือไม่รับโทรศัพท์ก็ง่ายมาก ถ้าให้ตรวจสอบได้ควรจะแจ้งเลขที่บัตรประชาชน ชื่อ-นามสกุลจริง หากว่าคุณไม่อยากแสดงตัวเพราะเกรงมิจฉาชีพก็แจ้งที่คุณอดุลย์ เมธีกุลก็ได้
    ถ้ามองให้เป็นกลาง การที่คุณมันตรัยออกมาถามให้คุณชี้แจงเป็นการดีนะคะ เพราะเป็นการให้คุณแสดงความเป็นของจริงออกมา ของจริงไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ
    สำหรับเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านที่สนใจพระกรุนาดูนนี้นะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการบูชา
    หากเราไม่ให้กำลังใจคนที่คอยสอดส่องดูแล สักวันหากไม่มีคนแบบนี้ ใครจะมาคอยตรวจสอบให้ก็แค่เตือนให้ดู คุณเจ้าของกระทู้ก็อย่าคิดมากสิคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  20. seata

    seata ธานุวัฒน์ พรมจันทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    375
    ค่าพลัง:
    +500
    น่าจะป็นชื่อจริงนามสกุลจริงนะครับ เพื่อความโปร่งใสและความสบายใจของหลายๆคน ส่วนพระจะจริงหรือแท้หลายคนเขาตัดสินใจได้ครับไม่จำเป็นต้องย้ำบ่อยๆก็ได้ครับว่าองค์ไหนเก๊องค์ไหนแท้มันเหมือนกับประจานเลยนะครับ..หึหึ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...