สมภารไม่ยอม ถอดป้ายหมิ่นฯ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 29 กรกฎาคม 2008.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">
    [​IMG]






    สมภารไม่ยอม ถอดป้ายหมิ่นฯ [29 ก.ค. 51 - 12:04]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

    จากกรณีพระเกษม อาจิณณสีโล สมภารแห่งที่พักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ สร้างพฤติกรรมห้ามชาวบ้านกราบไหว้พระพุทธรูปอ้างเป็นเพียงวัตถุ ไม่ใช่ตัวแทนพระพุทธเจ้า โดยให้เหตุผลว่าเป็นการสอนตามพระไตรปิฎกไม่ให้ติดยึดกับวัตถุ กระทั่งเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น


    ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 28 ก.ค. นายสอาด สิงห์งาม นอภ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มอบหมายให้นายธรรมนูญ เตยพุทรา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงนำกำลัง อส. 5 คน เข้าไปสังเกตการณ์ภายในที่พักสงฆ์สามแยก พบภายในวัดมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 20 คนคอยเดินตรวจตราคนที่เข้าออกบริเวณที่พักสงฆ์ พร้อมห้ามเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบถ่ายรูปภายในที่พักสงฆ์อย่างเด็ดขาด


    ขณะเดียวกันพระครูวิชัยพัชรกิจ เจ้าคณะตำบลหลักด่าน สายธรรมยุต อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งดูแลที่พักสงฆ์สามแยก พร้อมคณะประกอบด้วย พระเลขาของพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต พระเลขาเจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายปรีชา เทพแก้ว ผอ. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำหนังสือคำสั่งของพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต มาแจ้งให้พระเกษมทราบและให้ระงับการกระทำที่ไม่เหมาะสม



    ทั้งนี้ในหนังสือคำสั่งระบุว่า กรณีที่นำแผ่นป้ายข้อความวางที่ฐานพระพุทธรูป และเผยแผ่คำสอนลักษณะที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อความรู้สึกอันดี และหลักการปฏิบัติตนตามหลักศาสนพิธีของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป อาศัยตามอำนาจตามกฎหมายเถรสมาคมว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ และโดยมติที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) จึงมีคำสั่งให้พระเกษม อาจิณณสีโล แห่งที่พักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ระงับการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังนี้



    1. ให้นำแผ่นป้ายข้อความที่ไม่เหมาะสมออกจากฐานพระพุทธรูปทันที

    2. ให้ระงับการเผยแผ่คำสอนที่คลาดเคลื่อนจากหลักพระธรรมวินัย ทั้งทางเอกสารและแผ่นบันทึกภาพและเสียงและทางอินเตอร์เน็ตหรือการกระทำใดๆที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวม


    ทั้งนี้ให้พระเกษม อาจิณณสีโล ระงับการกระทำดังกล่าวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ลงชื่อ พระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต)

    ภายหลังได้รับคำสั่ง พระเกษมได้แจ้งแก่คณะสงฆ์ว่าไม่สามารถทำตามคำสั่งที่เจ้าคณะจังหวัดได้ ทั้งเรื่องนำแผ่นป้ายห้ามกราบพระพุทธรูปออกจากฐานพระหรือการหยุดเผยแผ่คำสอน และไม่หยุดการแจกจ่ายแผ่นพับหรือวีซีดีเด็ดขาด เพราะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎกทุกประการ จากนั้นคณะสงฆ์ได้เดินทางกลับ ระหว่างนั้นปลัดอำเภอน้ำหนาวได้ขอถ่ายภาพภายในที่พักสงฆ์ แต่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด อ้างว่าเกรงจะนำภาพไปลงหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์



    นายปรีชา เทพแก้ว ผอ.สำนักงานวัฒนธรรมเพชรบูรณ์ กล่าวว่า หากพิจารณาดูป้ายที่ฐานพระนั้นที่กล่าวว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lpkasemm.jpg
      lpkasemm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.2 KB
      เปิดดู:
      3,229
  2. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    พระพุทธรูป หมายถึง รูปที่สร้างขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อกราบไหว้บูชา อาจใช้การแกะสลักจากวัสดุต่างๆ เช่น ศิลา งา ไม้ หรือวัสดุอื่นๆนอกจากนี้ยังอาจใช้การปั้นหรือหล่อด้วยโลหะก็ได้ โดยทั่วไป คำว่าพระพุทธรูปมักจะหมายถึง รูปขนาดใหญ่พอที่จะวางบูชาได้สำหรับรูปขนาดเล็กมักจะเรียกว่า พระเครื่อง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบสามารถเรียกว่าพระพุทธรูป ได้เช่นกัน


    พระคันธารราฐ


    พระคันธารราฐ แต่เดิมนั้นพุทธศาสนาไม่มีรูปเคารพแต่อย่างใด ศาสนาพราหมณ์หรือ ฮินดู ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพุทธ ก็ไม่มีรูปเคารพเป็นเทวรูปเช่นกันหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาอยากจะมีสิ่งที่จะทำให้รำลึกถึง หรือเป็นสัญญลักษณ์ขององค์ศาสดาเพื่อที่จะบอกกล่าวเล่าขาน เรื่องราวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงศึกษาค้นคว้าหาทางดับทุกข์ และทรงชี้แนะสอนสั่งผู้คนถึงการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นอยู่ที่ก่อให้เกิดความผาสุขในหมู่มวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลก

    คราวแรกนั้นชาวพุทธก็ได้แต่นำเอาสิ่งของอันได้แก่ ดิน น้ำ และกิ่ง ก้าน ใบโพธิ์จากบริเวณสังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (ลุมพินีวัน),ตรัสรู้ พุทธคยา, ปฐมเทศนา(พาราณสี)และปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาไว้เป็นที่ระลึกบูชาคุณพระพุทธเจ้า

    ล่วงมาถึงในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พุทธศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง เมื่อ 2,200 ปีก่อน หรือหลังจากการดับขันธ์ของพระพุทธเจ้ามา 300 ปี พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงส่งสมณะทูต จำนวน 500 รูป ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังเมืองตักกศิลาแคว้นคันธาราฐ จึงมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองที่ประสิทธิประสาทวิทยาการต่าง ๆ นับว่า "เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกทางพระพุทธศาสนา" แต่ก็ยังไม่มีรูปเคารพแทนพระพุทธเจ้าที่เป็นรูปคน

    <O:p</O:p
    พระพุทธรูป หรือ รูปเคารพแทนพระพุทธเจ้าเริ่มมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ระหว่าง พ.ศ. 500 ถึง 550 เมื่อชาวกรีก ที่ชาวชมพูทวีป (อินเดียโบราณ) เรียกชาวต่างแดนว่า "โยนา" หรือ "โยนก" โดยพระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 หรือ พระเจ้ามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีก ยกทัพกรีกเข้ามาครอบครองแคว้นคันธาราฐ (ปัจจุบันเป็นดินแดนของอัฟกานิสถาน)จากนั้นพระองค์ก็แผ่อาณาเขตไปทั่วบริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีปและสร้างเมืองหลวงเป็นที่ประทับ ณ เมืองสากล (Sakala) หลังจากที่ได้พบพระสงฆ์ท่านหนึ่งนามว่า นาคเสนจึงมีเรื่องราวแห่งการตั้งคำถามของพระเจ้ามิลินท์ต่อพระนาคเสน จนทำพระเจ้ามิลินท์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา (คำถามคำตอบปุจฉาวิสัชนาซึ่งถูกเขียนบันทึกเป็นหนังสือและแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงมากเรื่องนี้ก็คือ มิลินทปัญหา - The Milinda Panha or The Questions of King Minlinda) ได้มีการสร้างสถาปัตยกรรมและประติมากรรมทางพุทธศาสนามากมายในแคว้นคันธาราฐซึ่งการสร้างพระพุทธรูปนั้นมีลักษณะต่างๆ ตามพุทธประวัติ (ปางพระพุทธรูป)

    พระพุทธรูปรูปแรกจึงเกิดขึ้นในสมัยของพระเจ้ามิลินท์ หรือเมนันเดอร์ที่ 1 ชาวกรีกที่มาครอบครองแคว้นคันธาราฐ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 หรือ 2,000 ปีที่แล้วนั่นเอง พระพุทธรูปที่เกิดขึ้นครั้งแรกจึงเรียกรูปแบบของพระพุทธรูปนี้ว่าแบบคันธาราฐ โดยถ่ายแบบอย่างเทวรูปที่พวกชาวกรีกนับถือกันในยุโรปมาสร้างพระพุทธรูปแบบคันธาราฐจึงมีใบหน้าเหมือนฝรั่งชาวกรีกจีวรก็เป็นริ้วเหมือนเครื่องนุ่งห่มของเทวรูปกรีก และต่อมาในภายหลัง ราวพุทธศตวรรษที่ 4-12 มีคตินิยมสร้างพระพุทธรูปเป็นขนาดเล็ก ๆ (พระเครื่อง)บรรจุไว้ในพุทธเจดีย์
    ................
    บทความจาก http://th.wikipedia.org
    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ตามที่ทราบมามีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นในสมัยพุทธกาล โดยพระเจ้าปเสนทิโกศล
    เป็นพระพุทธรูปแกะจากไม้จันทร์ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธอง่ค์ขณะที่ทรงเสด็จไป
    ยังเมืองอื่นๆ รายละเอียดผมจำได้เท่านี้ ผู้รู้ท่านใดมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กรุณาแนะนำ
    ด้วย ผมจะลองค้นรายละเอียดถ้าพบจะนำมาลงให้ทราบในโอกาสต่อไปครับ
     
  4. watcharasit

    watcharasit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +23
    ร่างกายพระองค์ท่าน ก็ทำมาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ

    ;8ร่างกายพระองค์ท่าน ก็ทำมาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งในสมัยพุทธกาล พระสาวก ก็คารวะ กราบไหว้ ด้วยความเคารพบูชา และศรัทธายิ่ง โดยระลึกถึง พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์ท่าน (การกราบไหว้พระพุทธรูป เป็น การสร้างศรัทธา ศรัทธา เปรียบเหมือนคือ ประตูเข้า ไม่มีประตูแล้วจะเข้าอย่างไร ส่วน ศีล สมาธื ปัญญา เปรียบเหมือนคือ หนทางเดินเข้าไปสู่ พระนืพพาน เมื่อถึงพระนิพพานแล้ว ปรตูเข้า และ หนทางเดิน ก็ไม่ต้องใช้ แต่เมื่อยังไม่ถึงพระนิพพาน ก็ยังต้องใช้และรักษาเป็นแนวทางไว้ให้คนรุ่นต่อๆไป ) ที่พระองค์ท่านบอกว่าให้ พระธรรม คำสั่งสอน ของพระองค์ท่าน เป็นตัวแทนหรือเป็นที่ยึดปฎิบัติแทน เมื่อพระองค์ท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า หรือ มีใครที่เป็นพุทธสาวกบอกว่าให้เลิกเคารพกราบไหว้ ไม่ให้ระลึกถึงสิ่งที่เป็น เสมือนตัวแทนพระพุทธองค์ (เปรียบเหมือนบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าผู้มีพระคุณยิ่งของพวกเรา ที่ล่วงลับจากไปนานแล้ว แต่พวกเราก็ยังคิดถึง ระลึกถึงตัวท่านและสิ่งที่เป็นสิ่งของของท่าน ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของท่าน ตลอดจนคำสั่งสอนที่ท่านอบรมพวกเรานั้น อยู่ตลอด ไม่มีวันจะลืมจะเลิก)

    (ไม่ว่า พระพุทธรูป จะทำมาจาก ทองเหลือง ไม้ ดิน หิน ทราย ฯลฯ. หรือร่างกายมนุษย์ของพระพุทธองค์ท่าน ที่ปรุงแต่งมาจากดินน้ำลมไฟ ย่อมถือได่ว่า เป็นสิ่งเสมือนตัวแทนถึง พระพุทธองค์)
     
  5. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    ในบ้านเมืองเรา ลูกศิษย์ชอบยกครูบาอาจารย์ของตนเองกันมาก
    ไปยกท่านเป็นพระโสดาบันบ้าง พระอนาคามีบ้าง จนถึงพระอรหันต์เลยก็มี
    บางทีท่านอาจเป็นเพียงพระสงฆ์ผู้ทรงฌานเท่านั้น และพระอริยะเจ้าย่อมไม่ต้องการประกาศตนหรอกครับ
    ลูกศิษย์ พึงระวังทำครูบาอาจารย์เสียหาย
    ส่วนพระสงฆ์เมื่อปฏิบัติตนยังไม่ถึง ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้แต่พึงระวังในการเผยแพร่
    แต่กาลข้างหน้าเมื่อปฏิบัติได้ถึงแล้ว ท่านย่อมรู้ของท่านเองว่าที่ผ่านมากระทำสิ่งใดไว้ควรหรือไม่ควร
    ฆราวาสอย่างเราท่าน ก็ระวังการติเตียนสงฆ์ด้วย เอาพอควร ระวังกรรมด้วยครับ
    "งานพระศาสนา เป็นงานที่ยากที่สุด"
     
  6. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    หากพิจารณาในแง่ปรมัตถ์แล้ว ทุกสิ่งล้วนประกอบขึ้นมาจากธาตุ ต่างๆ ทั้งสิ้น
    องค์พระพุทธรูป นั้นก็มาจากธาตุดินเป็นส่วนใหญ่

    แม้ว่าเป็นเพียงดินก้อนเดียว ขึ้นรูปปั้นเป็นองค์พระขึ้นมา ก็เป็นสื่ออย่างหนึ่งเพื่อให้เข้าถึงพระพุทธองค์
    แต่ในขณะที่กราบจิตจึงไม่ได้ติดสมมติกันที่ ดิน ที่ปูน ที่ทองเหลืองหรือที่วัตถุแต่อย่างใด
    ดังนั้นจะหาว่า กราบก้อนดิน ปูน หรือทองเหลือง ก็หามิได้ เพราะจิตเราน้อมไป
    เป็นพุทธานุสติ ที่จะสื่อระลึกไปถึงพระพุทธองค์ผู้เป็นสัพพัญญู และมีมหากรุณาธิคุณอันไม่มีประมาณต่างหาก

    การกราบพระธรรม เช่นกัน มิได้กราบตู้ซึ่งมาจาก ไม้ หรือหนังสือ ที่ทำมาจากกระดาษ
    แต่กราบคุณค่าของเนิ้อธรรมคำสอนที่อยู่ข้างในต่างหาก

    การกราบพระ สมมติสงฆ์ ก็เช่นกัน ไม่ได้กราบและติดสมมติเนื้อหนังมนุษย์ ธรรมดา
    ลูกชาวบ้าน ที่ชื่อนั้นชื่อนี้ แต่กราบท่านในฐานะที่ท่านมีศีลและเป็นเนื้อนาบุญต่างหาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  7. kiyomaro

    kiyomaro Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +25
    การไหว้พระพุทธรูปคือพุทธานุสสตินะคับ พระแบบนี้ใช้ไม่ได้นะคับ จะว่าไม่ผิดกฏหมายก็คงจะไม่ได้หละคับเพระการกระทำของหลวงพ่อนั้น
    ๑.ขัดต่อศิลธรรมอันดีเยี่ยงวิญญูชนพึงกระทำ
     
  8. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    จะเท็จจะจริงอย่างไรให้เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ใจเย็น ๆ นะครับ
    ตีเหล็กให้ตีต้อนร้อน ตีคนให้อ่อนต้องตีตอนเย็น(ใจเย็น)
    ผิดถูกประการใดขอชี้แนะด้วย พิจารณา มหาพิจารณา มาก ๆ
    ให้ใช้ปัญญานำหน้า อารมณ์ตามมาที่หลัง
     
  9. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    แม้พระพุทธรูปเป็นดิน ก็ควรจะกราบไหว้เพราะเป็นการระลึกถึงพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วนำมาสอนมนุษย์ ให้ทำดี และเว้นทำชั่ว ทำจิตให้ผ่องใส ให้รู้แจ้งในพระนิพพาน
     
  10. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    เรากราบไหว้ พระพุทธรูป เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ที่มีพระบริสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระเมตตาธิคุณ ... หากแต่ กราบ สักว่ากราบ ยังดีกว่า เหยียบย้ำ

    สาธุ
     
  11. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    ก็ถูกที่ท่านพูดว่า "ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่" แต่ท่านคิดผิดตรงที่ว่าอย่าไปกราบ เพราะเหมือนท่านจะดูถูกพวกเราชาวพุทธ ว่าเราเพียงแค่กราบทองเหลือง ปูนปั้น ถ้าหากท่านทรงภูมิรู้จริงๆ ก็น่าจะรู้ว่าเรากราบไหว้เพราะอะไร ใจเราไปถึงไหนเวลาเรากราบ พระผู้ปฏิบัติท่านยังกล่าวว่า "ถ้าหากผู้ใดกราบเป็นจริงๆ อาจจะปิติถึงน้ำตาไหลเลย" ธรรมะที่หลวงพ่อสอนนั้นดีแล้ว แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นเพียงเค้าไม่เหมือนเรา แต่เราต้องรู้เขารู้เรา และสอนตามจริตที่เขาจะเข้าใจได้ ต้องพิจารณาตรงที่ว่า "แปลกที่เขา หรือเราต่าง" ด้วย.....

    อนุโมทนาสาธุ
     
  12. nprotech

    nprotech สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอสาธุชนทั้งหลาย... โปรดเข้าใจ.. ซึ่งกันและกัน... !!
    สื่อโปรดอย่ากระพือข่าว... ขอให้สิ่งที่ดำเนินไป.. จงเป็นไปตามสถานะภาพ...
    เพราะการที่สื่อช่วยกระพือข่าวเช่นนี้.. จะช่วยส่งเสริมให้คนในชาติบ้านเมือง..
    ออกความเห็น... เมื่อนั้น.. จะทำให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน โดยเ้ข้าใจไปตามที่ตนเองคิด (และสื่อท่านจะได้รับผลกรรม ในอนาคต ที่ได้ทำให้เกิดความแตกแยก !!) !!!

    ในพระพุทธกาล.. ได้มีมานพผู้หนึ่ง.. ท่านชอบพูดคุยและสนทนาธรรม กับพระผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ท่านเป็นโควาวจร ... นับว่าเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติดี....

    ครั้งหนึ่ง... ท่านได้พบกับพระองค์หนึ่ง ..ท่านได้เห็นว่าพระองค์นั้นได้นำนกมาเลี้ยงไว้ในกรง...
    จึงมีความคิดในใจปรากฎขึ้นว่า.. ทำไมถึงได้นำนกมาเลี้ยงเช่นนี้... ด้วยความคิดเพียงเท่านี้.. คงไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย ?.. ความจริง.. พระท่านได้เห็นว่านกบาดเจ็บ จึงได้นำมาชุบชีวิต เลี้ยงไว้พอให้ร่างกายแข็งแรง จึงปล่อยให้กลับเข้าไพร... ด้วยอาการที่มานพท่านนั้น ไม่รู้ในความจริงว่า เจตนาของท่านคืออะไร.. และด้วยเหตุที่พระองค์นั้นท่านเป็นอริยะสงฆ์ ด้วยเหตุนี้..
    เมื่อมานพ ได้รู้สึกตัวอีกครั้ง.. พบว่าตัวเองอยู่ในน้ำ นึกอยากจะในที่ต่าง ๆ ก็เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว.. แต่ด้วยกรรมที่ได้คิดกับพระอริยะสงฆ์เอาไว้ในอดีตชาติ... จึงได้สำแดงฤทธิ์เป็นลูกไฟ.. ปรากฎขึ้นในลำคอ.. และทนไม่ได้ที่จะสะกดความเจ็บร้อน จึงได้คลายลูกไฟนั้นออกมา.. ในชาตินั้นท่านมานพนั้นได้เกิดเป็นพระยานาคราช ... ด้วยเหตุนี้.. ปัจุบันชาติ.. ท่านมานพจึงได้บอกกับลูกศิษย์ของท่านว่า.. จงอย่าสนใจในพฤติกรรมของใคร ๆ จงตั้งใจของตนเองให้เป็นไปเพื่อความรู้สึกตัว.. คือสติ..เพราะเราไม่รู้เลยว่า.. อาการที่เราเห็นนั้น ถูกผิดหรือไม่อย่างไร ...ปัจจุบันนี้ มานพท่านนั้น ได้จบกิจแห่งพระพุทธศาสนาแล้วตั้งแต่ปี 2538 ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี.....

    ขอให้ท่านผู้ฟังทั้งหลาย จงอย่ากล่าวตำหนิ สิ่งที่ผมได้เขียนขึ้นมาเลย.. เพราะว่า.. อาการของการตำหนินั้น.. คือ ความไม่ดีของอำนาจกิเลส ที่มันซ่อนเร้นในจิตของเรา และมันคอยจะแสดงอำนาจของมันออกมา หากเราไม่รู้เท่าทันมัน มันจะทำให้จิตใจของเราถูกครอบงำ และจะต้องไปคอยรับใช้ผลกรรมในเบื้องหน้าด้วยซ้ำ.. ชีวิตของเรานี้.. ช่างน่าสงสารมาก ๆ ...

    ในชีวิตนี้.. ผมไม่ได้เป็นคนเก่งนะครับ.. แต่สิ่งที่ผมมีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ดังนั้น ผมจะน้อมรับสิ่งที่พระผู้ท่านปฏิบัติจริงได้สั่งสอน.. ผมดีใจมาก ที่ได้เกิดมาในยุคนี้.. ที่ได้มารับรู้.. มารับทราบ.. มาเห็น และปฏิบัติตน ตามกำลังของตน..

    ผมขอความกรุณา... ท่านทั้งหลายที่กำลังนึกจะว่ากล่าว หลวงพ่อ ไม่ว่าจะเป็นองค์ไหนก็ตาม.. ท่านโปรดสำรวจใจของตนเองก่อนว่า.. ท่านรักษาศีล 5 หรือศีล 8 ได้ครบบ้างมั้ย .. ถ้าท่านยังปฏิบัติได้ไม่ครบ.. ขอความกรุณาอย่าพึ่งให้กิเลสที่มันอยู่ในหัวใจสำแดงฤทธิ์ออกมา.. จงเก็บมันและสะกดมันเอาไว้.. ด้วยความคิดอย่างนี้....

    สุดท้ายนี้.. ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ โปรดดลบันดาลผลบุญที่แม้จะมีน้อยนิดด้วยอาการศรัทธาในพระพุทธศาสนา โปรดมอบเจตนาดีอันนี้ ส่งไปให้กับท่านทั้งหลายที่ได้อ่านข้อความของผม ขอผลบุญนี้.. ได้โปรดนำดวงจิตของท่านทั้งหลายและตัวผม ขึ้นสู่ทางสูง.. ให้พัฒนาตน พัฒนาจิตใจให้ถึงความเป็นอริยะในที่สุด ได้ด้วยเทอญ... !!!

    บทกลอนเตือนใจ
    ... ชีวิตที่... ซ้ำวน.. ต้องทนเกิด...
    เพราะจิตเพลิด เพลินไป.. ในสังสาร...
    จิตก่อเกิด ร่างกาย.. หลายภพกาล ...
    วนสังสาร.. ต่อภพ ไม่จบลง...
    จะมัวหลง.. อยู่ทำไม ให้เสียชาติ...
    ร่วมประกาศ... พุทธศาสนา .. อานิสงฆ์..
    หยุดตัวหลง... ตรงเข้าหา.. พุทธองค์...
    จิตตั้งตรง... องค์พระมั่น... อย่าหวั่นคลอน...
     
  13. ณ.วชิรา

    ณ.วชิรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +422
    หากป้ายนี้ ไม่ได้ตั้งอยู่ที่นี้ ก็คงไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่เพียงข้อความ ก็มีความรุนแรง ในเนื้อถ้อยกระทงความอยู่แล้ว
    การที่ป้ายนี้ ไปตั้งที่นี้ เพราะมีผู้คิดที่จะเขียนป้ายนี้ และจงใจในการนำไปวางไว้ที่นี้ ซึ่งสิ่งนี้คือเจตนา เพราะเจตนา จึงเกิดกรรม เพราะกรรมเกิดจากเจตนา
    ความคิดคือทิฏฐิ ถ้าคิดดี มีประโยชน์ เป็นสัมมา หากคิดไม่ดี เป็นมิจฉา อย่างไม่น่าสงสัย
    ผู้สมควรกราบ เพราะใจต้องการกราบ ด้วยความศรัทธา
    ผู้มิสมควรแก่การกราบ เพราะใจไม่ต้องการกราบ เพียงเพราะไม่ศรัทธา
    หากแม้บิดา มารดา ลาจากโลกนี้ไปแล้วด้วยความรัก และ เคารพ และกตัญญูในจิตใจ
    ผิดหรือไม่ที่ผู้เป็นลูกจะก้มลงกราบรูปวาด รูปถ่าย ที่เป็นการระลึกถึงบุญคุณที่พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา
    คงไม่มีลูกคนไหน อยากให้ใครเอาคำที่เขียนว่า "อย่ากราบมัน มันไม่ใช่พ่อแม่เรา" เป็นแน่
    ขอให้พิจารณากันให้ถ้วนถี่ ก่อนที่พ่อแม่ของเราจะถูกเขาทำลาย
    พุทธังสรณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สรณัง อัญญัง พุทธัง สรณัง วะรัง
    ธัมมังสรณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สรณัง อัญญัง ธัมมัง สรณัง วะรัง
    สังฆังสรณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สรณัง อัญญัง สังฆัง สรณัง วะรัง


    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สองฯ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สอง ฯ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สอง ฯ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สาม ฯ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สาม ฯ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย แม้ครั้งที่สาม ฯ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  14. ชายเสรี

    ชายเสรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,950
    พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยพระภิกษุ ภิกาณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายช่วยกันสอดส่องดูแล แม้พระคุณเจ้าจะคิดว่าการติดป้ายเช่นนั้นไม่ผิด แต่เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดโลกวัชชะ คือ โลกติเตียน ซึ่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่สนันสนุนให้กระทำการแบบนี้
    การที่เราได้รู้และได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสมแล้ววางเฉย คิดเสียว่าชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ แล้วอย่างนี้พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ครบ 5 พันปีได้อย่างไร จริงอยู่เราควรพิจารณาตัวเองอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรละเลยในสิ่งที่ควรกระทำ
    การที่ท่านปักป้าย โดยใช้คำว่า ทองเหลืองนี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ซึ่งก็ถูกต้องว่าเป็นทองเหลือง แต่ทองเหลืองนั้นได้ถูกหล่อหลอมจนเป็นรูปแทนแห่งองค์พระศาสดา คนที่มากราบก็กราบโดยคิดว่ากราบพระพุทธเจ้า ท่านลองเอาทองเหลืองที่เป็นก้อนๆมาวางสิ แล้วดูว่าจะมีใครมากราบไหม แค่นี้เองครับพระคุณเจ้า เพราะกำลังใจคนไม่เท่ากัน การสอนของท่านบางทีอาจจะเหมาะกับผู้ที่มีกำลังใจในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนอีกจำพวกหนึ่ง ถึงจะถูกต้อง แต่ก็ควรระวัง โลกวัชชะด้วยนะครับ
     
  15. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ผมเคารพพระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์
    พระพุทธรูป เป็นการสร้างเพื่อนึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เป็นพุทธานุสติ อย่างหนึ่ง
     
  16. Hma

    Hma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,307
    ค่าพลัง:
    +6,426
    คิดเอาง่ายๆ

    สมัยอยุธยา พม่าลอกทองจากพระพุทธรูปไป
    พวกนั้นคงคิดหรือไม่คิดว่าเป็นพระพุทธรูป ลอกเสร็จก้อเป็นทองนำไปทำอะไรได้มากมายหลายอย่างเพราะเป็นทอง พวกฝรั่งก้อไม่รู้จักพระพุทธรูป หรือรูปพระ ก้อนำไปติดกางเกงหรือไปถ่ายภาพหวือหวากับพระพุทธรูป ตามที่เคยเห็นข่าว อัฟกานิสถานทำลายพระพุทธรูป โดยเขาก้อคิดว่าเป็นรูปธรรมดากรือแค่หินธรรมดาเหมือนกัน

    แล้วผลกรรมที่ทำ ก้อคิดเอาครับว่าได้หรือไม่ได้อย่างไรทั้งที่ได้รับแบบปจจุบันทันด่วนและรอเวลาที่จะมาในไม่ช้า
    แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อหลวงพ่อของผมคือ การทำลายพระพุทธรูป โทษก้อขุมแปด

    กฎหมายเราอ้างว่าไม่รู้ก้อคงไม่ได้ครับ เราจะอ้างว่าเรามาจากประเทศอื่นแล้วไม่เคารพกฎหมายประเทศไทยก้อคงไม่ได้

    พุทธังสรณัง คัจฉามิ
    ธัมมังสรณัง คัจฉามิ
    สังฆังสรณัง คัจฉามิ

    กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย จะด้วยกาย วาจา ใจ เจตนาหรือไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์พระรัตนตรัยได้โปรด อดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเทอญตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  17. w1195

    w1195 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่น่าเชื่อว่าจาเกิดขึ้นได้นะเนี่ย !!!
     
  18. คนตาบอด

    คนตาบอด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    เปลือกนอก-ใน ชาวพุทธที่มีปัญญามีอยู่มาก ย่อมแยกแยะออก ไม่งมงายเบาปัญญา

    ท่านสอนใคร ท่านบอกใคร .......ท่านเข้าใจอย่างไร ท่านบอกใครให้เข้าใจอย่างไร (เป็นคำถามที่ไม่มีเจตนาว่าร้าย เป็นเพียงแค่คำพูด และตัวหนังสือ)

    ท่านสอนคนอื่น ไม่ให้กราบไหว้ สักการะบูชา ซึ่งพระพุทธรูป อันเป็นที่สักการะบูชา เป็นวิถีที่ชาวพุทธนับถือสืบทอดกันมา แต่โบราณกาล ตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย

    ปู่ ย่า ตา ยาย นั้นท่านไม่ได้สอน ลูก หลาน ให้โง่ หรือเบาปัญญาเลย ท่านสอนว่า นี้ลูก หลาน รูปปั้นนี้ เราชาวพุทธเรียกว่า พระพุทธรูป ซึ่งเราชาวพุทธด้วยกัน เข้าใจกันทั้งหมดว่า อันนี้เป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามจริงแล้วรูปปั้นนี้ เป็นแค่อิฐ แค่ปูน เอาฆ้อนทุบ ก็แตกได้ รวมแล้วพระพุทธรูปนี้เราสร้างขึ้นมาจากอิฐ จากปูน แต่ค่าที่แท้จริงของพระพุทธรูปนั้น อยู่ที่การน้อมระลึกถึง คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตอนนี้ ลูก หลานอาจไม่เข้าใจหรอกว่า ค่าของพระพุทธรูปองค์นี้ มีค่าอย่างไรที่ปู่ ย่า ตา ยาย ถึงกราบไหว้ แล้วสอนให้ลูกหลาน กราบไหว้ ตาม พอตอนลูก หลานโตขึ้น ลูกหลานได้อ่านหนังสือธรรม อ่านพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าลูก หลานเข้าใจ ลูก หลานจะรู้เองภายในใจว่า ทำไมปู่ ย่า ตา ยาย ถึงกราบไหว้พระพุทธรูป ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่วัด หรือที่ไหนๆที่เจอพระพุทธรูป..นี่ปู่ ย่า ตา ยายผมท่านสอนแบบนี้ ผมถึงมีปัญญาในการกราบไหว้พระพุทธรูป ทุกครั้ง ไม่ได้กราบเพียงแค่เห็นเป็นทองเหลือง หรืออิฐ หรือปูน.. ถ้าผมมองพระพุทธรูปเป็นพียงแค่อิฐ แค่ปูน ปานนี้ ผมคงจะฉี่ หรือเยี่ยวรดได้อย่างสบายใจ เพราะเป็นเพียงแค่ ทองเหลือง แค่อิฐ แค่ปูน ( แค่คิดก็บาปแล้ว จิตขุ่นมัวด้วยอุกศลธรรม อันสังคมติเตียน)

    สิ่งต่างๆเหล่านี้ .มนุษย์เราสร้างขึ้นมาทำไม มีประโยชน์อะไรถึงสร้างขึ้นมา มีค่าในตัว มีค่าทางสังคม หรือมีค่าทางจิตใจ หรือไม่มีค่าเลย..

    เงิน..เป็นเพียงแค่กระดาษเท่านั้นรึ
    ทอง..เป็นเพียงหิน แร่ธาตุชนิดหนึ่ง
    เพชร..ที่ว่าแข็งที่สุดในโลก ก็เป็นเพียงแค่ธาตุ
    ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็เป็นเพียงแค่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีค่ารึ
    วัด วา อาราม พระพุทธรูป โบสถ์ พระปฐมเจดีย์ วิหาร หอระฆัง หอฉัน โรงทาน หอพระไตรปิฎก กุฎิ โรงเรียน โรงพยาบาล โรงพัก ฯลฯ

    ถ้ามองทุกอย่างให้เป็นเพียงแค่ธาตุต่างๆแล้ว (ในเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์ท่านให้มองเเบบนี้ เพราะอะไร เพราะบุคคล เมื่อได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ บุคคลต่างๆ ย่อมยินดี ยินร้าย โศกเศร้า คับแค้นใจ ทุรนทุราย เมื่อทรัพย์นั้นๆ สลายแตกทำลายไป)

    แต่พระพุทธองค์ ท่านไม่ได้สอนให้เราไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้สอนว่า ไม่ให้ทำนั้น ทำนี้นะ ไม่ได้บอกว่า ห้ามสร้างวัด วาอาราม พระพุทธรูป โรงทาน โรงฉันนะ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่คำสอนของพระองค์ แต่ท่านสอนให้เรามีสติ การก่อสร้าง สิ่งใด หรือทำการงาน ชนิดใด หรือการเชื่อสิ่งใด ให้ใช้สติ อย่าเชื่อโดยงมงาย เพราะว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเพราะอาศัย หรือปัจจัยสี่ นั่นเอง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค...สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อ บรรเทาทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นให้เบาบาง อย่ายึดมั่นถือมั่นนัก คำสอนเหล่านี้ เราชาวพุทธด้วยกันเอง รู้และเข้าใจ ปฎิบัติตามเรื่อยมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน..

    ไฉนเลย ท่านถึงต้องติดประกาศ ไม่ให้พุทธศาสนิกชน กราบไหว้ บูชาพระพุทธรูปเล่า ท่านไม่ให้ เหล่าชาวพุทธ ระลึกถึง พระพุทธเจ้า เพียงแค่อยากให้เห็นพระพุทธรูปเป็นเพียงแค่ธาตุ เป็นเพียงแค่อิฐ แค่ปูนอย่างนั้นหรอ..

    อย่าถือสา ในคำพูดเลย (เพราะมันเป็นเพียงแค่คำพูด แค่ตัวหนังสือ) สมมุติว่า ถ้าวัดในประเทศไทย ยึดตามความเข้าใจในแบบท่าน พระพุทธรูปจะถูกทำลาย อาจเหลือแต่ตัววัด วาอาราม หรือถ้าเกิดมีความคิดว่า วัดวา อารามนั้นเป็นเพียงแค่ อิฐ หิน ปูน ทราย อย่ายกมือไหว้ วัด วา อาราม ก็จะถูกทำลายด้วย อนิจจา...นี้เป็นเพียงแค่สมมุติ ถ้าเป็นเรื่องจริง แม้พระภิกษุก็จะไม่มี เพราะเป็นเพียงแค่มนุษย์ นุ่งห่มผ้าเหลือง อุ้มบาตรอันทำมาจากเหล็ก ร่างกายนั้นเกิดจาการประชุมกันของธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    ความหลง ที่แท้จริงแล้ว เราหลง หรือว่าคนอื่นหลง
    เราเข้าใจถูก คนอื่นเข้าใจผิด
    เราทำดี คนอื่นทำไม่ดี
    เราเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ คนอื่นไม่เข้าใจ
    เราปฎิบัติดี คนอื่นปฎิบัติไม่ดี
    เราไม่เห็นค่าในพระพุทธรูป คนอื่นจะไม่เห็นค่าเหมือนเราไหมหนอ
    เราอยากให้คนอื่น อย่าหลงติดในวัตถุ อย่างโน้น อย่างนี้ แต่สุดท้ายแล้ว เรานั้นเองมีความหลงอย่างมาก ในสังขารการปรุงแต่ง โดยการคิดว่าตัวเอง ไม่หลงแล้ว อนิจจา ....(ปัญญา แยกแยะก็ไม่มี ไม่รู้ว่าอะไรคือคุณคือโทษ ต่อตัวเองหรือผู้อื่น นี้ล่ะความหลง หลงแบบลึกสุด )

    ผมเองในฐานะ พุทธศาสนิกชน เหตุผลที่แสดงออกมา แต่ละกระทู้ มิได้ แสดงออกมา ด้วยจิตที่ประทุษร้าย ให้เฉียบหาย วายวอดไป เพียงแต่แสดงเจตนา ชี้แจงด้วยปัญญาของตนเท่านั้น อาจจะถูกจะผิดบ้างก็ต้องขอโทษขออภัย การแสดงเหตุผล เป็นการคุยกันแบบปัญญาชน ผู้ที่พร้อมจะรับฟังเหตุและผล ถูกและผิด โดยที่ไม่ได้คิดต้องการชนะหรือว่า ข่มผู้อื่น...

    เหล่าพุทธศาสนิกที่พึงเริ่มศึกษา พุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่ใช้สติและปัญญาในการปฎิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..จำเป็นจะต้องพิจารณา ในสามส่วน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยสติปัญญา ช้าบ้าง เร็วบ้าง ตามกำลังความสามารถของตน อย่าเชื่อเพราะเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ จงเชื่อด้วยตนเอง พิจารณาถึงเหตุและผล.....

    คนโง่ ย่อมไม่รู้ว่าตนเองโง่
    คนฉลาด แม้เรื่องเพียงเล็กน้อย ก็รู้ว่าเราโง่...

    สาธุ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  19. หนึ่ง898989

    หนึ่ง898989 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +295
    <TABLE class=tborder id=post1387652 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1387652 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">วันแม่แห่งชาติ
    มีการสาธยายพระไตรปิฎก
    กรมการศาสนา

    ถวายเป็นพุทธบูชา

    และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินีนาถ

    ตลอด ๒๔ ชัวโมง
    ณ วัดใหม่ยายแป้น สี่แยกบางขุนนนท์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    วันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ถึง วันอังคาร ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑

    เริ่มงานวันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๑

    เวลา 0๘.00 น พร้อมกันที่พระอุโบสถ

    เวลา 0๘.๓0 น อันเชิญพระไตรปิฎกทักษิณาวัตรรอบพระอุโบสถ

    เวลา 0๙.0๙ น เริ่มพิธีที่พระวิหารพระไตรปิฎก

    ประธาน จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย

    เจ้าหน้าที่อาราธนาสีล ประธานสงฆ์ให้สีล ประกาศศักราช

    ประธานจุดเทียนบูชาพระไตรปิฎก

    เจ้าหน้าที่อาราธนาธรรม

    พระสงฆ์สวดพระธรรมจักร

    สาธยายพระไตรปิฎกเริ่มเล่มที่ ๓๕ เป็นต้นไปพร้อมกันตลอด ๕ วัน ๔ คืนไม่มีการหยุดสาธยาย

    ชมพระไตรปิฎกโบราณที่หาชมได้ยาก

    (งานนี้ไมมีการรับเงินบริจาคครับ)

    รับเป็นน้ำปานะภัตรตาหารเช้าภัตรตาหารเพล ครับ ท่านใดมีความประสงค์เป็นเจ้าภัตรหาร

    ให้ติดต่อพระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิติญาโณ

    02-435-7555

    มือถือ 089-963-4505

    โทรสาร 02-434-1238

    มีรถเมล์ผ่าน
    79 57 56 68 157 175 40 542 80 509 28 171
    ที่มาจากปินเกล้าลงที่สี่แยกบางขุนนนท์เชิงสะพานลอย
    ที่มาจากสามแยกไฟฉายลงที่เลยห้างแมคโคเดินขึ้นมา
    หรือติดต่อที่ผมก้ได้ครับ 0851245895 ครับ สุริยะ


    สีล คำนี้มาจากพระไตรปิฎกครับ

    ห้ามใส่เสิ้อผ้า สี่ดำมางานครับ
    ท่านใดมางานควรนำดอกบัวสีขาวมาบูชาพระพุทธองค์ด้วยครับ
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ...พระพุทธศาสนา (พระพุทธ ,พระธรรม,พระสงฆ์ ) นับว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าคู่บ้าน คู่เมืองไทยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ทำให้เกิดเอกภาพและความมั่นคงในชาติสามารถดำรงคงความเป็นไทยอยู่ได้ด้วยดีตลอดมา มีความสุขสมบูรณ์โดยธรรมมีความเป็นมนุษย์อย่างพร้อมมูลอันเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและต่อมนุษยชาติโดยทั่วหน้า เราชาวพุทธบริษัทเองก็ควรที่จะร่วมกันรักษา พุทธศาสนา ไว้คู่บ้านคู่เมืองสืบต่อไป สิ่งไหนไม่ถูกไม่ควร สมเหตุสมผลที่จะแก้ไข ก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามเหตุและผล

     

แชร์หน้านี้

Loading...