สิ่งใดเกิดเอง สิ่งนั้นย่อมดับเอง

555 แน่ใจนะว่าคิดถูก 555

 

ทางนี้แน่ใจนานแล้วละว่าไม่รู้สักเรื่องแต่ทำเป็นรู้ดี ไปตกลงกันก่อนไป ก่อนจะมาบอกว่า เมา โอ๊ย เมาๆ แพลบๆๆ เมาจนแถ สีข้างแหกหมดแล้ว

 

ธาตุไม่แท้ปรากฎ
สหายไม่มายืนยันรับรองหน่อยเหรอ

 

คุณฟ้ากับเหว
เวลาจะเเย้งอะไรใคร เราต้องให้เหตุผลด้วยสิครับ
ว่าเค้าผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหน อะไรก็ว่ามา วงมาเลย
เเล้วก็บอกข้อที่ถูกให้เค้า

อันนี้เล่นเเต่ใช้คำพูดโจมตี เสียดสี ใครจะไปอยากตอบหละครับ 555

 

ก็ไม่เข้าใจไง เสียดสีตรงไหนเหรอ ชี้หน่อยสิ รึว่า ตกลงกันแล้วว่า เหมือนกัน ไม่เหมือนกันแน่นอน กับพี่นิวรณ์ มันก็ไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่แรกแล้วนี่ เลยเอาสามโพสต์มาเทียบ แต่ที่น่าสนใจคือ บางทีก็ใช้แทนตัวเองเป็นรูป แต่บางทีก็ว่าไม่มีจิต บางทีก็ว่าจิตกิน จิตเสวย อัดสะวินว่า ที่จริงแล้ว อัดสะวิน ต่างหรือไม่ต่างละ ในการพิจารณา หรือ แค่เขายก… ก็ดีใจ ระริกระรี่ แล้วบอกว่า ไม่ได้กิน ฉันไม่ด้ายกิน เป็นต้น หรือจะ วาปไปเลยว่า ไม่มีหรอกที่มาที่ไป ไปโผล่ปล่ยอุโมงเดียวกัน ไม่ต้องเอาปากกามาวงหรอกมั้ง มีอะไรแก้ต่างข้อความที่เขาอ้างถึงก็ว่ามา โดยเฉพาะตรงที่ บอกว่า ไม่เข้าใจอะ ตรงนี้ แต่ไม่ต้องไล่ผมไปปฏิบัติอีกนะ ไม่งั้น ผมจะตามถาม สามสหายต่อไปจนกว่าจะไม่อยากถาม 555 ขี้สงสัยเฉยๆ

 

รู้ได้ไง ก็เขาอวยกันมาสามรูป แล้วจะให้ใครมาร่วมอวยอีก แต่ผมไม่เคยไล่ให้ไปปฏิบัติใหม่นะคับ 555 ผมก็บอกไปแล้วไงว่า ที่คุณเห็นกับที่ผมเห็นมันต่างกันไง แต่ประเด็นคือคุณทั้งสาม เห็นเหมือนกันหรือต่างกันก่อน เผื่อเฉยๆ ว่ามีคนคิดต่างออกไป555

 

แยกได้ก็ไม่เที่ยง มีดับ
ถ้ามันไม่วิ่งรวดเดียว ยาวจนจบกิจ (พยานธรรมเริ่มเกิด)

เรียกมาดั่งใจมันไม่ได้
ป่วยการจะกล่าวถึงแยกรูป แยกนาม บ่อยๆ
ลืมๆไปดีกว่า จะเพียรต่อ หรือจะพัก อยู่ที่ปัจเจก

 

มาเป็นเพื่อนคุยลุง

ปกติถ้าเคยแยกรูปแยกนามได้แล้ว มันจะแยกได้เนืองๆ
เหมือนคนเคยเดินทางไปเส้นทางนี้ มันคุ้นๆ จิตมันจะจำได้
พอเดินมาบ่อยๆมันจะไม่ลืมละทีนี้ พอสติเกิดเนืองๆ กุศลเกิด ปิติเกิด มันก็เตรียมแยกแล้ว

ถ้าจะเดินผ่านญาน ยังไงแยกรูปแยกนามต้องเกิด ไม่งั้นมันจะเห็นสภาวะความเป็นจริงของกาย-จิต-ใจไม่ชัดเจน ถ้ายังเห็นกายใจเป็นก้อนเดียวกันอยู่ มันจะไม่ใช่ญาน

แต่หากเคยเกิดแล้ว เหตุที่มันจะไม่เกิด หรือเกิดยาก อาจจะเพราะมีความอยาก มีความมุ่งจะทำจะเอา มันเลยไม่ปรากฏ
พอจิตมีความมุ่งเอา มีตัณหาลุ้นสภาวะ จังหว่ะมันจะเกิด มันก็ตีหลุยวืดไปเลย ถ้าจะเกิด มันจะมาเอง ไปเอง

ส่วนเรื่องฌานเพ่งสูงสู๊งง อันนี้แนนไม่เคยไป

 

ขอบคุณน้าาาา

 

สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
เมื่อพิจารณาจนลงสู่ใจแล้ว ทุกคนก็จะ
หมดข้อโต้แย้ง กับพุทธพจน์โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นสัจธรรมหรือไม่
ที่เหลือก็คือ มาพิจารณามีอะไรบ้าง
ที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับ หรือแตกทำลายลง
ไป
ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
หรือรูปขันธ์และนามขันธ์
นี่รวมถึงเหตุผลทั้งหลายที่ผุดขึ้นขึ้น
มาโต้แย้ง หรือแม่น้ำทุกสายที่ชักขึ้นมา
เป็นวาจาโวหารเพื่อจะคัดค้านเพื่อเอาชนะ
พุทธพจน์นี้
แต่ในที่สุดก็ต้องเงียบหมด
เพราะสิ่งใดผุดขึ้นมา สิ่งนั้นก็ต้องดับไปทั้งหมด
ผูดมาใหม่ ก็ดับไปอีก ความพยายาม
ที่จะคัดค้านหัวชนฝา ปุดขค้นมาก็ต้องเงียบลงไปเช่นกันคับ
ฉะนั้นสิ่งใดเกิด สิ่งนั้นย่อมดับ
(นี่คือ เส้นทางเข้าสู่กระแสโสดาปฏิมรรค)
ถ้าลงแก่ใจและไม่ดื้อดึง ก็เบิ๊ดคำสิเว้า
ขร่าบ

 

ความรู้สึกนึกคิดที่กระเพื่อม ผุดขึ้นใน
ความว่างของใจ จะเป็นความพอใจ
ไม่พอใจ ความแค้นเคืองค้างคาใจ
ความหวาดหวั่นวิตกกังวล
เกี่ยวกับอดีต ในปัจจุบัน หรืออนาคต
ที่เกิดขึ้น มันล้วนจะดับไปเอง
โดยไม่ต้องใช้การกดข่มหรือ
ไป เพ่งหรือบังคับให้หยุดคิดหยุด
วิตกกังวล
แต่มันจะหยุดไปเองตามธรรมชาติ

(สิ่งใดเกิดเอง ย่อมดับเอง)คับ

 

แม๊ ....ถ้าเกิดดับเอง ง่ายๆ เบอร์นั้น จะมีสมถะวิปัสสนามาฝึกควบคุมจิตทำไมกัน พระพุทธเจ้าจะไปทรมานร่างกายทำไมตั้ง 6 ปี... ภายใต้จิตอวิชชาดวงนี้ ไม่มีอะไรที่ไม่อิงเหตุและผล ..ต้องฝึกมัน เพื่อจะได้รู้เท่าทัน รู้ป้องกันรู้แก้ไข

อีกอย่างสมาชิกโดนแบนไปเยอะ เลยมาแย้งลุงไม่ได้ร๊อก แอดคงอยากให้ห้องร้าง คนคุยวิวน้ำตกชั้น1 กับวิวน้ำตกชั้น 5 มันจะเข้าใจกันได้ไง ก็ต้องแย้งกันเป็นธรรมดา

ให้เวลาลำสักผิดแป๊บๆ ยังพอโอ แต่เป็นกล้วยทับถาวร ไม่ค่อยเห็นด้วย มันไม่ได้มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้น

 

งานของพระผู้มีพระภาคยิ่งใหญ่กว่า
งานของเราอย่างไม่อาจนำมาเป็น
อุทาหรณ์ เพนาะพระองค์ท่านตรัสรู้เพื่อสอน
สัตว์(3 โลก คือโลกสวรรค์ โลกมนุษย์
และโลกบาดาล)
กับเราผู้หวังจะตรัสรู้ตามเพื่อพ้นทุกข์
ไปคนเดียว

 

ความสงบที่ประกอบขึ้นมา
(ด้วยจิตสังขาร)เรียกว่าสมาธิ มีหลายระดับ
นั้นเกิดขึ้นได้ก็ดับได้ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตายึดมั่นถือมั่นไม่ได้
ส่วนความสงบของใจหรือจิตเดิมแท้มีอยู่
ดั้งเดิม ไม่เกิดไม่ดับ โดยปราศจากการประกอบ
จึงไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอนิจจัง
ไม่เป็นอนัตตา
แต่ไม่มีผู้ยึดถือ คับ

 

ความสงบจากสมาธิ ที่ถูกประกอบขึ้นมา
ด้วยจิตสังขารมีความไม่เที่ยง
เพราะเกิดได้ ย่อมดับได้เป็นทุกข์ ผู้ไปยึดถือสิ่งไม่เที่ยงย่อมเป็นทุกข์ด้วย
ความสงบที่มีอยู่ในใจ (จิตเดิมแท้)นั้น
ไม่เกิดไม่ดับ ย่อมไม่เป็นทุกข์
และผู้ยึดไม่มี

 

ความสงบแท้จากใจ(จิตเดิมแท้)มี
แต่ผู้ยึดความสงบนี้ไม่มี
ผู้ทุกข์จึงไม่มี

 

ขอบคุณแอดมินเป็นอย่างสูง
ที่กระชับพื้นที่โดย
รวมกระทู้ให้ครับ
โลนี้ดูมีระเบียบขึ้นมากครับ

 

อลัชชี แปลว่า

ไม่อาย ไม่ละอาย นอกจารีต

ผู้ประพฤตินอกจารีต

ผู้มักประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ

 

อลัชชีคือผู้ยึดอัตตาตัวตนและ
เป็นอายไม่เป็นอยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่าถ้า
อยากจะอาย
จะต้องทำยังงัยอ่ะฮับ

 

เขาทั้งหมดขี้เกียจคุย เพราะจะกลายเป็นโอ้อวด เขาแค่บอกให้ทราบ ว่าทักแล้วไม่ใช่แก้ไขโดยการแปะอักษรที่ถูกต้องกลบความคิดที่เป็นมิจฉาทิฐิเดิมมันคงไม่ช่วย ที่แย่กว่าคือ ไม่สงสัยเหรอว่าทำไมทำให้รู้ว่ากินเหล้า สุราเมรย มัจฉ ปมา ถฐานา เวรมณีสิขา ปะทัง สะมา ทิยามิ...เพราะว่า คนเราทุกคนต้องกล้าที่จะยอมรับความจริงในการทำผิดในกรรมทั้งหลายที่ได้เคยกระทำไว้ ไม่ได้มีไว้เพื่อคิดว่า นั่นดีกว่านั่นเลวกว่า ทั้ง แมวไหม้ หมูไหม้ อัดสะวิน ไม่ใช่ฐานะ หรืออยู่ในฐานะที่จะคิดว่าตนเองบรรลุเลย ชอบยกพระสัทธรรมมาปฏิรูปเข้าข้างตน พระสงฆ์ที่ทำแบบนั้นทางไปก็ไม่สวย ขนาดถือศีลมากหลาย แค่ปุถุชนที่ไม่รู้ตัวเองและพูดเพ้อเจ้อ จะขนาดไหน สังเวชหรอกที่พูด ที่สำคัญอีกเรื่อง ไม่ได้น้อยใจหรือมีพรรคพวกหรือหาพวกอะไร มันต่างกันเยอะเกินไป เหมือนฟ้ากับเหวเลย ถ้าเรื่องแบบนี้ เห็นว่าอายุมากแล้ว แต่ตอนนี้ถือว่า ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...จำเอาไว้ให้ดีีดี เพราะอันนี้ไม่ได้บิดเบือนให้เข้ากับความคิดตน