กรุณาทำความเข้าใจใหม่ เรื่อง ศาสนาพุทธ กับ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

เราชี้ให้เห็น ว่า อะไร คือ พระพุทธศาสนา

และอะไร คือ ศาสนา พรามณ์ - ฮินดู

ทั้งสอง ศาสนา ไม่ใช่ สิ่งเดียวกัน

เพื่อ ความกระจ่าง ของ ทุกคน

ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอน สิ่งใด

และ เทพ สอนอะไร

คน สับสน กันมานาน ถึงกาล รู้เสียที

 

เทพ อยู่ส่วน เทพ

ธรรม อยู่ส่วน ธรรม

อย่านำมาปะปน กัน

มรรคผลนิพพาน อยู่ส่วนมรรคผลนิพพาน

ผู้บรรลุธรรม รู้ได้ด้วยตนเอง

 

ผู้ที่ถูกลดทอน จะต้องมีมาก่อน
ผู้ที่อ่อนแอ จะต้องเข้มแข็งมาก่อน
ผู้ที่ตกต่ำ จะต้องยิ่งใหญ่มาก่อน
ผู้ที่ได้รับ จะต้องให้มาก่อน
เหล่านี้คือนัยที่แสดงออกให้ปรากฏ
ความอ่อนละมุนมีชัยเหนือความแข็งกร้าว
ควรปล่อยให้มัจฉาอยู่ในสระลึกจะดีกว่า
เหมือนดังเก็บงำศัตราวุธทั้งมวล
ของบ้านเมืองไว้มิให้ใครแลเห็น

 

และ ถ้าไม่ได้ระบุชื่อ

ก็ อย่าได้ คิดว่า เอ่ยถึง

ในบางข้อความ เป็นเพียง คำพ้อง ที่เหมือนในการมี
แต่ไม่ใช่เจาะจงลงไปว่า ใครเป็นใคร

เทพเทวาทางพุทธ ก็มีกำหนดชื่อ แต่ก็ไม่ได้ใช้ชื่อ หรือพาดพิงชื่อ
ในศาสนาอื่นๆเลย ก็อย่าได้คิดว่า พุทธไปลบหลู่อะไร

แต่ก็อย่าไปเหมาว่า กล่าวถึงเทพแล้ว ให้หมายถึงของศาสนาตัวเอง
ด้วย ก็เขาไม่ได้จงใจ ถ้าจงใจก็อ้างชื่อตรงๆไปแล้ว

อย่าปนกัน ด้วยความเข้าใจของเราเลย

 

องค์มหาเทพทั้งหลาย ท่านน้อมนำชีวิตที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ทาง เดินตามรอยพระบรมศาสดา และ กำลังร่วมมือกันช่วยเหลือ สัตว์โลกอยู่

แต่คน คนต่างหาก ที่ดึงฟ้าลงต่ำ
ปรุงแต่ง สรรสร้าง ใช้ชื่อทั้งหลายตามกิเลสตน

บัญญัติ พิธี คัมภีร์ ความเชื่อ สารพัด ครอบคลุมเนื้อแท้ที่ท่านสอนไว้
หรือ ตีความตามกิเลสตน ซึ่งมีในทุกลัทธิ ศาสนา ที่มีเหตุการณ์เช่นนี้



สิ่งใดก็ตาม ที่เค้านับถือ แต่ เค้าไม่ได้เบียดเบียนใคร แม้ยังไม่พ้นตอนนี้
แต่ใช่ว่า จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

มหาเทพบางพระองค์ คือ เทพ พรหมที่เป็นโพธิสัตว์ ที่กำลังเก็บชีวิตที่เกี่ยวข้อง เพื่อในสมัยท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์ในอนาคต ท่านจะช่วยอนุเคราะห์ สงเคราะห์ชีิวิตเหล่านั้นได้

มีอีกมากมาย.....ที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในคัมภีร์

 

ธรรมกล่าวไว้ดีแล้ว กลัวอะไร

 

พวกเทพ และ พระโพธิสัตว์ ก็จงช่วยกันต่อไป

ตามสิ่งที่บำเพ็ญ เพียรบารมี ของตนที่สร้างมา

ต่างคน ก็ มีหน้าที่และจุดประสงค์ ต่างกัน

เพื่อหลุดพ้น หรือ เพื่อช่วยมนุษย์ หรือ เพื่อ รอ พระศรีอารยเมตตรัย

เราเองก็มีหน้าที่ บอกกล่าว สัจธรรมของพระพุทธองค์ เช่นกัน

เพื่อ ช่วย เวไนยสัตว์ให้หลุดพ้น จาก วัฏสงสาร ด้วย ตนเอง


ตนเเลเป็นที่พึ่งเเห่งตน พระพุทธเจ้า

 

ที่ว่าไม่ดีนั้นไม่ใช้องค์เทพไม่ดี แต่คนที่ยกเทพมาอ้างและสั่งสอนนั้นดีแล้วหรือและผู้คนก็เชื่อถือตามกันไปนั้นหละเป็นประเด็นที่สำคัญกว่า

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

สูงส่งครับ

 

ขออภัย ขอขอบคุณ ที่มาขัดจังหวะทุกท่าน และให้โอกาสได้แสดงทัศนะครับ

 

เคยเห็นและรับรู้ไหมว่ามีคนมีทุกข์มากมายไปหาร่างทรงแล้วร่างก็บอกว่ารับขันธ์แล้วชีวิตจะดีขึ้น ค่ารับขันธ์พันกว่าบาท นี้หรือช่วยคน

 

คุณเอกวีร์

แค่ตั้งชื่อกระทู้ มันก็สื่ออยู่แล้วโดยนัย อีกอย่างผมก็ติดตามกระทู้ของคุณสันโดษมาพอสมควร
ทำให้ผมเข้าใจถึงเบื้องหลังและเจตนาของเธอ
ผมไม่อยากมีเรื่องโต้เถียงกับใคร โดยใช่เหตุอันควร
เพราะมันไม่ใช่พึงประสงค์ของนักปฏิบัติธรรม

คนเราทุกคนย่อมมีจุดยืนเป็นของตนเอง
เช่นเดียวกับศาสนาก็ย่อมมีจุดยืนเป็นของตนเช่นกัน
ในเมื่อน้ำก็พึงเรือ เสือก็พึงป่า
เราก็ควรอยู่อย่างสันติภาพและภราดรภาพ

ดีกว่ามานั่งสาธารยายธรรมและเทียบศาสนาอื่นให้มัวหมอง
ดังนั้น เราก็ควรจะมุ่งปฏิบัติเพื่อข้ามขอบจิตใจให้ไปถึงฝั่งหมายไม่ดีกว่าหรือ?

 

ผู้ที่ช่วยเหลือผู้คน ที่แท้จริง ช่วยคน

โดย มิได้ต้องการชื่อเสียงและเงินทอง

บารมีมี เงินทองหาได้โดย อาชีพสุจริต เพราะปัญญา อันเป็นเลิศ

ผู้มีบารมีเทพ กับ คนทรงเจ้า ต่างกันโดย สิ้นเชิง

เราเองปฏิบัติ รู้เห็นอะไร เราไม่กล่าว เรารู้เเค่ว่า เรากำลังทำอะไร ด้วย สติ หรือ ปัญญา

 

ฟ้าไม่ต่ำ แต่แผ่นดินมันสูงขึ้น

เทพเราเครพในคุณธรรมที่พึงบำเพ็ญ
หากราบกรานอ้อนวอนโชคชะตาไม่

คุณงานความดีเป็นแบบอย่าง
เราชื่นชม หายกสูงเกินธรรมไม่

สิ่งประเสริฐที่ท่านจรรโลง เราร่วมสรรเสริญ
หาลุ่มหลงไม่

เหตุนี้ เราจึงไม่ก้าวก่าย ไม่ดึงตนลงต่ำเกินเทวา

 

ที่หมอง คือ จิต ตนเองที่คิด อกุศล

 

ความหนักแน่นเป็นรากฐานของความไม่มั่นคง
ในท่ามกลางความไม่มั่นคงความหนักแน่นก็สูญสลาย
ความสงบเป็นนายของความรีบเร่งลนลาน
ในท่ามกลางความรีบเร่งลนลานความสงบก็สูญสลาย

 

อย่ามาพูดว่า ตนเอง มีเทพ อะไร ประทับ

อย่ามาพูดว่า เป็นใครมาเกิด

เพราะ สิ่งที่ตนเองเป็น ก็ เป็นสิ่งที่เห็น อยู่ ณ ปัจจุบัน

เทพ หมายความว่า ผู้ตื่นเเล้ว

 

ทำไมปล่อยให้ตนเอง หลับไหล อยู่เช่นนี้

 

เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยว่าสวย

ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น

เมื่อคนในโลกรู้จักความดีว่าดี

ความชั่วก็อุบัติขึ้น

 

คุณ ผีเสื้อราตรี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1213317", true); </SCRIPT>

คุณจะไปสนองพระเดชพระคุณให้กับคนที่หลงงมงายกับสิ่งนี้เหล่านี้ได้หมดหรือ?
ในเมื่อขึ้นชื่อว่ามนุษย์มีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด
กับไอ้แค่ งมงายรับขันธ์นะมันมีส่วนน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับการงมงายทำบุญ เช่น ก็ซื้อบุญ การทำบุญลูกโซ่
และการสะเดาะห์เคราะห์ เป็นต้น

นักปฏิบัติธรรม ต้องแยกให้ได้ว่า อะไรคือแก่นธรรม อะไรคือจิตวิญญาณ
และอะไรคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์

สิ่งสำคัญต้องนักปฏิบัติธรรมบางคนที่เห็นชัดในที่นี้ ก็คือ ความมีมานะ
เพราะชอบเทียบเสมอเขา ดีกว่าเขา ด้อยกว่าเขา
ซึ่งเป็นสังโยชน์ข้อที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง ที่นักปฏิบัติธรรมพึงละ