มาเล่นเกมส์อ่านจิตกันดีกว่า

สาธุ อย่าว่าพระเลยนะ เห็นใช้พลังกันเลยอยากเข้ามาทดสอบดูว่าจะหยั่งรู้ได้จริงหรือไม่

ขอท่านผู้ประเสริฐจงพินิจพิเคราะห์ให้ท่วนถี่เถิดว่าเรานี้เป็นเยี่ยงไร

สาธุ สาธุ สาธุ

เราบอกหมดทั้งรูปจริง ชื่อ- นามสกุลจริง ไม่ปิดบังสิ่งไรๆให้ฉงนใจ
​

พระเมธชนัน โกวิโท (ธ) (อเนาชากุล) เกิด ปี
บรรพชาเมื่อ วันที่ 13 พฤษจิกายน 2535 อุปสมบท วันที่ 23 ตุลาคม 2540

 

ขอบคุณอาจารย์ สุวิ มากครับ ไงก็ต้องทำรักษาตัวสักวัน

เพราะ เอาตัวเองเป็นแบบเรียน ไว้ช่วยคนอื่นต่อไป


OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


ธรรมบันเทิง แบบที่อาจารย์ The Third Eye ท่านใช้

ก็สนุกดีนะครับ


ใช่ครับเห็นด้วย คุยแต่ธรรมะล้วนๆ ดูน่าเบื่อสำหรับคนจำนวนหนึ่ง
ก็ต้องมีอะไรเล่นสนุกๆ ขำขำ คล้ายกับแบบที่คุณสันโดษ และหลายท่าน ใช้


จนหลายคน มีพัฒนาการทางจิตไปหลายขั้นแล้ว เพิ่งรู้ตัว

ก็มัวแต่ขำขำ สบายๆ แล้ว อาศัยจังหวะ ที่ใจสบาย ฝึกจิตไปด้วยโดยไม่รู้ตัว



กำลังจะมีอะไร มาทดสอบ ....


เป็นดิน เป็นฟ้า เป็นเมฆ และ น้ำฝนชุ่มเย็นใจ ...... แล้ว กลุ่มควันก็ผ่านไป

 

ดีครับ ผมเห้นด้วย การให้ธรรมแบบสบายๆ ไม่เครียดเกิน ซึมเข้าในจิตได้ง่าย
ถ้าสังเกตุ ข้อความต่างๆที่ผมเขียน
ค่อนข้างจริงจัง เป็นวิชาการเกินไป
ก็ดีอย่างเสียอย่าง

แต่พอมีลูกคู่ ก็เปลี่ยนอีกแบบ เอาแบบหนุกๆ

 

สำหรับพระคุณท่าน พระไตรภพ..ต้องขอเวลานิ่งๆๆอ่านจิต แล้ว จะตอบมาให้
สำหรับคุณ "โอม"..ลองยืนกางมือ เหยียดทั้งสองข้างกางออก.
แล้วค่อยๆๆหมุนตัวไปช้าๆๆ
จะพบว่า ในแนวทิศ ตะวันตก เฉียงเหนือ ไปยัง ตะวันออกเฉียงใต้
หรือ ในแนว แม่สอด ออก สระแก้ว
ขณะนี้ มีพลังแรงมาก คลุมประเทศไทย เกิน ครึ่งประเทศ..เป็นแนวกว้างกว่า 300 กม
ใต้ดิน จะมีการเคลื่อนตัว ของๆๆไหล อย่างช้าๆๆ ในอัตรา ประมาณ 6-8 กม/ชม
บางขณะจะกระเพื่อม ขึ้นลงเป็นคลื่น..มันเป็นมวลของพลัง เช่นคล้าย หินละลาย ลาวา กำลังไหล จาก ตะวันตกไป ตะวันออก
ความกลัวอิยู่ที่ ว่า..ถ้าต้นทางหยุดไหล..ท้ายๆๆ การไหล มันจะ อัด ทบยอด.
.ความดันจะสูง ขึ้น..แล้วอาจจะมาปะทุ บนพื้นผิวโลก.เป็นมาได้ แล้ว ประมาณ 14 วัน..ปลายเดือน สค.2551 นี้ อาจจะมีปรากฏการณ์พิเศษ ที่ พวกเราจะได้ พบได้ เห็น

 

กลับมาจากที่ทำงาน อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย..ก็ต้องตอบคำถามที่ค้างไว้
พระไตรภพ
จิตและสมอง
/มีศรัทรา..ในทางศาสนา..ค่อนข้างสุง..ใฝ่รู้
/ ข้อมูล ทางศีล และ ปริญัตติ์..ค่อนข้างดี
/ ข้ออ่อน คือ ปฏิบัติสามธิดี..แต่ติดในฌาน..จึงทำให้ ช้าไป
/สมองถ้าจะจำ ..จำแม่น..แต่เซลล์สมองไม่ไว ที่จะ ซึมซับเข้าเก็บในเซลล์แห่งความจำ
จึงต้อง ขยันอ่านช้าๆๆ และซ้ำๆๆ..จึงจะได้ หมด
/การที่รู้มาก และไม่มีใครรู้เท่า..จึงมีปัญหาว่า..ไม่รู้จะไปถามใคร..
โดยเฉพาะ หลักการปฏิบัต..จึงได้ ลองผิด ลองถูกมาตลอด..ในที่สุด ก็จะได้ คำตอบ
/ สนใจใฝ่รู้ จึงติดต่อ กับ บุคลอื่น ทั้งใน และ นอกวัด..มาตลอด..บางที ไปเจอมาร มาทดสอบ..ก็เหนื่อยหน่อย

สังขาร
/สมองครุ่นคิดตลอด..จึงมีอาการสมองล้า..มึนศีรษะ ในบางโอกาส..เพลียเหมือนคนนอนไม่พอ
/ ภูมิแพ้ นิดหน่อย ในบางเช้..แพ้ ลมพัด แรงๆๆ..ระวังอย่าให้ ช่วงคอเย็น
/ท้องอืด เล็กน้อย..ต้องรักษาไฟธาตุ..โดยการท่องบท ปรับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
/เส้นเอ็นและ กระดูก บิดเล็กน้อย..เวลาเดิน..ขาจะกาง ตะโพกบิดเล็กน้อย..พอนั่งผิด จังหวะ หรือ เก้าอี้ ไม่ดี..ตะโพก จะเคล็ด
/เป็นโรค ประสาทปลายมือ เริ่มชา..เริ่มจากนิ้ว มาถึงข้อมือ
/หัวใจเต้นช้า กว่า ปกติเล็กน้อย...จะเหนื่อยง่าย
/จุดอ่อนอยู่ที่ ไตข้างซ้าย และ ปาก (ปาก ลิ้น คอ ฟัน.).อักเสบง่าย
/เลือด โอเค..แต่น้ำเหลือง พลาสม่า ใสไปออกเขียว..ถ้าใสมากๆๆ..จะแพ้ง่ายที่ ผิวหนัง..คัน
ขอให้ ท่านประสพสิ่งที่ต้องการ สู่ นิพพานด้วยเทอญ

 

ที่ห้องวิทยาศาตรทางจิตมีอยู่คนหนึ่งตาจะเปิดแล้วเค้าขอคำแนะนำผมอธิบายไปหน่อยไม่กล้าพูดมาก เพราะเดียวมีคนไม่รู้จริงมาว่าก็คิดว่าแล้วแต่บูญของเค้าแล้วกันว่าจะเป็นยังไง ยังไงก็ลองไปอ่านดูแล้วกันนะครับสำหรับผู้สนใจว่าเวลาตาที่สามจะเปิดมีอาการอยางไง

 

สาธุ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริงโดยทั้งสิ้น แต่เราได้กระทำให้สิ้นไปแล้ว เป็นบางปัญหานั่นก็คือการปรับธาตุ เราสำเร็จวิชาการปรับธาตุของตนเองแล้วอย่างสมบูรณ์ ไฟธาตุของเราอ่อน เราเหนื่อยง่ายเราจึงไม่ชอบขยับตัววันๆเราจะนั่งอยู่นิ่งๆดูแต่ลมหายใจเป็นส่วนมาก เพราะรู้สึกสบาย

เราเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังแต่ไม่ใช่การแพ้ เราไม่แพ้อะไรง่ายๆแต่ที่เป็นคือถ้าเป็นแผลจะชอบปูดและคันต้องระวังไม่ให้เป็นแผลเป็น

เราตัวบิดเนื่องจากเรานั่งนานจนถึงนานมากและนั่งทุกๆวันไม่เคยขาด เกือบ16 ปีที่ผ่านมา

ที่บอกว่าติดในฌาญเราแยกไม่ทันออกว่าอารมณ์ที่เรากำลังเสบอยู่คืออารมณ์ของอะไรกันแน่ เมื่อก่อนเราจะไม่รับรู้สิ่งภายนอก จิตของเราจะม้วนตัวเข้าเร้นอยู่แต่ในฝัก อิ่มเอมอยู่อย่างนั้นไม่รับรู้เรื่องอะไรทุกๆอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจนะ แต่จิตเราไม่อยากรับรู้รับทราบมันจะหลบตลอด ไปนั่งอยู่ที่ไหนเราจะหลับตาเองโดยอัตโนมัติแล้วก็เข้าสู่ห้วงแห่งความอิ่มเอมนั้น
เรารู้สึกสบายไม่มีกังวลใจเพราะการได้หลบพักของจิตนั้น

แต่มา3ปีหลัง จิตเราต่างจากเดิมมากเพราะเราโดนภาคบังคับให้ต่อสู้ต่อโลกภายนอกอย่างหนักหน่วง จิตเราตกแทบเอาไว้ไม่อยู่

แต่ผลดีกลับเกิดขึ้นมา เรารับรู้อะไรได้ควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไรนัก

แต่ยังติดในห้วงของอารมณ์อันเวิ้งว้างเหมือนหลุดออกไปอยู่กลางอวกาศ

ขอท่านผู้รู้จงช่วยชี้ทางว่าเรากำลังเป็นเช่นใดกัน แล้วเราจะพิเคราะห์ตามด้วยเหตุอันควร

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผมก็กำลังศึกษาเรื่องของพลังจิตอยู่พอดีเลยครับ

อยากจะเสนอตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยดูผมทีครับ ถ้าถูกก็จะได้มีกำลังใจในการปฏิบัติเพิ่มศรัทธาได้มาก

หรือจะแนะนำการปฏิบัติที่ถูกต้องให้ด้วยก็ดีครับ

 

สวัสดีอาจารย์ The Third Eyes

กระผมเนียร์ ขอคำชี้แนะจากท่านด้วยนะครับ
เอาแบบละเอียดเลยนะครับ จะได้รู้ว่าตนเองมีความสามารถแค่ไหน
และเป็นโรคอะไรอยู่ จะได้ทานอาหารแบบระมัดระวังครับ

ขอบพระคุณครับ นะเอย นะเอย...

 

ชอบกระทู้นี้ของอ.สุวิจัง..

ชอบทั้งหมดเลยครับ.. จะพยายามฝึกตามที่อ.ได้เคยแนะนำไว้ครับ

 

รบกวนอ.สามตา ดูผมให้ด้วยครับ

ขอเป็นพรีเซนเตอร์ครับ เป็นโรคอะไรมั่งนะเรา อยากรู้จัง
แล้วจิตผมไปถึงขั้นไหนแล้วนะ พยายามฝึกจิต ไม่รู้ว่าฝึกถูกหรือผิดครับ
เจ้ากรรมนายเวรกวนผมอยู่รึเปล่า

ตอนนี้ยังเล่นเองไม่เป็นครับ ไว้แก่กล้าก่อน จะมาเล่นมั่ง

 

ตามที่ผมรู้ ผู้สำเร็จการปรับธาตุ จะไม่มีปัญหาเรื่องของธาตุสี่ แม้แต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง (ในดิน๒๐ น้ำ๑๒ ลม๖ และไฟ๔)
แต่ท่านกลับบอกว่า ไฟธาตุอ่อน เหนื่อยง่ายมีอาการแผลเป็นนูนและคัน
ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

ความสมดุลย์ นอกจากธาตุ สี่ จะสมดุลย์ในสี่ธาตุแล้ว
ธาตุแต่ละตัว ยังต้องสมดุลย์ในตัวมันเองด้วย เช่น
ไฟ๔ ประกอบด้วย (ทั้งสี่ตัว ต้องสมดุลย์กันในตัวมันเองด้วย)
สันตัปปัคคี (ไฟอุ่นร่างกาย - ขบวนการ เมตต้าโบริซึ่ม)
ชิรนัคคี (ไฟทำลาย, ทำให้แก่ - ขบวนการแคตตาโบริซึ่ม)
ปริทัยหัคคี (ไฟหล่อเลี้ยงหัวใจ ทำงานคู่กับหทัยวาตะ)
ปริณาหัคคี (ไฟย่อยอาหาร)

อาการที่ท่านเป็นเกิดจาก สันตัปปัคคีพิการ ทำให้ขบวนการเมทต้าโบริซึ่มสียไป
เป็นอาการของโรคที่แผนปัจจุบันเรียกว่า Hypoglycemia
(ดูตามลิ้งนี้ http://palungjit.org/showthread.php?t=141935 )

อาการไฟธาตุพิการที่เป็นนี้ เมื่อทิ้งนานไป จะกระทบถึงธาตุลม และน้ำ ในที่สุดก็จะกระทบลงที่ธาตุดิน
ก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียไม่อยากขยับตัว มังสัง นหารู ก็เริ่มหย่อน-พิการ อัฐฐิ ก็เรื่มเคลื่อนจากที่อยู่ องคาพยพ ก็เริ่มบิดเบี้ยว เสียสมดุลย์ทางโครงสร้าง

การรักษา นอกจากจะปรับให้ไฟทั้งสี่ตัวสมดุลย์แล้ว และให้ปรับธาตุอื่นๆ ในรายละเอียดด้วย - ให้สมดุลย์
อาการต่างๆก็จะหมดไป

พูดให้เป็นรูปธรรม
ทำสองเรื่อง
๑, ปรับ เตโชธาตุ มีสองวิธี
๑.๑ ปรับโดยการภาวนา
๑.๒ ปรับโดยตั้งยาปรับไฟธาตุ กิน (ให้ตัวยาไว้แล้ว)

๒, ทำการปรับธาตุลม โดยเฉพาะ อัทโธฯ อุททังฯ และอังคมังคลาฯ ให้ไหลทั่วตัว (คือ สุมนาวาตะ)
พูดง่ายๆ คือฝึกเดินลมปราณนั่นเอง ในรูปแบบการเคลื่อนไหว (วิธีการฝึกกายานุสติ ของหลวงพ่อเทียน เป็นหนึ่งในการฝึกนี้)

ทำได้ทั้งสองข้อ โรคอันเกิดจากการนั่งสมาธิ ของท่านจะหายสิ้น

ยาปรับไฟธาตุ
ส่วนประกอบ

รากช้าพลู ผักแพรวแดง เถาสะค้าน ขิงแห้ง ผักขีล้อม
ว่านน้ำ แห้วหมู ผลพิลังกาสา บอรเพ็ด ผิวมะกรูด อย่างละ ๑ ส่วน
ใบบัวบก ดอกดีปลี อย่างละ ๓ ส่วน
พริกไทยร่อน ๕ ส่วน

วิธีทำ
ตัวยา ทั้งหมด ตากแห้ง บดผง
ขนาดรับประทาน
ครั้งละ ๑-๒ ช้อนชา วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร
ใช้น้ำผึ้งเป็นกระสายยา

ท่านลองศึกษากระทู้นี้ดู อาจมีประโยชน์บ้าง ในข้อปรารกสดท้าย
http://palungjit.org/showthread.php?t=111372

 

สาธุ มันเป็นอาการเก่าที่เคยเป็นมา สาธุ

 

เมื่อไม่รู้จึงเกิดมาสมมติเกิดก่อน
เมื่อรู้เท่าทันสมมติ วิมุติจึงเกิดได้สมมติจึงดับ
แต่ผู้รู้วิมุติแท้ย่อมเข้าใจสิ่งควรแลไม่ควร อาสัยสมมติเพื่อก่อวิมุตินั้นๆตามสมควรแก่ฐานะ
แห่งตนอันพอเกื่อกูลได้นั่นเทียว

สมมติกับวิมุติ ไม่อาจจะผสมปนกันได้ เพราะผู้รู้วิมุติแท้ ย่อมหลุดจากสมมติ แต่ผู้รู้วิมุติแท้ ย่อมอาสัยสมมุติเพื่อการสร้างประโยชน์เกื่อกูล
ไม่ได้ทิ้งขว้างสมมติโดยสิ้นเชิง แต่มิได้แบกวิมุติให้หนักใดๆเลย

อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่นี่คือคำตอบอันบริสุทธิ์
สาธุ สาธุ สาธุ

 

เล่นมั้งดิ มีใครมาเป็นโจทย์ให้หน่อยครับ

 

ขอต้อนรับ คุณ "วิษณุ" ที่อยากเล่นเกมส์อ่านจิต
เพื่อให้สมกับห้องนี้ ที่เกี่ยวกับจิต ฝึกจิต
คู่ พรีเซนเตอร์ มาแล้ว ดูที่ กระทู้ ที่ 32 ข้างบน คุณ "เต๊ะจุ๊ย "
ผมผ่านแวนเดียว..คุณ "เต๊ะจุย"..เป็นเด็กรุ่นใหม่..ที่มีเอกลักษณ์ ตามสมัย อาจจะแปลกไปบ้างสำหรับ คนที่ อยู่ในวัย 40 ขึ้น จะมองเขา

ลองเล่นกันดู..ผมจะเป็นกรรมการให้ ว่า ผิด-ถูกอย่างไร
อย่างไรก็ตาม.ในหลักทางจิตวิทยา..ไม่มีใครชอบให้คนบอกว่า ตัวเองไม่ดี
ดังนั้น ให้ยืนหลัก ชมไว้ก่อน..ถ้าไม่ดี อ้อมๆๆหน่อย
ลองเล่นดูครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พระไตรภพ
สาธุ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริงโดยทั้งสิ้น แต่เราได้กระทำให้สิ้นไปแล้ว เป็นบางปัญหานั่นก็คือการปรับธาตุ เราสำเร็จวิชาการปรับธาตุของตนเองแล้วอย่างสมบูรณ์ ไฟธาตุของเราอ่อน เราเหนื่อยง่ายเราจึงไม่ชอบขยับตัววันๆเราจะนั่งอยู่นิ่งๆดูแต่ลมหายใจเป็นส่วนมาก เพราะรู้สึกสบาย

เราเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังแต่ไม่ใช่การแพ้ เราไม่แพ้อะไรง่ายๆแต่ที่เป็นคือถ้าเป็นแผลจะชอบปูดและคันต้องระวังไม่ให้เป็นแผลเป็น

เราตัวบิดเนื่องจากเรานั่งนานจนถึงนานมากและนั่งทุกๆวันไม่เคยขาด เกือบ16 ปีที่ผ่านมา

ที่บอกว่าติดในฌาญเราแยกไม่ทันออกว่าอารมณ์ที่เรากำลังเสบอยู่คืออารมณ์ของอะไรกันแน่ เมื่อก่อนเราจะไม่รับรู้สิ่งภายนอก จิตของเราจะม้วนตัวเข้าเร้นอยู่แต่ในฝัก อิ่มเอมอยู่อย่างนั้นไม่รับรู้เรื่องอะไรทุกๆอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจนะ แต่จิตเราไม่อยากรับรู้รับทราบมันจะหลบตลอด ไปนั่งอยู่ที่ไหนเราจะหลับตาเองโดยอัตโนมัติแล้วก็เข้าสู่ห้วงแห่งความอิ่มเอมนั้น
เรารู้สึกสบายไม่มีกังวลใจเพราะการได้หลบพักของจิตนั้น

แต่มา3ปีหลัง จิตเราต่างจากเดิมมากเพราะเราโดนภาคบังคับให้ต่อสู้ต่อโลกภายนอกอย่างหนักหน่วง จิตเราตกแทบเอาไว้ไม่อยู่

แต่ผลดีกลับเกิดขึ้นมา เรารับรู้อะไรได้ควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไรนัก

แต่ยังติดในห้วงของอารมณ์อันเวิ้งว้างเหมือนหลุดออกไปอยู่กลางอวกาศ

ขอท่านผู้รู้จงช่วยชี้ทางว่าเรากำลังเป็นเช่นใดกัน แล้วเราจะพิเคราะห์ตามด้วยเหตุอันควร

สาธุ สาธุ สาธุ




</TD></TR></TBODY></TABLE>

เมื่อวานนี้ ตอนช่วงบ่ายบ่าย
ให้รู้สึกอยากโต้ตอบ กับท่านมาก รู้สึกท่านไม่ยอมรับในข้อความของผม
จึงคิดว่าจะเข้ามาพูดคุยกัน แต่ยั้งใจไว้ด้วยกลัวจะทำไปด้วยความประมาท
ตั้งใจว่าเช้านี้จึงจะเข้ามาพูดคุยด้วย

ได้ย้อนกลับเข้ามาดูคำตอบที่ให้ไว้ อ่านซ้ำไปมา
อ้อ เราใช้คำแรงไปหน่อย (ตรงที่เน้นตัวแดง-เหมือนเป็นการปรามาสท่าน)
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็โอเค แต่นี่เป็นพระคุณเจ้า ผู้มีศีลมากว่า

ข้าฯน้อย น้อมขออภัยในโทษผิด ที่ได้กล่าวล่วงเกินพระคุณเจ้า
แม้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ดี
ขอพระคุณเจ้าโปรดอภัยในความพลั้งเผลอของข้าผู้น้อย
โปรดอโหสิกรรมต่อข้าน้อยด้วยเถิด


ขอบคุณหลวงพี่ ในข้อความ(โพส)สุดท้าย
วิมุติมัง วิมุติยา


.

 

อ่านผมเลยครับ

ผิดถูก จะตอบน้อมรับด้วยความจริงทุกประการ

ทุกๆด้านเลย ทั้งบวกและลบ รับรองได้

 

เหอะ ๆ รอติดตามอยู่นะครับ

เอาด้านไหนก็ได้ครับ หรือจะแนะนำด้านไม่ดี เผื่อเอาไปปฏิบัติตัวให้ดีน่ะครับ

ด้านดีก็เป็นการเสริมกำลังใจ

 

สาธุ ไม่เป็นไรดอกท่านผู้เจริญ เราก็เป็นของเรานั่นแหละนะ อืมไฟบางไฟมันก็ร้อนมากนะแต่มันเมามันมันเลยไม่รู้สึกถึงความร้อน อาตมาก็เหมือนกันอาจจะกำลังโดนเผาอยู่ก็ได้ แต่เพราะความไม่รู้จึงสำคัญผิดไป มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแก้ไขหากว่ารู้หนทาง ใจเราบางครั้งเราเองยังไม่อาจเข้าใจได้เลยเพราะมันยังเห็นแก่ตนเองอยู่มาก จึงมีเหตุผลมากมายมาอ้างอิงเพียงเพื่อให้ตนพ้นข้อกล่าวหาต่างๆ แล้วที่บอกว่าข้อกล่าวหานั้นบางครั้งก็ไม่ใช่ข้อกล่าวหาจริงๆด้วย แต่เพราะเราไม่ชอบใจจึงกลายเป็นข้อกล่าวหา นั่นเป็นธรรมชาติวิสัยแห่งหมู่สัตว์ทั้งมวนที่ยังข้องอยู่ในโลก หากเราพ้นแล้วรู้แล้วเราก็ไม่แบกไม่หามแม้แต่น้อย อาจจะจุนเจือกันไปด้วยแรงแห่งเมตตาธรรม แต่เมื่อรู้ว่าไม่อาจช่วยได้ก็วางเสีย

โทษภัยทั้งปวงที่อาตมาภาพผู้นี้กระทำให้เกิดขึ้นมาไม่ว่าด้วยกรณีใดๆก็ตาม ข้อท่านจงยังจิตแห่งเมตตาธรรมอโหสิกรรมกันเถิด เพราะการแบกเขาแบกเรามันร้อนนักแล จะยังทุกโทษอันใหญ่หลวงให้เกิดมีแก่เราท่านได้


ทุกๆอย่างมีเกิดขึ้นแล้วทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นย่อมเป็นของมีอยู่ในโลกจริง แต่ทุกๆอย่างนั้นจะตั้งอยู่ได้นานเพียงไรก็สุดแต่เหตุปัจจัยอันควรแก่สิ่งนั้นๆ แต่ทุกๆอย่างนั้นย่อมไม่อาจที่จะตั้งอยู่ได้ตลอดไปได้เลย

สิ่งนั้นๆที่กล่าวมาหาใช่เพียงวัตถุที่จับต้องได้ แต่รวมถึงนามอันมีอารมณ์แห่งหมู่สัตว์เป็นต้นนั้นแล ก็ต้องถึงกาลพินาจย่อยยับดับไปสิ้นเมื่อเหตุและปัจจัยอันจะทำให้ตั้งอยู่หมดลงไป ดั่งกองเพลิงใหญ่ที่รุกท่วมทั่วต้องมอดดับลงเพราะหมดเชื้อแห่งไฟนั้นนั่นเทียว

สาธุ สาธุ สาธุ <!-- / message --><!-- sig -->