มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +926
    จองเหรียญลป อุ่นหล้า713และลป สมภารและลป.ลือครับ
     
  2. สมณธรรม

    สมณธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +135
    สวัสดีครับ ผมขอแจ้งโอนค่าบูชาพระ รายการที่ 709 รายละเอียดในกล่องข้อความ (PM) ครับ
     
  3. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  4. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 719 ล็อกเก็ตกลมไข่ฉากเขียวหลวงปู่ศูนย์ จันทสุวัณโณ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าอิสระธรรม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร หลวงปู่ศูนย์ เป็นศิษย์หลวงปู่สีลา (ศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น องค์่ท่านรุ่นเดียวกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร) ล็อกเก็ตสร้างปี 2557 ด้านหลังบรรจุเกศา,ตะกรุด 2 ดอก ,คำหมาก เป็นต้น เเต่ก่อนผมเจอหลวงปู่ศูนย์บ่อยมากเพราะท่านมางานหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป ทุกครั้ง เเละผมเองก็เเวะไปกราบพระเจดีย์หลวงปู่สีลาทุกครั้งที่ไปอำเภออากาศอำนวย บางครั้งเจอหลวงปู่กวาดตาดลานวัด ผมก็ขับรถผ่านเลยองค์หลวงปู่ศูนย์ไปเลยครับ หลวงปู่ศูนย์มาดังก็เพราะว่าลูกศิษย์์เป็นตำรวจได้นำวัตถุมงคลของท่านไปทดลองยิง ปรากฏว่ายิงไม่ออก เซียนพระทั่วประเทศเลยพากันเฮโลมาที่วัด่ป่าอิสระธรรมเต็มไปหมด(เหรียญท่านเดี๊ยวนี้ 1000 บาทขึ้นครับเพราะมีประสบการณ์ด้านอุบัติเหตุมาเเล้ว) มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ **********บูชาที่ 545 บาทฟรีส่งemslส
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ

    วัดป่าอิสระธรรม
    ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร

    %A2%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B9%82%E0%B8%93-0.jpg
    พระครูธรรมคุณาธร หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ วัดป่าอิสระธรรม
    อัตโนประวัติ
    “พระครูธรรมคุณาธร” หรือ “หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ” มีนามเดิมว่า สูนย์ ไตรธรรม
    เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙ ตรงกับวันอังคาร ณ บ้านวาใหญ่ หมู่ที่ ๒ ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร

    โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายโท และ นางวันดี ไตรธรรม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน คือ
    ๑. นางสุกัน ไตรธรรม
    ๒. นางสันแก้ว ไตรธรรม
    ๓. นางสิงห์ ไตรธรรม
    ๔. สูนย์ ไตรธรรม พระครูธรรมะคุณาทร (หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ)
    ๕. นางบาลี ไตรธรรม

    การศึกษา
    ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ สอบไล่ได้ ชั้นประถมการศึกษาที่ ๔ ครอบครัวประกอบอาชีพทำนาทำไร่ เมื่อเรียนจบภาคบังคับ ท่านก็ออกมาช่วยบิดาและมารดา ทำนา ทำไร่ ตามวิถีชีวิตชาวชนบทอีสาน

    การบรรพชาและอุปสมบท
    ครั้นอายุได้ ๒๑ ปี ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาและอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๑ ณ วัดอิสสรธรรม. ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยมี
    พระอุปัชฌาย์สีลา อิสสโร . วัดอิสสรธรรม. ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระทองสี โชติธัมโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระวินิต ธัมมวาที เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    การศึกษาทางเพศบรรพชิต
    พ.ศ.๒๕๐๒ สอบนักธรรมตรีได้ ในสำนัก วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    พ.ศ.๒๕๐๓ สอบนักธรรมโทได้ ในสำนัก วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    พ.ศ.๒๕๐๘ สอบนักธรรมเอกได้ ในสำนัก วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    หลังจากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับครูบาอาจารย์และปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดตลอดมา เป็นเวลา ๔ พรรษา และในพรรษาที่ ๔ หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ จึงได้ปลีกวิเวกและธุดงค์
    ภาคกลาง ,ภาคเหนือ ,ภาคใต้ เกาะสีชัง,ภาคตะวันออก

    พ.ศ.๒๕๐๔ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดป่าสวนมะม่วง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เป็นเวลา ๑ ปี
    พ.ศ.๒๕๐๕ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดถ้ำผาจลุย อ.พาน จ.เชียงราย เป็นเวลา ๑ ปี
    พ.ศ.๒๕๐๖ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดเขาน้อยสามพราน ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นเวลา ๒ ปี
    พ.ศ.๒๕๐๗ ย้ายไปจำพรรษา ณ สำนักสงฆ์ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เป็นเวลา ๑ ปี
    พ.ศ.๒๕๐๘ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดอิสสระธรรม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เป็นเวลา ๒๐ ปี
    พ.ศ.๒๕๒๘ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดเขาเข้ ต.ควนกาหลง อ.เมือง จ.สตูล เป็นเวลา ๑ ปี
    พ.ศ.๒๕๒๙ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดคลองช่องลม ต.อ่าวลึก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นเวลา ๑ ปี
    พ.ศ.๒๕๓๐ ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดอิสสระธรรม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร จนถึงปัจจุบัน

    หลังจากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับครูบาอาจารย์และปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดตลอดมา เป็นเวลา ๕ พรรษา ในพรรษาที่ ๖ หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ จึงได้ปลีกวิเวกและธุดงค์
    ภาคกลาง ,ภาคเหนือ ,ภาคใต้ เกาะสีชัง,ภาคตะวันออก

    พระสายกรรมฐานที่เคยได้ศึกษาธรรม อาทิ เช่น
    หลวงปู่สีลา อิสสโร,
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม,
    หลวงปูอุ่น อุตตโม,
    หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย,
    หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล,
    หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป,
    หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ,
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    ฯลฯ

    8C-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B9%82%E0%B8%93-00-768x1024.jpg
    พระครูธรรมคุณาธร หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ วัดป่าอิสระธรรม
    สมณศักดิ์และการปกครองสงฆ์
    พ.ศ.๒๕๐๕ เป็นครูสอนปริยัติธรรม ณ วัดอิสสระธรรม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    พ.ศ.๒๕๐๗ เป็นพระธรรมทูตสายที่ ๕
    พ.ศ.๒๕๐๘ เป็นกรรมการสร้างอุโบสถวัดอิสสระธรรม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นเจ้าอาวาสวัดอิสสระธรรม
    เป็นเจ้าคณะตำบลอากาศอำนวย-ตำบลวาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    พ.ศ.๒๕๓๐ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูธรรมะคุณาทร
    พ.ศ๒๕๓๓ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระอุปัชฌาย์

    พำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าอิสระธรรม
    ปัจจุบันนี้ หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ พำนักจำพรรษาอยู่ที่วัด วัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร

    หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ สิริอายุ 85 ปี พรรษา 63 (พ.ศ.2564)

    %8C-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B9%82%E0%B8%93-2-684x1024.jpg
    พระครูธรรมคุณาธร หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ วัดป่าอิสระธรรม
    SAM_9050.JPG SAM_9051.JPG SAM_7605.JPG
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 720 ล็อกเก็ตบูรพาจารย์วัดถํ้าผาปู่หลวงปู่คำดี ปภาโส,หลวงปู่ท่อน ญาณธโรหลวงตาศิริ อินทสิริ พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าผาเเดงผานิมิต อ.นํ้าพอง จ.ขอนเเก่น ล็อกเก็ตสร้างปี 2561 ฉากขาว สร้างเนื่องหลวงตาศิริอายุครบ 74 ปี ด้านหลังบรรจุเกศา,จีรวร ขององค์ท่านทั้ง 3 องค์ครับ สำหรับหลวงตาศิริ องค์ท่านเคยเจอกันกับหลวงปู่รินทร์(ไปลงอุโบสถร่วมกันที่ขอนเเก่น) พอองค์ท่านเจอกันเท่านั้น หลวงตาศิริท่านกวักมือเรียกไปนั่งใกล้ๆหลวงตาศิริ เเล้วหลวงตาศิริก็เอ่ยกระซิบถามหลวงปู่รินร์ว่า ได้นานรึยัง(ผ่านเป็นพระอรหันต์นานรึยัง) หลวงปู่รินทร์ตอบว่าพรรษาที่ 3 ครับ หลวงตาศิริยิ้มเเล้วอุทานว่าท่านเก่งจัง ผมเองผ่านพรรษาที่ 8 (นี้คือคำบอกเล่าของหลวงปู่รินทร์พระอาจารย์ของผมบอกมาครับ) ตั้งเเต่นั้นมาผมก็ชอบเปิดยููทูป เพื่อจะฟังเทศน์ของหลวงตาศิริฟังบ่อยๆ พอผมฟังเเล้วก็บอกได้เลยว่าใช่เลย คือหลวงตาศิริท่านเป็นพระอรหันต์นั้นเองตามที่หลวงปู่รินทร์บอกมาครับ หลวงตาศิริเเต่ก่อนท่านเป็นครูมาก่อน(เป็นถึงครูใหญ๋เเล้วลาออกมาบวชครับ เพราะฉนั้นองค์ท่านจะเทศน์เก่งมาก *********[มีพระเกศาหลวงตามาบูชาด้วยครับ>>>>>บูชาที่ 545 บาทฟรีส่งemsประวัติย่อๆหลวงตาศิริ อินทสิริ
    หลวงตาศิริ อินทสิริ
    te361.jpg

    คนส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้ความอยาก ความดิ้นรนออกหน้าแล้วตนวิ่งตาม เหมือนวิ่งตามเงาของตนเองในเวลาบ่าย ยิ่งวิ่งก็ดูเหมือนเงาจะห่างจากตัวเราไปทุกที ทุกคนต่างมุ่งมั่นในความสุข แต่ความสุขก็เปรียบเสมือนเงานั่นเอง
    หลวงตาศิริ อินทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต ขอนแก่น

    ประวัติโดยย่อ :
    หลวงตาศิริ อินทสิริ เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2487 ที่บ้านหนองผือ ต.บ้านกง เมือง ขอนแก่น บิดามารดาชื่อ สิงห์-พริ้ง วงษ์คง ซึ่งมารดาของหลวงตานั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ล่วงรู้แม้กระทั่งวันตายของตนเอง ท่านมีพี่น้อง 8 คน



    หลวงตาศิริเป็นผู้สนใจใฝ่ธรรม เข้าวัดตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ ในช่วงนั้นหลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงพ่อสีทน สีลธโน และพระอาจารย์กอง ได้เดินทางมาพักที่วัดป่าคีรีวัน โดยหลวงปู่คำดีเองมีศักดิ์เป็นญาติใกล้ชิดกับโยมพ่อของท่าน จึงมีโอกาสไปถวายการอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่คำดีและคณะ จึงเป็นเหตุให้ท่านได้มีโอกาสใกล้ชิดพ่อแม่ครูอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก

    ในทางการศึกษา หลวงตาศิริได้ศึกษาจบจากวิทยาครูอุดรธานี โดยได้ไปเป็นครูอยู่ตามโรงเรียนประชาบาลต่าง ๆ หลายแห่ง จนในที่สุดได้เป็นอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนบ้านดงเย็น ขอนแก่น ต่อมาเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่ออายุได้ 29 ปี ที่วัดศรีจันทร์ ขอนแก่น แต่หลังจากปฏิบัติธรรมอยู่ไม่นาน ก็ต้องลาสิกขาบทออกมา เมื่อสึกออกมาดำเนินชีวิตทางโลกแล้ว ท่านก็ตั้งใจว่าหากมีโอกาสก็จะออกไปบวชอยู่กับหลวงปู่คำดี ปภาโส อีกครั้ง แต่ต่อมาหลวงปู่คำดีได้มรณภาพลง ท่านจึงเคว้งคว้างในชีวิต ต่อมาได้แต่งงานมีครอบครัวมีบุตร 4 คน แต่ด้วยจิตมุ่งมั่นที่จะออกบวชอีกครั้ง ท่านจึงตั้งใจรักษาศีลอยู่อย่างสม่ำเสมอ

    หลังจากนั้นจึงกลับไปรับราชการครูอีกหลายปีพร้อมกับตั้งฟาร์มเลี้ยงวัวขึ้นมา จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่จิตที่คิดจะบวชก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดเมื่อมีอายุได้ 49 ปี (ปี 2536) ได้อุปสมบทอีกครั้งที่วัดถ้ำผาปู่ โดยมีหลวงพ่อสีทน สีลธโน เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อินทสิริ” หลังจากนั้นก็ได้อยู้ปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อสีทนตลอดมา รวมถึงการออกจาริกธุดงค์ในสถานที่สัปปายะต่าง ๆ เพื่อค้นหาพระสัทธรรม

    ปัจจุบัน หลวงตาศิริ อินทสิริ ได้พักอาศัยอยู่ที่วัดถ้ำผาแดงผานิมิต สิริรวมอายุได้ 77 ปี พรรษาที่ 25 ในปี 2564 อนึ่ง....เกศาของหลวงตาศิริมีลูกศิษย์ได้ไว้บูชา ปรากฏว่าได้เเปรเป็นเม็ดพระธาตุสวยงามครับ) SAM_9052.JPG SAM_9054.JPG SAM_7823.JPG
     
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการี่ 721 ล็อกเก็ตฉากขาวยิ้มหลวงปู่สรวง สิริปุญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าศรีฐาน อ.ป่าติ๊ว จ.ยโสธร หลวงปู่สรวงเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ล็อกเก็ตศร้างปี 2559 หลังล็อกเก็ตมีฝังพระเกศาหลวงปู่ มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ บูชาที่ 550 บาทฟรีส่งemslส
    ประวัติขององค์หลวงตาสรวง สิริปุญโญ และวันเวลาละสังขาร
    March 25, 2017 adminkammatan1 คำสอนหลวงตาสรวง-สิริปุญโญ, วัดศรีฐาน-ยโสธร, หลวงตาสรวงละสังขาร
    B8%A7%E0%B8%87_%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%8D.jpg




    ประวัติขององค์หลวงตาสรวง สิริปุญโญ และวันเวลาละสังขาร
    หลวงตาสรวง สิริปุญโญ ได้ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบเมื่อเช้ามืดของวันนี้ เมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ นาฬิกา
    ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กุฏิภายในวัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร สิริอายุ ๘๖ ปี ๙ เดือน ๑๙ วัน พรรษา ๖๔

    หลวงตาสรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร องค์ท่านถือกำเนิด ในสกุล “ลุล่วง”
    ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย ณ บ้านศรีฐาน ต.กระจาย อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี
    (ปัจจุบันคือ ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร) มีพี่น้อง ๖ คน โดยมีหลวงตาพวง สุขินทริโย เป็นพระพี่ชาย สมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก


    มารดาของท่านมักพาไปทำบุญที่วัดป่าศรีฐานในอยู่เสมอ วัดศรีฐานในนี้หลวงปู่บุญช่วย ธัมมวโร ลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์
    เป็นผู้มาสร้างขึ้น ปีที่องค์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พาพระสงฆ์มาวิเวกปักกลดในป่า ภายในวัดป่าศรีฐานในนั้น เป็นช่วงที่หลวงตาสรวง
    ท่านเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ (ตำแหน่งที่หลวงปู่เสาร์ มาปักกลดปัจจุบันอยู่บริเวณกุฏิหลังเก่าของหลวงตาสรวงนั่นเอง)
    ท่านได้ติดตามโยมแม่ มาถวายภัตตาหารหลวงปู่เสาร์ และยังได้มีโอกาสล้างเท้าหลวงปู่เสาร์ ประเคนอาหาร ล้างกระโถนให้ท่าน
    และได้ก้นบาตรไปกินที่โรงเรียนอีกด้วย เมื่อหลวงปู่เสาร์ อำลาบ้านศรฐาน ไปวัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    พี่ชายท่านหลวงตาพวง ซึ่งตอนนั้นเรียนจบแล้ว ได้มีโอกาสติดตามหลวงปู่เสาร์ไปด้วยกันกับหลวงปู่สอ สุมังคโล
    ส่วนที่วัดศรีฐานใน ภายหลังหลวงปู่ดี ฉันโน ศิษย์เอกของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ได้มาเป็นเจ้าอาวาส ทำให้หลวงตาสรวง
    เมื่อครั้นยังเป็นเด็กได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระกัมมัฏฐาน และเป็นการปลูกฝังนิสัยในทางพระพุทธศาสนาเพิ่มเติมขึ้นไปอีก



    หลวงตาสรวง ท่านอุปสมบท เมื่ออายุ ๒๓ ปี ตรงกับวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๖ ณ วัดศรีฐานใน จ.ยโสธร
    โดยมี พระครูพิศาลศีลคุณ(หลวงปู่โฮม วิสาโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่บุญสิงห์ สีหนาโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    หลวงปู่คำสิงห์ อาภาโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพุทธศาสนาว่า “สิริปุญโญ”
    แปลว่า “ผู้มีบุญอันประเสริฐ” ภายหลังจากบวชแล้ว ได้ไปศึกษาธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์หลาย ๆ รูป
    เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร , หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร , หลวงปู่ชอบ ฐานสโม , หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น

    “..กรรมฐาน ๕ พระอุปัชฌาย์ให้แล้วตั้งแต่วันบวช ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้พิจารณา ให้จิตมันเบื่อหน่ายกาย
    มันถึงจะได้ไม่มาเกิดอีก ถ้าไม่เบื่อมันก็มาเกิดอีก ถ้าเกิดอีกก็แสดงว่ายังมีบาปยังมีบุญ…”

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงตาสรวง สิริปุญโญ

    ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร
    . . . ช่วงที่อยู่ที่ถ้ำขามนั้น พระอาจารย์สรวงท่านเล่าว่า เสือมันร้องอยู่ตลอด ทำให้จิตไม่ค่อยเป็นสมาธิ เพราะกลัวเสือ
    วันหนึ่งหลังสรงน้ำหลวงปู่ฝั้น เสร็จก็ไปนวดเส้นท่าน หลวงปู่ฝั้น ถามว่า “ท่านภาวนากันยังไง ภาวนาแบบไหนไม่มีพุทโธ
    ระวังพวกช้างพวกเสือจะมาคาบไปกินหล่ะ” พอหลวงปู่ฝั้น พูดเสร็จ ก็ยิ่งทำให้ท่านเกิดความกลัวยิ่งขึ้น หลวงปู่ฝั้น
    จึงบอกว่า “ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้” จากนั้นหลวงปู่ฝั้น ก็มาจับที่มือ ตอนที่เราประนมมือไหว้อยู่ ชี้ลงที่กลางหน้าอก
    และบอกว่า “ให้เอาจิตจี้ลงไปตรงนี้ จี้ลงไปลึก ๆ อย่าให้มันออกไปที่อื่น ให้มันเข้าไปที่โครงกระดูกลึก ๆ โน่น
    ให้ทำทุกวัน อย่าให้มันส่งออกไปที่อื่น”

    จากนั้นจึงได้ทำตามคำสอนของหลวงปู่ฝั้น พอกลับไปที่กุฏิก็ได้ยินเสียงเสือมันร้องอีก ก็เลยกำหนดตามคำสอน
    เอาจิตจดจ่อไปที่กลางอกเข้าไปที่กลางกระดูก พอจิตสงบก็เห็นโครงกระดูกทั้งร่าง ภาวนาต่อไปจนจิตมันสงบ
    มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว พระอาจารย์สรวง ท่านเล่าว่า “พอจิตมันเข้าไปอยู่ที่ตรงนั้นแล้วมันมีอำนาจมาก
    ไม่รู้สึกกลัวช้างกลัวเสือเลย มีแต่ความกล้าหาญ หากเราเคยทำกรรมกับมันไว้ก็ขอให้เสือมันกินเลย จะได้หมดเวรหมดกรรม”
    นี่แหละ หลังจากนั้นก็ไม่กลัวช้างกลัวเสืออีกเลย

    ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร ที่วัดป่าเขารัง จ.อุดรธานี
    . . . ช่วงที่จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่มหาบุญมี ได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้องค์ท่านด้วย ในพรรษานี้พระอาจารย์สรวง
    ท่านได้ถือเนสันชิก คือถืออริยบท ๓ ยืน เดิน และนั่ง ไม่เอนกายนอนตลอดไตรมาส หลวงปู่มหาบุญมี ท่านก็ต้องการทดสอบ
    ว่าจะมีความตั้งใจมากน้อยแค่ไหน วันหนึ่งได้ไปนวดจับเส้นที่เท้าหลวงปู่มหาบุญมี ขณะที่นวด ๆ อยู่ก็รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน
    และไม่รู้สึกตัว หลับฟุบคาขาของท่าน หลวงปู่มหาบุญมี ก็เลยใช้เท้าถีบยันพระอาจารย์สรวง ติดฝาผนังกุฏิ
    พอหลวงตาสรวงรู้สึกตัวก็ค่อย ๆ คลานเข้าไปจับเส้นที่เท้าต่อ พอเริ่มหลับก็โดนถีบอีกนับไปนับมาคืนนั้นโดนยันไป ๓ รอบ

    ต่อจากนั้น หลวงปู่มหาบุญมี ก็ลุกขึ้นไปเดินจงกรม พระอาจารย์สรวง เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นไปเดินจงกรมเช่นกัน
    เมื่ออาจารย์ท่านเนจงกรมไม่หยุด ลูกศิษย์ก็ต้องเดินต่อทั้งง่วง ๆ อย่างนั้นแหละ เดินจนสว่าง หลวงปู่มหาบุญมี
    ท่านก็สะพายบาตรไปที่ศษลา พระอาจารย์สรวง ก็เตรียมหาน้ำไปถวายหลวงปู่ ล้างหน้าบ้วนปาก และทำข้อวัตรตามปกติ
    หลวงปู่มหาบุญมี ได้ถาม พระอาจารย์สรวงว่า “เป็นอย่างไร กิเลสตัวใหญ่มั้ย มันตัวใหญ่ขนาดไหนนะกิเลส”

    พระอาจารย์สรวง ตอบว่า “ไม่ได้มีอะไรครับหลวงปู่ ดีแล้ที่หลวงปู่ตักเตือนให้ ทำให้มีสติขึ้นมาพอสมควรครับ”
    ถ้าเป็นพระรูปอื่นโดนแบบนี้คงหนีหายไปเลย หรือไม่ก็โกรธเคืองครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก แต่สำหรับพระอาจารย์สรวง
    ท่านกลับขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงปู่มหาบุญมี ที่ให้ข้อคิด
    และทำให้ท่านสามารถตั้งฐานตั้งตัวนี้ให้มั่นคงในการประพฤติปฏิบัติต่อไปได้

    ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่วัดป่าอัมพวัน จ.เลย
    . . . คืนหนึ่งท่านได้จับเส้นถวายหลวงปู่ชอบ หลวงปู่จึงถามถึงการทำความเพียรว่า “เอาจิตไว้ที่ไหน”
    จึงกราบเรียนท่านไปว่า “หลวงปู่ฝั้น บอกให้ดูที่อก เอาไว้ในโครงกระดูกข้างใน กระผมจึงดูที่หัวใจตั้งแต่นั้นมา”
    หลวงปู่ชอบพูดว่า “เออดี ให้ทำอยู่ทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจเข้าออก ขอให้เร่งเร็ว ๆ ให้เดินหน้า อย่าถอยหลังนะ”
    พอจับเส้นเสร็จก็ออกจากกุฏิท่าน ไปเดินจงกรมต่อ ซึ่งทางจงกรมอยู่ไม่ไกลจากกุฏิหลวงปู่ชอบมากนัก
    สักครู่ได้มองเห็นแสงสว่างเจิดจ้าสว่างไสววยพุ่งสู่ท้องฟ้าทางด้านกุฏิหลวงปู่ชอบอยู่ที่เนินสูงๆ
    อีกสักครู่ได้ยินเสียงชาวบ้านตื่นตระหนกตกใจ พากันวิ่งกรูพร้อมถือถังน้ำ ร้องเรียกไฟไหม้ ๆ กุฏิหลวงปู่ชอบ
    พอไปถึงกุฏิ หลวงปู่ชอบท่านออกจากสมาธิ แล้วบอกลูกหลานชาวบ้านว่า “พากันมาทำไม ไม่เห็นมีไฟไหม้ที่ไหน
    แสงไฟอันนี้ไม่มีพิษภัยกับใคร เป็นแสงศีลแสงธรรมนั่นเอง การที่เกิดเป็นแสงรัศมีโชติช่วง
    ในบริเวณกุฏินั้นเป็นเพราะอานิสงส์จากการภาวนานั่นเอง

    เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ปี พ.ศ.๒๕๕๖ เวลาประมาณตี ๔ ตี ๕ ขณะที่หลวงตาสรวง ท่านกำลังพักอยู่ภายในกุฏิ
    ได้มีเทวบุตร เทวธิดา จำนวนมากมายมหาศาล ลอยผ่านมาทางอากาศ เมื่อผ่านมาทางวัดศรีฐานใน ก็ลงมากราบนมัสการท่าน
    แล้วลอยไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปทางจังหวัดมุกดาหาร เป็นจำนวนมากเต็มท้องฟ้า
    มีเทวดาเป็นหมื่นเป็นแสนลอยอยู่เต็มท้องฟ้าเลย SAM_9076.JPG

    พอช่วงเช้า เวลาฉันจังหัน หลวงตาสรวง จึงได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้พระสงฆ์ที่วัดฟัง เรื่องเห็นเทวดาจำนวนมากลอยอยู่บนอากาศ
    พอเมื่อเวลาสาย ๆ ใกล้ ๆ เที่ยง พระที่วัดจึงมากราบเรียนว่า มีโยมโทรศัพท์มาแจ้งว่า
    “หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ท่านละสังขารลงเมื่อเวลา ๐๙.๐๙ น. ช่วงเช้าวันนี้เอง(วันเสาร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๖)”
    หลวงตาสรวง ท่านจึงพูดว่า
    “มิน่าถึงได้เห็นเทวดามาจำนวนมากมายมหาศาลลอยมาทั่วทุกทิศทุกทาง ที่แท้ก็เพื่อไปรอรับหลวงปู่จาม เรานี่เอง”

    หลวงตาสรวง สิริปุญโญ ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ ณ กุฏิภายในวัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
    ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐ เมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ นาฬิกา สิริอายุ ๘๖ ปี ๙ เดือน ๑๙ วัน พรรษา ๖๔
    ลูกหลานขอกราบน้อมส่งหลวงตาสรวง สิริปุญฺโญ สู่แดนพระนิพพาน ธรรมอันใดที่ท่านได้รู้ได้เห็นธรรมอันประเสริฐดีแล้ว
    ขอลูกหลานได้รู้ธรรมเห็นธรรมนั้นด้วยเทอญ

    “..ถ้าความเพียรของเรากล้า มันเผาได้หมดทุกอย่าง เผากิเลสได้หมด เผาความโลภ ความโกรธ ความหลง
    ออกจากหัวใจของสัตว์โลก เผาได้หมดทุกอย่าง ในร่างกายของเรานี้อะไรจะมาขวางไม่ได้ จะมาปิดบังไม่ได้..”
    โอวาทธรรมคำสอนหลวงตาสรวง สิริปุญโญ>>>>>>อนึ่ง....รูปสุดท้ายที่มีเเสงวงกลมตรงหน้าอกของหลวงปู่สรวง ผมได้ไปถามหลวงปู่สรวงด้วยตัวเองครับว่าเป็นเเสงอะไรครับหลวงปู่หลวงปู่สรวงตอบมาว่าเป็นเเสงของหลวงปู่ฝั้นให้มา (
    คือคำสอนของหลวงปู่ฝั้นบอกว่าอย่าส่งจิตออกนอก ให้ส่งจิตอยู่ที่หน้าอกเด้อ สมัยี่หลวงปู่สรวงไปอยู่ี่ถํ้าขามใหม่ๆ กับหลวงปู่ฝั้น นั้น พอตกกลางคืนจะเสียงเสือเสียงผีกองกอยมาร้องใกล้ๆถํ้าตลอด ทำให้หลวงปู่ี่สรวงบวชใหม่ๆกลัว ครับ) SAM_6789.JPG SAM_9060.JPG SAM_9063.JPG SAM_7616.JPG
    SAM_4789.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2021
  7. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +926
    จอง720 721
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2021
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 722 ล็อกเก็ตฉากขาวบูรพาจารย์วัดป่านิโครธารามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ พระอรหันต์เจ้าวัดป่านิโครธาราม หลวงปู่อ่อนเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริัตโต องค์ล็อกเก็ตสร้างปี 2558 ( 17-18เดือนมีนาคม ) มาพร้อมกล่องเดิม มีเกศารวมพระอรหันต์มาบูชาด้วยครับ *******มีพระเกศารวมของพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่นมาบูชาด้วย เช่นเกศา 1,หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม, 2,หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถํ้ากลองเพล,3,หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิตร,4 หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสติถิผล,5 หลวงปู่เเฟ็บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย,6 หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญวิเวก,7, หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม,8 หลวงปู่เเปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร,9 หลวงตาเเตงอ่อน กัลยาณธัมโมีพระเกศารวมของพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่นมาบูชาด้วย เช่นเกศา 1,หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม, 2,หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถํ้ากลองเพล,3,หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิตร,4 หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสติถิผล,5 หลวงปู่เเฟ็บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย,6 หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญวิเวก,7, หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม,8 หลวงปู่เเปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร,9 หลวงตาเเตงอ่อน กัลยาณธัมโม วัดป่าโชคไพศาล,10, หลวงป่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดสุทธาวาส(วัดเลยหลง,11, หลวงปู่เพียร วิริโย วัดป่าหนองกอง,12, หลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง,13, หลวงปู่ศรี สิริธโร วัดป่าโนนทองอินทร์ 14 ,หลวงปู่รินทร์ สันตมโน วัดป่าธรรมมาราม ,15, หลวงปู่มั่น ถาวโร วัดป่าหัวภูลังกาใต้,16, หลวงปู่เเสง ญานวโร,17, หลวงปู่ขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่,17 ,หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม วัดกระดึงทอง,18, หลวงปู่จันทร์เเรม เขมิโย วัดระหาน,19, หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม,20, หลวงปู่เคน เขมาสโย วัดป่าหนองหว้า, 21, หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าประทีปปุญญาราม,22, คุณเเม่ชีบุญฮู้ พรหมเทพ สำนัดชีภูกระเเต เป็นต้น>>>>>>>>>>บูชาที่ 785 บาทฟรีส่งems มวลสารที่สร้างมี[​IMG]
    ปลุกเสกวาระแรก...โดยหลวงพ่อขันตี วัดป่าม่วงไข่ จ.เลย วันที่ 11 มี.ค 2558 เวลา 14.39 น
    วาระที่ 2... หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ จ.เลย ปลุกเสก วันที่ 11 มี.ค 2558 เวลา 16.39 น
    วาระที่ 3 ... หลวงปู่หนูเพชร วัดป่าภูมิพิทักษ์ จ.สกลนคร ปลุกเสก วันที่ 12 มี.ค 2558 เวลา 16.39 น
    ..คณะผู้จัดสร้างได้รวมอังคารธาตุและเกศาพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมธานที่เป็น ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นมารวมอยู่ในล็อกเก็ตรุ่นเก้าอังคารธาตุเพื่อให้เป็น ศิริมงคลแก่ท่านที่ได้รับไป...ขออาราธนาบารมีองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้โปรด คุ้มครองให้ท่านและครอบครัวจงพบแต่ความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม สาธุ สาธุ สาธุ
    ตามขนบธรรมเนียมตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ในสายป่ากรรมฐานได้ให้ความเคารพเลื่อมใสในพ่อแม่ครูจารย์มาโดยตลอด ยิ่งในช่วงสมัยพระเถระพ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่มั่นสืบมา วัตถุธาตุอันใดของพระเถระล้วนมีเทวดาลงมากราบไหว้เสมอ....โดยทางคณะผู้สร้าง และผู้อยู่เบื้องหลังได้รวบรวมเอามวลสารวิเศษศักดิ์สิทธิ์ในสายพระป่าขึ้น เพราะเจตนาและศรัทธาอย่างยิ่ง ...ดังนั้น จึงขอแนะนำพี่น้องที่รักทุกท่านว่า ก่อนที่ท่านจะนำล็อกเก็ตอัฐิธาตุ อังคารธาตุ เกศาธาตุ นำมาไว้ติดตัว หรือไว้ในครอบครัว หรือส่งต่อมอบให้ใครก็ตาม ‪#‎ท่านควรนำดอกไม้‬ ‪#‎พวงมาลัยดอกมะลิ‬ ‪#‎ธูป‬ ‪#‎เทียน‬... ‪#‎ขอขมาคุณพระรัตนตรัย และอาราธนาขอพระคุณพระ อันมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และ ‪#‎ขอพรบารมีพระบูรพาจารย์ฯ ตลอดจน ‪#‎เทวดาที่รักษามวลสารในพระแต่ละองค์ให้ช่วยอภิบาลคุ้มครองท่านพร้อมครอบ ครัว‬ ให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหมด ให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาร ธนสาร สมบัติ นึกหวังปรารถนาสิ่งใดขอให้สมหวังตามที่ท่านปรารถนาทุกประการ....
    ....ขอให้ทุกท่านบอกกล่าวเทพยดาที่รักษา ก่อนทุกครั้งก่อนจะทำกิจการงานสิ่งใด และหากทำบุญทุกครั้ง ท่านควรอุทิศบุญกุศลให้เทวดาที่รักษาอังคารธาตุนี้เสมอ...
    .....เพื่อความเป็นศิริมงคล วันพระ ท่านควรนำดอกไม้ ธูป เทียน สักการะ อธิษฐานจิต อาศรัยคุณพระ อัฐิธาตุ อังคารธาตุ เกศาธาตุในล็อกเก็ตให้เป็นสื่อ นำเอาสิ่งที่ดีเข้ามาหาตัวท่านและครอบครัว
    ....แล้วความเป็นศิริมงคล ทั้งลาภยศ ทรัพย์สิน ฤทธิ์เดช แคล้วคลาด กันคุณไสย แก้อาถรรย์ ฯลฯ จะบังเกิดขึ้นแก่ท่านอย่างน่าอัศจรรย์โดยไม่สงสัย..
    ..คณะผู้จัดสร้างได้รวมอังคารธาตุและเกศาพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานที่เป็น ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นมารวมอยู่ในล็อกเก็ตเก้าอังคารธาตุเพื่อให้เป็น ศิริมงคลแก่ท่านที่ได้รับไป...ขออาราธนาบารมีองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้โปรด คุ้มครองให้ท่านและครอบครัวจงพบแต่ความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม สาธุ สาธุ สาธุ
    a.jpg
    มวลสารบูรพาจารย์ สายกรรมฐาน รวมสุดยอดพ่อแม่บูรพาจารย์จริงๆ SAM_9068.JPG
    SAM_9065.JPG SAM_9066.JPG SAM_9067.JPG a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2021
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 723 ล็อกเก็ตหันข้างครึ่งองค์ฉากฟ้าขาวรุ่นอฐิษฐานบารมี 75หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าบูชา อ.เซกา จ.บึงกาฬ หลวงปู่ทองคำเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร ล็อกเก็ตสร้างปี 2556 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 75 พรรษา มีฝังตะกรุด 1 ดอก.จีรวร,เกศา,คำหมาก เป็นต้น มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ ***********บูชาที่ 485 บาทฟรีส่งems
    ประวัติ หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ วัดถ้ำบูชา (ภูวัวน้ำตกเจ็ดสี) บ้านดอนเสียด ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ

    a5-e0-b8-a7-e0-b8-87-e0-b8-9b-e0-b8-b9-e0-b9-88-e0-b8-97-e0-b8-ad-e0-b8-87-e0-b8-84-e0-b8-b3-jpg.jpg
    หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ วัดถ้ำบูชา
    หลวงปู่ทองคำ ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และเคยไปศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่จวน กุลเชฎโฐ อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญร่วมสร้างสะพานรอบภูทอก บนชั้นที่ ๕ กับคณะสงฆ์ในสมัยนั้นอีกด้วย หลวงปู่ทองคำ ท่านวิเวกมาอยู่ที่ถ้ำบูชาที่ภูวัว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ และรับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นต้นมา

    “…ภาวนาก็เอาแต่ดูนาฟิกา นี่ครบชั่วโมงหรือยัง ไอ้อย่างนี้มันภาวนาเอาเวลานี่ ไม่ใช่ภาวนาชำระกิเลส สำรอกกิเลส ภาวนาก็คิดแต่ว่าได้หรึอ เมื่อไหร่จะได้ จะมีจะเป็น ภาวนาอย่างนี้ มันเป็นตัณหา มันเอาแต่หา แล้วอย่างงี้มันจะสงบได้อย่างไร ภาวนามันต้องปล่อย ต้องละ ต้องวาง ไม่ใช่คอยแต่จะหา จะเอา…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ

    หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ นามเดิมท่านชื่อ ทองคำ นามสกุล เนตรสูงเนิน ท่านถือกำเนิดตรงกับวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๑ ณ บ้านโนนประดู่ อ.จักราช จ.นครราชสีมา

    บิดาชื่อ พ่อเพชร เนตรสูงเนิน มารดาชื่อ แม่ตุ๊ เนตรสูงเนิน ครอบครัวท่านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ท่านเองเมื่อเป็นเด็ก ก็ได้ช่วยเหลือครอบครัวอย่างแข็งขัน

    หลวงปู่ทองคำ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๔ ณ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา โดยมีหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณ์ฯ จ.นครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากจำพรรษาอยู่ศึกษากับพระอุปัชฌาย์ได้ ๒ พรรษาแล้ว

    ท่านได้ออกวิเวกธุดงค์ไปตามป่าเขา ปฎิบัติภาวนาอย่างเคร่งครัดจริงจัง เพื่อความพ้นทุกข์ สมัยที่ท่านยังเป็นพระหนุ่มพรรษายังไม่มาก ท่านจะออกปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษฎ์ในหลายสถานที่ อาทิ น้ำตกเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี น้ำตกห้วยแก้ว เขาใหญ่

    ต่อมาท่านได้ธุดงค์จาริกไปที่ วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร โดยท่านมักจะพำนักอยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำขาม และเที่ยวมาฟังธรรมจากหลวงปู่ฝั้นอยู่ตามโอกาส

    หลังออกพรรษารับผ้ากฐินแล้ว ท่านมักจะพาพระ-เณร ออกเดินธุดงค์ไปทางอำเภอกุดบาก เข้าเขตอำเภอสมเด็จ อำเภอท่าคันโท อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในบางปีก็จะเปลี่ยนที่ไปแถบ ภูวัว ภูทอก ภูสิงห์ ภูกิ่ว อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบัน จ.บึงกาฬ)

    b3-e0-b8-a7-e0-b8-b1-e0-b8-94-e0-b8-96-e0-b9-89-e0-b8-b3-e0-b8-9a-e0-b8-b9-e0-b8-8a-e0-b8-b2-jpg.jpg
    หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ
    ท่านได้อยู่ฝึกอบรมกับหลวงปู่ฝั้น จนหลวงปู่ฝั้นมรณภาพ หลังจากหลวงปู่ฝั้น ฯ มรณภาพแล้ว ท่านจึงได้มาลงหลักปักฐานอยู่ที่วัดถ้ำบูชา ภูวัว โดยระหว่างนั้น ได้เดินทางไปศึกษาอบรมกัมมัฏฐานกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่ภูทอกไปด้วย รวมเวลาที่ได้อบรมศึกษากับพระอาจารย์จวน ๘ ปี จนท่านพระอาจารย์จวน มรณภาพลง ญาติโยมจึงนิมนต์ท่านมาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำบูชา ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำบูชา โดยเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๘ จวบจนถึงปัจจุบัน

    93-e0-b8-a7-e0-b8-b1-e0-b8-94-e0-b8-96-e0-b9-89-e0-b8-b3-e0-b8-9a-e0-b8-b9-e0-b8-8a-e0-b8-b2-jpg.jpg
    หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ วัดถ้ำบูชา
    ท่านหลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ ปกครองวัดและพระเณรแบบสมถะ ไม่สะสมสิ่งใด มุ่งตรงต่อพระธรรมวินัยและความพ้นทุกข์ ท่านเน้นการปฏิบัติให้ดูมากกว่าการพูดสอน และอุปนิสัยท่าน เกรงใจในธรรม ไม่ได้เกรงใจในคน หลายคนจึงคิดว่าท่านดุ แต่แท้ที่จริงแล้ว ท่านเมตตาอย่างไม่มีประมาณ

    วัดถ้ำบูชา แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สัปปายะ สงบ เหมาะแก่การภาวนาและก่อนเคยเป็นที่พำนักของพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานนับตั้งแต่องค์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ,หลวงปู่หลุย , หลวงปู่ชอบ , หลวงปู่มหาสีทน เป็นต้น เรื่อยมาจนถึงหลวงปู่

    หลวงปู่ทองคำ กาญฺจนวณฺโณ ท่านมีจริยะวัตรที่เรียบง่าย เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอันมากมีศีลาจารวัตรที่ผ่องแผ้วงดงาม จนเป็นที่เลื่อมใสแ่ก่สาธุชนโดยทั่วไป หลวงปู่ท่านตั้งมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นที่เคารพยกย่องในหมู่พระกรรมฐานถึงความเป็นพระสุปฏิปันโณ

    หลวงปู่ทองคำ ท่านมีความสนิทคุ้นเคยกับสหธรรมมิกที่เคยอยู่ร่วมปฏิบัติหรือไปมาหาสู่กันหลายท่าน อาทิ หลวงปู่อุทัย สิรินธโร หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร หลวงปู่เสถียร คุณวโร , หลวงปู่อุดม ญาณรโต ,หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม และหลวงตาแยง วัดภูทอก เป็นต้น

    ปัจจุบัน หลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ 83 ปี(2564) ยังดำรงค์ธาตุขันต์อยู่ครับ SAM_9069.JPG SAM_9070.JPG SAM_7793.JPG
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ******เรียนเพื่อนสมาชิกหลวงปู่ศูนย์ จันทวัณโน วัดป่าอิสระธรรม นั้น ณ ปัจจุบันนี้พระเครื่องวัตถุมงคลขององค์ท่านสายวัดป่าธรรมยุติ ดังมากเเละติดอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียวครับ เเต่ทำไมผมเจอบ่อยองค์ท่านผมไม่ได้ไปกราบองค์ท่านนั้น เพราะว่าผมช่วงนั้นผมจะตามมีรายชื่อของพระอรหันต์ที่องค์พระหลวงตามหาบัว ท่านรายชื่อที่ลงในเวป,หรือยูทูป(ประมาณ 99 องค์) เลยเรียนเเจ้งเพื่อทราบครับ สำหรับผมเองนั้นก็มีล็อกเก็ตขนาดใหญ่จัมโบ้ๆไว้ใช้เเล้วครับ ผมเลยลงองค์เล็กขนาดห้อยคอได้ไว้ให้เพื่อนสมาชิกไว้บูชาเป็นมงคลที่บ้าน SAM_9071.JPG SAM_9072.JPG
     
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ******เรียนเพื่อนสมาชิกหลวงปู่ศูนย์ จันทวัณโน วัดป่าอิสระธรรม นั้น ณ ปัจจุบันนี้พระเครื่องวัตถุมงคลขององค์ท่านสายวัดป่าธรรมยุติ ดังมากเเละติดอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียวครับ เเต่ทำไมผมเจอบ่อยองค์ท่านผมไม่ได้ไปกราบองค์ท่านนั้น เพราะว่าผมช่วงนั้นผมจะตามมีรายชื่อของพระอรหันต์ที่องค์พระหลวงตามหาบัว ท่านรายชื่อที่ลงในเวป,หรือยูทูป(ประมาณ 99 องค์) เลยเรียนเเจ้งเพื่อทราบครับ สำหรับผมเองนั้นก็มีล็อกเก็ตขนาดใหญ่จัมโบ้ๆไว้ใช้เเล้วครับ ผมเลยลงองค์เล็กขนาดห้อยคอได้ให้เพื่อนสมาชิกไว้บูชาเป็นมงคลที่บ้าน
     
  12. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ******เรียนเพื่อนสมาชิกหลวงปู่ศูนย์ จันทวัณโน วัดป่าอิสระธรรม นั้น ณ ปัจจุบันนี้พระเครื่องวัตถุมงคลขององค์ท่านสายวัดป่าธรรมยุติ ดังมากเเละติดอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียวครับ เเต่ทำไมผมเจอบ่อยองค์ท่านผมไม่ได้ไปกราบองค์ท่านนั้น เพราะว่าผมช่วงนั้นผมจะตามมีรายชื่อของพระอรหันต์ที่องค์พระหลวงตามหาบัว ท่านรายชื่อที่ลงในเวป,หรือยูทูป(ประมาณ 99 องค์) เลยเรียนเเจ้งเพื่อทราบครับ สำหรับผมเองนั้นก็มีล็อกเก็ตขนาดใหญ่จัมโบ้ๆไว้ใช้เเล้วครับ ผมเลยลงองค์เล็กขนาดห้อยคอได้ให้เพื่อนสมาชิกไว้บูชาเป็นมงคลที่บ้าน
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ******เรียนเพื่อนสมาชิกหลวงปู่ศูนย์ จันทวัณโน วัดป่าอิสระธรรม นั้น ณ ปัจจุบันนี้พระเครื่องวัตถุมงคลขององค์ท่านสายวัดป่าธรรมยุติ ดังมากเเละติดอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียวครับ เเต่ทำไมผมเจอบ่อยองค์ท่านผมไม่ได้ไปกราบองค์ท่านนั้น เพราะว่าผมช่วงนั้นผมจะตามมีรายชื่อของพระอรหันต์ที่องค์พระหลวงตามหาบัว ท่านรายชื่อที่ลงในเวป,หรือยูทูป(ประมาณ 99 องค์) เลยเรียนเเจ้งเพื่อทราบครับ สำหรับผมเองนั้นก็มีล็อกเก็ตขนาดใหญ่จัมโบ้ๆไว้ใช้เเล้วครับ ผมเลยลงองค์เล็กขนาดห้อยคอได้ให้เพื่อนสมาชิกไว้บูชาเป็นมงคลที่บ้าน เปิดดูไฟล์ 5761683 เปิดดูไฟล์ 5761684 SAM_9071.JPG SAM_9072.JPG
     
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,905
    ค่าพลัง:
    +6,826
    ขอจองรายการที่719ครับ
     
  15. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +926
    จอง721 722 723ถ้ามีล็อกเก็ตลป.สูนย์ขอบูชาด้วยนะครับท่าน
     
  16. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 724 พระผงเนื้อว่านปิดตามหาลาภหลวงปู่จันทา ถาวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร หลวงปู่จันทาเป็นศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพล องค์ องค์พระสร้างปี 2554 สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 90 ปี องค์นี้พิเศษมีเกศาโผล่เเละมีเห็นเม็ดพระธาตุบรรจุในองค์พระ >>>>>>>มาพร้อมพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคล **********บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งems ประวัติย่อพอสังเขปเเละปฏิปทาของหลวงปู่จันทา ถาวโร
    หลวงปู่จันทา เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2465 บวช‌เมื่อปี พ.ศ. 2490 หรือบวชเมื่ออายุ 25 ปี

    ปฐมบทของท่านในผ้ากาสาวพัสตร์นั้น เป็น‌การตั้งใจบวชให้แม่“นางเลี่ยม ชมพูวิเศษ”

    แม่ผู้สิ้นชีพไปขณะท่านอายุเพียง 7 ขวบ ‌แต่แค่ 7 ขวบ พระคุณแม่ก็แผ่ปกจนลูกคนนี้มิเคยลืมเลือน

    นั่นอาจเพราะรักของแม่เป็นเสาค้ำยันที่‌สำคัญที่สุดในชีวิตที่ท่านสรุปไว้เองว่า แสนทุกข์‌ยาก แสนลำบาก คิดถึงแล้วน้ำตาไหล

    ไม่ว่าจะกล่าวถึงประวัติของท่านแบบรวบ‌รัดอย่างไร ร่องรอยดังกล่าวก็ปรากฏอย่างชัด‌แจ้ง

    ลองพิจารณาดูเถิดว่า หากเรื่องราว 25 ปี ‌ของคนหนุ่มคนหนึ่งเป็นเช่นต่อไปนี้ ริ้วรอยใน‌จิตใจของเขาจะเป็นอย่างไร?
    มีพี่น้อง 6 คน แม่ตายอายุ 7 ขวบ พ่อ‌แต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงเลี้ยงลูกแบบหมากับแมว ‌สุดท้ายพ่อก็ไปอยู่กับแม่ใหม่ ทิ้งให้เป็นลูกกำพร้าให้อยู่กับญาติๆ ไม่ได้รับการศึกษา ได้แต่‌เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย อายุ 23 ปี แต่งงานกับแม่ม่ายลูกติด 3 คน ชีวิตครอบครัวล่มสลาย ‌เพราะวันหนึ่งไปหาปลาจนเหน็ดเหนื่อยกลับมา‌ถึงบ้านแทนที่ภรรยาจะเห็นใจ กลับด่าขู่ตะคอก‌ว่า มันมัวแต่ไปเที่ยวเถลไถลจนมืดค่ำ ต่อว่าไม่‌พอ ยังถลกผ้าถุงปัสสาวะใส่เครื่องมือหาอยู่หา‌กินอย่าง ข้อง แห ฯลฯ สุดท้ายเลยได้หย่าขาด‌จากกัน

    88293f602f864a1f8e5241cdf0eb963c_1000-jpg.jpg
    ใครผ่านชีวิตเยี่ยงนี้ คงมีทางแยกให้เลือก‌เพียงสองทาง

    หนึ่ง คือ ทุ่มชีวิตใส่โลกนี้อย่างเกรี้ยวกราด

    สอง ใช้ความโศกสลดเก็บเกี่ยวความทุกข์‌มาเป็นปัญญา

    หนุ่มจันทาเลือกประการหลัง

    ถึงเช่นนั้นก็ใช่ว่ามันจะดำเนินต่อไปอย่าง‌เรียบง่าย เพราะความที่ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก ‌เขียนไม่ได้ แค่ขานนาคขอบวชก็ต้องท่องแล้ว‌ท่องอีก คนอื่นท่องได้เป็นประโยค เป็นท่อน ‌ของท่านได้วันละคำ แต่ก็เพียรเอาจนได้
    บวชได้แล้ว ผู้รู้หรือครูบาอาจารย์บางรูปก็‌ใช่ว่าจะอดทนต่อความไม่รู้หนังสือของท่าน แต่‌บางรูปก็เมตตาอดทนสอนให้ แต่หลวงปู่หนู วัด‌บ้านปลาผ่า พระอุปัชฌาย์นั้นไม่เพียงเมตตา‌อบรมสั่งสอนโดยไม่ระย่อ หากแต่ยังสั่งไว้ด้วย‌ว่า เธอเป็นคนทุกข์คนยาก ไม่มีความรู้ วาสนา‌น้อย บุญน้อย เป็นคนกำพร้า อนาถา ฉะนั้น‌บวชแล้วอย่าสึก ชีวิตนี้ได้พบธรรมะแล้วให้‌เจริญในธรรม

    พระหนุ่มจันทาก็รับปาก และตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญเพียร เพราะเกรงว่า“จะได้บุญน้อย ไม่‌ได้ไปช่วยแม่”

    หลังบำเพ็ญเพียรทุกครั้ง ท่านอุทิศส่วน‌กุศลไปให้แม่ทุกคน

    ทำเช่นนั้นมาเรื่อย จน 25 ปีให้หลัง จึงเห็น‌ผลจากเรื่องแปลกประหลาดประการหนึ่ง

    หลานสาววัย 2 ขวบของท่านเอ่ยปากออก‌มาในวันหนึ่งว่า เธอคือแม่ท่าน พอซักถามเรื่อง‌ในอดีตก็ตอบได้หมด พอถามว่าตอนตายไป‌แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ได้รับไหม เธอว่าได้รับ‌ทุกคืนตอน 5 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านไหว้พระ‌สวดมนต์และอุทิศส่วนกุศลให้แม่หลังเดินจงกรม นั่งสมาธิ และด้วยอำนาจบุญนั้นเองทำให้ได้หลุดพ้นจากนรกมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง

    หลวงปู่จันทาญัตติจากมหานิกายเป็นธรรม‌ยุตเมื่อปี พ.ศ. 2493 เป็นการนับพรรษาหนึ่ง เริ่ม‌ฝึกจิตกับหลวงปู่ทับ เขมโกในพรรษาแรกนั่น‌เอง จิตท่านก็พอสงบ หรือที่เรียกว่า ขณิกสมาธิ

    พอพรรษาที่สอง ติดตามหลวงปู่จันทร์ไป‌วิเวก จิตรวมลงฐานใหญ่กว่าขณิกสมาธิ ส่อง‌สว่างกระจ่างแจ้ง กลางคืนราวกับกลางวัน ผู้รู้‌เอ่ยขึ้นว่า นัตถิ สันติปะรัง สุขัง ความสุขอื่นยิ่ง‌กว่าความสงบไม่มี

    เป็นความสงบในระดับ อุปจารสมาธิ

    ในพรรษาที่สาม ขณะภาวนาที่วัดป่าวิเวก‌การาม บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จิตรวม‌ลงละเอียดกว่าเดิมอีก แต่ไม่รู้วิธีถอน พอออก‌มาแล้วถามว่า ไม่ได้เอากายมาด้วยหรือ จึงเอา‌มือคลำดูกายก็ยังอยู่ พอคลำดูอีกทีกายหายไป

    ต่อเมื่อมาพบหลวงปู่บัว สิริปุณโณพระ‌อรหันต์แห่งวัดป่าหนองแซง เล่าความนี้ให้ท่าน‌ฟัง ท่านจึงวินิจฉัยว่า จิตลงถึงขั้นอัปปนาสมาธิ ‌แต่เป็นอารมณ์เดียว พิจารณาอะไรไม่ได้ ‌เพราะขาดปัญญา เมื่อจิตถอนขึ้นมาอยู่ระหว่าง ‌อุปจารสมาธิ แล้วจะรวมลงอีก ก็กำหนดไว้อย่า‌ให้รวม ให้เดินวิปัสสนา ค้นคว้าในภพชาติ‌สงสาร น้อมลงสู่สภาพความแก่ ความเจ็บ ‌ความตาย พอตายแล้วก็เพ่งขึ้นอืด ขึ้นพอง เน่า‌เปื่อย ถึงสภาพเน่าเปื่อยแล้วให้ยึดดาบเพชร ‌คือ สติ ปัญญา ถอนสังโยชน์ 5 คือ สักกาย‌ทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ‌พยาบาท ขาดจากใจ

    ถ้าจิตรวมได้ฐานนี้ เป็นมูลฐานอันใหญ่ ‌สำหรับที่จะถอนสังโยชน์ 5 ออกจากใจได้บรรลุ ‌อนาคามีผล

    หลวงปู่จันทาตั้งมั่นได้แล้ว จากนั้นก็เจริญ‌ในธรรมตามลำดับ

    ท่านได้ฝากตัวเข้ารับการฝึกอบรมจากพ่อแม่‌ครูอาจารย์หลายรูป อาทิหลวงปู่บัว หลวงปู่ฝั้น ‌อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่หลุยจันทาสาโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    รูปที่ท่านอยู่อุปฐากนานที่สุดคือ หลวงปู่‌ขาว

    เมื่อมาสู่สำนักถ้ำกลองเพลนั้น หลวงปู่ขาว‌ให้อดนอน ผ่อนอาหาร เร่งความเพียร

    เดือนแรกให้เดิน 1 ชั่วโมง ยืน 10 นาที ‌นั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง

    เมื่อเข้าสู่ทางจงกรมให้ยกมือไหว้ครู พุทโธ ‌ธัมโม สังโฆ สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าจะฝึกจิต ‌บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทางกาย ‌วาจา ใจ ขอจงให้เป็นไป ให้รู้ธรรมเห็นธรรม‌เกิดขึ้น แล้ววางมือซ้ายใต้พกผ้า เอามือขวาทับ ‌ก้าวขวาว่า พุทโธ ก้าวซ้าย ธัมโม ก้าวขวาว่า ‌สังโฆ เดินไม่ช้า ไม่เร็ว สุดท้างจงกรมเลี้ยวขวา ‌ทำอย่างนั้น 3 รอบ รอบที่ 4 ให้หยุดเอาอารมณ์‌เดียวคือ ขวาว่า พุธ ซ้ายว่า โธ

    ยืนภาวนา 10 นาทีนั้นให้ผินหน้าไปทิศ‌ตะวันออก หายใจเข้าว่า พุทธ ออกว่า โธ ผ่อน‌ลมให้เป็นที่สบาย

    ส่วนนั่งสมาธิอีก 1 ชั่วโมงนั้น ให้ไหว้พระ‌ย่อๆ ก่อน แล้วปล่อยวางความยากก่อนภาวนา ‌เพราะถ้าอยากให้สงบมันไม่สงบ ฉะนั้นให้‌ปล่อยวางความอยาก ปล่อยวางความอาลัยใน‌สังขาร

    ท่านว่า การทำความเพียรทุกประโยคต้อง‌ปล่อยวางความอยากเสมอ เมื่อประกอบเหตุ‌พร้อม ผลจะสนองเอง ไม่ต้องสงสัย

    การนั่งสมาธิก็ให้ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้าไม่ให้ก้ม ไม่ให้เงย ไม่เอียงซ้าย ขวา วางกาย ‌วางใจ ให้อ่อน หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ ถ้า‌เข้ายาวก็ออกยาว ให้มีสติรู้ ผ่อนลมจนเป็นที่‌สบาย ถ้าเกิดเวทนาคันยุบยิบก็อย่าลูบคลำ อย่า‌เกา อย่าพลิก ให้นั่งทับทุกข์ เผากาย เผาจิต

    จะเดิน ยืน นั่ง ให้เจริญวิปัสสนา

    ระหว่างทำความเพียรนั้น ห้ามเอาหนังสือ‌มาอ่าน การงานแม้แต่น้อยนิดก็อย่าให้มี เพราะ‌การอ่านหนังสือคือส่งจิตออกนอก เดิน ยืน นั่ง ‌ให้เอาอารมณ์เดียวคือ พุธโธ ธัมโม สังโฆ

    ปฏิบัติมาเดือนที่สอง หลวงปู่ขาวให้เร่งขึ้น‌เป็นเดิน 2 ชั่วโมง ยืน 15 นาที นั่ง 2 ชั่วโมง

    เดือนที่สาม เร่งเป็นเดิน 3 ชั่วโมง ยืน 20 ‌นาที นั่ง 3 ชั่วโมง

    สุดท้ายฝึกอย่างอุกฤษฏ์คือ นั่งคืนยันรุ่ง ‌โดยไม่กระดุกกระดิก ไม่พลิกไหว

    ด้วยวิถีเช่นนั้น จิตท่านสงบจากขั้นขณิก‌สมาธิ ลงถึงอุปจารสมาธิ เกิดสุขจากสมาธิ ‌หลวงปู่ขาวก็กำกับว่า อย่าติดสุข ให้พิจารณา ‌ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ

    เมื่อจิตยึดสติปัญญา เห็นความไม่เที่ยง เห็น‌อนัตตา จิตก็ตั้งมั่น ในพระพุทธ พระธรรม พระ‌สงฆ์ โดยไม่หวั่นไหว

    ท่านว่า ออกพรรษาปีนั้นใจมันเปลี่ยน‌สภาพ จากเดิมมามั่นคงอยู่กับการเจริญสมถ‌วิปัสสนาธรรม เลยยืน เดิน นั่งแบบนั้นตลอด‌ไตรมาส เป็นเวลาถึง 5 ปี ปีที่ 5 นั้นทำต่อ‌เนื่องอยู่ถึง 7 เดือน

    ระหว่างภาวนากับหลวงปู่ขาวนั้น เช้าหนึ่ง‌หลวงปู่ขาวได้ถามท่านว่า“ทา...พ้นทุกข์หรือยัง ผมเข้าใจว่า ท่านพ้นทุกข์แล้วนะ ‌เพราะเห็นท่านนั่งภาวนาแล้วมีรัศมีรุ่งโรจน์‌คืนยันรุ่ง”

    หลวงปู่จันทากราบเรียนท่านว่า ยังหรอก‌ครับหลวงปู่ เพียงแต่เมื่อคืนสำคัญที่สุดกว่าทุก‌คืน และคืนที่ว่านั้นคือ คืนที่จิตรวมพรึ่บเหลือ‌แต่ผู้รู้กับสติ และจิตตั้งมั่นในพระพุทธ พระ‌ธรรม พระสงฆ์ ถวายชีวิตเป็นพรหมจรรย์ ไม่‌กลับคืนโลกอีกแล้วนั่นเอง

    หลวงปู่จันทา เล่าไว้ถึงการสิ้นความลังเล‌สงสัยในมรรคผลนิพพานว่า เมื่อก่อนก็สงสัยว่า ‌มรรคผลธรรมวิเศษนั้นหมดสมัยไปแล้ว ไม่มีอีก‌แล้ว แต่ก็เชื่ออยู่ว่า ถ้าปฏิบัติจริงต้องได้รู้ได้เห็น ‌จึงตั้งใจอธิษฐานที่วัดป่าแก้วบ้านชุมพล อ.สว่าง‌แดนดิน จ.สกลนคร ว่า ถ้าบุญพาวาสนาส่งที่‌ได้ประพฤติปฏิบัติมาแต่ภพก่อนและชาตินี้‌ประกอบกันเข้า ก็ขอจงเห็นเป็นไป จะได้สิ้น‌สงสัย จะทำความเพียรบูชาพระพุทธ พระ‌ธรรม พระสงฆ์ เพื่อว่าจะได้แลกเปลี่ยนเอาซึ่ง‌บุญกุศลมรรคผลเท่าที่ควรนั้นขอจงเป็นไป

    จากนั้นตั้งสัตย์ว่า 6 วัน 6 คืน จะไม่นอน ‌แต่ละวันจะฉันเพียง 5 คำ

    ท่านว่า พอดำเนินไปตามนั้นครบ 6 วัน ‌นอนลงพักผ่อน โดยวางความอยาก วางหมด‌ความอยากรู้ อยากเห็น อะไรทั้งหลายวางหมด ‌จิตก็รวมพั่บลงถึงขณิกสมาธิ หนังแขนขวาแตก‌ออกตั้งแต่สุดปลายมือจนถึงแขนศอก กระดูก‌แทงทะลุหนังขึ้นมา เป็นอสุภกรรมฐาน มรณ‌กรรมฐาน

    เกิดนิมิตหนนี้ต่างจากคราวก่อน เพราะ‌ตอนนี้ได้ครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอนมาแล้ว ‌ท่านว่าได้มีดในนิมิตมาจากไหนไม่รู้ ค่อยๆ ปาด‌หนัง ค่อยๆ แล่ออกทั้งแขน ทั้งขาออกหมด ‌เหลือแต่เนื้อห่อหุ้มอยู่ ปาดศีรษะ ลอกออก ‌เหลือแต่ตา ดึงไม่ออก จากนั้นหลังได้กลับเข้า‌ไปหุ้มร่างกายตามเดิม จิตพับกลับเข้าไปสู่ภพ‌เก่าที่มาถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา

    เมื่อกำหนดถามว่า ธรรมที่เกิดขึ้นนี้เป็น‌ธรรมอะไร ก็มีคำตอบว่า เป็นผลมาจากการ‌ปฏิบัติ และตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติตามคำสอนของ‌พระพุทธองค์ ตราบนั้นบุญกุศลมรรคผล ธรรม‌อันวิเศษยังมีอยู่ตราบนั้น ไม่มีหมดไปจากโลก ‌ไม่มีสาบสูญไปจากผู้ปฏิบัติ

    จากนั้นเมื่อน้อมลงสู่ไตรลักษณ์ เพ่งอยู่‌อย่างนั้น แบบ“ไม่กลัวตาย ใจกล้าแข็ง อาจ‌หาญ ชาญชัย กำหนดปล่อยวางเสมอ อุปาทาน ‌ความยึด น้อมลงสู่ไตรลักษณ์”

    พอหนังแตก กระดูกโผล่ขึ้นมา อนิจจาทุกขตา อนัตตา อนิจจตา ความไม่เที่ยง เป็น‌ทุกข์ ความแปรปรวน การไม่ถือตัวตนเราเขา ‌ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่เที่ยงแท้คลายกำหนัด ‌ไม่ยึดไม่ถือต่อไป

    “เมื่อไม่ยึดไม่ถือต่อไปแล้ว ก็เร่งความเพียร‌เผากิเลส สิ่งเป็นเหตุให้เกิดภพชาติสังขารซ้ำๆ ‌ซากๆ ให้กิเลสนั้นเร่าร้อนกระวนกระวาย ผล‌สุดท้ายกิเลสนั้นก็ทนไม่ไหว ก็คงจะออกไปได้ ‌ถ้าไม่ขาดจากใจไปอย่าง สมุจเฉทปหาน ก็จะ‌ออกจากใจไปอย่างที่เรียกว่า ตทังคปหาน ‌ประหารอยู่ด้วยความเพียร เดิน ยืน นั่ง หรือ‌วิกขัมภนปหาน ประหารอยู่ด้วยสติปัญญาข่มขู่‌ฝึกสอนจิตให้เห็นชอบทุกอย่าง

    น้อมลงสู่ไตรลักษณ์ กิเลสนั้นก็พลอยที่จะ‌อ่อนกำลัง จะหมดสิ้นไปแล้ว กายกับจิตกับสติ‌นั้นจะรวมเข้าไปเป็นมรรคสามัคคีอารมณ์เดียว ‌เห็นจริงแจ้งชัดทุกอย่างนั้นแหละ โดยไม่ต้อง‌สงสัย

    จากนั้นจิตก็จะสงบ ลงขั้นไหนก็ไม่ทราบ ‌สงบลงไปนั้น แสงสว่างเกิดขึ้น ปีติก็เกิดขึ้น ก็‌เป็นกำลังของจิตนั่นแหละ จิตนั้นได้ดื่มรสของ‌ความสงบและเห็นธรรมเกิดขึ้น จิตนั้นก็สิ้น‌สงสัยในไตรวัฏโลกธาตุ ไม่มีอะไรเป็นเขา เป็น‌เรา หมดเสียสิ้น”

    หลวงปู่จันทา หยุดวัฏฏะสงสารในชาตินี้‌แล้วด้วยวัย 90 ปี 11 วัน พ.ศ. 2555 SAM_6500.JPG SAM_9077.JPG SAM_9079.JPG SAM_9081.JPG SAM_9082.JPG SAM_7644.JPG
     
  17. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 725 เหรียญรุ่น 1 ประสบการณ์หลวงปู่เคน เขมาสโย พระอรหันต์เจ้าวัดป่าหนองหว้า อ.สว่างเเดนดิน จ.สกลนคร หลวงปู่เคนเป็นศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม เหรียญสร้างปี 2547 เนื้อทองฝาบาตร รุ่นนี้มีประสบการณครับ หลวงปู่เเจกในงานกฐิน มีลูกศิษย์ได้รับเเล้วโดนลอบยิง ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออก เหรียญรุ่นนี้ของหลวงปู่ดังมาก หายากมาก พระลูกวัดของหลวงปู่เล่าให้ฟังเองครับ พื้นที่ 1000กว่าบาทขึ้น พระบอกเหรียญต้องสีนี้เท่านั้น มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา เป็นมงคล ******* บูชาที่ 905 บาทฟรีส่งems ประวัติโดยย่อพอสังเขปหลวงปู่เคน เขมาสโย
    วัดป่าบ้านหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน สกลนคร
    ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านมีชาติกำเนิดในสกุล “นิ่งแนน” ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับ วันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ณ บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นบุตรของคุณพ่อไพ คุณแม่บับ ท่านเกิดได้ไม่นานแม่ก็เสียชีวิต น้าสาวเลยเอาท่านไปเลี้ยงเป็นลูก แล้วเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ฤกษ์งาม”
    ในสมัยเด็ก ๆ องค์ท่าน มีจิตใจในทางเมตตา ใฝ่ใจใคร่รู้ในทางธรรมมาก และมีจิตเมตตา สงสารในสัตว์เล็ก สัตว์น้อย และมีชีวิตที่ไม่โลดโผนมากนัก ผิดกับวัยรุ่นวัยหนุ่ม ที่คะนองตามแบบหนุ่มบ้านนอกลูกทุ่งโดยทั่วไป ด้วยใจที่ใฝ่ในทางธรรม จึงออกปากขอโยมพ่อ โยมแม่ ขอออกบวช ก็เป็นที่น่ายินดีกับทุกคนที่ได้รับฟังเวลานั้น ช่วงนั้นเป็นเดือน ๑๑ เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าว พอตอนเย็น ท่านกับเพื่อน ๆ ที่พร้อมจะบวชด้วยกันทั้ง ๔ คน ก็มาฝึกขานนาคกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง
    ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี ณ สิมกลางน้ำ วัดป่าบ้านหนองดินดำ(ภายหลังเปลี่ยนเป็น วัดป่าคามวาสี) ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล โดยมีพระอธิการพุฒ ยโส (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูพุทธิวาคม) เป็นอุปัชฌาย์ หลวงปู่นนท์ โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่หอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอาจารย์เคน ได้รับฉายาว่า "เขมาสโย" แปลว่า "ผู้ยินดีอาศัยในธรรม" ในการบวชครั้งนั้นได้มีการเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทพร้อมกัน ๔ นาค คือ
    ๑.นาคเคน ฤกษ์งาม หรือท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย
    ๒.นาคประสาร รำไพ หรือท่านพระอาจารย์ประสาร ปัญญาพโล
    ๓.นาคสมัย โสภาจาร หรือท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก
    ๔.นาคชาลี โคตรสมบูรณ์ บวชเป็นสามเณร เพราะอายุยังไม่ถึง ต่อมาได้ลาสิกขาบท
    หลังจากท่านบวชแล้วก็ติดตามหลวงปู่นนท์ โกวิโท เที่ยวไปธุดงค์ที่ จ.นครพนม ได้ไปศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่บุญมา มหายโส ที่วัดอรัญญิกาวาส อ.เมือง จ.นครพนม อยู่พักหนึ่ง
    ภายหลังหลวงพ่อวัน อุตตโม แห่งวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ได้ฝากให้ท่านไปอยู่จำพรรษากับหลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต เพื่อให้ท่านสอนวิปัสสนากรรมฐานในเบื้องต้นให้ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่คำ มีอายุ ๖๐ ปี ที่วัดศรีจำปาชนบท บ้านพังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร เป็นพรรษแรก คือปี พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่คำ ให้อาตมาฝึกนั่งสมาธิเจริญคำภาวนาว่า “พุทโธ” ด้วยการให้พิจารณาการหายใจเข้าหายใจออกอย่างสม่ำเสมอ และให้มีสติกำหนดรู้อยู่ในการหายใจ ฝึกอยู่ได้หนึ่งพรรษาจิตยังหยาบอยู่ จึงต้องตั้งสติอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
    จากนั้นจึงไปศึกษาธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์จันทร์ ไปอยู่บ้านนาเหมือง จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์จันทร์ ได้สอนการอ่านตัวธรรมที่จารอยู่ในใบลานต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการฝึกจิตเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนจิตใจสงบดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้หูตาสว่างไสวไปอีกขั้นหนึ่ง คือมองอะไรก็เป็นธรรมดา จิตใจไม่ว้าวุ่นเป็นสมาธิดี ท่านพระอาจารย์เคนอยู่อบรมธรรมกับพระอาจารย์จันทร์อยู่ ๓ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๔๙๕ ถึงปี พ.ศ.๒๔๙๗ จากนั้นก็ไปจำพรรษาที่วัดโนนแสนคำ บ้านทุ่งคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ณ ที่นี้ ก็เป็นสัปปายะดี คือเป็นสถานที่ดี มีความสงบสงัด เป็นที่ถูกใจ เหมาะแก่การภาวนาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านอยู่จำพรรษาที่นี่ ๑ พรรษ คือปี พ.ศ.๒๔๙๘
    จากนั้นจึงมาอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ๔ พรรษา คือ ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ จากนั้นท่านทราบข่าวว่าหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นลูกศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระที่มีปฏิปทาที่น่าเลื่อมใส จึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาอบรมธรรมอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี อีก ๑ พรรษา คือปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงปู่อ่อน ได้อบรมสั่งสอนในเรื่องทางการฝึกจิต ความเจริญทางจิตใจนั้น เราจะปล่อยไปเองตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะใจจะไหลลงต่ำ ไม่ดีงาม เราต้องรู้จักควบคุมบังคับ ฝืนไม่ให้อาหารในทางเสื่อม ไม่อย่างนั้นจิตใจจะไม่เจริญก้าวหน้า ท่านสอนให้ยึดคำบริกรรม “พุทโธ” เป็นหลัก เพราะไม่มีคำบริกรรมอย่างใดจะดีเท่าการสรรเสริญพระพุทธเจ้า
    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อบรมเรื่องการอยู่ป่าเป็นวัตร เมื่อไปอยู่ป่าแล้ว อย่าไปยึดป่า อย่ามีอุปาทานในป่า เรามีนี่เพื่อทำปัญญาให้เกิด ถ้ายังไม่มีปัญญา ก็จะเห็นว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น เป็นปฏิปักษ์กับเรา เป็นข้าศึกกับเรา ถ้าปัญญาดีแล้ว รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น ไม่ใช่ข้าศึก แต่เป็นสภาวะที่ให้ความรู้ความเห็นแก่เราอย่างแจ้งชัด เมื่อสามารถกลับความเห็นอย่างนี้ แสดงว่าปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์เคน รับการอบรมจากหลวงปู่อ่อนแล้ว ก็ได้กราบลา แล้วธุดงค์ไปที่ดงหม้อทอง แล้วไปอยู่ตามเขาตามถ้ำต่าง ๆ ที่ อ.บ้านผือ
    สมัยนั้นยังมีป่าไม้ให้ร่มเย็น สมัยที่องค์ท่านออกเดินธุดงค์ ไม่ต้องกล่าวถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง เรียกว่า มีแต่ป่ากับป่า ท่านเล่าว่าสิงสาราสัตว์ อย่างเสือ กวาง เก้ง แม้ช้างป่า มากมายจริง ๆ แต่ก็ไม่ทำให้องค์ท่านท้อในการเดินทางเข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์ การไปอยู่ ณ ที่ใด ก็ได้พิจารณายึดเอาคำสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ท่านได้แนะนำให้ไปปฏิบัติตามครรลองของพระพุทธศาสนา การบิณฑบาตในสมัยนั้นก็ได้แต่ข้าวเหนียว ไม่มีกับข้าว อดบ้างอิ่มบ้างก็อดทนอดกลั้น แม้จะพบความยากลำบาก ก็ไม่กังวลกับสิ่งใดใด
    ท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย ได้ธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว ขึ้นไปธุดงค์อยู่รุกขมูลตามร่มไม้ เพิงหิน โถงถ้ำที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ที่ภูเขาควายนี้เป็นที่มีอาถรรพณ์ และศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยภูตผีวิญญาณร้าย พระธุดงค์มากมายเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็นจำนวนมาก ท่านเล่าว่า ที่ภูเขาควายนี้เป็นภูเขาที่สูงมากของฝั่งลาว สูงกว่าดอยสุเทพเสียอีก เป็นภูเขาที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะเป็นป่าทึบดงดิบหนา มีสัตว์ป่ามากมาย เช่นช้าง เสือ หมี งู และสัตว์มีพิษอื่น ๆ อยู่มาก ที่สำคัญอากาศบนยอดเขาภูเขาควายหนาวเย็นมาก ถ้ามองรอบตัวจะไม่เห็นอะไรเลย เพราะป่ามันทึบมาก
    เวลาขึ้นเขาไปต้องค่อย ๆ มีสติเหยียบก้อนหินขึ้นไปทีละก้อนอย่างเชื่องช้า เพราะหินบางก้อนลื่นมาก เขาก็สูงชันมาก กลัวจะพลาดตกลงไป ทั้งบนบ่าก็แบกกลด แบกบาตรอัฐบริขารหนักมาก ท่านนึกถึงตนเองสมัยนั้นก็น่าสงสารตนเองยิ่งนัก แต่เราเป็นพระที่ขึ้นชื่อว่าเสียสละในทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยปลงได้ เพราะถือว่าครูบาอาจารย์ก็เคยลำบากมาก่อนแล้ว ท่านจึงได้ดีมีอรรถมีธรรม ครูบาอาจารย์ที่เคยมาเยือนที่ภูเขาควายแห่งนี้ในสมัยก่อน ได้แก่ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่เครื่อง ธัมมธโร หลวงปู่ขาว อนาลโย และพระอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ก็เคยมาเยือนที่ภูเขาควายเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วทั้งนั้น
    เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ท่านพระอาจารย์เคน ได้เห็นตาผ้าขาว กำลังกวาดใบไม้อยู่บนพลาญหิน จึงรู้สึกดีใจว่าบนยอดภูเขาควายนี้ ก็มีผู้มาบำเพ็ญสมณธรรมเช่นกัน ท่านจึงรีบเดินตรงเข้าไปหาหวังพูดคุยเจรจาด้วย เพราะไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแล้ว แต่พอไปถึงที่นั้นกลับไม่พบใคร มีแต่ความว่างเปล่า หรือจะเป็นเทพเทวดาอารักษ์รักษาป่าก็เกินจะคาดเดาได้ คืนนั้นท่านพระอาจารย์เคน พักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำที่ท่านไปอยู่ก็มีโครงกระดูก ไม่ทราบเป็นของพระธุดงค์หรือของโยมชาวบ้านที่มาล่าสัตว์ คงจะมาพักแล้วโดนงูกันตายก็เป็นได้ เพราะมีสิ่งของบางอย่างวางทิ้งไว้เช่นกาน้ำ การมาอยู่ที่ภูเขาควายก็ได้ความสงบสงัด ความวิเวกดี ได้ความก้าวหน้าในสมาธิตามลำดับ ท่านได้เที่ยวไปที่ต่าง ๆ ในเขตฝั่งลาวอยู่ถึง ๒ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๕๐๔ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๕
    ในช่วงนั้นเกิดความไม่สงบของบ้านเมืองในประเทศลาว ชาวบ้านจึงให้ความเห็นให้ท่านเดินทางกลับมาฝั่งไทยจะดีกว่า ท่านธุดงค์ข้ามมาทางบึงกาฬ-ปากคาด-โซ่พิสัย เรื่อยมาทางคำตะกล้า-บ้านม่วง ผ่านวานรนิวาส จนมาถึงสว่างแดนดิน ท่านพระอาจารย์เคน เขมสโย ได้มาวิเวกมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่บ้านหนองหว้าครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ บริเวณด้านหลังกุฏิไม้(หลังเก่า)ขององค์ท่าน ท่านว่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยมาปักกลดอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนแถบนี้เป็นป่ารกชัฏ แล้วก็ยังมีเสืออยู่ แต่ปัจจุบันก็เป็นอย่างที่เห็น กลายเป็นไร่นาของชาวบ้านหมดแล้ว สมัยที่ท่านพระอาจารย์เคน มาวิเวกอยู่ที่นี่ครั้งแรก มีชายรูปร่างสูงใหญ่ เป็นคนโบราณ ตัวดำทมึน เดินเข้ามาหา บอกว่าตามมาดูแลรักษา มิให้เกิดอันตรายใดใดทั้งสิ้น ขอให้ปฏิบัติธรรมไปด้วยความสบายใจ เขาบอกว่าเขาตามมาจากฝั่งลาว จะมาขออยู่ด้วยตลอดไป ท่านพระอาจารย์เคน ก็ไม่ได้ว่าอะไร
    จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้เข้าไปศึกษาอบรมธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ที่ถ้ำพวง ภูผาเหล็ก อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์วัน เป็นพระที่มีเมตตาธรรมมาก เป็นพระปฏิบัติดีเคร่งครัดพระธรรมวินัยรูปหนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านพระอาจารย์วัน นับเป็นอาจารย์ใหญ่ของท่านพระอาจารย์เคน ที่ท่านมีแต่ให้มาตลอด ข้อธรรมที่ไม่รู้ ท่านก็สอนให้รู้โดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด ท่านสอนให้พิจารณษสังขารร่างกายนั้นเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ อย่าไปยึดติดในสิ่งที่อยู่นอกกาย เช่น เนื้อหนังมังสาที่สวยงาม ล้วนแต่เป็นอนิจจังเป็นของไม่เที่ยงแท้ทั้งนั้น
    ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านได้มากลับมาอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีโยมอุบาสกคนหนึ่งชื่อ “จันทร์เรียน” ได้มาฝึกขานนาคด้วย มีท่านพระอาจารย์เคน และท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก ช่วยกันสอนการออกเสียงอักขระ การขานนาคให้กับท่านจันทร์เรียน ท่านพระอาจารย์เคน จึงถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์ และเมื่อครั้งท่านอาจารย์จันทร์เรียน อุปสมบทที่วัดโพธิสมภรณ์ ท่านพระอาจารย์เคน ก็ได้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร แห่งวัดถ้ำสหาย อีกด้วย
    จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้กลับไปวิเวกอยู่ที่ป่าช้า บ้านหนองหว้าอีกครั้งนึง แล้วจึงได้อยู่โปรดญาติโยม จนได้สร้างเป็นวัดป่าหนองหว้า ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๖ หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านไปจำพรรษาที่วัดถ้ำสหายกับหลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร เนื่องจากหลวงปู่เคนท่านอาพาธ หลวงพ่อจันทร์เรียนเลยอาราธนานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วย ท่านเล่าว่าสมัยอยู่วัดป่านิโครธาราม ญาติโยมเอาหลวงพ่อจันทร์เรียนไปฝากท่านให้สอนขานนาคเนื่องจากหลวงปู่อ่อน ญาณสิริไม่อยู่ เพราะหลวงปู่อ่อนไปทำธุระที่กรุงเทพ ฯ ที่แรกท่านว่าจะไม่รับ รอหลวงปู่อ่อนกลับมาค่อยเอามาฝากหลวงปู่อ่อนใหม่ ญาติโยมไม่ยอม จำเป็นท่านเลยรับไว้ และก็สอนขานนาคให้ หลวงพ่อจันทร์เรียน นึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์สมัยหลวงปู่เคน ท่านเคยสอนนาค และอยู่อบรมธรรมด้วยกันมาเสมอ
    หลวงปู่เคน เขมาสโย มีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือ
    ๑.หลวงปู่ประสาร ปัญญาพโล วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
    ๒.หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก วัดป่าโนนแสงทอง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
    ๓.หลวงปู่เกิ่ง วิทิโต วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
    หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง อารมณ์ดี เยือกเย็นเสมอ พร้อมให้การสังเคราะห์ต่อศรัทธาญาติโยม ท่านมีอัธยาศัยเป็นพระที่ไม่ค่อยเก่งในการปฏิสัณฐานกับศรัทธาญาติโยมมากนัก เรียกว่าไม่ค่อยพูด นอกเสียจากว่านาน ๆ ครั้งองค์ท่านก็มีเมตตาสอนให้ข้อคิดคติธรรมบ้าง ในลักษณะคำสอนสั้น ๆ แต่ก็ถึงใจกับลูกศิษย์ลูกหา เมื่อได้น้อมใจที่พยายามเข้าใจในธรรมที่องค์ท่านเมตตาสอน ทั้งผิวพรรณขององค์ท่านก็สดใส ขาวผ่อง สมกับความเป็นพระอริยเจ้าผู้มีคุณธรรมขั้นสูง หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร ศิษย์ผู้มีความผูกพันกับหลวงปู่เคน เคยกล่าวไว้ว่า "พระผู้เฒ่าไม่ต้องห่วงแล้ว ท่านสบายแล้ว”
    หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จยุพราชสว่างแดนดิน เนื่องจากลื่นหกล้มที่กุฏิ ในช่วงก่อนวันคล้ายวันเกิดในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซึ่งทำให้สะโพกท่านหัก ภายหลังจึงได้นำตัวท่านส่งไปโรงพยาบาลสกลนคร และได้ละสังขารเข้าอนุปาิเสสนิพพานลงด้วยสาเหตุไตวาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๔๕ นาฬิกา ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา สิริรวมอายุ ๘๖ ปี ๗ วัน พรรษา ๖๓ SAM_9075.JPG SAM_9074.JPG SAM_7605.JPG
    6418_n-jpg-_nc_cat-102-_nc_sid-2d5d41-_nc_ohc-laes_fxmx4ax80hvwd-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg-jpg.jpg
     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 726 เหรียญรุ่น 3 หลวงตาเเตงอ่อน กัลยาณธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าโชคไพศาล อ.วานรนิวาส หลวงตาเเตงอ่อนเป็นศิษย์รุ่นยุคสุดท้ายหลวงปู่มั่น เหรียญสร้างปี 2549 เนื้อทองเเดงผิวปรอท สร้างเนื่องหลวงตาอายุครบ 7รอบ 84 ปี มีพระเกศาหลวงตามาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 255 บาทฟรีส่งems SAM_6773.JPG SAM_8607.JPG SAM_8608.JPG SAM_7616.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2021
  19. birdyik

    birdyik Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +132
    ขอจองรายการนี้ครับ
     
  20. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,905
    ค่าพลัง:
    +6,826
    ขอจอง725ครับ
     
  21. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 727 พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่พระหลวงคามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระหลวงตาเป็นศิษย์ยุคกลางหลวงปู่มั่น องค์นี้พิเศษมีฝังพระเกศาเยอะมาก ,ตะกรุดทอง 1 ดอก,จีรวร เป็นต้น เนื้อสีดำ มีพระเกศาหลวงตามาบูชาเป็นมงคล **************บูชาที่ 595 บาทฟรีส่ง.EMS SAM_7657.JPG SAM_9083.JPG SAM_9084.JPG SAM_9085.JPG SAM_9086.JPG SAM_9087.JPG SAM_8198.JPG
     
  22. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 728 พระผงสมเด็จรุ่นพิเศษผสมเกศาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์พระสร้างปี 2537 (ทันหลวงปู่ครับ) รุ่นนี้พิเศษมีผสมนํ้าปัสสาวะของหลวงปู่ด้วยครับ พระสวยไม่เคยใช้ มีคราบพระธาตุผุดนิดๆ มีพระเกศาเเละพระธาตุมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ************บูชาที่ 405 บาทฟรีส่งems SAM_9092.JPG SAM_9093.JPG SAM_8010.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...