เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ต้องไปคู่กัน จะเกินกว่ากันมิได้ ท่านเห็นเป็นเช่นไร

หัวข้อน่าสนใจ ขอแบบที่ปฏิบัติมาจริงๆนะครับ
ลอกในตำรามาไม่เอา
พรุ่งนี้จะเข้ามาดูใหม่ครับ อิอิ

 

ขอบคุณ คุณ นิวรณ์ นะครับ ในช่วงหน้าที่ 10....
เมื่อวานไม่ได้เข้ามา วันนี้ปาเข้าไป 20 กว่าหน้าแล้ว

ตอนนี้โฟกัสมาอยู่ที่คุณ sriaraya5
คุณ sriaraya5 ก็ลองแสดงทัสนะของ ปฏิจจสมุปบาททั้งสายเกิด-สายดับ ดูสิ
ถ้าจะให้ท่านเหล่านี้สนใจ เอาในภูมิปฏิบัติจริงๆครับ
หรือในทัสนะ ของ อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา
หรือในสัญญาทั้ง 10 แต่อย่าเพิ่งเสริสในกูเกิ้ลนะ

 

ว้าว หุ่นเฟริม์ อิอิ
;aa13

 

เกมส์ฝูงบินมหาภัย ท้าคุณquote=khajonsak9999ให้กดเข้าไปดูตูม ๆ บึ้ม ๆ กึกึๆๆๆๆๆๆๆๆ จะได้หายเซ็ง แต่ถ้าจะเครียดลงกระเพาะ

 

ต้องขออภัยคุณ sriaraya5 ด้วย ขอเซ็นเซอร์ ข้อความข้างต้นดังกล่าว

ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นธรรมอันลึกซึ้งของพระพุทธองค์
ลืมไปว่า แม้แต่ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้รจนาคำภีร์วิสุทธิมรรค
ยังกล่าวว่า ดังในข้อความที่อ้างอิง

 

อ้าว ท่าน เค้ากลับบ้านกันหมดแล้ว

 

รับคำท้า

เอาจากของที่ละได้จริง ๆ เราชำนาญเวทนานุปัสสนา
ผู้มีความเพียรอยู่ พิจารณาเวทาโดย อนุโลม เกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป แม้ยังไม่เห็นกระแสปฏิจจสมุปบาท ก็ขึ้นชื่อว่าไกล้ต่อพระนิพาน ต่อเมื่อพระโยคาวจรเจ้า เห็นเวทนาในจิตดับ
ไปต่อหน้า ก็จะเห็นปฏิจจสมุปบาท เวทนาดับ วิญาณดับ ภพ ชาติดับ เกิดวิชาวิมุตติ รู้ด้วยวิปัสสนาญาณ ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว

 

เด็กเมื่อวานซืน ยังเล่นเกมส์อยู่เลย ริอาจจะมาอวดตัว เป็นพระพุทธองค์
พูดจาอะไรออกมาโง่อยู่ ยังจะคิดมาอวดธรรมอันไม่มีในตน

 

สาธุ สีทนได้

 

น้ำไมสามารถปนเปเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมันได้ฉันใด

จิตพระอริยเจ้าก็ไม่กระทบกับโลกธรรมแปดฉันนั้น

เพราะพระอริยเจ้าไม่ มีเวทนาในจิต

 

จิตพระอริยะไม่มีเวทนาในจิต ตำราในเกมส์หรือ เด็กวานซืน 555
กลับบ้านไปนั่งเล่นเกมส์เถอะหนู

 

ไม่มีหน้าที่อะไรจะต้องหาอุบายมาละกิเลสอีกแล้วท่านละ

 

ไม่มีหน้าที่อะไรจะต้องหาอุบายมาละกิเลส

เด็กประถมมันก็พูดแบบนี้แหละ ไม่เชื่อลองไปถามเด็กดูสิว่า มันจะต้องมาละกิเลสทำไม
มันไม่มีเด็กคนไหนหาอุบายมาละกิเลสหรอกหนู

ส่วน นายขันธ์ ยังมีกิเลสอีกมากเลย ยังต้องละอีกมากเลย

 

เราเปิดให้เห็นแบบไม่มีมายาสาไถ

เรื่องทำให้เคร่งในเรื่องศีลธรรมเราทำมามากแล้ว

เปิดให้เห็นอกิริยา ในอาการที่เป็นส่วนตัว

เราไม่ได้ประพฤธรรมเพื่อเรียกร้องให้ใครมาศรัทธา แต่เราประพฤธรรม

เพื่อความพ้นทุกข์ แม้แต่คำว่าพระเรายังละ

 

เปิดให้เห็นอย่างไรหรือท่าน
โดยการกล่าวอ้างว่า ดับเวทนาได้ จึงดับสายแห่งปฏิจจสมุปบาทได้กระนั้นหรือ
แล้วก็ยกจิตของพระอริยะกับโลกธรรม ว่าเปรียบได้กับ น้ำกับน้ำมัน เพื่อจะชี้ว่า ตนเป็นพระอริยะ อย่างนั้นหรือ
ผมจะขอแนะนำพระอริยะอย่างท่านไว้หน่อยว่า การแสดงธรรมของพระอริยะละเอียด ประนีต ลึกซึ้ง แต่ธรรมดา บ่งบอกได้ว่าเข้าไปรู้เห็นสัมผัสของจริงมาแล้ว จึงสามารถอธิบายสภาวะธรรมต่างๆ และลำดับการบรรลุได้อย่างละเอียด
ส่วนการแสดงธรรมของท่านสีอาน5 เป็นเพียงการจำในตำรามาพูด
ไม่อาจสื่อให้เห็นถึงปัญญาอันสูงส่งของอริยะบุคคลได้
ท่านยังห่างไกลอีกมาก อย่าเพิ่งหลงระเริงกับความรู้นิดๆหน่อยๆที่มีอยู่
มันปิดทาง ส่งผลให้ไม่อาจพัฒนาต่อไปได้อีก
และเรื่อง ยกตนว่าเป็นผู้ถูกเลือก ก็ผิดไปจากวิสัยของพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้ว หุๆๆๆ

 

สุภาสิตอันกินใจจะมีผลก็ต่อเมื่อผู้กระทำตาม
ในทางตรงข้ามจะไม่มีผลสำหรับผู้ไม่ทำตาม

ในร้อยคนหาคนพูดจริงแทบไม่มี

 

ทำตาม ทำอย่างไร
อย่าได้แต่เพียงกล่าวอ้าง
ในร้อยคน ปฏิบัติได้มรรคผล ไม่ถึงหนึ่ง
ท่านกล่าวแต่ผล อ้างหลักการ
วิถีทาง กลับไม่เอ่ย...

 

ขันธ์ห้าเป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ ขันธ์ห้าเป็นภาระหนัก
ขันธ์ห้าเป็นที่ตั้งของความถือมั่น ขันธ์ห้าไม่มีในเรา

ขันธ์ห้าไม่เที่ยง
ขันธ์ห้าเป็นอนิจจัง ขันธ์ห้าเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตนของเรา
เราไม่มีในขันธ์ห้า
โดยรวมทั้งหมดขันธ์ห้าเป็นกองทุกข์ ผู้ใดบงภาระได้หนัก
ก็ไม่ต้องแบบขันธ์ห้า เป็นสุขในโลก

 

เรื่อยเปื่อยเหมือนเดิม
กล่าวอ้างแต่ตำรา
พูดจาเจื่อยแจ้ว
แก่นสารไม่มี...