มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Peterbn

    Peterbn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    446
    ค่าพลัง:
    +294
    ขอจองครับ
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ราการที่ 641 เหรียญหลวงปู่มี (หลวงปู่เกล้า) ปมุตฺโต พระอรหันต์เจ้า
    วัดดอยเทพนิมิตร (วัดถ้ำเกีย)
    บ้านหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลวงปู่เกล้าเป็นศิษย์หลวงปู่อ่อน ญานสิริ พระอรหันต์วัดป่านิโครธาราม เหรียญสร้างปี 2560 เนื้อทองฝาบาตร มีตอกโค๊ตตัวเลข ๙ หน้าเหรียญ อฐิษฐานจิตโดยหลวงปู่ลี กุสลธโร พระน้องชายหลวงปู่เกล้า(เเต่บวชพระก่อนพี่ชาย) มีพระเกศาหลวงปู่เกล้ามาบูชาเป้นมงคลด้วยครับ (มาพร้อมกล่องเดิม)*******บูชาที่ 235 บาทฟรีส่งems # ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่มี (หลวงปู่เกล้า) ปมุตฺโต
    วัดดอยเทพนิมิตร (วัดถ้ำเกีย)
    บ้านหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี


    95-e0-b8-a7-e0-b8-b1-e0-b8-94-e0-b8-96-e0-b9-89-e0-b8-b3-e0-b9-80-e0-b8-81-e0-b8-b5-e0-b8-a2-jpg.jpg

    ประวัติย่อๆหลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตฺโต พระอริยสงฆ์แห่งถ้ำเกีย องค์ท่านเป็นพระพี่ชายแท้ๆ ของหลวงปู่ลี กุสลธโร องค์หลวงปู่มี ปมุตฺโต หรือที่รู้จัก หลวงปู่เกล้า อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยเทพนิมิตร (ถ้ำเกีย) บ้านหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

    หลวงปู่มี ปมุตฺโต นามเดิม นายมี ชาลีเชียงพิณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๒ ณ บ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.ด้านซ้าย จ.เลย

    โยมบิดาชื่อ นายอู๊ด ทองคำ อาชีพเป็นช่างตีทอง และโยมมารดาชื่อ นางโพธิ์ ชาลีเชียงพิณ มีพี่น้องรวมกัน ๔ คน คือ

    ๑. นางวันดี เพ็งลี (ชาลีเชียงพิณ) ถึงแก่กรรมแล้ว
    ๒. หลวงปู่มี ปมุตโต
    ๓.
    หลวงปู่ลี กุสลธโร
    ๔. นางบุญก่อง ศรีบุญเรือง (ชาลีเชียงพิณ) น้องสาวต่างบิดา

    ต่อมามารดาได้พาพี่น้องทั้ง ๔ คน เดินทางอพยพมาตั้งรกรากที่ บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า (ในขณะนั้น) อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่เกล้า ได้รับการศึกษาถึงระดับ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองบัวบาน ในช่วงวัยเยาว์ท่านได้เคยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงได้ลาสิกขาออกมาทำงานช่วยมารดา และครอบครัว จากนั้นเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ในครั้งที่ยั้งเป็นฆราวาสนั้น ท่านได้สมรสกับ นางใคร่ มีบุตรธิดารวม ๔ คน คือ

    ๑. นางเกล้า ชาลีเชียงพิณ
    ๒. นายแดง ชาลีเชียงพิณ
    ๓. นายวีระชัย ชาลีเชียงพิณ
    ๔. นางวิไล ชาลีเชียงพิณ


    ชื่อหลวงปู่ท่านมีสองชื่อคือ “หลวงปู่มี” ซึ่งเป็นชื่อที่บิดามารดาตั้งให้ และอีกชื่อที่บุคคลทั่วไปทั้งฆราวาส พระเณร เอ่ยเรียกท่านด้วยความเคารพว่า “หลวงปู่เกล้า” ชื่อหลวงปู่เกล้านั้นมาจากธรรมเนียมชาวอีสาน ที่ถือปฏิบัติคล้ายๆ กันในการเรียกแทนชื่อของผู้เป็นพ่อหรือแทนชื่อของคนผู้เป็นแม่ ด้วยชื่อของลูกคนโต ด้วยท่านมีลูกคนโตชื่อ เกล้า ดังนั้นเพื่อนบ้านคนรู้จักมักคุ้นจึงเรียกชื่อท่านว่า พ่อเกล้า และเรียกกันจนติดปากเรื่อยมาเป็น หลวงปู่เกล้า เช่นทุกวันสมัยเป็นฆราวาส

    สมัยเป็นฆราวาสหลวงปู่ท่านเป็นนายพรานล่าเนื้อจนเป็นที่รู้จักคนทั้งหมู่บ้านและยังเป็นหมอยาสมุนไพรรักษาคนป่วยวิธีการรักษาของหลวงปู่ก็คือเอาเหล็กที่แดงๆ จากการเผาด้วยไฟมาว่างไว้แล้วเท้าหลวงปู่เหยียบลงที่เหล็กแล้วยกขาขึ้นไปเหยียบกับคนไข้ที่ปวดที่ต่างๆ ของร่างกายพอไปเหยียบคนไข้คนไข้ก็ร้องว่าร้อนแต่หลวงปู่ไม่ได้แสดงอาการว่าร้อนแต่อย่างไรเลย

    อุปนิสัยของท่านเมื่อยังเป็นฆราวาสนั้น ถ้าจะกล่าวว่าเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ก็ไม่เป็นการกล่าวผิดไปจากความเป็นจริงที่ท่านเป็นเลย จะลองให้ลูกศิษย์พระเณรฟังในขณะจับเส้นถวายท่านว่า เมื่ออดีตสมัยเป็นฆราวาส ท่านเคยเป็นผ้าขาวติดตามหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ในช่วงที่หลวงปู่ขาวออกวิเวกหลีกเร้นแสวงหาสถานที่ภาวนาไปตามป่าเขา เพื่อหลีกเร้นจากผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โอกาสเช่นนี้ ทำให้ท่านได้ติดตามหลวงปู่ขาวเข้าไปสู่บริเวณป่าลึกที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายอันตราย

    นอกจากต้องมีความสันโดษมักน้อยในเรื่องการกินอยู่แล้ว จิตใจต้องก็ยิ่งหนักแน่นมั่นคงกล้าหาญอย่างยิ่งด้วย การที่ได้อุปัฎฐากหลวงปู่ขาวทำให้ท่านได้มีโอกาสพบเจอครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน และรู้จักคุ้นเคยกับปฏิปทาพระกรรมฐานจนเป็นแรงศรัทธาประทับไว้ในใจ ในสมัยเป็นฆราวาส หลวงปู่ท่านพูดให้ฟังว่า เฮาอยู่กับหลวงปู่ขาว เมื่อหนึงไปล่างกระโถน หลวงปู่ขาว เฮาลืมเซ็ดให้แห่ง หลวงปู่ขาวไปเจอท่านเลยโยนกระโถนใส่หน้าเฮา ท่านกะว่าอยู่กับหลวงปู่มั่นบ่ได๋เด้อแบบนี้นะ เฮานะต้อนอยู่กับหลวงปู่ขาว อยู่ในป่าบางมื้อ หลวงปู่ขาวไปบิณฑบาตได๋แต่หมากพริกแห้งกับเกลือ เฮากะเอาหมากพริกแห้งกับเกลือมาตำแล้วเอาน้ำใส่ แล้วกะไปถวาย หลวงปู่ขาว ฉันเข่ากับน้ำพริก มันทุกบ่หมู่โต้คิดดู๊

    81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b8-ba-e0-b9-82-e0-b8-95-jpg.jpg
    หนังสือสุทธิของ หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตฺโต
    b1-e0-b8-87-e0-b9-84-e0-b8-a1-e0-b9-88-e0-b8-a1-e0-b8-b2-e0-b8-81-e0-b8-99-e0-b8-b1-e0-b8-81-jpg.jpg
    หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตฺโต วัดถ้ำเกีย ในวัยพรรษายังไม่มากนัก
    ◎ ชีวิตพรหมจรรย์เริ่มต้นกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
    ชีวิตครองเรือนของท่าน ขณะที่ลูกสาวคนสุดท้องยังเป็นเด็ก ภรรยาของท่านก็ได้เสียชีวิต ท่านก็ผละจากการเป็นผู้ครองเรือนเข้าบวชกับ
    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม หลวงปู่อ่อน ท่านได้วางระเบียบสำหรับฝึกฝนผู้ที่จะเป็นพระไว้อย่างเคร่งครัดทั้งนี้เพื่อสือทอดรักษาประเพณีข้อวัตรปติบัติตามแบบฉบับที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านดำเนินไว้เป็นแบบอย่าง หลวงปู่พูดอีกว่า ท่านเป็นผ้าขาวอยู่หนึ่งปีกับหลวงปู่อ่อน มีหลวงปู่อว้าน เขมโก เป็นพระสอนนาค จากบันทึกหลวงปู่อว้าน ท่านว่าหลวงตาเกล้าตอนเป็นนาค หลวงปู่อว้านได้ใช้หลวงปู่เกล้า ไปตัดไม้ไผ่มาทำไม้กวาด แต่ไปพลาดท่าไหนมีดเลยไปบาดมือหลวงปู่เกล้าเลือดไหลออกมามาก หลวงปู่พูดต่อว่า พอเลือดไหลออกมาแล้วหลวงปู่เกล้าจ่มคาถาไรไม่รู้แล้วเป่าเลือดก็หยุดไหล แล้วก็ไม่มีบาดแผลเลย

    มีอีกเหตุการณ์หนึ่งสมัยเป็นผ้าขาว วันหนึ่งหลวงปู่นั้นภาวนาอยู่ใต้ต้นยาง วันนั้นมีลมพัดเอากิ่งไม้ยางตกลง แต่ก็ไม่ถูกองค์หลวงปู่ เฉียดออกไม่ถึงสอกแต่หลวงปู่ยังนั่งทำสมาธิต่อโดยไม่มีอาการลุกหนีจนครบเจ็ดวันหลวงปู่จึงออกจากสมาธิแล้วมีคนไปถามหลวงปู่นั่งสมาธิอยู่นั้นไม่ได้ยินเสียกิ่งไม้ตกลงมาหรอหลวงปู่ก็ตอบว่าไม่ได้ยิน

    b5-e0-b8-a2-e0-b8-88-e0-b8-ad-e0-b8-b8-e0-b8-94-e0-b8-a3-e0-b8-98-e0-b8-b2-e0-b8-99-e0-b8-b5-jpg.jpg
    หลวงปู่มี (หลวงปู่เกล้า) ปมุตฺโต
    วัดดอยเทพนิมิตร (วัดถ้ำเกีย) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b8-ba-e0-b9-82-e0-b8-95-jpg.jpg
    หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตฺโต วัดถ้ำเกีย
    ◎ การตั้งวัดดอยเทพนิมิตร (ถ้ำเกีย)
    ขณะที่หลวงปู่เป็นพระนวกะ (บวชใหม่) ที่หนองบัวบานมีโครงการทำเขื่อนกักเก็บน้ำ (เขื่อนห้วยหลวง) หากสร้างเสร็จแล้วพื้นที่ที่กักเก็บน้ำอาจกินเนื้อที่บริเวณวัดหนองบัวบาน อาจถูกน้ำท่วมจนจมหายไปหมด จึงได้ขอพระราชทานวิสุงคาสีมา และได้ออกปากกับบรรดาลูกศิษย์ในวัดว่า ใครจะไปอยู่ไหนก็รีบไป ให้รีบหาวัดอยู่เพราะไม่แน่ว่าน้ำจะท่วมวัดจนจมอยู่ในเขื่อนหรือไม่ ด้วยเหตุหนี้พระลูกศิษย์ของ
    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลายรูป ได้กราบลาท่านออกจากวัดหนองบัวบานรวมถึงหลวงปู่ด้วยที่จำพรรษาอยู่กับท่านผ่านมา ๓ พรรษาแล้วด้วย เมื่อหลวงปู่เกล้าออกวัดหนองบัวบานแล้ว ได้วิเวกมาจนถึงภูกำพร้าแต่ก่อนบริเวณภูนี้ท่านเคยเที่ยวลัดเลาะผ่านมาเมื่อครั้งเป็นนายพราน ด้วยกุศลจิต ความศรัทธา เสียสละจากชาวบ้าน ทั้งขวนขาวยอนุเคราะห์ในการอุปัฎฐาก สถานที่ที่ท่านอาศัยวิเวกตรงนี้ จึงได้เป็นวัดดอยเทพนิมิตร หรือวัดถ้ำเกีย ในปัจจุบันนี้ (จากศาลาวัดห่างออกไปประมาณ ๕๐๐ เมตร มีถ้ำที่มีค้างคาวอยูอาสัยจำนวนมาก จนเป็นชื่อว่า “ถ้ำเกีย” เกียเป็นภาษาอิสาน หมายถึง “ค้างคาว“

    b5-e0-b8-a2-e0-b8-88-e0-b8-ad-e0-b8-b8-e0-b8-94-e0-b8-a3-e0-b8-98-e0-b8-b2-e0-b8-99-e0-b8-b5-jpg.jpg
    หลวงปู่มี (หลวงปู่เกล้า) ปมุตฺโต
    วัดดอยเทพนิมิตร (วัดถ้ำเกีย) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    ◎ ความเพียร
    ข้อวัตรปฏิปทาของหลวงปู่มี ทุกวันฉันเสร็จแล้วจะเข้าทางจงกรม จากนั้นจึงขึ้นกุฎินั่งสมาธิภาวนา ท่านเล่าว่า สมัยท่านเป็นพระบวชใหม่ได้หักหาญทำความเพียรอย่างหนักในการแก้นิวรณ์ อดหลับ อดนอน ๔ วัน ๔ คืนจนเป็นลมสลบไปในคืนที่ ๔ หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการโงกง่วงสัปหงกในการภาวนาอีกเลย กับครูบาอาจารย์ผู้เป็นมงคล สมันเป็นฆราวาสหลวงปู่มีโอกาสได้ติดตาม
    หลวงปู่ขาว อนาลโย นับเป็นสิริมงคลอย่างสูง เมื่อบวชเป็นพระหลวงปู่ก็ได้อยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นอาจารย์ผู้ให้นิสัย นับเป็นมงคลอย่างสูง เมื่อพระมหาเถระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ได้เมตตาเดินทางมาเยี่ยมที่วัดถ้ำเกียหลายครั้งหลายคราว ดังนั้นการปกครองพระเณรของหลวงปู่เกล้า ท่านจึงระวังไม่ให้เสียปกิปทาที่รักษามาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้ง ๓ องค์

    95-e0-b8-a7-e0-b8-b1-e0-b8-94-e0-b8-96-e0-b9-89-e0-b8-b3-e0-b9-80-e0-b8-81-e0-b8-b5-e0-b8-a2-jpg.jpg
    หลวงปู่มี (หลวงปู่เกล้า) ปมุตฺโต
    วัดดอยเทพนิมิตร (วัดถ้ำเกีย) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    ◎ ละสังขาร
    ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ หลวงปู่เกล้าเริ่มอาพาธมีอาการอาพาธทางด้านสมอง แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าสมององค์ท่านเป็นโรคสมองฝ่อ อาการของโรคชนิดนี้มักจะเป็นมากในผู้สูงอายุ ถ้าหากใครได้เป็นแล้วโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดนั้นยาก มีแต่ทรงไว้เท่านั้น แต่ร่างกายของท่านก็ยังดูแข็งแรงดีสมกับกาลพรรษา ยังเดินได้สะดวกและแววตาของท่านก็ยังสดใส หากโรคนี้ไม่มาเบียดเบียนท่าน ปฏิปทาข้อวัตรขององค์ท่านนั้นจะยังเหมือนเดิมทุกประการ


    ปี พ.ศ.๒๕๕๑ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ อาการป่วยขององค์ท่านก็เริ่มแสดงอาการอย่างเห็นได้ชัดว่าสังขารนี้เป็นของไม่เที่ยง องค์ท่านต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่านและมาสิ้นสุดลงแค่นี้ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ เวลา ๐๘.๐๐น. ท่านก็ได้ละธาตุขันธ์ ในระหว่างพรรษาที่ ๔๒ สิริอายุได้ ๘๙ ปี ๔ เดือน ๑๑ วัน ณ ศาลาวัดดอยเทพนิมิตร (ถ้ำเกีย) คงทิ้งไว้แต่บทเรียนปฏิปทาของท่านให้ลูกศิษย์ได้เห็นสัจธรรมและการปฏิบัติของท่านเพื่อให้เป็นข้อวัตรทางดำเนินเดินตาม “รอยเท้าพ่อ

    81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b9-82-e0-b8-95-1024x683-jpg.jpg
    เจดีย์พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่มี(เกล้า)ปมุตโต
    วัดดอยเทพนิมิต (ถ้ำเกีย) ต.หนองบัวบาน
    อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    80-e0-b8-81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b9-82-e0-b8-95-jpg.jpg
    รูปเหมือน หลวงปู่เกล้า ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตโต
    80-e0-b8-81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b9-82-e0-b8-95-jpg.jpg
    เครื่องอัฐบริขาร ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตโต
    81-e0-b8-a5-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-9b-e0-b8-a1-e0-b8-b8-e0-b8-95-e0-b9-82-e0-b8-95-614x1024-jpg.jpg
    รูปเหมือน ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่มี (เกล้า) ปมุตโต sam_8556-jpg.jpg sam_8558-jpg.jpg sam_8559-jpg.jpg sam_7605-jpg.jpg 561000011428003-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg



    561000011428004-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    หมายเหตุ>>>>>หลวงปู่ลี กุสลธโร พระน้องชายหลวงปุ่เกล้าศิษย์เอกพระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด(หลวงปู่ลีบวชพระก่อนตั้งเเต่ พ.ศ.2492 ครับ) หลวงปู่เกล้าเเต่ก่อนท่านเป็นนายพรานเคยอุปฐากอารักขารับใช้หลวงปู่ชาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพลในป่า 9 ปีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  3. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ ุ642
    เหรียญรุ่นฉลองสาลา+เหรียญที่ระลึก 87 ปี หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูมิพิทักษ์ อ.สว่างเเดนดิน จ.สกลนคร เหรียญรุ่นฉลองศาลาสร้างปี 2556 เนื้อทองเเดงรมมันปู ,ส่วนเหรียญ 87 ปี สร้างปี 2558 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ************มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วย>>>>>>>>บูชาที่ 235 บาทฟรีส่งems sam_7984-jpg-jpg.jpg sam_7980-jpg.jpg sam_7981-jpg.jpg sam_7772-jpg.jpg sam_7773-jpg.jpg sam_8108-jpg.jpg หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ พระอริยะสงห์แห่งวัดป่าภูมิพิทักษ์ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลวงปู่ท่านเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ชอบอยู่เงียบๆเรียบง่าย ไม่ติดในลาภสักการะ เมื่อเข้าไปพบเจอ สนทนากับหลวงปู่ มีแต่ความเยือกเย็น เมตตาหาที่สุดไม่มีประมาณ เป็นธรรมยิ่งนัก สาธุ สาธุ สาธุ.(หลวงปู่หนูเพชร องค์ท่านไม่รับกิจนิมนต์ออกจากนอกวัดเลย ใครจะมากราบก็มากราบที่วัดได้ตลอดเวลาครับผม) >>>>ประวัติย่อพอสังเขปหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    วัดป่าภูมิพิทักษ์
    ต.คำสะอาด อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๗๒
    ณ.บ้านบึงโน ต.บ้านหัน อ.บ้านหัน จ.สกลนคร
    ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น
    ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    บิดาชื่อนายบุญ ไพบูลย์ มารดาชื่อนางเคน ไพบูลย์
    มีบุตรร่วมกัน 6คน
    ๑.หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ (ไพบูลย์)
    ๒.นางเล็ก ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๓.นางสอง ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๔.นางทอง ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๕.น้องชาย (ไม่ทราบชื่อ) เสียชีวิตแล้ว
    ๖.น้องชาย (ไม่ทราบชื่อ)เสียชีวิตแล้ว
    เมื่ออายุ ๗ ปีท่านได้เข้าเรียนโรงเรียนวัดศรีชมภู
    บ้านบึงโนในปีพ.ศ. ๒๔๗๘ ได้เล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ ๔ ในปีพ.ศ.๒๔๘๓ ใช้เรียนเรียนอยู่๕ปี ช้ากว่าเด็กไว้เดียวกัน ๑ปี เพราะไม่ได้ไปสอบเลื่อนชั้น จึงได้เรียน ๕ปี เมื่อจบโรงเรียนวัดศรีชมภู
    ท่านมีอายุ๑๑ปี ในปี๒๔๘๓ หลวงปู่ธรรม เคยเป็นสามี พี่สาวมารดาหลวงปู่ เคยแต่งงานกับพี่สาวมารดาหลวงปู่แต่งไม่มีลูก จึงเลี้ยงดูหลวงปู่
    ต่อมาได้ทราบประวัติหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ
    ว่าท่านสละทรัพย์สมบัติ ชวนภรรยาออกบวช
    หลวงปู่ธรรมจึงได้ชวนภรรยาที่เป็นพี่สาวมารดาหลวงปู่ออกบวชเหมือนกัน
    หลวงปู่ธรรมได้มารับเด็กชายหนูเพชร ไพบูลย์
    ไปอยู่ด้วยที่วัดผดุงธรรม บ.ดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.สกลนคร (ซึ่งเป็นวัดแรกที่องค์หลวงปู่พรหม. จิรปุญโญได้สร้างขึ้น ก่อนจะสร้าวัดประสิทธิธรรม) ในปี ๒๔๘๓-๒๔๘๗ องค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ท่านยังไปวิเวกในเขตภาคเหนือ และเดินทางกับมาภาคอีสานในปีพ.ศ.๒๔๘๗
    เข้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ครั้งแรก
    อายุได้๑๒ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดชัยมงคล
    บ้านง่อน ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ในปี.พ.ศ.๒๔๘๔ โดยมีพระอุปัชฌาย์ฮวด สุมโน
    เป็นพระอุปัชฌาย์
    พรรษาที่๑ ได้สอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปีพ.ศ.๒๔๘๔
    พรรษาที่๒ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้ในปี พ.ศ.๒๔๘๕
    พรรรษาที่๓ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปีพ.ศ.๒๔๘๖
    พรรษาที่ ๔ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปี พ.ศ.
    ๒๔๘๗
    พรรษาที่๕ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปีพ.ศ.๒๔๘๘
    รวมระยะเวลาท่านสอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อยู่๔ปี
    ท่านจึงเลิกสอบ
    พรรษาที่ 6. พ.ศ. ๒๔๘๙ ระหว่างปี๒๕๘๗-๒๔๘๙ สามเณรหนูเพชร ไพบูลย์ ได้มีโอกาสศึกษาธรรมกับองค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ศิษยในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่พรหมถือเป็นศิษย์ในหลวงปู่มั่นที่สำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์องค์แรกที่หลวงปู่มั่นชมเชย
    เนื่องจากปี๒๔๘๗องค์หลวงปู่พรหมกลับภาคอีสาน
    ต่อมาไม่นานปี๒๔๘๙
    บิดาหลวงปู่ได้ป่วยไม่มีใครทำนาท่านจึงได้ตัดสินใจลาสิกขาออกไปทำนาเพื่อเลี้ยงน้องๆ ตามประเพณีที่ท่านเป็นลูกชายคนเดียวและคนโต
    *****เข้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ครั้งที่สอง
    ต่อมาอายุ ๒๐ย่าง๒๑ปี
    ท่านได้ชอบสาวในหมู่บ้านเดียวกัน เลยขอมารดาอยากแต่งงาน แต่มารดาไม่อนุญาติ พร้อมขอให้ท่าน
    อุปสมบทให้มารดาก่อนเพราะท่านเป็นลูกชายคนเดียวและคนโต ท่านจึงได้ตกลงจึงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม ณ.วัดศรีชมภู เพื่อให้พระอยู่ในสำนักสอนขานนาค (คำขออุปสมบท)
    ขณะท่านเข้านาคเป็นผ้าขาวอยู่นั้นผู้สอนคำอุปสมบทให้ท่านคือหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
    ขณะนั้นทางวัดศรีชมภู ชาวบ้านและครูบาอาจารย์ กำลังร่วมกันสร้างโบสถ์ขึ้น โดยมี พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม(พระครูฐิตธรรมญาณ) เป็นหัวหน้า
    พระอาจารย์มหาเถื่อน อุชุกโร(พระครูอดุลสังฆกิจ)
    พระอาจารย์คำฟอง เขมจาโร(พระครูพิพิธธรมสุนทร) พระอาจารย์โง่น โสรโย พระอาจารย์สมภาร ปัญญาวโร(พระครูปัญญาวรากร) พระอาจารย์อ่อนศรี ฐานวโร พระอาจารย์อุดม ญาณรโต(พระครูอุดมศีลวัฒน์) จนเสร็จสมบูรณ์ จึงทำการผูกพัทธสีมาพร้อมทั้งอุปสมบทพระภิกษุ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
    บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของขวัญแก่ชาวบ้าน
    นาคผ้าขาวหนูเพชร ได้รับการอุปสมบทหลังจากผ่านการฝึกหัดท่องคำขออุปสมบท พร้อมข้อวัตรปฏิบัติสมควรแก่การอุปสมบท
    >>>>>อุปสมบท
    ในวันจันทร์ที่ ๓๐ เดือนมกราคม ๒๔๙๓
    เวลาประมาณ๐๔ฺ.๐๐น เริ่มปลงผมโกนผมเวลา๐๒.๐๐น. ณ.อุโบสถวัดศรีชมภู บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    เช้าวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๙๓
    เป็นวันถวายเพลิงศพท่านพระอาจารย์ใหญ่
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ.วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง
    จ.สกลนคร
    โดยมี
    ๑.พระครูพุฒิวรคม (พุฒิ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์
    ๒.พระอาจารย์คำฟอง เขมจาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พระครูพิพิธธรรมสุนทร )
    ๓.พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    (พระครูฐิติธรรมญาณ)
    มีนาคผ้าขาวร่วมอุปสมบทจำนวณ๑๒ตัว(คน)
    จาก๔หมู่บ้าน
    ✅หลังจากเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ท่านได้ไปเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของพระอาจารย์มั่น อยู่ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานกับหลวงปู่พรหมระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านได้ไปเดินธุดงค์กับหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ถึงปี พ.ศ.2513 หลวงปู่หนูเพชรได้มาเจอวัดโบราณที่เป็นวัดร้าง ได้ตั้งชื่อวัดว่า "วัดป่าภูมิพิทักษ์" ท่านจึงมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมจนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่หนูเพชร เป็นพระเถระที่วัตรปฏิบัติเคร่งครัด เป็นพระชอบเก็บตัวเงียบ ซึ่งในขณะนั้น คณะศิษย์สายชลบุรีได้รู้จักจากการแนะนำของหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน จ.ชลบุรี เนื่องจากหลวงปู่หนูเพชรได้เคยป
    pic_2067_1-jpg-jpg.jpg
    pic_2067_2-jpg-jpg.jpg
    ( บน )ภาพแจกงานศพหลวงปู่


    ( ล่าง ) หลวงปู่ถ่ายภาพหน้ากุฏิสมัยที่ท่านยังแข็งแรงดีอยู่
    ฏิบัติธรรมกับหลวงปู่อ่อนศรี
    หลวงปู่อ่อนศรี ยังพูดบอกอีกด้วยว่า "หลวงปู่หนูเพชร ท่านเก่งกว่าฉันอีก" ก่อนที่หลวงปู่อ่อนศรี ท่านจะมรณภาพ ท่านเคยสั่งไว้ให้คณะศิษย์ไปกราบหลวงปู่หนูเพชร >>>>> sam_7456-jpg-jpg.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  4. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 643 เหรียญรุุน 1หลวงปู่ประครอง ปียธัมโม วัดดอยเทวธรรมมาราม อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย หลวงปู่ประครองเป็นศิษย์หลวงปุ่ขาน ฐานวโร พระอรหันต์วัดป่าบ้านเหล่า เหรียญสร้างปี 25ภุ เนื้อ มาพร้อมพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ***********บูชาที่ 445 บาฟรีส่งems (พื้นที่ 500 ขึ้นครับ)
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่ประครอง ปิยธัมโม
    วัดดอยธรรมาราม
    อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย
    -e0-b8-87-e0-b8-9b-e0-b8-b4-e0-b8-a2-e0-b8-98-e0-b8-b1-e0-b8-a1-e0-b9-82-e0-b8-a1-0-727x1024-jpg.jpg
    พระครูปิยธรรมคุปต์ (หลวงปู่ประครอง ปิยธมฺโม) วัดดอยธรรมาราม หลวงปู่ประครอง ปิยธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดดอยเทวธรรมมาราม อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียง
    พระครูปิยธรรมคุปต์ (หลวงปู่ประครอง ปิยธัมโม) เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘ พื้นเพท่านเป็นชาวจังหวัดสกลนครโดยกำเนิด บิดาชื่อ นายทอง ศรีอุทัย มารดาชื่อ นางครอง ศรีอุทัย มีพี่น้องร่วมท้อง ๕ คน ซึ่งท่านเป็นพี่ชายคนโต

    -e0-b8-ad-e0-b8-a2-e0-b8-98-e0-b8-a3-e0-b8-a3-e0-b8-a1-e0-b8-b2-e0-b8-a3-e0-b8-b2-e0-b8-a1-2-jpg.jpg
    พระครูปิยธรรมคุปต์ (หลวงปู่ประครอง ปิยธมฺโม) วัดดอยธรรมาราม
    เมื่อหลวงปู่ประครอง จบการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๔-๑๕ ปี ก็ได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานกิจการงานที่บ้าน จนอายุ ๒๐ ปี จึงได้ศึกษาและออกบวชทางพระพุทธศาสนา ได้บำเพ็ญสมณธรรมวัดในหมู่บ้านเป็นเวลา ๑ พรรษา จึงได้เดินออกธุดงค์ตามครูบาอาจารย์ที่เคารพ หลวงปู่ครองได้รับการอบรมฝึกปฏิบัติทางจิตใจก็ยิ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ตั้งใจจะปฏิบัติหาเหตุผลให้กับชีวิต ตลอดจนตั้งใจปฏิบัติให้พ้นวัฏฏะสงสาร และได้ไปประพฤติปฏิบัติธรรมที่ จ.จันทบุรี ๒-๓ พรรษา จนได้กลับมาเยี่ยมบ้าน เห็นว่าอย่างไร พ่อแม่ก็ยังมีน้องๆ คอยช่วยดูแลอยู่ ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมเริ่มจาก จ.อุดรธานี จ.เลย พิษณุโลก กำแพงเพชร เชียงใหม่ จนกระทั่งถึง จ.เชียงราย เดินเท้าบ้าง นั่งรถบ้าง หิวโหยบ้าง จนถึงกระทั่ง จ.เชียงราย คิดเห็นว่าบริเวณบ้านป่าสักงาม ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง แห่งนี้เหมาะที่จะเป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ต่อมา อยู่ต่อบ้านมีภูมิเทวดาได้ลงมาฟังเทศน์ฟังธรรมจึงได้รู้ว่ามีพระธุดงค์ท่านมาแสวงหาโมกขธรรม เริ่มแรก ได้เกิดนิมิตต่างๆ ได้บำเพ็ญอยู่บนยอดดอยในพรรษา ได้นิมิตเห็นแสงสว่างบนเจดีย์ ๓ ชั้น และในเวลาต่อมา มีโยมสองสามีภรรยา ซึ่งน่าจะเป็นเทวดา มากราบขอเป็นโยมอุปัฏฐาก


    ต่อมาได้มีชาวบ้านป่าสักงามมาร่วมกันอุปถัมภ์ดูแลสถานที่ปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นป่าชุมชน ชาวบ้านได้สร้างถนนขึ้นไปถึงบนดอย หลวงปู่ประครอง ได้อยู่จำพรรษา ๒ พรรษา จากนั้นจึงได้กลับมา จ.สกลนคร และในเวลาต่อมา หลวงปู่ได้กลับไปบ้านป่าสักงามอีกครั้ง ชาวบ้านได้ลงมติให้สถานที่นั้นเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาหลวงปู่ได้ตั้งชื่อว่า “ดอยเทวธรรมาราม” ชาวบ้านได้ก่อสร้างกุฏิ เสนาสนะ และได้มีพระมาจำพรรษาอยู่ด้วย ๒-๓ รูป ปี พ.ศ.๒๕๕๓ ทางสำนักพุทธได้แต่งตั้งให้เป็นวัดถูกต้องตามกฏหมาย โดยได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดดอยธรรมาราม“

    0-b8-ad-e0-b8-a2-e0-b8-98-e0-b8-a3-e0-b8-a3-e0-b8-a1-e0-b8-b2-e0-b8-a3-e0-b8-b2-e0-b8-a1-2-1-jpg.jpg
    วัดดอยธรรมาราม บ.ป่าสักงาม ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย
    หลวงปู่ประครอง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่นั้นมา ในช่วง ๒-๓ ปีหลัง สุขภาพหลวงปู่ไม่แข็งแรงนัก ศิษยานุศิษย์ที่ จ.สกลนคร จึงอาราธนาให้ท่านมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเกิดท่าน หลวงปู่ประครองได้ลงมาพำนักรักษาตัวอยู่ที่วัดป่าศรีลาธรรมาราม บ้านโคกศิลา อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร


    -e0-b8-ad-e0-b8-a2-e0-b8-98-e0-b8-a3-e0-b8-a3-e0-b8-a1-e0-b8-b2-e0-b8-a3-e0-b8-b2-e0-b8-a1-1-jpg.jpg
    พระครูปิยธรรมคุปต์ (หลวงปู่ประครอง ปิยธมฺโม) วัดดอยธรรมาราม
    ปัจจุบัน พระครูปิยธรรมคุปต์ (หลวงปู่ประครอง ปิยธมฺโม) ท่านได้มาพักจำพรรษา ณ วัดดอยธรรมาราม บ.ป่าสักงาม ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๗๕ ปี พรรษา ๕๒ ( กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓)


    9b-e0-b8-b4-e0-b8-a2-e0-b8-98-e0-b8-b1-e0-b8-a1-e0-b9-82-e0-b8-a1-e0-b9-85-e0-b9-85-e0-b9-85-jpg.jpg
    หลวงปู่ประครอง ปิยธมฺโม
    วัดดอยธรรมาราม บ้านป่าสักงาม ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง(สำหรับผมเองจะไปอ.เจริญศิลป์บ่อยๆ ไปกราบหลวงปู่เนย สมจิตโต ,เเล้วเลยไปกราบหลวงปู่ประครอง เเละไปกราบหลวงพ่อน้อย ฐานิสสโร วัดป่าภูหินกอง ถ้าใครไปเจริญศิลป์ จะรู้ว่าที่นี้มีอรหันต์ 3 องค์พี่น้องครับ) จ.เชียงราย อนึ่ง......วันที่ผมไปขอเกศาหลวงปู่ประครอง นั้น จะมีพระลูกศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดป่าภูหินกอง มาโกนปลงเกศาหลวงปู่เองุกวันโกน เพราะหลวงพ่อน้อยเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ประครองครับ พระมองหน้าผมใหญ่เลย มองเเบบไม่พอใจ ว่าผมมาเเย่งเกศาหลวงปู่ วันนี้โกนเกศาหลวงปู่เกือบ6 โมงเย็น เสร็จเกือบทุ่ม หนึ่ง เพราะสรงนํ้าหลวงปู่ไปในคราวเดียวกันครับ *******สำหรับหลวงพ่อน้อย ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในพรรษาที่ 16 ครับ SAM_8806.JPG SAM_8808.JPG SAM_8807.JPG SAM_8796.JPG SAM_8795.JPG SAM_7793.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 644 พระผงสมเด็จรุ่นพิเศษผสมเกศาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์พระสร้างปี 2537 (ทันหลวงปู่ครับ) รุ่นนี้พิเศษมีผสมนํ้าปัสสาวะของหลวงปู่ด้วยครับ พระสวยไม่เคยใช้ มีคราบพระธาตุผุดนิดๆ มีพระเกศาเเละพระธาตุมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ************บูชาที่ 405 บาทฟรีส่งems ( >>>>หมายเหตุรายการองค์นี้ไม่มีกล่องครับ) sam_8671-jpg.jpg sam_8670-jpg.jpg sam_8010-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 645
    เหรียญหล่อสติ นิพพาน 100 ปีหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต พระอรหันต์เจ้าวัดสวนทิพย์ อ.ปากเก็ด จ.นนทบุรี หลวงปู่บุญฤทธิ์เป็นศิษย์เอกรุ่นเเรกของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย เหรียญสร้างปี 2556 สร้างเนื่องหลวสงปู่อายุครบ 100 ปี เนื้อสำริด มีตอกโค๊ต 3 โค๊ต บ ฤ หลังเหรียญเเละโค๊ต กวาง หน้าเหรียญมีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ***********บูชาที่ 425 บาทฟรีส่งems # ประวัติย่อๆพอสังเขปหลวงปู่บุญฤทธิ์
    หลวงปู่บุญฤทธิ์ มีนามเดิมว่า บุญฤทธิ์ จันทรสมบูรณ์ เป็นบุตรชายของหลวงพินิจจินเภท กับ คุณแส จันทรสมบูรณ์ ท่านเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2458 ที่บ้านท่าอิฐ ต.ท่าอิฐ อ.พิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์ ในวัยเยาว์ มารดาเป็นผู้มีความศรัทธาในพุทธศาสนา รวมถึงเคยเข้ารับการอบรมในวัง จึงถ่ายทอดลักษณะนิสัย ระเบียบชีวิต แนวคิดต่างๆ ให้หลวงปู่ สอนให้หลวงปู่สวดมนต์ไหว้พระ อ่านหนังสือธรรมะจนติดเป็นนิสัย

    160202-3-2-jpg-jpg-jpg.jpg

    ในอดีตท่านเป็นนักศึกษาปริญญาจากต่างประเทศ เป็นข้าราชการหนุ่มอนาคตสดใส ครั้งอายุ 10-11 ปี ถูกส่งตัวเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเซ็นคาเบรียล กรุงเทพฯ รุ่นที่ 1 อาศัยอยู่กับคุณพระโสภณเพชรรัตน์ จนจบม.8 ภาษาฝรั่งเศส หลวงปู่บุญฤทธิ์ เคยได้รับรางวัลประกวดเรียงความชนะเลิศจาก จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ซึ่งเป็น รมต.กลาโหมสมัยนั้น จากนั้นได้สอบชิงทุน (กพ.) ได้ไปศึกษาต่อที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม พ.ศ. ๒๔๗๕ กลับจากเวียดนามรับราชการที่หอสมุดแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และภายหลังเป็นทูตที่พระตะบอง

    44521372_2427482870612125_1041978200088903680_n-jpg-jpg-jpg.jpg
    แต่ด้วยความเลื่อมใสปฏิปทาพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านจึงลาออกจากราชการแล้วออกบวช โดยบรรพชาอุปสมบทในปี 2489 ที่วัดศรีเมือง จ.หนองคาย และปฏิบัติธรรม ออกธุดงค์อยู่ตามป่าตามเขาโดยตลอด จนกลายเป็นศิษย์ของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และจำพรรษาด้วยกัน อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่ชอบอยู่หลายเดือน จากนั้น หลวงปู่บุญฤทธิ์ ได้เป็นพระธรรมทูต เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศกว่า 30 ปี เช่น เม็กซิโก สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ จีน เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ซึ่งหลวงปู่พูดได้ถึง 6 ภาษา กระทั่งจำพรรษาที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนทิพย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนมีอาการอาพาธ ต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง และได้ละสังขารเมื่อวันที่ 14 พ.ย. เวลา 22.22 น. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สิริอายุ 104 ปี
    “หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต” ละสังขารแล้ว ปี2561 สิริอายุ 104 ปี
    เปิดคำสอนสุดท้ายของ “หลวงปู่บุญฤทธิ์” ทุกสิ่งล้วนมีสังขาร >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ sam_8696-jpg.jpg sam_8697-jpg.jpg sam_8699-jpg.jpg sam_8698-jpg.jpg sam_7609-jpg.jpg * sam_0351-jpg-jpg-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  7. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,906
    ค่าพลัง:
    +6,829
    ขอจองครับ
     
  8. ผู้ผ่านมา

    ผู้ผ่านมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2006
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +140
    ขอบูชาครับ
     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    เรียนเพื่อนสมาชิกทราบเมื่อวานนี้หลวงปูไม อินทสิริ ่ท่านได้ละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพานเเล้วครับ a-png.png

    พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปูไม อินทสิริ) ได้ละสังขารแล้วเมื่อ เวลา 01.12 น. วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 แรม 4 ค่ำ เดือน 9 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี สำหรับองค์หลวงปู่ไม นี้ผมเองเคยนวดรับใช้เเละเคยขับรถให้ท่านนั่งด้วยครับ ไปนวดท่านบ่อยมากสมัยท่านยังเเข็งเเรง เพราะว่าพระน้องชาย(ลูกของป้าไปอยู่จำวัดที่วัดป่าหนองช้างคาว อุดรธานี) ที่ผมไปก็เพราะว่าเวลาได้วัตถุมงคลมาก็จะนำไปให้หลวงปู่ปลุกเสกอฐิษฐานจิตให้ครับ 555555 เเละอีกอย่างน้องนุ่งที่อำเภอบ้านผมไปบวชเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เยอะมาก เป็น 10 องค์เลยที่เดียว ทำให้ผมคุ้นเคยกับปู่พอสมควร ช่วงงานพระราชทานเพลิงองค์พระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด(ปี 2554 ) ผมเองได้ไปนอนใต้กุฏิหลวงปู่ไมเลยครับ ผมอยู่เป็น 10 วันเลยครับ พอหลวงปู่เข้าไปในงานทีข้างในวัดป่าบ้านตาดช่วงเช้า ช่วงสายกลับออกมาพักผ่อน ผมก็จะเข้าไปบีบนวดให้หลวงปู่ไมทุกครั้ง ผมได้ถามเรื่องนรก,สวรรค์,เรื่องเจ้าเเม่กวนอิมก็มีครับ ผมถามว่าหลวงปู่ไปเที่ยวบนสวรรค์บ่อย เคยเจอเจ้าเเม่กวนอิมบ้างมั่ย ท่านตอบว่าหลวงปู่ก็หาอยู่เจ้าเเม่กวนอิมบนสวรรค์ ท่านบอกว่าไม่เจอ เลย เจ้าเเม่กวนอิมท่านคงเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งนะ คงเข้าพระนิพพานไปเเล้ว(มันไปตรงกับคำเทศน์ของหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย ว่าคนที่จะมาเกิดเป็นโพธิสัตว์นั้น ต้องเป็นผู้ชาย เท่านั้น ผู้หญิงเป็นโพธิส้ตว์ไม่ได้ จึงเเจ้งเรียนให้ราบครับผม SAM_6762.JPG
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 646 พระผงสมเด็จปรกโพธิ์หลังรูปเหมือนหลวงปู่นั่งเต็มองค์ในซุ้มหลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์เจ้าวัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี องค์พระสร้างปี 2533 มีตอกโคีตหมึก มีฝังพระเกศาเห็นด้านรูปเหมือนหลวงปู่บุดดา องค์นี้มีเห็นเส้นเกศาหลวงปู่โผล่หลายเส้น เช่น ตรงผ้าข้างลำตัวด้านซ้ายเเละตรงปมผ้ารัดลำตัวหลวงปู่ มีเห็นโผล่ 2 เส้นขาวใสมาก เป็นต้น พระใหม่ไม่เคยใช้ ,มีพระเกศาหลวงปู่,เเป้งเสก,จีวร มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ **************บูชาที่ 445 บาทฟรีส่งems >>>> ประวัติโดยย่อๆพอสังเขป พระบุดดา ถาวโร
    (บุดดา ถาวโร)
    หลวงปู่บุดดา
    -b8-a7-e0-b8-87-e0-b8-9b-e0-b8-b9-e0-b9-88-e0-b8-9a-e0-b8-b8-e0-b8-94-e0-b8-94-e0-b8-b2_copy-jpg.jpg
    เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2436
    มรณภาพ 12 มกราคม พ.ศ. 2537
    อายุ 101
    อุปสมบท พ.ศ. 2465
    พรรษา 72
    วัด วัดกลางชูศรีเจริญสุข
    จังหวัด สิงห์บุรี
    สังกัด ธรรมยุติกนิกาย
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร มีนามเดิมว่า บุดดา นามสกุล มงคลทอง เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2437 (พุทธศักราชแบบเก่า) สถานที่เกิด หมู่บ้านหนองเกวียนหัก ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้บรรพชาและอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดเนินยาว ต.หนองทรายขาว อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ในปีพ.ศ. 2465 โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร (หม่อมราชวงศ์เอี่ยม) เป็นพระอุปัชฌาย์ มรณภาพ 12 มกราคม พ.ศ. 2537 สิริอายุ 99 ปี 7 วัน 72 พรรษา ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา
    หลวงปู่บุดดา มีโยมบิดาชื่อ นายน้อย มงคลทอง โยมมารดาชื่อ นางอึ่ง มงคลทอง มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ในช่วงวัยเด็กท่านได้เกิดมีสัญญาความจำระลึกย้อนอดีตชาติได้ว่า บิดาของท่านในอดีตชาติเคยเป็นพี่ชายของท่าน
    พอเข้าสู่วัยฉกรรจ์อายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2458 ได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารสังกัดกองทัพบก ทหารบกปืน 3 ในสมัยรัชกาลที่ 6 รับราชการทหารอยู่ 2 ปี ในกองทัพที่ 3 ลพบุรี สมัยเมื่อเป็นพลทหารหนุ่มรูปงาม มีผู้หญิงมาชอบ เข้ามาพูดจาทำนองเกี้ยว แต่ท่านพูดกลับไปว่า "กลับไปเสียเถิด ฉันเป็นทหารตัวเมีย ไม่ชอบผู้หญิง ถ้าไปเจอทหารตัวผู้คนอื่นเข้าก็จะลำบาก"

    ในปี พ.ศ. 2460 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น ทางการได้มีการรับสมัครคัดเลือกทหารอาสาไปราชการรบในสงคราม ณ ทวีปยุโรป หลวงปู่บุดดาได้เข้าสมัครอาสาด้วยเหมือนกัน แต่ท่านกินเหล้าไม่เป็น เขาจึงไม่รับโดยได้อธิบายเหตุผลว่า ในทวีปยุโรปนั้นอากาศหนาวเย็นมาก ทหารทุกคนจำเป็นต้องดื่มเหล้าเพื่อช่วยให้คลายหนาว ดังนั้นท่านจึงไม่ได้เข้าร่วมในสงครามคราวนั้น
    สู่ร่มกาสาวพัสตร์
    หลังรับราชการทหาร ท่านได้ช่วยโยมบิดามารดาทำงานเกษตรกรรมอยู่ 4 ปี โดยท่านมีความปรารถนาในใจเสมอมาว่า อยากจะได้บวชในร่มเงาพระพุทธศาสนา ด้วยจิตที่เบื่อหน่ายในทางโลกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงขออนุญาตต่อบิดามารดาบวช เมื่ออายุได้ 28 ปี ที่วัดเนินยาว โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร (ม.ร.ว.เอี่ยม อิศรางกูร ณ อยุธยา) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูเรือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการไพล เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    โดยมีคณะสงฆ์ 25 รูป นั่งเป็นพระอันดับ ได้ฉายาว่า "ถาวโร"
    หลวงปู่บุดดา ท่านกล่าวเสมอว่า ท่านถือพระอุปัชฌาย์ และพระสงฆ์ 25 รูป เป็นครูบาอาจารย์อุปัชฌาย์ทุกองค์ ท่านสอนปัญจกรรมฐานให้แล้วในวันอุปสมบท คือเกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ หรือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โดยพิจารณาเรียงไปตามลำดับและย้อนกลับ จนเห็นชัดเจน
    แสวงโมกขธรรม
    หลังจากบวช เมื่อออกพรรษาแรกแล้วหลวงปู่บุดดาได้ออกจาริกแสวงหาสถานที่วิเวก เจริญสมณธรรมตามอัธยาศัยเพียงองค์เดียว หลวงปู่บุดดามุ่งปฏิบัติกรรมฐานพิจารณากายภายในอยู่เสมอ ข้อวัตรปฏิบัติเคยทำอย่างไรก็ยังคงทำมิได้ขาด ท่านทำความเพียรอยู่โดยตลอด บางครั้งบางคราว กิเลสราคะอันมักจะเกิดขึ้นมาให้รู้ได้ว่ายังมีอยู่ท่านก็ได้เพียรพยายามดับมันด้วยอุบายวิธีต่าง ๆ

    หลวงปู่บุดดาท่านจาริกธุดงค์บำเพ็ญเพียรมาโดยตลอด จนถึงพรรษาที่ 4 ท่านได้ออกธุดงค์อยู่ในป่าแถบเทือกเขาภูพานนั้น ท่านได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่งคือ พระสงฆ์ พรหมสโร ซึ่งมีอายุแก่กว่าท่าน 10 ปี พรรษามากกว่า 1 ปี ทันทีที่ได้พบหน้าท่านระลึกชาติได้ว่าพระสงฆ์ พรหมสโร เคยเป็นบิดาในอดีตชาติ ท่านจึงเรียกพระสงฆ์ พรหมสโร ว่าคุณพ่อสงฆ์ หลวงปู่บุดดากับพระสงฆ์ พรหมสโร มีอัชฌาสัยตรงกัน

    หลังจากนั้นท่านได้ออกจาริกร่วมธุดงค์มาด้วยกัน จากอีสานมาสู่ภาคกลาง ผ่านตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี นครสวรรค์พบชัยภูมิคือ ภ้ำภูคา บนภูคา มีบรรยากาศสงบ ร่มเย็นและวิเวกยิ่ง สถานที่สัปปายะ เหมาะแก่การเจริญกรรมฐานยิ่ง พอใกล้พรรษาทั้งสองจึงได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าหนองคู พอออกพรรษาก็กลับมาที่ถ้ำภูคาอีกครั้ง

    ณ ที่ถ้ำภูคานี้เองที่หลวงปู่บุดดาในพรรษาที่ 4 และพระสงฆ์ พรหมสโร ในพรรษาที่ 5 ได้พำนักอาศัยบำเพ็ญเพียรจนได้รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจธรรมทั้งสององค์

    >>>>สิ้นอาสวะ(บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์)

    หลวงปู่บุดดาท่านได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่บรรลุธรรมว่า คืนนั้นขณะที่ท่านทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่ โดยนั่งลืมตาคุยกันปกตินี่เอง แล้วหันหน้าเข้าสนทนากันอย่างออกรสชาติอยู่นั่นเอง จู่ ๆหลวงปู่บุดดาก็เงียบเสียงไปเฉย ๆ นั่งลืมตาค้างอยู่ พระสงฆ์ พรหมสโร ท่านก็นั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้นมองดูอยู่ ปกติท่านเป็นพระขี้สงสัย ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ก็แปลกใจที่ทำไมหลวงปู่บุดดาจึงเงียบเสียงไปเฉย ๆ ก็ถามหลวงปู่บุดดาว่า "เอ๊ะ เป็นอะไรไป"
    หลวงปู่บุดดาท่านก็นิ่งเฉยไม่ตอบ นัยน์ตาคงเบิกโพลงอยู่อย่างนั้น เป็นอันว่าหลวงปู่บุดดาท่านได้จบกิจพระศาสนา ทำอาสวะให้สิ้นต่อหน้าพระสงฆ์ พรหมสโร นั่นเอง
    หลังจากนั้น 3 วัน ในตอนเช้าก่อนที่จะออกบิณฑบาต พระสงฆ์ พรหมสโร ก็มาบอกต่อหลวงปู่บุดดาว่า "ไม่มีคนไปนรก ไม่มีคนไปสวรรค์ เน้อ" หลวงปู่บุดดาจึงเสริมว่า "โอ๊ย มันจะมีนรก มีสวรรค์อย่างไร นั่นมันกิเลสต่างหากเล่า กิเลสหมด มันก็หมดนรก หมดสวรรค์ซิ" เป็นอันว่าพระสงฆ์ พรหมสโร ท่านได้จบกิจบรรลุธรรมในคืนก่อนนั่นเอง


    sam_7543-jpg.jpg sam_7544-jpg.jpg sam_7546-jpg.jpg sam_7549-jpg.jpg sam_7550-jpg.jpg sam_7551-jpg.jpg sam_7547-jpg.jpg sam_5634-jpg.jpg sam_6737-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 647
    เหรียญรุ่นเเรกหลวงปู่เบ็ง ฐิตธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าคีรีวงศ์(วัดป่าภูสิงห์) อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ หลวงปู่เบ็ง ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าคีรีวงค์ภูสิงห์ บ้านใหม่ชมภู ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ศิษย์ในองค์หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ละสังขารอย่างสงบแล้ววันนี้ ณ กุฏิปลอดเชื่อภายในวัด เมื่อเวลา ๑๐.๓๗ น. ตรงกับวันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ สิริอายุ ๙๕ ปี ๖ เดือน ๑๖ วัน ๔๓ พรรษา >>>>>>ประวัติโดยย่อพอสังเขปหลวงปู่เบ็ง ฐิตธัมโม หลวงปู่เบ็ง ฐิตธัมโม วัดป่าคีรีวงศ์ภูสิงห์ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ อีกรูปหนึ่ง หลวงปู่เกิดตรงกับวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๔๖๗(รอตรวจสอบอีกครั้งครับ/แอดมินท่องถิ่นธรรม) หลวงปู่เบ็งท่านเล่าว่า องค์ท่านเคยบวชครั้งแรกแล้วได้มีโอกาสไปฟังธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ด้วย บวชครั้งแรกอยู่ ๔ พรรษา จากนั้นจึงลาสิกขาไปใช้ชีวิตทางโลกอยู่ ๙ ปี จึงได้กลับมาบวชใหม่อีกครั้งได้ ๔๐ กว่าพรรษาแล้ว ที่เทือกเขาภูสิงห์นี้ แบ่งเป็น ภูสิงห์น้อย กับภูสิงห์ใหญ่ อยู่ในอาณาเขตติดกัน ครั้งหนึ่งหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ท่านมาบำเพ็ญสมณะธรรมอยู่ที่ถ้ำแห่งนึงบนภูสิงห์ ระหว่างนั่งทำสมาธิอยู่ที่ถ้ำแห่งนึ้น องค์ท่านได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๒ นัด ไม่นานก็เห็นกวาง ๒ ตัว วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายืนทำตาละห้อยอยู่ข้างล่าง คล้ายจะมาขอฝากตัวหลบภัย ต่อจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปืนระเบิดดังสนั่น และได้ยินเสียงร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ ท่านจึงลุกไปดู เห็นชายคนหนึ่งถูกปืนนอนร้องอยู่ มีเพื่อนช่วยประคองอยู่ข้างๆ ถามได้ความว่า พวกเขาเข้ามาล่าสัตว์ ในเขตวัด เห็นกวาง ๒ ตัวผัวเมีย ก็เอาปืนยิง แต่พลาด เขาไล่ตามมา เห็นกวางหยุดยืนตรงหน้าถ้ำ จึงยกปืนยิงอีก แต่ยิงไม่ออกถึง ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๓ ยิงได้ แต่ปืนแตก สะท้อนมาถูกผู้ยิงเอง ตามมือและเนื้อตัวเหวอะหวะหมด เลือดไหลโกรกอย่างน่ากลัว ท่านจึงช่วยเพ่งให้เลือดหยุด และตักเตือนให้เขานึกถึงบาปบุญคุณโทษในการตั้งใจทำลายชีวิตผู้อื่น โดยเฉพาะในเขตวัดและท่านให้เขาปฏิญาณรับศีล ๕ แล้วก็ให้กลับบ้านไป เขาก็เล่าลือกันต่อๆ ไป ไม่ให้ไปล่วงเกินสัตว์ในเขตวัด เพราะอาจมีอันตราย ก็เป็นการดี คือทำให้สัตว์ทั้งหมดอยู่ด้วยความสงบขึ้น ด้านบนภูสิงห์มีวัดพระกัมมัฏฐานอยู่หลายแห่งด้วยกัน และหนึ่งในนั้นก็คือ วัดป่าคีรีวงศ์ภูสิงห์ วัดของหลวงปู่เบ็ง ที่รักษาข้อวัตรปฏิบัติไว้อย่างดี

    "ไปไหนมาไหน อย่าลืมพุทโธเด้อ ดีที่สุด" โอวาทธรรมหลวงปู่เบ็ง ฐิตธัมโม

    _/\_ _/\_ _/\_

    2578688_o-jpg-_nc_cat-100-_nc_sid-110474-_nc_ohc-n8834t21ceqax8jivh3-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    หลวงปู่เบ็งองค์ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร วัดป่าวิเวกพัฒนารามครับ เคยอยู่ทันอุปฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผมได้เองได้ไปกราบองค์่านครั้งสุดท้ายก่อนท่านละสังขารเข้าก่อนองค์ท่านละสังขารประมาณก่อน 2 อาทิตย์ วันที่ผมไปกราบได้อุปฐากรับใช้สรงนํ้าให้หลวงปู่ด้วยครับ เเละหลวงปู่ได้เมตตาเขียนยันต์ใส่กระดาษมอบให้ผมครับมีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******(......สุดยอดหายากมากๆๆสร้างน้อยมีรุ่นเดียวครับเเละผมมีเหลือเหรียญเดียวครับผม) ****เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ ...............บูชาที่ 475 บาทฟรีส่งems sam_7534-jpg.jpg sam_7535-jpg.jpg sam_6877-jpg.jpg sam_7540-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  12. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 648
    รูปหล่อเหมือนโบราณรุ่นเเรก+เหรียญบาตรนํ้ามนต์ 90 ปีหลวงปู่อุดม ญาณรโต พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสถิตย์ธรรมมาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ,หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เป็นต้น รูปหล่อเหมือนสร้างปี 2542 เนื้อโลหะรมดำมันปู,ส่วนเหรียญบาตรนํ้ามนต์ 90 ปี สร้างปี 2559 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ต น พ หน้าเหรียญ>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ>***********บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งems sam_2151-jpg-jpg.jpg sam_2152-jpg-jpg.jpg sam_2153-jpg-jpg.jpg sam_7313-jpg-jpg.jpg sam_7314-jpg-jpg.jpg sam_7316-jpg-jpg.jpg sam_2488-jpg-jpg.jpg
    sam_7496-jpg.jpg sam_7497-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 649 เหรียญรุ่นเเรกหลวงปู่คำพอง ขันติโก พระอรหันต์เจ้าวัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่คำพองเป็นศิษย์หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ วัดดอยเเม่ปั๊ง,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์เหรียญรุ่นเเรกสร้างปี 2538 เนื้อทองเเดงรมดำ เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ หลวงปู่เป็นพระที่เงียบไม่ค่อยพูดเเต่พลังจิตสูงมากองค์หนึ่งในสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่ไม่ดังไม่ค่อยเปิดตัว เวลาผมไปเมืองเลยผมจะเเวะไปกราบหลวงปู่ทุกครั้งสมัยที่องค์ท่านยังทรงธาตุทรงขันต์อยู่ มีวันหนึ่งขณะที่ผมไปกราบองค์หลวงปู่เเละได้อุปฐากพาหลวงปู่ไปเข้าห้องนํ้า ได้มีขบวนรถของตำรวจเเละฝ่ายปกครองของจ.เลย ขี่เข้ามาในวัดเยอะมาก เเล้วเข้ามาถามหาพระอุปฐากองค์หลวงปู่ ผมเองเห็นคนมาเยอะเลยเข้าไปถามพวกตำรวจว่ามาอะไรกันเยอะเเยะ เขาบอกว่าเมื่อกี้พวกได้เอาเหรียญรุ่นเเรกของหลวงปู่ไปลองยิง ปรากฏว่าปืนด้านยิงไมออก พอยิงขึ้นฟ้ากลับยิงออก เขาลองยิงหลายครั้งก็เหมือนเดิม เพราะฉนั้นพวกเขาจึงมาขอบูชาเหรียญที่วัดกับพระอุปฐากเองเลย เรื่องก็เป็นอย่างนี้ละครับ(>>>>>>>>วันนั้นผมเองก็อยู่ที่วัดของหลวงปู่ด้วยครับ) เหรียญสร้างปี 2538 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 60 ปี**********มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ >>>>>บูชาที่ 515 บาทฟรีส่งems sam_9675-jpg-jpg-jpg.jpg sam_5037-jpg-jpg-jpg.jpg sam_5038-jpg-jpg-jpg.jpg sam_1606-jpg-jpg-jpg.jpg
    ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อคำพอง ขันติโก
    วัดป่าอัมพวัน ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
    ๏ อัตโนประวัติ
    ในจังหวัดเลยมีพระเถราจารย์สายปฏิบัติธุดงควัตรปรากฏอยู่มากมาย อาทิเช่น หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน, หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่, หลวงพ่อโกวิทย์ ฐานยุตโต หรือพระปิยทัสสี วัดป่านาอีเลิศ (วัดป่าผาเจริญ) เป็นต้น รวมไปถึง “หลวงพ่อคำพอง ขันติโก” แห่งวัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ต.น้ำหมาน อ.เมือง จ.เลย ซึ่งเป็นศิษย์เอกและทายาทธรรมของ “หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล” พระบูรพาจารย์สายพระธุดงค์กรรมฐาน แห่งวัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และ “หลวงปู่แหวน สุจิณโณ” แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พระสายธุดงค์กรรมฐานชื่อดังอีกรูปหนึ่ง
    หลวงพ่อคำพอง ขันติโก มีนามเดิมว่า คำพอง แสงจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พุทธศักราช 2478 ณ บ้านชนบท ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายภู และนางทองมาก แสงจันทร์ ปัจจุบัน สิริอายุได้ 72 พรรษา 52 (เมื่อปี พ.ศ.2549) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน จ.เลย
    0-25b8-25b1-25e0-25b8-2599-25e0-25b8-2595-25e0-25b8-25b4-25e0-25b9-2582-25e0-25b8-2581_1-jpg-jpg.jpg

    การบรรพชาและอุปสมบท
    อายุ 19 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดป่าธรรมวิเวก ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โดยมีพระครูศีลสังวราภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลังจากบรรพชาแล้ว ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าธรรมวิเวก จนอายุครบ 21 ปี ถึงวัยต้องถูกคัดเลือกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ปรากฏว่านายคำพองจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร
    ต่อมาหลวงพ่อคำพอง ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสายธรรมยุต
    ๏ ทายาทธรรมของหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่แหวน
    หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ยึดหลักการในการปฏิบัติตนตามแบบอย่าง หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล แนวปฏิบัติของหลวงปู่เสาร์ คือ การอยู่คนเดียวให้รักษาจิต อยู่กลางมิตรให้รักษาวาจา และยึดถือแนวปฏิบัติของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นแนวปฏิบัติมาตั้งแต่ท่านบวช และออกเดินธุดงค์มาโดยตลอด
    เมื่อครั้งออกธุดงควัตรในครั้งหนึ่ง หลวงพ่อคำพองได้นิมิตว่าได้นั่งบนธรรมาสน์ใหญ่ เทศนาให้พระเถระฟัง จึงได้ตั้งอธิษฐานเอาไว้ตั้งแต่บัดนั้นว่า จะครองตนในเพศบรรพชิตตลอดชีวิต
    ในการออกธุดงค์ของหลวงพ่อคำพอง ได้ท่องธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ บางครั้งข้ามไปประเทศพม่าและลาว ในช่วงแรกจะอยู่ในภาคเหนือ โดยได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่แหวน เป็นประจำ ช่วงที่อยู่ภาคเหนือ หลวงพ่อคำพอง เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม อ.สันป่าตอง, วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริน, วัดสันติบถ อ.แม่แตง, วัดช่อแฮ อ.แม่แตง, วัดสระหลวง อ.แม่ริน และวัดผาเด้น อ.แม่ริม เป็นต้น
    ในส่วนของภาคอีสาน ก่อนที่จะมาอยู่จำพรรษาที่ จ.เลย เมื่อออกจากทางภาคเหนือ ส่วนใหญ่ หลวงพ่อคำพองจะอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำปาง ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ทางภาคกลางระยะหนึ่ง และเดินทางมาอยู่จำพรรษาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม และ จ.สกลนคร
    รวมทั้ง ยังเคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และอีกหลายวัดในภาคอีสาน
    ๏ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน
    หลวงพ่อคำพองรู้จักและสนิทสนมกับ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน จ.เลย ซึ่งปัจจุบันท่านมรณภาพไปนานแล้ว ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อคำพองพร้อมด้วยหลวงปู่ซามา ได้พากันเดินทางไปที่วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภาวนาและศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน
    ต่อมา ได้พากันเดินทางกลับจังหวัดเลย หลวงปู่แหวนได้มอบเงินมา 400 บาท ให้มาแบ่งเป็นค่ารถคนละ 200 บาท เพื่อเดินทางกลับจังหวัดเลย แต่หลวงพ่อคำพองเดินทางท่องธุดงควัตรต่อไปในภาคกลาง ไม่ได้กลับจังหวัดเลยพร้อมกับหลวงปู่ซามา
    ภายหลังหลวงปู่ซามา อาจุตฺโต มรณภาพลง คณะศรัทธาญาติโยมบ้านไร่ม่วงและพระผู้ใหญ่ในจังหวัดเลย จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อคำพอง ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2523 ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ตามที่หลวงปู่ซามา ได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพลง
    หลวงพ่อคำพอง ขันติโก เป็นพระนักปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง รูปหนึ่ง แม้ชื่อเสียงท่านจะไม่โด่งดัง ด้วยความเป็นพระที่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สงบ และสมถะ จึงทำให้ท่านเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนชาวเมืองเลยให้ความเลื่อมใสศรัทธามาโดยตลอด
    hcthfa7ele6q2dulvofjegb7u7reneahe9gdl6de6dsuenegbuijnbjdezvg1v7lli-jpg-jpg.jpg
    หลวงปู่คำพอง ขันติโก' เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน เมืองเลยละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2558 ด้วยโรคอัมพฤกษ์ และโรคชรา สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ *****
    เหรียญใหม่ไม่เคยใช้สวยมากดำๆมันปู******บูชาที่ 515 บาทฟรีส่งems
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 650
    พระผงเนื้อว่านรุ่นถิ่นกำเนิดหลวงตาพวง สุขินททริโย พระอรหันต์เจ้าวัดศรีธรรมราม อ.เมือง จ.ยโสธร หลวงตาพวงเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย องค์พระสร้างปี 2539 เนื้อว่านองค์นี้มีพระเกศาฝังในองค์พระโผล่ที่เเก้มขวาหลวงตา เเละเกศาโผล่ที่ตัวอักษร ด หลังองค์พระ องค์พระสวยระยิบระยับทั้งหน้าหลัง หายากครับ >>มีพระเกศาขาวใสหลวงตามาบูชา********บูชาที่ 385 บาทฟรีส่งems >>>>> พระผงยุคต้นๆของหลวงตาพวง ประวัติย่อของหลวงตาพวง
    หลวงตาพวงเป็นชาว จ.ยโสธร นามเดิม พวง ลุล่วง เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มน้ำชี มีศิษยานุศิษย์ทั่วทุกภาค อาจารย์องค์แรก คือ พระอาจารย์สอ สุมังคโล ซึ่งพา ด.ช.พวง อายุ 14 ปี ไปฝากตัวเป็นศิษย์ดูแลหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล แห่งวัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี หลังจากหลวงปู่เสาร์มรณภาพ ด.ช.พวง จึงบรรพชาเป็นสามเณร และอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์มาตลอด

    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กล่าวถึง หลวงตาพวง ชื่อ เสียงของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีในสายวงวัตถุมงคลโชคลาภ ของคนไทยทั่วประเทศเพราะด้วยปฏิปทาที่เรียบง่าย สมถะและเมตตาแก่ทุก ๆ คนที่ไปหา มิใช่แต่ชาวจังหวัดนครราชสีมาที่เลื่อมใสและศรัทธาท่าน ชาวยโสธรเองก็เช่นเดียวกันที่เลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติ และพากันไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณ เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งขอวัตถุมงคลเพื่อคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่าง ๆมิได้ขาด
    แต่ทุก ๆ ครั้งที่ชาวยโสธรไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณนั้น หากท่านทราบว่าเป็นชาวยโสธรแล้วหลวงพ่อคูณท่านจะไม่ยอมให้วัตถุมงคล และบอกว่าให้กลับไปเอาที่ยโสธร ท่านมักจะพูดว่า "ที่ ยโสธรมีคนเก่งกว่ากูมีอีก ผมหงอก ๆ ขาว ๆ ที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำชีนั่นแหละ ท่านหมดกิเลสแล้ว ท่านไม่แสดงเฉยๆ กูยังไม่ถึงเท่าท่านเลย ไป"
    เมื่อสัมภาษณ์หลวงตาพวง ถึงเรื่องนี้ ท่านก็เล่าให้ฟังว่า "ก็เคยได้ยินมาจากญาติโยมหลายสิบคนแล้ว ที่เล่าให้ฟังเหมือนกันว่าเมื่อชาวยโสธรไปกราบหลวงพ่อคูณ ท่านมักจะไล่กลับมาหาหลวงตา"
    "หลวงตาเองก็ ไม่เคยได้พูดคุยกับหลวงพ่อคูณสักครั้งเดียว หลวงตาก็เคยไปวัดบ้านไร่มาสองครั้ง แต่ไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับท่านเพราะมีญาติโยมเป็นจำนวนมากจึงไม่มีโอกาสพูด คุยกัน หลวงพ่อคูณจะทราบได้อย่างไรก็ไม่ทราบหรืออาจเป็นเพราะมีลูกศิษย์เล่าให้ฟัง ถึงประวัติหลวงตากระมัง"

    ปาฏิหาริย์หลวงตาพวง เดินข้ามบิณฑบาตรแม่น้ำชี
    มีเรื่องเล่าขานกันใน หมู่ชาวบ้านแถบลำน้ำชีอันเป็นที่ตั้งของ วัดศรีธรรมารามซึ่งหลวงตาพวงเคยจำพรรษาอยู่ ฝั่งตรงข้ามของวัดศรีธรรมารามเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเขตของอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ชาวบ้านเล่ากันว่ามีคนออกไปเก็บกับดักหนูที่ดักไว้ในช่วงเช้ามืดได้เห็นหลวง ตาพวงออกเดินบิณฑบาตโดยเดินบนแม่น้ำชีจากวัดศรีธรรมารามไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ฝั่งอำเภอพนมไพร
    คุณสมจันทร์ โพธิศรี อยู่บ้านเลขที่ 68 บ้านกุดกุง (คุ้มหนองแสง) ต. เขื่อนคำ อ.เมือง จ. ยโสธร เล่าให้ฟังเป็นภาษาอิสานว่า "เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538- 2539 เช้าวันหนึ่งข่อยไปดักหนูป่าแมะ ได้เห็นหลวงตาพวงเพิ่นเดินข้ามแม่น้ำชีไปแมะ ข่อยนี้แหละเป็นผู้เห็นท่านเองเลย" (คัดจากหนังสือโลกทิพย์)

    เมื่อถามเรื่องนี้กับหลวงตา หลวงตาก็ตอบว่า "เป็นเรื่องของเขาเห็นปรากฏในสายตา หลวงตาไม่ค้าน ไม่ได้ปฏิเสธ เขาคงเห็นด้วยสายตาของเขา จะเล่าลืออย่างไร หลวงตาไม่ได้พูด ไม่ได้อวดอะไร" แล้วหลวงตาก็เปลี่ยนเรื่องพูดถึงเรื่องหมู่บ้านในฝั่งอำเภอพนมไพรว่า " หลวงตาก็รับนิมนต์ไปสวดหรือไม่ก็ฉันที่หมู่บ้านฝั่งนี้เป็นประจำทุกวันออก พรรษาชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ก็พากันมามอบกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์ มากราบขอพรเพราะพวกเขาไม่มีที่พึ่งในหมู่บ้าน เขาจึงมาพึ่งหลวงตา เมื่อมีการงานอะไรพวกเขาก็มาช่วยเสมอ ๆ แม้แต่มาอยู่ที่วัดป่าใหม่นิคมพัฒนาราม พวกเขาก็ยังมา"

    หลวงตาพวง สุขินทริโย วัดศรีธรรมาราม จ.ยโสธร มรณภาพละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน
    เมื่อเวลา 10.52 น. วันที่ 2 เมษายน 2552
    ณ โรงพยาบาลยโสธร จังหวัดยโสธร หลวงตาพวงมีอาการอาพาธกะทันหันขณะเป็นประธานทอดผ้าป่ าที่วัดสิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อคืนวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา โรงพยาบาลยโสธรรับตัวมารักษาต่ออยู่ในห้องไอซียูกระท ั่งมรณภาพ
    พระเทพสังวรญาณ หรือหลวงตาพวง สุขินทริโย สิริอายุ 81 ปี 11 เดือน เจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร
    *******หลวงตาพวง มีน้องชาย อีกหนึ่งท่านคือ หลวงปู่สรวง สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดบ้านศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร sam_6789-jpg.jpg SAM_6875.JPG sam_6790-jpg.jpg sam_7419-jpg.jpg sam_7420-jpg.jpg sam_7421-jpg.jpg sam_7422-jpg.jpg sam_7423-jpg.jpg sam_7424-jpg.jpg sam_7425-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2021
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 651
    เหรียญกษาปณ์รุ่น 2 มุ่งพัฒนาหลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ พระอรหันตืเจ้าวัดผาเทพนิมิต อ.นิคมนํ้าอูน จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพินเป็นศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เหรียญสร้างปี 2540 เนื้ออัลปาก้า เป็นรุ่น 2 ของหลวงปู่เเต่บล็อกหันข้างครึ่งองค์เหมือนรุ่นเเรก เหรียญยังสวยดีครับ >>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ***********บูชาี่ 245 บาทฟรีส่งems* ประวัติย่อพอสังเขป หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต จังหวัดสกลนคร - “หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ” หรือ “พระครูสุวิมลบุญญากร” พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังแห่งวัดผาเทพนิมิต ต.นิคมน้ำอูน อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร และประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ดอยเทพนิมิต ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
    ปัจจุบัน สิริอายุ 86 ปี พรรษา 64
    มีนามเดิมว่า บุญพิน เจริญชัย ถือกำเนิดเมื่อวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 27 เม.ย.2476 ที่บ้านนาบ่อ หมู่ที่ 6 ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
    ช่วงวัยเยาว์เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านนาบ่อแล้วออกมาช่วยครอบครัวทำนา
    ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับพี่สาวที่บ้าน นาทม จังหวัดนครพนม ช่วยพี่สาวค้าขายและเป็นช่างเย็บผ้า พอถึงฤดูกาลทำนาก็กลับไปทำนา พอถึงหน้าแล้งก็ต้มเกลือใส่เรือกระแชงไปขาย หมดหน้าเกลือก็รับจ้างขนข้าวล่องเรือตามแม่น้ำโขงไปขายในตลาดนครพนม
    ผ่านไป 5 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในการค้าขาย ในช่วงนั้นมีศรัทธาอยากบวชอย่างแรงกล้า
    อายุครบ 23 ปี ตัดสินใจเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2498 ที่วัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยมี หลวงปู่สีลา อิสสโร วัดป่าอิสระธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม วัดอุดมรัตนาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดปทีปปุญญาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้อยู่กับ หลวงปู่สีลา พระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกหัดนั่งสมาธิภาวนา เริ่มแรกหลวงปู่สีลาให้ฝึกหัดทำสมาธิด้วยคำบริกรรมพุทโธ รวมทั้งได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดสุทธิมงคล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    8d-e0-b8-9e-e0-b8-b4-e0-b8-99-e0-b8-81-e0-b8-95-e0-b8-9b-e0-b8-b8-e0-b8-8d-e0-b9-82-e0-b8-8d-jpg.jpg
    หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ
    จนถึงวันมาฆบูชา หลวงปู่ผ่านได้กราบลาหลวงปู่อ่อนกลับวัด จึงเหลือแต่เพียงหลวงปู่บุญพินเท่านั้น
    ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง หลวงปู่บุญพิน ได้อาพาธเป็นไข้ป่ามาลาเรียอย่างแรง วันหนึ่งขณะนอนเป็นไข้บนแคร่ หลวงปู่อ่อนเดินเข้ามาหาได้บอกให้หลวงปู่บุญพินลุกขึ้นนั่ง หลวงปู่อ่อนได้เทศนาให้ฟัง เสร็จแล้วให้สามเณรเอามุ้งกลดลงและให้นั่งภาวนา ขณะที่นั่งภาวนากำหนดจิตต่อสู้กับเวทนาจนจิตสงบเป็นสมาธิ พอจิตถอนจากสมาธิ ปรากฏว่าอาการไข้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
    หลังจากนั้น หลวงปู่อ่อน ได้พาหลวงปู่บุญพินออกธุดงควัตรไปจนถึงอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ช่วงนั้นเป็นเดือน 6 ใกล้เทศกาลเข้าพรรษา หลวงปู่บุญพิน จึงลาญาติโยมเพื่อหาที่จำพรรษา ญาติโยมจึงพาหลวงปู่มาส่งขึ้นเรือที่ปากน้ำไชยบุรีไป จังหวัดนครพนม เพื่อขึ้นรถไปหา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าภูธรพิทักษ์
    ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ มากมายหลายแห่ง และในปี พ.ศ.2517 หลังจากที่จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่วัดภูทอก ได้ระยะหนึ่งได้ลาไปเยี่ยมพระอาจารย์ศรีนวลที่วัดรัตนนิมิต จ.อุดรธานี และจำพรรษาที่นี่
    พอดีมีญาติโยมได้มานิมนต์ไปสร้างวัดที่ป่าช้าบ้านดงเชียงเครือ อ.วาริชภูมิ บ้านเกิด และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ

    พ.ศ.2534 ได้ไปจัดตั้งสำนักสงฆ์ที่ผาเทพนิมิตเขาภูพาน และต่อมาได้มีการยกฐานะเป็นวัดผาเทพนิมิต

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสุวิมลบุญญากร พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม sam_7601-jpg.jpg sam_7603-jpg.jpg sam_7605-jpg.jpg

     
  16. birdyik

    birdyik Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +132
    ขอจองรายการนี้ครับ
     
  17. danaitorn

    danaitorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2015
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +252
    ขอบูชารายการที่ 642,646
     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 652 พระผงสมเด็จพิมพ์ใหญ่มหามงคลเมตตา 94หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปุ่มั่น ภูริทัตโต องค์พระสร้าง 9 ก.ค. 2537(ทันหลวงปู่ครับ) สร้างโดยวัดท่าเเขก อ.เชียงคาน จ.เลย (เป็นวัดสาขาของหลวงปู่) สร้างเนื่องในโอกาสเทรูปเหมือนยืนองค์ใหญ่หลวงปู่ชอบ มาพร้อมพระเกศาเเละพระธาตุมาบูชาเป็นมงคล ***********บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งes
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย
    อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยเลย

    "พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญา"




    2-png.png

    พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาญาณ คือ ผู้ทรงความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนา มีคุณสมบัติพิเศษ ๖ อย่าง . อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ ๒. ทิพโสต หูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น ๔. บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้ ๕. ทิพจักขุ ตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป

    ท่านมีนิสัยชอบโดดเดี่ยวเที่ยวไปอยู่ในป่า ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยาก ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับหมู่ชนพระเณร เป็นผู้มีความองอาจเด็ดเดี่ยว อดทนเป็นเลิศ ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กล้าได้กล้าเสียในการปราบกิเลส ถึงกับท่านพระอาจารย์มั่นออกปากชมท่ามกลางสภาสงฆ์ "ให้ทุกองค์ภาวนาให้ได้เหมือนท่านชอบสิ ท่านองค์นี้ภาวนาไปไกลลิบเลย"

    ท่านสามารถแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นภาษาต่างๆ ได้หมด เพียงกำหนดจิตดูว่าภาษานั้นเขาใช้พูดกันว่าอย่างไร ท่านสามารถแสดงธรรมโปรดเทวดา พญานาค ตลอดจนภพภูมิต่างๆ ได้

    การธุดงค์ของท่านนับว่าโลดโผนมาก ชอบเดินทางในเวลากลางคืนหรือจวนสว่างในคืนเดือนหงาย เที่ยวไปอบ่างอนาคาริกมุนีผู้ไม่มีอาลัยในโลกทั้งปวง บางคราวมีเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่สองตัวกระโดล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ ท่านเร่งสติสมาธิ แผ่เมตตา กำหนดจิตเข้าข้างใน สมาธิลึกเข้าไปจนถึงฐานของจิต ปล่อยวางสิ่งทั้งปวง เมื่อถอนจิตออกมาปรากฏว่าเสือสองตัวได้หายไปแล้ว

    ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปทางอำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง เข้าไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงกลางหุบเขาเพื่อโปรดพี่ชายของท่านในอดีตชาติที่รักกันมาก ท่านระลึกชาติได้ว่า เคยเกิดเป็นชาวกะเหรี่ยงที่ประเทศพม่า มีพี่ชายคนหนึ่ง บัดนี้เขาได้มาเกิดเป็นชาวกะเหรี่ยง ชื่อว่า "เสาร์" อยู่ที่ตำบลป่ายาง บ้านผาแด่น อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยจิตเมตตาท่านจึงเดินทางไปโปรดดึงเขาเข้าสู่ทางธรรม และต่อมานายเสาร์ก็ได้บวชเป็นพระติดตามท่านจนตลอดชีวิต



    1-1-png.png

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม


    ท่านเล่าว่าในบางคราวหลงอยู่ในกลางป่าเป็นเวลาหลายๆ วัน ท่านเป็นที่เคารพรักของเหล่าเทพยดา เดินทางจากประเทศพม่าจะเข้าสู่ไทย หลงป่าเจียนตายเพราะความหิว เทวดาได้นำอาหารทิพย์มาใส่บาตร อาหารนั้นมีรสอร่อยส่งกลิ่นหอม หายเมื่อยหายหิวไปหายหิวไปหลายวัน

    ท่านทำสมาธิทั้งกลางวันกลางคืน บางคราวพายุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก ท่านต้องนั่งกอดบาตรเอาไว้จนสว่าง ท่านพบวิมุตติบรรลุธรรมขั้นสูงสุดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๗ พรรษาที่ ๒๐ อายุ ๔๓ ปี ที่ถ้ำบ้านหนองยวน ประเทศพม่า

    ในระยะที่ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่นนั่น ท่านได้รับความไว้วางใจและมอบหมาย ให้ช่วยดูแลพระเณรที่คิดอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ถูกต้องตามครรลองของผู้ทรงศีลธรรมท่านก็จะตักเตือน เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นว่าท่านมีความรู้ภายในว่องไวไม่แพ้หลวงปู่มั่น พระเณรทั้งหลายจึงเกรงกลัวท่านมาก และท่านก็ยังสามารถระลึกชติ รู้อดีตชาติของท่านเองว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง เช่น เคยเกิดเป็นพระภิกษุรักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะ เคยเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมาหกัสสปะ เคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลก และเป็นสัตว์หลายชนิดอีกด้วย หลวงปู่ชอบท่านบำเพ็ญภาวนาอยู่ตามป่าตามเขา ส่วนมากทางภาคเหนือหลายพื้นที่รวมถึงประเทศพม่าด้วย




    3-png.png

    ในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
    ทรงนมัสการหลวงปู่ชอบ


    ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายมอ และนางพิลา แก้วสุวรรณ

    บวชสามเณรเมื่ออายุ ๑๙ ปี ณ วัดบ้านนาแก ตำบลบ้านนากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสามเณรอยู่ถึง ๔ ปีกว่า และได้อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ณ วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี พระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์



    4-png.png

    รูปเหมือนหลวงปู่ชอบ


    ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ณ เสนาสนะป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม หลวงปู่มั่นได้ให่โอวาทสั้นๆ ว่า "ท่านเคยภาวนามาอย่างไรก็ให้ทำต่อไปเช่นนั้น อย่าได้หยุด ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้นั้นมันอยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าอยากรู้อยากเห็นธรรมเหล่านั้น ก็ให้ค้นหาเอาที่ใจของท่านเอง"

    ปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ ขณะท่องเที่ยวธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ สหธรรมิกคือหลวงปู่ขาว อนาลโย ชวนท่านกลับมาอีสาน ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่ป่าช้าหินโง้น ปัจจุบันคือ วัดป่าโคกมน

    ปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ มีชาวบ้านถวายที่สร้างวัดกว่าร้อยไร่ ท่านจึงได้รับสร้างเป็นวัดขึ้นมา ปัจจุบันคือ วัดป่าสัมมานุสรณ์ ท่านได้อยู่จำพรรษาที่นี่เรื่อยมาจวบจนวาระสุดท้ายของท่าน



    5-png.png

    อัฐิและพระธาตุของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ อายุ ๗๐ ปี ท่านป่วยเป็นอัมพาต

    ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าสัมมานุุสรณ์ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สิริรวมอายุได้ ๙๓ ปี ๑๑ เดือน ๒๗ วัน ๗๐ พรรษา sam_1965-jpg.jpg sam_7071-jpg-jpg.jpg SAM_8810.JPG SAM_8811.JPG
     
  19. birdyik

    birdyik Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +132
    จองรายการนี้ครับ
     
  20. wangbao

    wangbao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +149
    ขออนุญาตจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...