เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015
     
  2. ฟ้ามี

    ฟ้ามี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2020
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    ถ้าไม่อยู่บนโลก ทำไมต้องเลือก “ดาวอังคาร”

    https://www.sanook.com/campus/1403756/

    ดาวน์โหลด (52).jpg

    ในบทความจะเห็นได้ว่า มนุษย์พยายามสำรวจดาวอังคาร โดยพยายามสำรวจกันมาตลอด และโดยคิดว่าสิ่งที่ทำให้อยู่รอด คือ น้ำ พลังงาน และสารประกอบอินทรีย์ และเชื่อว่าหากที่ใดพบร่องรอยของน้ำ คาดได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตสูง และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อ๊อกซิเจนจำนวนมากสามารถทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ พยายามพิสูจน์หาร่องรอย และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เขาสามารถสร้างชั้นบรรยากาศให้กับโลกได้

    ฝันลม ๆ แล้ง ....เพราะอะไร

    ปัจจัยสำคัญสำหรับการมีชีวิตอยู่ของทุกชีวิตบนพื้นผิวโลก คือ ความสมดุลของสนามแม่เหล็กโลก ถ้าไม่ได้อยู่ในสนามแม่เหล็กโลก จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เลย เพราะร่างกายมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนมีกลไลการทำงานในระดับเซลล์ และบรรดาต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำจากสนามแม่เหล็กโลก

    มนุษย์โลกแต่ละคนไม่ต่างไปจากมอดแต่ละตัวในเนื้อไม้

    ู้ทั้งรู้ว่าร่องรูในเนื้อไม้นั้นเป็นที่ซุกหัวนอนเก็บซ่อนตัวที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตน แต่กลับร่วมกันกัดช่วยกันแทะเนื้อไม้นั้นอย่างไม่บันยะบันยัง ในที่สุดไม้แท่งนั้นก็เหลือแต่เศษซากผุ ๆ พัง ๆ จนไม่อาจอาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนเก็บซ่อนตัวพวกมันได้อีกต่อไป ไม่เหลือแม้แต่กากใยแห่งเศษอาหารให้ประทังชีวิต

    แต่ทำไมต้องเลือก “ดาวอังคาร” ทั้งที่มีดาวเคราะห์อยู่มากมาย

    พลังอำนาจแม่เหล็กดาวเคราะห์ดวงใด จะมีความเหมาะสมสำหรับมนุษย์ของดาวเคราะห์ดวงนั้น ๆ แม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว ก็ต้องใช้เส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเส้นใดเส้นหนึ่งเพื่อเป็นถนนเข้ามาสู่ดาวเคราะห์โลก และอยู่ได้เฉพาะช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นก็ต้องกลับไปสู่ดาวเคราะห์ของตน

    นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเชื่อว่าสามารถสร้างชั้นบรรยากาศให้กับดาวอังคารได้ ด้วยการสร้างสนามพลังแม่เหล็กเทียมแล้วส่งขึ้นสู่อวกาศ

    เป็นไปไม่ได้ เพราะ.. อ๊อกซิเจน -โอโซน เกิดจากแก่นแท้ใจกลางโลก แสงเหนือ-แสงใต้ แสงขั้วโลก หรือ ออโรร่า

    aurora-iceland-800x500.jpg


    เป็นแสงสีเดียวกับ อ๊อกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ 100 % ที่มีสีคล้ายปีกแมลงทับ ที่อยู่ตรงแก่นใจกลางโลก ไหลผ่านแทรกซึมผ่านชั้นหินและดินสู่พื้นผิวโลกและฟุ้งกระจายไปในบรรยากาศโลก กลายเป็นสนามพลังงานแม่เหล็ก การแตกตัวของอ๊อกซิเจนในแก่นแท้ใจกลางโลกจะทำปฏิกริยาทางไฟฟ้าอนุภาคประจุบวกที่สิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกช่วยกันผลิตและป้อนให้...

    และระดับความสูงโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก หมายถึง ระดับสูงสุดหรือไกลที่สุดที่คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าสามารถเหวียงหมุนไปโดยรอบจากใจกลางโลก สนามพลังงานแม่เหล็กโลกจึงเป็นเครื่องบ่งชี้ขอบเขตของระบบดาวเคราะห์โลก

    การที่มนุษย์ มีหน้าที่...เป็น"เพื่อนของโลก" หมายถึง การเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ผลิตสร้างประจุไฟฟ้าบวกป้อนให้แก่ดาวเคราะห์โลกของตน


    จากการสำรวจของนาซาพบว่าดาวอังคารเมื่อ 4,500 ล้านปีก่อน เคยมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปกคลุมหนาแน่นเท่ากับชั้นบรรยากาศของโลก การสำรวจในอดีต นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าน่าจะมีซากฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตอยู่ใต้น้ำแข็งของขั้วทั้งสองของดาวอังคาร หลังจากเคยพบร่องรอยท้องแม่น้ำที่เหือดแห้งมาก่อนที่คาดว่าเกิดขึ้นเมื่อ 3,500 ล้านปีก่อน นอกจากโลกแล้ว ดาวอังคารถือเป็นดาวเคราะห์ที่มีองค์ประกอบเอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตหรือดำรงชีวิตมากที่สุด แม้ว่ายังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดของสิ่งมีชีวิต แต่องค์ประกอบต่าง ๆ ก็เอื้อต่อการดำรงชีวิตมากกว่า

    นอกจากทุก ๆ เหตุผลดังกล่าวข้างต้น ที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ยังมีสัจธรรมหนึ่งคือ เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - เสื่อมสลายไป เมื่อตามกาลอันควร โลกเราก็แบ่งเป็น 4 ยุค ยุคเริ่มต้น ยุคก่อกำเนิด ยุคเจริญสุด ๆ และยุคสุดท้าย ยุคเสื่อมถึงกาลดับ

    เมื่อ 4,500 ล้านปีเคยมีบรรยากาศเท่ากับชั้นบรรยากาศโลก ปัจจุบันเหลือซากเท่าที่เห็น หากคาดเดาไม่ยากนะค่ะ

    นำมาเล่าสู่กันฟังอีกหลาย ๆ ครั้ง และตอนนี้เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น และน้ำท่วมออสเตรเลียเสียหายในรอบ 50 ปี และการรับรู้การไหวของโลก น่าจะมีส่วนเรื่องพลังงานที่โลกเกิดการกระเพื่อมเพื่อปรับความสมดุล จึงทำให้เกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นบนโลก
     
  3. ฟ้ามี

    ฟ้ามี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2020
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    เห็นชั้นบรรยากาศโลกแล้ว เป็นสีขาวขุ่น เหมือนกับโดมชั้นบรรยากาศครอบเป็นโดมเรือนกระจก และยิ่งเห็นฝุ่นมลพิษ ชั้นบรรยากาศต่าง ๆ ใน กรุงเทพ ก็ทำให้รู้สึกหดหู่

    นอกจากจะเกิดจากขยะเทคโนโลยีแล้ว อนุภาคประจุลบอิสระในชั้นบรรยากาศโลกแล้ว อันเกิดจากกิเลสตัณหา ก็เป็นขยะพลังงานที่มนุษย์สร้างขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกมา อนุภาคประจุไฟฟ้าลบที่ติดมากับคลื่นพลังงานจิตด้านลบนั้นก็จะถูกทิ้งให้ล่องลอยกระจัดกระจายอยู่บนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกในรูปอนุภาคลบอิสระหรืออิเล็กตรอนอิสระในบรรยากาศโลก

    คิดว่าเราแก้ไขมันได้ไหม! เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ที่ประเทศของเราก่อน
    การแก้ไข...หากเราแก้ไม่ถูกจุด หรือ แก้ที่ปลายเหตุ แก้ไขกันไม่จบ หากเราจะบอกว่ามนุษย์อย่าโลภนะ อย่ามีตัณหานะ ก็คงจะยาก ใครก็อยากมีความสุขสบาย แต่ความสุขสบายของเราอยู่ในพื้นฐานของการร่วมกันรับผิดชอบร่วมกัน ก็คือ สร้างเมืองไทยให้น่าอยู่

    และสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ตอนนี้บรรยากาศโลกไม่น่าอยู่เลย สำหรับคนที่ร่ำรวยอยู่กับความสุข ความสะดวกสบาย มีอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกอาจไม่รู้สึก หรือ รับรู้บรรยากาศโลกร้อน เพราะตนเองมีที่ผ่อนคลาย แต่ที่จริงแล้วอีกมิติหนึ่ง ที่เราไม่เห็นหรืออาจล่วงรู้ได้ว่า มิติพลังงานที่กำลังเป็นอยู่นี้ สิ่งที่เป็นอยู่ถ้ามันเกิดแสดงตัวเป็นผลลัพธ์ออกมา ตามพลังงานที่รับรู้และสัมผัสได้อยู่ ณ ขณะนี้ผลมันจะเป็นอย่างไร

    เราอาจจะไม่คาดคิด และคิดว่าเข้าข้างตนเองว่า มันก็เป็นของมันอย่างนี้ ดำเนินสภาวะไปเรื่อยๆ แต่...มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะ...โลกของพลังงานมันขับเคลื่อนด้วยกลไกการปรับสมดุลตัวของมันเองที่ไม่มีใครบังคับบัญชาควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ใคร ๆ ต้องการให้เป็น

    สาเหตุที่แท้จริง ณ ตอนนี้ คือ โลกร้อน และอะไรที่จะทำให้โลกหายร้อน บางคนบอกก็ให้เลิกผลิตสิ่งที่เป็นมลภาวะ มลพิษโรงงานอุตสาหรรมซิ กลับไปอยู่ป่าเขา มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด หรือ หันกันมาลดโลกร้อน ด้วยการใช้พลังงานทดแทน ก็ดีนะ แล้ว...ตอนไหน

    สิ่งที่เป็นรูปธรรมตอนนี้ เพียงแค่เรื่องง่าย ๆ เรายังไม่สามารถทำกันได้เลย เรื่อง การปลูกต้นไม้ หรือ การปลูกป่า การอนุรักษ์ป่าให้เป็นต้นน้ำลำธาร หากทุกคนในประเทศร่วมมือร่วมใจกัน และรัฐบาลเป็นส่วนสนับสนุน และมีกฎหมายคุ้มครองอย่างเด็ดขาด ให้คนเห็นประโยชน์ร่วมไม่ทำลายปอดของโลก ใครเคยเข้าไปป่าเขาลำไพรบ้าง เหมือนแอร์ธรรมชาติ

    ขนาดเรื่องง่าย ๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ยังทำกันไม่ได้เลยน่ะ พื้นที่ในประเทศไทยโล่งว่างรกร้างต้องมากมาย ทีจริงเราเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อน และการแก้ปัญหาภัยแล้งที่ถูกจุดด้วย ทำไมเรายังทำกันไม่ได้เลย

    ก็เลยมานั่งนึกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับคลื่นพลังงานสนามแม่เหล็กโลก มันลึกเกินไปหรือเปล่า เพราะมันเป็นนามธรรม เกี่ยวกับจิตใจ เกี่ยวกับคุณธรรม คุณงามความดี หรือเราจะปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม
     
  4. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    ทำไมคุณถึงคิดว่า ความรู้ที่ศึกษามา nasa บอก ถึงเป็นเรื่องจริง
     
  5. ฟ้ามี

    ฟ้ามี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2020
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    พยายามอ่านคำถามนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะตอบตรงคำถามหรือเปล่า ตีความได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องข้อมูลของตนเอง ไม่ใช่ข้อมูลของ nasa

    ถ้าเป็นข้อมูลของ nasa ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ต่างค้นพบ "สนามพลังงานแห่งสุญญตา" ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างเรียกขานกันว่า "ชิ้นส่วนพลังงาน" ซึ่งเป็นการค้นพบที่ล้ำหน้ากว่า ไอน์สไตน์ ที่ขณะนั้นได้ค้นพบ "สนามพลังงานเอกภพ" ที่เป็นคลื่นอนัตตา ที่เรียกว่า "อณู" จุดกำเนิดของสรรพสิ่งเริ่มต้นจากตรงนี้ และที่หลายคนเข้าใจว่า "จิตเดิมแท้ประภัสสร"

    ตามนี้ค่ะ..
    สสารทั้งหมดประกอบด้วย "ชิ้นส่วนพลังงาน" ทฤษฎีใหม่ที่อาจอธิบายจักรวาลได้ดีกว่าสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์

    https://www.bbc.com/thai/features-55377605

    วิทยาศาสตร์โลก ไม่ว่าจะมีความก้าวหน้านำล้ำยุคสมัยกันอย่างไร ก็ล้วนได้จากการคอยเฝ้าติดตามสังเกตศึกษาสรรพสิ่งและปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็น ตามเหตุผลอ้างอิง สังเกตุ ค้นคว้าทดลอง สมมุติฐานหรือการคาดคะเน คำตอบที่ชัดเจนที่สุดของมนุษย์โลกทั้งหลาย ก็คิดแบบจิตสามัญชนทั่วไป หรือมีหลักคิดเยี่ยงนักวิทยาศาสตร์ ต่างก็"หลงมิติทางกายภาพด้านเดียว" แต่ไม่อาจรับรู้รูปธรรมหรือตัวตน ของอากาศและคลื่นพลังงานทั้งหลายได้เลยว่า ทรวดทรง รูปลักษณ์ หน้าตาเป็นอย่างไร

    นักวิทยาศาสตร์โลก จะพากันมุ่งศึกษาสรรพสิ่งใด ๆ ก็ด้วยการ ตามล่าหาตัวตนของสรรพสิ่งนั้น อยู่ด้านเดียว พอชักมองไม่เห็นหาไม่ได้ก็จะเปลี่ยนมาใช้วิธีสังเกตเอาจากพฤติกรรม หรือ ปรากฎการณ์ ซึ่งเรียกว่า "เงาของสรรพสิ่งนั้นแทนเสมอ"

    มนุษย์จะต้องรู้ว่า ความเชื่ออันเกิดจากการคิดเข้าใจเองว่าในจักรวาลไพศาลนี้ ในความมีอยู่จริง ดำรงอยู่จริง ของสรรพสิ่งทั้งหลายมีเพียงด้านเดียว คือ ด้านกายภาพ จึงมุ่งเน้นเรียนรู้และใส่ใจยึดติดกันเพียงด้านเดียว

    สรรพสิ่งดังกล่าวเหล่านั้น มันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกของบางสิ่ง ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงเร้นอยู่ข้างใน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2021
  6. ฟ้ามี

    ฟ้ามี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2020
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    หนึ่งในเหตุผลของการเกิดยุคพระศรีอาริย์

    ดาวเคราะห์ดวงใด ที่พบว่าโครงข่ายสนามแม่เหล็กในลักษณะคลื่นความถี่ที่ยกตัวสูงขึ้นจากแกนกลางการโครจรรอบตัวเอง ได้สูงมากเท่าใด จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า รูปธรรมมีชีวิตบนดาวเคราะห์นั้น จะต้องมีจิตสำนึกอันสูงส่ง มีโครงสร้างทางชีววิทยาที่ซับซ้อน และมีโครงสร้างทางกายภาพด้านรูปร่าง หน้าตา บุคลิกที่สมส่วน ลงตัวและงดงามมาก ยิ่งระดับ การยกตัวของคลื่นในชั้นบรรยากาศของดาวสูงมากเท่าใด รูปธรรมมีชีวิตทั้งหลายจะยิ่งงดงามมากขึ้นเท่านั้น

    ความสำคัญของระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก เป็นถนนของรูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณต่าง ๆ ที่ใช้เดินทางเข้า-ออกระบบโลกสู่สนามพลังงานอื่น ๆ ในระบบเอกภพ

    และยังเป็นผู้นำคลื่นจิตของมนุษย์เพื่อการติดต่อสื่อสารภาษาสากลจักรวาลกับองค์ความรู้ใด ๆ ในสนามพลังงานสากล

    และยังเป็นรั้วป้องกันภัยจากผู้แปลกปลอมที่ดีที่สุดของระบบดาวเคราะห์โลก เช่น ขยะจักรวาลจำนวนมากมาย ที่หลุดล่อนล่องลอยไปในจักรวาลอย่างไร้ระบบ

    และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง หากระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกยกตัวสูงมากขึ้นเท่าใด มนุษย์จิตสำนึกที่สูงขึ้น จะมีสติปัญญาเพิ่ม คือ การเข้าถึง หรือ ค้นพบ อำนาจการหยั่งรู้ได้เพิ่มขึ้นมากอีกด้วย
     
  7. ฟ้ามี

    ฟ้ามี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2020
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    และ1ในเหตุผลของการเกิดยุคศิวิไลย์....การมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น...

    มนุษย์ทุกคน ล้วนมีระบบรหัสแม่เหล็ก หรือคลื่นแม่เหล็กห่อหุ้มระบบชีววิทยาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อพลังงานของแม่เหล็กโลกยกตัวสูงขึ้น บุรพกรรมทางอำนาจแม่เหล็กภายในร่างกายมนุษย์ ถูกกระตุ้นด้วยคลื่นพลังงานที่สูงขึ้น พฤติกรรมทางชีวภาพแต่เดิมของมันจะเปลี่ยนไป แทนที่จะหลั่ง "ฮอร์"โมนแห่งความตาย ออกมาด้วยอิทธิพลพลังงานเก่า มันจะหลั่งฮอร์โมน ที่เรียกว่า "พลังงานชีวิต" ขึ้นมาแทน ซึ่งจะมีผลให้ร่างกายมนุษย์มีสุขภาพพลานามัยที่ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

    มนุษย์โลกทุกคน ล้วนมีระบบรหัสแม่เหล็ก หรือคลื่นแม่เหล็กห่อหุ้มระบบทางชีววิทยาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อคลื่นแม่เหล็กถูกปรับเปลี่ยนสายใยเกลียวแม่เหล็ก 2 ขั้ว จะรับสัญญาณนั้นได้ทันที แล้วโต้ตอบทวนสัญญาณออกมาสู่สายใยทางชีวภาพ ก็คือ ดีเอ็นเอ หรือ ยีน นั่นเอง

    วิธีเดียวที่จะพิสูจน์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ นั่นคือ การนำเอาเซลล์แต่ละเซลลืมาคลี่ออกเป็นแผ่นบาง ๆ ขณะมันยังมีชีวิตอยู่ แล้วคอยสังเกตุกระบวนการทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นภายในเซลล์เหล่านั้นดู จะพบว่ามันจพะผลิตสารเคมีหรือฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา ที่มนุษย์ไม่เคยรู้จักมันมาก่อนเลย นอกจากพบได้ในมนุษย์ยุค โลกพลังงานใหม่ นี้เท่านั้น ซึ่งสักวันหนึ่งในอนาคต มนุษย์จะต้องพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ได้
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    เตรียมตัวให้พร้อม! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งสัญญาณบางประการ เรื่องภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น นับตั้งแต่ประเทศพม่าที่เกิดสงครามกลางเมือง พลังงานของโลกของลดลง รับรู้ถึงการกวัดแกว่งของโลกแบบกระชั้น (ซัดส่าย)

    วันนี้มีข่าวสงครามปาเลสไตน์ การยิงถล่มกัน แล้วดูข่าวประธานาธิบดีไบเดนสั่งยิงประเทศซีเรีย (ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น)

    https://vt.tiktok.com/ZSJfjh5YU/

    ที่จริงจิตยิ้มหายไปนานแล้ว คิดว่าจะหยุด เพราะเรื่องไคลแม็กซ์ชิ้นส่วนพลังงาน "สนามพลังงานสุญญตา" น่าจะเป็นจุดสูงสุดแล้วล่ะ แต่มีเหตุบางประการ ให้ได้ทำเรื่องราวเป็น วีดีโอ "คำทำนายโลก แม้แต่นอสตราดามุสก็ยังไม่รู้" ได้นำเรื่องราวโลกเผชิญภัยพิบัติอะไรบ้าง และนำรายละเอีนดมาประกอบ ปรากฎว่ารูปภัยพิบัติทั้งหมดหายไปจากซีนโดยไม่ทราบสาเหตุ ยกเว้นรูป คลื่นยักษ์สึนามิ เหลือไว้เพียงรูปเดียวเท่านั้น

    เล่าสู่กันฟังค่ะ ถ้าใครรับรู้การสัดส่ายของโลก เพราะโลกขาดความสมดุล โลกจึงหมุนแบบกวัดแกว่งสัดส่าย การรับรู้การกวัดแกว่งจะรับรู้ได้ชัดเจน ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงในโลกตั้งแต่พม่า และขณะนี้ปาเลสไตน์ ต่อไปจะเป็นประเทศไหนอีกหนอ ภัยธรรมชาติที่มนุษย์ต้องเผชิญจะหนักหรือเบา มนุษย์ทุกคนเป็นผู้กำหนดเลือกชะตากรรมให้กับโลกค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2021
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    มาแล้วค่ะ ประมวลภาพเห็นได้ชัดเจน กับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ทุก step เกิดพร้อมกันแล้ว เหลือแต่ การชำระโลก ที่จะทำให้โลกเขียนแผนที่ให้ใหม่จริง ๆ..



    ถ้าหากโลก หรือ ทำอย่างไร? ถ้าโลกยังไม่เกิดเขียนแผนที่ใหม่ โรคระบาด คือ โรคโควิด 19 ก็คือ มหันตภัยการชำระโลก เพราะจะเป็นการช่วยยกระดับพลังงานโลกด้วย ถ้าตราบใดพลังงานโลกยังเหมาะสมหรือเอื้ออำนวยให้เชื้อระบาดได้ มันก็ยังคงอยู่และกลายพันธ์ไปได้เรื่อย ๆ และเกิดประเด็นข่าวว่า ประเทศจีนเริ่มระบาดอีกรอบ จนผู้นำประเทศต้องปลดใบประกอบวิชาชีพหมอกันเลยทีเดียว ถ้าจีนทำความเข้าใจจริง ๆ ว่าเชื้อไวรัส ก็เป็นพลังงานส่วนหนึ่งเหมือนกัน ทุกสรรพสิ่งที่มันก่อกำเนิดขึ้นมาได้ องค์ ประกอบต้องพร้อมและเหมาะสม หรือถึงจุดที่เหมาะสมจริง ๆ แล้วเท่านั้น มันจึงอุบัติขึ้น และดำรงอยู่ได้


    วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นี้ พระจันทร์สีเลือดที่ใหญ่ที่สุด และมาพร้อมกับช่วงเหตุการณ์รุนแรงของโลก คือ พม่า และปาเลสไตน์ ต้องระวังจงหนักเลยล่ะค่ะ เพราะจะต้องมีสถานที่ใดที่หนึ่งในโลกต้องเกิดภัยพิบัติขึ้นอย่างแน่นอน อย่างช้าไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันเกิดพระจันทร์สีเลือด รุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับพลังงานที่โลกต้องการ

    ระทึก!!!

    ตึกสูงใจกลางเมือง# เซิ่นเจิ้ง โยกไหว คนหนีตายกันอย่างจ้าระหวั่น เหมือนเป็นการเตือนพลังงานใต้พิภพโลก


    https://vt.tiktok.com/ZSJPWctJv/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2021
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ท่านกรงจักรมีอะไรจะกล่าวไหมคะ
    มาสนทนากันดีกว่าค่ะ หลาย ๆ ท่าน ที่เข้ามาอ่านก็ระดับบิ๊ก ๆ เยอะเหมือนกันค่ะ

    ตอนนี้จิตยิ้ม กำลังศึกษาเม็ดเลือดขาว กับภูมิต้านทานโรค เซลล์เม็ดเลือดขาว มีความเกี่ยวเนื่องกับ stem cell ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิด และเกี่ยวข้องกับคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ประจุออนไอ ลมหายใจ และเกี่ยวกับความสงบสุขทางจิตใจ ที่เกี่ยวเนื่องกับสติสัมปชัญญะ ที่เป็นคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เป็นพลังงานที่โลกต้องการ ในการยกระดับพลังงานโลก หากมนุษย์ในโลกนี้สัก 30 % พร้อมใจกันกระทำขึ้น โลกคงน่าอยู่กว่านี้เยอะนะค่ะ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2021
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    สงสารประเทศพม่า ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ? เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว

    https://vt.tiktok.com/ZSJ5MBR41/
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    เศร้าใจนะคะ หรือจะเป็นชะตากรรมของโลกจริง ๆ ถ้าเป็นไปตามพุทธทำนาย เราจะรู้กันดีอยู่ว่า พระพุทธเจ้า คำใดมี่ทรงตรัสจะเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นมิติที่เป็นปัจจุบัน ไม่มีกาลเวลาดั่งโลกคู่ขนาน อดีต และอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ปัจจบันเป็นเช่นไร อนาคตย่อมเกิดจากปัจจุบันที่เป็นอยู่

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มองเห็นแล้วว่า หากโลกยังตกอยู่ในสภานการณ์แบบนี้ โลกจะเกิดวิกฤติ จึงต้องช่วยเหลือค้ำจุนให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ จึงเป็นเหตุของความรุนแรงของมหันตภัย ที่มนุษย์กำลังประสบพบกันนะค่ะ

    แต่ทุกอย่างไม่มีใครกำหนด หรือใครควบคุม มนุษย์เป็นมีอิสระในการตัดสินใจเลือก โลกของเราจึงอยู่ในมือของชนชั้นผู้นำ เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีอิทธิพลต่อโลก แต่ผู้ที่มอบอำนาจให้เขาเหล่านั้น จึงต้องแบกรับชะตากรรมร่วมไปด้วย

    ขออย่าเป็นเช่นนั้นเลย เมื่อพลังงานมันหนักโลก จนโลกรับไม่ไหว อะไรจะเกิดขึ้น นะค่ะ


    https://vt.tiktok.com/ZSJ5B4atb/

    ถึงแม้โลกยังไม่เกิดวิกฤติใหญ่ แต่วิกฤติโลกของแต่ละคน ก็เกิดขึ้นเป็นไปแล้ว ใครประสบพบกับอะไร นั่นก็คือมหาภัย และกลียุค เฉพาะตน เหลือแต่ส่วนรวม...กับการสิ้นสุดยุคพลังงานเก่า
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    2222

    222 — จงมีศรัทธา ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว

    ไม่ต้องไปวิตกกังวลไปกับสิ่งใด เพราะสถานการณ์ที่ว่านี้กำลังแก้ไขตัวมันเอง
    และจะมีทางออกที่งดงามให้กับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    นิพพาน คืออะไร?

    ต้องใช้ใจฟังนะคะ ถ้าจิตส่งออกนอก ฟังไม่จบค่ะ แม้แต่ตัวเองก็เหมือนกัน



    และได้เข้าไปที่กระทู้พันทิปมาค่ะ

    https://pantip.com/topic/40736517

    ซึ่งยังมีความเห็นต่างว่า เป็นอนัตตา หรือ เป็นอัตตา

    ได้ลองอ่านข้อความที่ตนเองตอบซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ทวนจากบนลงล่าง ทวนจากล่างขึ้นบน จึงได้คำตอบในใจมาอย่างหนึ่งว่า จะว่าจะอ่านแบบไหน! ความหมายก็คงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน เลยค่ะ


    นิพพานไม่ใช่อนัตตา และนิพพานก็ไม่ใช่อัตตา

    อัตตาคือตัวกูของกู เมื่อเกิดอัตตาแล้วก็เกิดยึดถือว่าเป็นตัวตน ของตน ที่มีความเห็นผิดคนละด้านกับความเป็นจริง

    อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่ตัวตน

    อนัตตา ไร้แก่นสาร

    คือสิ่งที่เห็นว่ามีอยู่ว่ามี แต่ความจริงแล้ว มันไม่มี มันจึงเป็นอนัตตา

    สรรพสิ่งทั้งหลาย เกิดจากความเป็นอนัตตา จึงทำให้สรรพสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาเป็นอนัตตาด้วย

    แล้วความจริงคืออะไร นิพพานคือความว่างระดับสุญญตา ปราศจากการปรุงแต่งทั้งปวง

    ไตรลักษณะ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นกฎแห่งความเป็นจริง

    ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นไตรลักษณ์

    ไตรลักษณะจึงจัดอยู่ในโลกียธรรม ไม่ใช่โลกุตรธรรม

    นิพพาน จึงไม่ใช่ทั้ง อนัตตา และอัตตา


    อนัตตา กับ สุญญตา แตกต่างกัน

    อนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวตน ไร้แก่นสาร สิ่งที่ดูว่ามีก็ ความจริงมันไม่มี

    เมื่อเป็นอนัตตา มันจึงไม่เที่ยง มันจึงเป็นทุกข์

    ทุกสรรพสิ่ง ถูกปรุงแต่งมาจาก คลื่นอนัตตา หรือสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา ปรุงแต่งขึ้น

    สุญญตา คือความว่าง ที่ปราศจากการปรุงแต่งทั้งปวง



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2021
  16. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164

    นิพพานเป็นเช่นไร หามีข้อมูลไม่ และ ไม่มีผู้ใดรู้ถึง นอกจากจะไปถึงเอง "ปัจจัตตัง" พระพุทธเจ้าเองก็มิได้อธิบายไว้เสียด้วย ต่างคนต่างตีความไปต่างกัน นานาจิตตัง
    ต่างคนก็ต่างตีความไปตามความเชื่อส่วนตัว บ้างก็พยายามตีความโดยอิงคำสอน-จากการสัมผัสจากการปฏิบัติ
    โดยนิยามนิพพานของแต่ละคนก็ต่างกันไป-คล้ายกันบ้าง
    เป็นไปได้ไหม ? ว่านิพพานอาจจะเป็นสภาวะหนึ่งของผู้ปฏิบัติได้รับผลบางประการ เมื่อละสังขารจากปัจจุบัน !ก็ตีความกันไปต่างๆนานา(จิตตัง)
    สำหรับส่วนตัวเอง มองว่านิพพานเป็นสภาวะของสูง ตอนนี้หวังเพียงแค่ ฝึก ปฏิบัติ ให้ก้าวหน้ากว่าเดิมไปเรื่อยๆ(ไม่รีบร้อน-ไม่อยากได้อย่างใจจดใจจ่อ) จนเมื่อบุญวาสนาถึงพร้อม ก็จะถึงนิพพานเอง
    ในตอนนี้ โดยส่วนตัวมีความเชื่อมั่นใน "กฏแห่งกรรม" จากฟิสิกส์ (ฟิสิกส์ แปลว่า ธรรมชาติ) f<=f> แรงซ้ายเท่ากับแรงขวา #แรงกรรม ถอดได้ว่า "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง" นอกจากปฏิบัติแล้ว ต้องควบคุมกรรมและผลกรรม อย่างเช่น เน้นหลักทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ จนเมื่อหมดเวรกรรม(ที่ไม่ดี/บาปกรรม)เก่าแล้ว ก็จะมีแต่ผลกรรมจากการทำความดี และห่างไกลจากผลกรรมชั่ว(จากการเว้นทำความชั่ว) และเชื่อว่าเมื่อถึงโลกหลังความตาย ก็จะได้รับผลกรรมดีที่เป็นกรรมเก่า แค่นี้ก็รู้สึกสุคติไประดับหนึ่งแล้ว แล้วค่อยตามนิพพานไปเรื่อยๆจนถึงพร้อม แต่ส่วนตัวเชื่อหากทำแต่ความไม่ประกอบการสร้างกรรมชั่ว ก็จะทำให้อยู่ในโลกAfterLife ไปได้นานๆ (เชื่อว่าโลกหลังความตายจะอยุ่ได้นานเท่าที่มีบุญกุศลเกื้อหนุน) เปรียบดั่งเข้าสวรรค์และอยุ่ที่นั่นไปตลอดกาล(อย่างความเชื่อของ ยูดาห์ คริสต์ อิสลาม) +แสวงหาไขว่คว้านิพพาน จนถึงพร้อม แต่เพียงแค่ที่กล่าวไป ก็รู้สึกเหมือนได้เข้านิพพานแล้ว
    #ส่วนตัว จิต = USER,Player
    วิญญาณ = DATAs,SKILLs,Memories
    เชื่อว่า จิต ไม่เกิดดับ เพียงแต่เคลื่อนย้ายไปตามกรรม,กาลเวลา,ภพภูมิ หากแต่ วิญญาณ นั้น อาจจะเกิดดับ แต่ก็ BackUp,Saveเก็บไว้ได้
    และนิพพาน คือ สภาวะหนึ่ง ที่เกิดจากการบรรลุ(เข้าใจอย่างถ่องแท้)ธรรม(ชาติ) จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะจิต(ใจ) ส่งผลให้ คิดเป็น(สติดี) แต่ไร้ภาวะอารมณ์ และปลง(เข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้นของมันโดยธรรมชาติของมัน) จนละ ปลง ปล่อยวาง จึงทำให้เกิดสภาวะ ไม่ทุกข์ และไม่สุข แต่นิ่งสุขุมสงบ เพราะการเข้าใจธรรมชาติอย่างถ่องแท้(บรรลุธรรม) คือสุข/สุคติ รูปแบบหนึ่ง
    สำหรับนิยามของผู้อื่นจะแตกต่างหรือคล้ายคลึงกันอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ นานาจิตตัง ครัชช
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ดีใจและขอบคุณที่เข้ามาตอบค่ะ อยากให้คนเข้ามาสนทนาด้วย จักได้มีประเด็นเชื่อมโยงข้อมูลค่ะ

    ตอนแรกลังเลค่ะ ว่าจะลงดีหรือไม่ลงดี ลบถึง 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 เลยตัดสินใจค่ะ ลงเถิดเพื่อให้คนอื่นพิจารณาด้วย และได้ฟังคำตรัสสอนใน คิริมานนทสูตร ด้วยจึงตัดสินใจค่ะ ประกอบกับประเด็นส่วนใหญ่ที่ผู้ศึกษาพระไตรปิฎก ยังตีความว่านิพพาน เป็นอัตตา หรือ เป็นอนัตตา

    นิพพานเป็นธรรมชาติที่สงบ เหมือน "ลมพัดไบไม้ไหว" ในขณะที่ธรรมชาติที่เป็นไบไม้ไหว คือ การปรุงแต่งขึ้นมามันจึงไหว แต่ขณะเดียวกันยังมีอีกธรรมชาติหนึ่งที่นิ่งสงบอยู่เบื้องหลังท่ามกลางลมพัดไบไม้ไหวนั้น

    ถ้าเปรียบความทุกข์ทรมานคือ ในขณะที่พลังงานหนึ่งนิ่งสงบอยู่ แต่...มีบางสิ่งกระตุ้นให้เกิดกระแสพลังงานไหวออกมา แล้วแผ่ครอบคลุมพลังงานที่นิ่งสงบนั้นไว้ แล้วมวลพลังงานก้อนที่แผ่ออกมา ก็จะร้อยรัด ถูกบีบรัดครอบคลุมเอาไว้ ยิ่งมีกำลังหนาแน่นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็พาดิ่งสู่ลงเบื้องล่างอันหมายถึง อบายภูมิ ดิ่งลึกลงไป ตามน้ำหนักมวลพลังงาน นั้น


    ถ้าเปรียบเป็นความสุข โปร่งโล่งเบาสบาย ในขณะที่พลังงานหนึ่งนิ่งสงบอยู่ กระแสที่แผ่ออกมาจะเบาบาง และวิจิตร แสงสีหลากหลาย เมฆหมอกจางเบาลง แต่ก็ยังไหวกระเพื่อมอยู่ ถึงสุขก็ไม่ใช่สุขที่เที่ยงแท้ถาวร แต่ในความเบาบางจางคลาย ก็ทำให้พลังงานนั้น ลอยขึ้นไปสู่ที่สูง

    เปรียบกับระดับความนิ่งของจิต จิตที่นิ่งที่เบา จิตก็มีการลอยตัวที่สูงขึ้นไป จึงเปรียบกับน้ำหนักเบาของจิต อรูปฌาน 4 ยังหมายถึง การได้ไต่ลำดับชั้นของจิต แต่ละขั้นเพื่อยกระดับจิตขึ้นไปเรื่อย ที่เคยนำลงไว้ครั้งหนึ่ง

    อากาสานัญจายตนะ คือ จิตที่ยกระดับอยู่ในชั้นอากาศโลก

    วิญาณัญจายตนะ คือ จิตที่ยกระดับอยู่ในชั้นที่สูงกว่า ละเอียดกว่า เป็นชั้นรู้อยู่ ในอากาศโลก ตัวรู้จะเด่น ละเอียดและสุขกว่าชั้น อากาสานัญจายตนะ

    อากิจจัญญายตนะ คือ จิตที่ยกระดับอยู่ในชั้น อวกาศ ที่ยังไม่มั่นคง แต่สุขละเอียดกว่าชั้น วิญญานัญจายตนะ

    เนวสัญานาสัญญายตนะ คือ ความละเอียดของจิตยกระดับได้สูงกว่าอากิจจัญญายตนะ แต่มีความรู้สึกได้ว่า พลังงานคลื่นละเอียดนี้ มีเหมือนไม่มี คือ ไร้แก่นสาร โหวงเหวง อันนี้น่าจะสัมผัสคลื่นอนัตตาได้นะค่ะ

    ส่วนนิโรธสมาบัติ ก็คือ น่าจะความสัมผัสได้ถึงพลังงาน ความรู้สึกสุข สงบ ละเอียด ประณีต ลึกซึ้งได้ ไม่มีที่ตั้ง เป็นหนึ่งเดียว

    ทั้งหมดนั้น คือ ระดับความเบาบางของจิตที่สามารถยกระดับจิตตนเองให้ลอยตัวสูงขึ้นไปตามลำดับ หรืออาจเรียกว่า หลุดออก เปลื้องออก จากแรงดึงดูดมหาศาลได้ เนื่องจากความเบาของจิตที่บริสุทธิ์ ไร้พลังงานมืดดำ ที่ร้อยรัด พาให้ตกต่ำ หรือ ไร้พันธะพลังงานทั้งปวงเหนี่ยวรั้งไว้นะคะ

    เมื่อยกระดับจิตให้สูงสุดแล้ว ก็จะพบสภาวะธรรมหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ...มีอยู่... ถ้าไม่มี การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่ปรุงแต่งร้อยรัด จะไม่พึงปรากฎในโลกนี้เลย เพราะสลัดออก ธรรมชาตินั้นจึงปรากฎ

    และนั่นก็หมายถึงสิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไป จากสนามพลังงานเอกภพ ที่พ้นไปจากด้วยการไหลวนเวียนของคลื่นอณู คลื่นอนัตตา ก็คือความว่าง ระดับสุญญตา ที่พ้นจากคลื่นอนัตตา (เหตุของการปรุงแต่ง) นั่นเองนะคะ

    คิดว่าอ่านนิทานก็ได้นะคะ
     
  18. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164
    นิพพาน เป็นอนัตตา หรือ อัตตา
    นิพพานคือสภาวะๆหนึ่ง คำว่านิพพานเฉยๆเป็น อนัตตา แจ่เนื่องด้วยนิพพาน คือสภาวะที่เป็นของมัน ผู้ที่เข้านิพพานจะสามารถเข้าใจได้ด้วยตนเอง และเมื่อบุคคลเข้าสภาวะนิพพาน ขณะนั้น นิพพานสำหรับบุคคลจะเป็นอัตตา สภาวะนิพพานคืออัตตาหนึ่ง หากแต่บุคคลที่ไม่ถึงพร้อม มักจะเล็งเห็นว่านิพพานอนัตตาไปโดยปริยาย
    การเป็นอัตตาและอนัตตาในพร้อมกันของนิพพาน เนื่อด้วยตัวมันเองนั้นคือสภาวะ ที่ซึ่งผู้ถึงพร้อมและดำเนินในสภาวะนิพพานนั้น จะเป็นดั่งอัตตะนิยม เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ดั่งกฏสรรพสิ่ง "ทุกสิ่งทุกอย่างคือหนึ่งเดียวกัน"
    จิตคือ USER/Player
    วิญญาณ นั้นคือ DATAs,Skills,Memories
    และสภาวะนิพพาน ที่ว่าเป็นสภาวอัตตะนิยม เป็นเอกะ เชื่อมต่อทุกตัวตน #ร่างกายคือจักรวาลๆหนึ่ง มีโลกธาตุ,เอกภพ ซ้อนอยู่ภายใน ตัวจิตในร่าง กับตัวร่าง(เอกภพที่จิตอาศัยอยู่ภายใน ที่ซึ่งจิตนั้นเห็นตัวเองเป็นมนุษย์) ผนวกเป็นหนึ่งเดียวกัน "อัตตะนิยม" อุลตร้าอินสติ้งช์
    แต่!!! หาได้อยู่เหนือธรรมชาติใดใดไม่ ยังคงอยู่ในโลกธาตุมาตุภูมิ อันคือ โลกธาตุที่เป็นมิติ(ช่องความถี่)ที่ซ้อนอยู่ในครรภ์มารดา และไม่สามารอยุ่เหนือกฏแห่งกรรมใดใด
    ....กฏฟิสิกส์ (ฟิสิกส์ แปลว่า ธรรมชาติ) f<=f> แรงซ้ายเท่ากเบแรงขวา #แรงกรรม. ถอดได้ว่า "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง" ผู้ที่เชื่อมั่นในกฏดังกล่าว จะสามารถนับมาประยุกต์ปรับใช้เพื่อเสริมดวงชะตาชีวิตที่ขีดกำหนดเองได้ แม้ที่คนส่วนใหญ่ มักเข้าใจหลงผิดไปว่า การเข้าใจอย่างถ่องแท้(บรรลุ) ตั้งแต้โสดาบันจนถึงอรหันต์ ที่ผู้คนเชื่อ-เข้าใจไปเองว่า เมื่อบรรลุระดับดังกล่าวแล้ว จะอยู่เหนือ "กฏแห่งกรรม" ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หากทว่า การบรรลุ(เข้าใจอย่สงถ่องแท้)ธรรม(ชาติ) นั้น หากเข้าอย่างถ่องแท้จริง จะมีความเชื่อมั่น ในกฏฟิสิกส์ #แรงXกรรม f<=f> ดังนั้รเมื่อผู้บรรลุอย่างถ่องแท้แล้ว ได้เข้าใจความเป็น(ไปของ)ธรรม(ชาติ)แล้ว ย่อมเท่ากับว่ารู้สูตร COMBO รู้ เทคนิคแทคติคอล เพียงประพฤติตนตามสูตรลัดของพระพุทธองค์. "ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์"แล้ว เมื่อชำระบาปกรรมเกาหมด โดยที่เริ่มกรรมใหม่นั้น ประกอบสร้างแต่กระทำกรรมดี เว้นการสร้างกรรมชั่ว ชีวิตใหม่ก็จะมีเพียงผลสะท้อนของกรรมดีดข้ามายังชีวิต และการสลายบาปกรรมเก่า ก็สามารถเร่งกระบวรการได้ นั่นคือการทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ระลึกผิดบาปอย่างจริงใจ ยิ่งบ่อยน้ำหนักยิ่งมาก ยิ่งจริงใจเข้มข้นราคายิ่งดีตาม
    สลายกรรมเก่า+ทำบุญอุทิศแก่เจ้ากรรมนายเวรให้มากถึงมากที่สุด + ทำความดี ถือศีลปฏิบัติตนให้อยุ่ในศีลในธรรม ละเว้นการก่อกรรมทำชั่ว ชีวิตใหม่หลังหมดบาปกรรมก็จะมีแต่ผลกรรมดีเข้ามาในชีวิต
    นี้คือหลักปฏิบัติ ที่ซึ่งผู้บรรลุ(เข้าใจอย่างถ่องแท้ใน)ธรรม(ชาติ) ประพฤติตนกันครัชชชกระผม ^_^



    กฏสรรพสิ่ง. "ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ หนึ่งเดียวกัน"
    ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
    https://pantip.com/topic/39612065 โลกเรากลมหรือแบน "เรากำลังอยู่ในวงล้อมของ "นรก" ตลอดเวลา"
    https://pantip.com/topic/39920300 the Death / Afterlife "ตายแล้วไปไหน"
    https://pantip.com/topic/40002400 Verse / Multiverse "ความเป็นไป ของ อนันตภพ"
    https://pantip.com/topic/40109204 นิพพาน / อาบาดัน "เส้นทางสู่ความเป็นอมตะ"

    {สรุปจาก "ปัจจัตตัง" ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ได้พยายามเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว}
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2021
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ความหมายที่แตกต่างระหว่าง "อนัตตา" กับ "สุญญตา"

    ขอรวบรวมเรื่อง "นิพพาน" มาไว้ที่เดียวกันค่ะ

    ในกระทู้พันทิปขอนำความเห็น " นิพพาน " เป็นอนัตตาว่า...

    ในอนัตตสูตร พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า

    ดูกรราธะ
    - รูปเป็นอนัตตา
    - เวทนาเป็นอนัตตา
    - สัญญาเป็นอนัตตา
    - สังขารเป็นอนัตตา
    - วิญญาณเป็นอนัตตา

    ทรงกล่าวถึงขันธ์ห้าเป็นอนัตตา

    ไม่ได้ทรงกล่าวถึงขันธ์ห้าเท่านั้นเป็นอนัตตา

    ในหลายพระสูตร พระองค์ตรัสไว้ว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

    คนที่ไม่ไตร่ตรองเนื้อธรรมด้วยปัญญาจะเข้าใจแบบผิดๆ ว่า ขันธ์ห้าเท่านั้นเป็นอนัตตา

    เมื่อนิพพานเป็นธรรม นิพพานจึงเป็นอนัตตา ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์


    ----------------------------------

    ความหมายที่แตกต่างระหว่าง อนัตตา กับ สุญญตา ค่ะ

    ความหมาย "นิพพาน" ที่แท้จริง ก็คือ ว่างจากกิเลสทั้งปวง

    "สัพเพธรรมา อนัตตา" ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น น่าจะเป็นนัยยะ "อิทัปปัจยตา" อันหมายถึง เพราะสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี ซึ่งเป็น เหตุปัจจโย ตามมหาปัฐฐานสูตร ในบทอภิธรรม 7 คัมภีร์ ที่ทรงได้ตรัสไว้ว่า หากถึงคราพระธรรมจะเสื่อมสูญ บทนี้จะอันตรธานหายไปเป็นอันดับแรก


    อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน เป็นเหตุปัจจโย จากการปรุงแต่ง แม้มันจะดูเหมือนมี แต่ความจริงมันไม่ใช่ตัวตน หมายถึง สัพเพธรรมาอนัตตา ที่ทรงตรัสถึง ขันธ์ห้า เพราะเป็นต้นเหตุของการเกิด "อัตตา"

    นิพพาน จึงเป็น ความมีเหมือนไม่มี คือ ความว่างระดับสุญญตา ค่ะ


    อนัตตา จึงแตกต่างจาก สุญญตา ดังนี้ค่ะ

    สัพเพธรรมาอนัตตา ที่ปรุงแต่งขึ้น ดูว่ามี แต่ความจริง ไม่ใช่ตัวตน


    นิพพาน เป็นความมี ที่เหมือนไม่มี หมายถึงสภาวะที่เกิดขึ้นในขณะที่ "ลมสงบนิ่ง มิได้พัดไหว" ทั้ง ๆ ที่มีลมอยู่
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ความมหัศจรรย์ของจักรวาล ที่ซ่อนความลับหลังฉากดำ


    NGC1052-DF2-768x564.jpg

    https://scitechdaily.com/cosmic-mystery-deepens-oddball-see-through-galaxys-missing-dark-matter/

    เบื้องหลังฉากดำอันมืดมิด แสงสว่างตรงใจกลาง เกิดจากสิ่งใด!



    จากกระทู้..แยกปรมาณูละเอียดออกจากจิต

    หลวงพ่อกิม ทีปธัมโม วัดดงคู พระปฏิบัติสายหลวงปู่ดุลย์ กล่าวว่า...

    ถ้าโยมมาศึกษาสมาธิภาวนา ฝึกจิตใจ ก็จะสามารถแยกพันธะปรมาณู
    ละเอียดออกจากจิตได้ ก็จะเข้าใจ และบรรลุธรรม...

    และท่าน ธรรม-ชาติ อธิบายเรื่องนี้ได้ละเอียดเหมือนกันค่ะ

    https://palungjit.org/threads/การแยกปรมาณูละเอียดออกจากจิต.567699/
     

แชร์หน้านี้

Loading...