*วัตถุมงคล เริ่มหน้า66*พระกรุ,ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน,ลพ.ฤาษี,ลพ.หวล และอื่นๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 25 มีนาคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1277 เหรียญหล่อ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง รุ่นเจ้าสัว (พิมพ์พุฒซ้อน) ยันต์กลับ รุ่น 1 เสาร์ 5 ปี ๒๕๓๖
    หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง ยอดพระเกจิอาจารย์แห่งอยุธยา ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ

    เหรียญเจ้าสัวพิมพ์ซ้อนยันต์กลับ รุ่น 1 พ.ศ. 2536 ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร (ตำรับหลวงพ่อปาน) พิมพ์กลับ พุทธคุณดีทางด้านโภคทรัพย์ โชคลาภ ค้าขาย
    บูชา 350 บาท

    IMG_20181111_115627.jpg IMG_20181111_115617.jpg IMG_20181111_115719.jpg
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***ลูกแก้วสารพัดนึก หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด***
    วัตถุมงคลหลวงพ่อโอภาสีทุกรุ่นทุกพิมพ์ล้วนพุทธคูณสูง ยิ่งเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ ไม่เป็นรองใครครับ คนที่เดินทางบ่อยๆควรมีบูชาไว้ครับ

    (ลูกแก้วสารพัดนึก)หลวงพ่อได้นำมาแจกที่วัด หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ประมาณปี 2497 ในงานมรณะภาพของหลวงพ่อกบ มีทั้งลูกแก้ว หลายขนาด อีกทั้งวัตถุมงคลหลายอย่าง ลูกแก้วมีทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มีแบบลูกขาวใสและสี มีปรอท และแบบข้างในมีลิ้นสี ลักษณะของลูกแก้ว ลั่นเหมือนแตกร้าว แต่ไม่แตก มีเรื่องเล่ากันว่าเกิดจากการปลุกเสกของหลวงพ่อโอภาสี (ลูกแก้วสารพัดนึก)
    ลูกแก้วสารพักนึกของหลวงพ่อจะเด่นทางเรื่องโภคทรัพย์ โชคลาภ ค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย ปัดเป่าเสนียดจัญไร คุ้มครองป้องกันตัวผู้บูชา และป้องกันภูตผีปีศาจ จากประสบการณ์ต่างๆ นี้ทำให้ลูกแก้วของหลวงพ่อโอภาสีนั้นหาได้ยากแล้ว คนแถวบางมดและศิษยานุศิษย์ที่มีบูชาต่างหวงแหนกันมาก ขนาดประมาณ 1.1 ซ.ม.ครับ
    คาถาของหลวงพ่อโอภาสี
    “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหังฯ”
    คาถาของหลวงพ่อโอภาสีบทนี้ แท้จริงแล้วก็คือ คาถายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกที่หลวงพ่อโอภาสีนำมาย่อและเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการท่องจำของลูกศิษย์และผู้ศรัทธานิยมใช้สวด หากอยู่กับบ้านก็ใช้ป้องกันอันตรายที่จะเข้ามา หากใช้สวดก่อนออกจากบ้าน ก็จะคุ้มกันภัยอันตรายตลอดการเดินทาง หากไปต่างถิ่น ก็ใช้สวดป้องกันอันตรายต่างๆ จากเหล่าภูตผีปีศาจ ที่อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรขัดขวาง เมื่อเดินทางไปที่เปลี่ยวให้หยุดภาวนาที่ต้นไม้ใหญ่หรือบริเวณศาลเจ้า ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนั้นช่วยปกปักษ์รักษาให้ปลอดภัย
    คาถาของหลวงพ่อโอภาสีบทนี้ ยังให้พุทธคุณในด้านความร่ำรวย เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก คนทำงาน คนที่ค้าขาย สวดทุกครั้งที่เปิดร้าน จุดธูปบอกเจ้าที่ อธิษฐานให้ขายดีมีกำไร เดือดร้อนใจก็สวดขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วย อธิษฐานสิ่งใดเทวดาท่านจะอนุเคราะห์สุดความสามารถ เจ้ากรรมนายเวรได้ยินจะยอมอโหสิกรรมให้ และที่สำคัญอย่าลืมอุทิศบุญไปให้หลวงพ่อโอภาสีด้วยหลังจากการสร้างบุญทุกครั้ง
    อานุภาพของคาถาหลวงพ่อโอภาสีนี้ เชื่อกันว่าให้พุทธคุณกันแบบครอบจักรวาลเลยทีเดียว ขอให้ผู้ที่สวดตั้งใจ ให้ทาน รักษาศีล เป็นพื้นฐานอย่างมั่นคงแล้วการสวดมนต์ย่อมได้ผล ช่วยเหลือคุ้มครอง และสนับสนุนให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน (ที่มา: วัดหลวงพ่อโอภาสี)

    ปิดครับ
    IMG_25621208_203519.JPG
    IMG_25621208_203452.JPG IMG_25621208_203413.JPG IMG_25621208_203346.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2020
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1278 พระรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง รุ่นสร้างอุโบสถ
    พระผงพิมพ์รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังฯ กรุงเทพ ปี ๒๕๓๙ รุ่นสร้างอุโบสถ พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่จากพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษจำนวนหลายๆ รูป เช่น ล.พ.แพ วัดพิกุลทอง,ล.พ.อุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม,ล.พ.ลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า,ล.พ.เปิ่น วัดบางพระ ฯลฯ องค์นี้สภาพสวยเดิมๆ ดูง่าย องค์จริงสูงประมาณ 3.7 เซนต์ ฐานกว้างประมาณ 2.5 เซนต์..น่าบูชาครับ
    บูชา 350 บาท

    IMG_20181006_220208.jpg IMG_20181006_220158.jpg
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1279 เบี้ยแก้เศรษฐีเงินล้าน (เบี้ยภควจั่น) หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สุสานทุ่งมน จังหวัดสุรินทร์
    "เบี้ยแก้เศรษฐีเงินล้าน" (เบี้ยภควจั่น) หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ยอดเครื่องรางด้านเมตตา ค้าขาย จะมั่งมีเงินทองโชคลาภ เบี้ยนี้ขลังเปรียบดังพระแม่ลักษมีเทพ ผู้เป็นเจ้าแห่งเงินทอง โชคลาภเมตตามหานิยม สมหวังดังใจนึก ในสมัยโบราณจะนำเบี้ยภควะจั่น เสกด้วยคาถาโชคลาภนำเบี้ยมงคลนั้นใส่ในที่เก็บทรัพย์สิน จะทำให้ทำมาค้าขึ้นเงินทองเพิ่มพูน เบี้ยเศรษฐีเงินล้านนี้ บรรจุผงข้าวก้นบาตรหลวงปู่หงษ์เสก ผงธนบัตรพันล้าน แป้งเจิมธนาคาร แป้งเจิมบ้านเศรษฐี ยาวาสนาจินดามณี (เสริมดวง) ผงกะลาตาเดียว (แก้ดวงตก) ว่านด้านเมตรตา-มหาลาภ 49 ชนิด มีเทียนชัย 100 วัด สีผึ้ง 300 พระสุปฎิปัณโณ น้ำมันจักรพรรดิ์ 400 พระเกจิ ชันโรงมหาลาภ ดินรวย ดินเศรษฐีสร้างเนื้อสร้างตัว ผงวิเศษ ด้านโชคลาภ-ค้าขาย อย่างเต็มสูตร

    ### เบี้ยจั่น แม้เป็นเบี้ยขนาดเล็ก แต่มากด้วยพุทธคุณของเบี้ยแก้ขนานแท้ เพราะสร้างกันมาแต่โบราณ เบี้ยของหลวงปู่ชุดนี้จะใช้ผงรวมของท่าน และมีทรายเงินทรายทองเสกบรรจุไว้ เพื่อเป็นเคล็ดเงินทองโชคลาภ ภายนอกยังอุดปิดด้วยผงพุทธคุณอีกชั้น และฝังด้วยพลอย (รัสเซีย) ที่ใช้เป็นเคล็ดอัญมณีส่งเสริมโชคลาภเช่นเดียวกัน พลอยเสกนี้ใช้ฝังวัตถุมงคลของหลวงปู่มาตั้งแต่ปี 2541 ที่ออกในนามหลวงปู่โดยกองทุนปลูกป่าหลวงปู่หงษ์แล้วครับ จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งของดีที่ทรงคุณค่าของเบี้ยแก้ไว้อย่างครบถ้วน เพราะเรื่องแก้กัน ปัดเป่าอุปัทวอันตรายใดๆ รวมถึงมนต์ดำคุณไสย์ เบี้ยแก้นี้แหละครับศาสตร์วิชาเฉพาะโดยตรง และยังค้ำดวงเสริมดวงให้แก่ผู้บูชาไม่ต่างไปจากพระเครื่องที่หลวงปู่ได้สร้างไว้อีกด้วย เบี้ยหลวงปู่ชุดนี้ สร้างกันมาตั้งแต่ปี 2550

    คุณOammy2527 ปิดครับ
    IMG_25621210_110731.JPG IMG_25621210_110650.JPG IMG_25621210_110624.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2020
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1280 เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่นไหว้ครู ปี2505 เนื้อหูปิ่นโต(อลูมิเนี่ยมกะไหล่ทอง)
    ลป.ทิม ปลุกเสกพิธีเดียวกับหลังเตารีดอันโด่งดัง คนส่วนมากยังไม่รู้จัก ราคาจึงยังไม่แรง แต่อนาคตไปไกลแน่นอน(อย่ารอจนถึงตอนนั้นแล้วค่อยเก็บนะครับ) เหรียญดี เกจิดังของประเทศปลุกเสก และ มีอนาคตดีแน่นอนครับ
    ***เหรียญรุ่นไหว้ครู เป็นเหรียญที่ทางคณะศิษยานุศิษย์ของท่านอาจารย์ทิมสร้างมาถวาย สาเหตุที่พบเห็นกันน้อย สันนิษฐานว่าจำนวนเหรียญคงจะมีไม่มากประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ และเหรียญมีขนาดเล็ก คงจะสูญหายได้ง่าย อีกทั้งเนื้อเหรียญเป็นอลูมิเนียม เด็กๆแขวนโดยไม่เลี่ยมคงจะชำรุดสึกกร่อนหมดสภาพไป ปัจจุบันจึงมีเหรียญเข้ามาในวงการไม่มากนัก เหรียญรุ่นนี้สร้างด้วยเนื้ออลูมิเนียม(ขนาดเหรียญเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ ซม.) มีทั้งกะไหล่เงินและกะไหล่ทอง อาจจะมีเนื้ออื่นอีกก็ได้แต่ยังไม่เคยเห็น ลักษณะของเหรียญ - ด้านหน้า : ตรงกลางเหรียญมีรูป หลวงพ่อทวด นั่งขัดสมาธิราบ จากหัวเข่าด้านขวาของหลวงพ่อถึงหัวเข่าด้านซ้าย มีคาถาพระโพธิสัตว์เป็นอักขระขอมนูน นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคาวา ใต้องค์หลวงพ่อมีคำว่า หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ขอบเหรียญยกเป็นเส้นนูนเส้นเดียว - ด้านหลัง : ตรงกลางมียันต์สี่ขมวดมุม มียันต์สี่ขมวดมุมวางซ้อนทับอีกหนึ่งยันต์ รวมเป็นยันต์แปดขมวด ตรงกลางยันต์สี่มียันต์องค์พระเป็นเส้นนูน รอบๆยันต์องค์พระมีอักขระขอมนูน อิ สวา สในช่องสามเหลี่ยมของยันต์มีอักขระขอมนูน พุท ธะ สัง มิ รอบๆยันต์แปดขมวดมุมมีคาถาหัวใจพระโพธิสัตว์เป็นอักขระขอมนูนโค้งไปตาม เหรียญ นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคาวาใต้ยันต์แปดขมวดมุมมีรูปดอกจันทร์นูน ขอบเหรียญยกเป็นเส้นลวดนูนหนาสองเส้น พุทธคุณของเหรียญรุ่นนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับวัตถุมงคลรุ่นต่างๆของหลวงพ่อทวด ทุกรุ่น คือ เด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด ทำมาหากินคล่อง ค้าขายดี ติดต่อธุรกิจการงานสะดวก ให้ความคุ้มคลองป้องกันทั้งชีวิตและทรัพย์สิน (ข้อมูลเพียงบางส่วน จาก หนังสือพระ;คู่มือนักสะสม ฉบับเมื่อหลายปีก่อน)

    บูชา 400 บาท
    IMG_25621210_110539.JPG IMG_25621210_110515.JPG unnamed (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2019
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***รูปถ่ายอัดกระจกคุกเข่าโต๊ะหมู่บูชาพระครูญาณวิลาศ (หลวงพ่อแดง) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ขนาด 0.9*1.2 นิ้ว ถ่ายรูปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗***

    *ถ่ายรูปที่ในกุฏิ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
    ล้างอัดรูป ห้องภาพ กิตติกร ท่ายาง จ.เพชรบุรี
    ลักษณะรูป หลวงพ่อแดงนั่งคุกเข่า มือประสานไว้ที่หน้าตักนั่งอยู่ หน้าโต๊ะหมู่บูชาในกุฏิของท่านข้างขวา มีพัดยศชั้นพระครูฉากรอบรูปหลวงพ่อได้จารอักขระขอม ด้านบนตรงกลาง จารมหายันต์ครูสองข้างบนจารยันต์นะมหาลาภด้านข้างขวา-ซ้าย จารบนด้วยยันต์เฑาะว์ล่างนะรัญจวน

    *อธิษฐานจิตปลุกเสกในวัด ๓ พรรษาจึงนำแจกให้ศิษย์ไว้บูชา

    *พุทธคุณคุ้มครอง ป้องกันภัยในบ้านเรือน มหาโชคลาภ คุ้มกันโรคภัยสัตว์เลี้ยง
    มหาอำนาจขจัดเสนียดจังไรคุณไสยกลับร้ายกลายเป็นดี ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าเมตตามหานิยม ค้าขายดี


    *ตั้งนะโม ๓ จบ
    เมอะมะอุ ชาติอะมะ พุทธะสังมิ นะชาลีติ เอหิมาเรหิ นะโมพุทธายะ มะอะอุ

    *ท่องคาถาเสร็จแล้วให้ขอพรสำเร็จสมความปรารถนา
    IMG_25621217_205822.JPG
    IMG_25621217_205748.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2019
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1281 พระผงหลวงปู่ทวด รุ่น โพธิญาณ มหามงคล ๙ ปี ๒๕๔๒ จัดสร้างโดยหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    ***โดยได้นิมนต์องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ อธิฐานจิต
    จำนวน 2 ครั้งด้วยกันครับ
    *ครั้งแรก วันที่ 28 กรกฎาคม 2542 (วันเข้าพรรษา)
    **ครั้งที่สอง วันที่ 19 กันยายน 2542 (วันที่ 9 เดือน 9 ปี 99 )
    ***สร้างจากผงพุทธคุณหลายอย่างเกษาพ่อแม่ครูอาจารย์ โรยผงเพชรหน้าทั่ง ฝังแผ่นโค๊ตด้านหลัง

    บูชา 300 บาท

    IMG_20181106_223814.jpg
    IMG_20181106_223804.jpg
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1282 เจ้าแม่กวนอิมขี่มังกร รุ่น1 เสก 9 ปี ครูบาคำเป็ง กำแพงเพชร สำนักสงฆ์มะค่างาม(อาศรมสุขาวดีวราราม)
    เจ้าแม่กวนอิม มีพลังเย็นเด่นเรื่องเมตตาโชคลาภและรักษาบำบัด บารมีของพระโพธิสัตย์ เนื้อดินทุ่งเศรษฐี
    **การสร้างพระรุ่นต้นๆของท่านเป็นการทำกันเองอย่างง่ายๆ แต่ก็ดูศิลปะและความซึ้งใจอยู่ในตัว ที่สำคัญพระรุ่นแรกๆ ที่ท่านสร้างปลุกเสกแต่ละอย่างนาน 7ปี ถึง 10ปี ถือว่าเป็นการประจุพลังงานอย่างเต็มที่สูงสุด ที่สำคัญคือการเสกเจ้าแม่กวนอิมของท่านรุ่นแรก เจ้าแม่กวนอิมท่านอธิฐานจิตให้อย่างเต็มภูมิ ในสมัยนั้นท่านว่าเจ้าแม่กวนอิมมาปรากฏกายเป็นชุดแดงขนาดเณรในวัดยังเห็นด้วยตาเปล่า ไม่ได้นั่งสมาธิหลับตาแต่อย่างใด เป็นการยืนยันว่าเจ้าแม่กวนอิมท่าลงมาแผ่บารมีให้เต็มๆ
    ***ด้วยการเสกก็เช่นกันรุ่นปฐมฤกษ์ของหลวงปู่ แม้ว่าจะทำกันเองแต่เจ้าแม่กวนอิมท่านลงมาเต็มตัว แผ่บารมีให้แรงสุดๆ พลังงานของเจ้าแม่กวนอิมรุ่นแรกเย็นที่สุดและมีบารมีของเทพเจ้ามังกรอยู่ด้วย อำนาจบารมีดีทั้งเมตตามหานิยม กันคุณไสยไปไหนมาไหนปลอดภัยอาราธนาทำน้ำมันบำบัดรักษาโรคได้ดีนักทั้งยังดีทางโชคลาภทำมาค้าขายด้วย
    ****ผู้ที่ได้เจ้าแม่กวนอิมรุ่น 1 เสก 9 ปี หรืออื่ๆ ควรจะลองทำน้ำมันอธิฐานจิตเจ้าแม่กวนอิมเพื่ออนุเคราะห์คนเจ็บป่วยทั้งหลาย เป็นการเสริมสร้างบารมีตนเอง และเผยแพร่เกียรติคุณเจ้าแม่กวนอิม และหลวงปู่คำเป็งด้วย เพราะได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ กระแสพลังงานรุ่นนี้เย็นมากและทำใจให้สงบได้อย่างล้ำลึกอีกด้วย
    *****คุณของพระโพธิสัตว์ไม่มีประมาณ ยิ่งคุณของพระอวโลกิเตเศวรนั้นเป็นอนันตคุณมีคตินับถือมานานนับพันปี แสดงฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ต่อเนื่องมาทุกยุคสมัย พระของหลวงปู่คำเป็งทุกองค์ทุกชิ้นมีกระแสพลังโพธิสัตว์บารมีด้วยว่ามีเจตนานำเอาเครื่องมงคลเหล่านี้ช่วยเหลือลูกศิษย์ในยุคปัจจุบัน พระแม่กวนอิมเนื้อดินทรงขี่มังกรนั้น และเนื้อดินให้ผลเหมือนกันคือเรื่องความร่มเย็นเป็นสุข ทำมาค้าขึ้นเป็นพลังเย็น แต่เนื้อว่านจะมีพลังงานพิเศษจากว่านอันเป็นมวลสารที่มีฤทธิ์ดังนั้นจะมีความแรงฤทธิ์จากว่านเป็นพิเศษดีในด้านเมตตา คงกระพันได้ด้วย
    บูชา 300 บาท

    IMG_20180426_213533.jpg IMG_20180426_213521.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***รูปภาพอัดกระจก หลวงพ่อโอภาสี วัดอาศรมบางมด กรุงเทพฯ ขนาด 0.9*1.2 นิ้ว***
    หลวงพ่อโอภาสี เป็นศิษย์เอกรูปหนึ่งของหลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา จ.นครนายก ซึ่งสำเร็จทางเตโชกสิณ มีนามเดิมว่า “ชวน” เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช บุตรของนายมิตร นางล้วน นามสกุล “มลิวัลย์” อายุได้ 5 ขวบ บิดาและมารดานำไปฝากไว้กับอาจารย์ ณ สำนักวัดใต้ เพื่อที่จะได้เล่าเรียนหนังสือ ก่อนจะนำไปฝากบวชเป็นสามเณร ณ สำนักวัดโพธิ์ โดยมีท่านอาจารย์ที่วัดนี้เป็นพระอุปัชฌาย์ เล่าเรียนพระปริยัติธรรมอยู่เป็นเวลานานพอสมควรจนความรู้แตกฉาน จึงได้ลาบิดาและมารดาเดินทางมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ โดยฝากตัวเป็นศิษย์ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ศึกษาได้ระยะหนึ่งจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และเล่าเรียนทางด้านพระพุทธศาสนาในวิชาการต่างๆ เป็นเวลานานหลายปี จึงได้เข้าสอบไล่แปลพระปริยัติธรรม สอบได้เปรียญ 3 ประโยค กระทั่งถึงเปรียญ 7 ประโยคตามลำดับ ท่านมหาชวนได้เป็นที่เคารพของประชาชน ทำให้คนรู้จักท่านมากขึ้น เพราะเห็นว่าการปฏิบัติภารกิจประจำวันของท่านเริ่มเปลี่ยนไป เพราะแทนที่จะนั่งหลับตาภาวนาเหมือนกับพระเกจิอาจารย์อื่นๆ แต่ท่านกลับบูชาเพลิงพร้อมกันไปด้วย ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นทรัพย์สินเงินทองมีค่าใดๆ ก็ถูกนำเอาไปโยนเข้ากองไฟเสียหมด ไม่มีการเสียดายด้วยประการใดทั้งสิ้น แม้ท่านจะเผาไปมากเท่าใด ก็มีผู้ศรัทธานำไปถวายให้เผามากยิ่งขึ้น สิ่งของที่ท่านนำไปบูชาเพลิงนั้น หากท่านผู้ใดต้องการจะขอ ท่านก็ยินดีให้ การกระทำของท่าน ประชาชนจึงนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วกรุง บางคนก็มองในแง่อัศจรรย์ ซึ่งไม่เคยพบเห็น บางคนก็คิดว่าท่านวิกลจริต เพราะได้เห็นท่านมุ่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยจะจุดธูปเทียนบูชาพระมีควันตลบอบอวนไปทั่วห้อง ทำให้บางคนคิดว่าไฟกำลังไหม้กุฏิของท่าน แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นท่านนั่งสงบอยู่ที่หน้าบูชาพระในลักษณะของผู้ที่กำลังทำสมาธิ จึงจะเข้าใจว่าท่านเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยที่ตัวท่านเองไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะยึดมั่นความสันโดษเป็นที่ตั้ง และท่านจะฉันอาหารเพียงมื้อเพลมื้อเดียวเท่านั้น สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ที่หน้าโต๊ะบูชาในกุฏิของท่านและบริเวณรอบๆ จะเต็มไปด้วยพระบรมรูปหล่อ และพระบรมรูปฉายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมากมาย ทุกวันเมื่อฉันเพลเสร็จท่านจะเข้าห้องเพื่อทำสมาธินานจนกระทั่งถึง 4 โมงเย็น หลังจากนั้นก็จะไปทำวัตรสวดมนต์เย็นในโบสถ์ เสร็จแล้วก็จะกลับเข้าห้องบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิต่อไปจนเช้าของอีกวันหนึ่ง เมื่อท่านปฏิบัติเช่นนี้นานเข้า ได้มีผู้ที่เคารพไปหา ท่านมักจะกล่าวเสมอๆ ว่า “มหาชวนนั้นตายไปแล้ว อาตมาไม่ใช่มหาชวน” แต่ถ้าถามถึงอายุ ก็จะได้รับคำตอบว่า “อายุของอาตมานั้นไม่ทราบ แต่เวลานี้ 60 ปีเศษแล้ว” ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็แปลกใจและตีความหมายไม่ออก จึงทำให้มีผู้เชื่อกันไปว่า หลวงพ่อโอกาสีมิใช่ตัวของมหาชวนโดยแท้จริง แต่เป็นวิญญาณของเทพเจ้าหรือผู้วิเศษองค์หนึ่งที่มาอาศัยร่างของมหาชวนอยู่เท่านั้น ประมาณปีพ.ศ. 2484 หลวงพ่อโอภาสีได้ออกจากสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร นัยว่าเสด็จพระอุปัชฌาย์ไม่ทรงโปรดการกระทำของท่าน และได้จาริกธุดงค์ไปยังจังหวัดต่างๆ จนพบกับองค์พจนสุนทร พระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในการค้นคว้าเรื่องวิญญาณ และได้รับคำแนะนำให้ไปอยู่ที่ ต.บางมด อ.บางขุนเทียนซึ่งมีศาลเจ้าอยู่ด้วย เมื่อเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวก็เกิดความพอใจและได้ปักกลดลงในที่ของนายเนียม คหบดี ซึ่งเป็นผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาคนหนึ่งในย่านนั้น ในตอนกลางคืน ท่านได้ใช้ความสงบวิเวกในบริเวณสวนนี้ทำกิจของท่านด้วยการนั่งหลับตาพนมมือเข้าสมาธิอยู่ใกล้กับกองไฟที่ท่านสุมไว้อย่างสว่างไสว ต่อมาเจ้าของสวนและชาวบ้านละแวกนั้นได้เรียกชื่อท่านว่า “หลวงพ่อโอภาสี” และได้พร้อมใจกันสร้างกุฏิเล็กๆ ถวายเพื่อป้องกันแดดฝน แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจมากนัก และก็ยังคงเคร่งครัดการสุมไฟไว้ตลอดทั้งคืนเช่นเดิม ในเวลาต่อมา การก่อไฟของหลวงพ่อได้กลายมาเป็นการเผาจตุปัจจัยสิ่งของต่างๆ ที่ประชาชนนำมาถวาย เป็นต้นว่า ธนบัตรนับจำนวนหมื่นๆ ผ้าที่ประชาชนนำมาทอดเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องกระป๋อง หรือแม้แต่เครื่องประดับต่างๆ ก็โยนเข้ากองเพลิงทั้งสิ้น เหล่าชาวบ้านที่รู้จุดประสงค์ของท่านก็ต่างนำน้ำมันก๊าซไปถวายเพื่อใช้ในการเผาปัจจัยต่างๆ นั่นเอง ซึ่งหลวงพ่อเคยกล่าวว่า “โดยปกติ แสงไฟที่เผาผลาญสรรพสิ่งอื่นๆ จนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปนั้นก็จัดเป็นธาตุที่มีความร้อนสูงอยู่แล้ว แต่ทว่าจิตใจของมนุษย์เรายังมีความร้อนยิ่งไปกว่า กล่าวคือ ร้อนด้วยความโลภ โกรธและหลง ไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น การที่อาตมานำเอาจตุปัจจัยไทยทานทั้งหลายที่มีผู้นำมาถวายมาเผาเสียเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นพุทธบูชาขอให้ช่วยดับความร้อนในกายใจของมนุษย์ให้หมดไป หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือ เผากิเลสทั้งหลายให้หมดไปนั่นเอง” หลวงพ่อโอภาสีมรณภาพไปเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2498 เป็นเวลาเกือบ 60 ปีแล้ว แต่สังขารยังมิได้มีการเผา ยังคงอยู่ในสวนอาศรมบางมด มีพุทธศาสนิกชนผู้เคารพศรัทธาไปกราบไหว้บูชามิได้ขาด ประหนึ่งท่านยังมีชีวิตอยู่่

    IMG_25621217_205931.JPG
    IMG_25621217_205858.JPG
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1283 พระนางพญาหยกเขียว หลวงพ่อจันทร์โท ธีรวุฑโฒ วัดพระธาตุศรีโยนก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรมสายวัดป่า)
    คุณสักการะ ปิดครับ
    IMG_20181205_204423.jpg
    IMG_20181205_204412.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2020
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1284 เหรียญหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา ปี 2524 เนื้อทองแดง ฉลองอายุครบ 5 รอบ

    พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) เกิดที่หมู่บ้านชนบท ตำบลหนองหญ้าเซ้ง อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เมื่อเดือน 3 ปีระกา ตรงกับวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 เมื่อท่านอายุได้ 4 ปี บิดา-มารดาได้ถึงแก่กรรม ญาติที่อยู่ ณ หมู่บ้านโคกพุทรา ตำบลตาลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร จึงมารับท่านไป อุปการะ ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2479 อายุได้ 15 ปี ท่านจึงได้ขอร้องให้ญาติซึ่งเป็น ผู้ปกครองของท่าน พาไปบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอินทร์สุวรรณ บ้าน โคกพุทรา ตำบลตาลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยมีท่าน พระครูวิบูลย์ธรรมขันธ์ เจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน เป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านพระครูโพธิภูมิไพโรจน์เป็นพระบรรพชาจารย์ และสามเณรพุธได้ อาศัยอยู่จำพรรษากับท่านพระครูโพธิภูมิไพโรจน์นั่นเอง ท่านได้รับเมตตา จากพระอาจารย์ให้ได้ศึกษาทางด้านปริยัติธรรมด้วย และในพรรษาแรกนี้เอง สามเณรพุธสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี ปี พ.ศ. 2480 หลังจากออกพรรษา เป็นเหตุบังเอิญให้ในขณะนั้นที่ท่าน เจ้าคุณพระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง) ได้เดินธุดงค์มายังจังหวัดสกลนคร ในฐานะเจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค 4แทนท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ท่าน เจ้าคุณพระอริยคุณาธาร ได้เกิดความเมตตาต่อสามเณรพุธเป็นอย่างมาก สามเณรพุธจึงมีโอกาสได้ติดตามท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธารธุดงค์ออก จากอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ในสมัยนั้น ทางคมนาคมยังไม่สะดวก ต้องเดินด้วยเท้าไปตามทางเกวียน ผ่านป่าเขาต่างๆ ท่านเล่าว่าต้องใช้เวลาถึง 31วัน จึงเดินเท้ามาถึง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเดินทางไปถึงจังหวัดอุบลราชธานี ได้เข้าพักที่วัดบูรพา และฝากตัว เป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์พร (พี่ชายของพระอาจารย์บุญ ชินะวังโส) ท่านพระอาจารย์พรเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ซึ่งในขณะนั้นท่านพระอาจารย์เสาร์ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดบูรพาด้วย สามเณรพุธจึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์เสาร์ และเริ่มรับ การอบรมทางด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นครั้งแรก แต่เดิมทีในสมัยแรก ที่ท่านบรรพชาเป็นสามเณรนั้น ท่านได้บรรพชาในสังกัดมหานิกายคณะ ที่วัดบูรพา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี แห่งนี้ นอกจากจะได้รับการ อบรมทางด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ท่านยังได้ศึกษาทางด้านพระ ปริยัติธรรมอีกด้วย และสามารถสอบได้นักธรรมเอก เมื่อมีอายุเพียง 18 ปี ต่อมา ปี พ.ศ. 2483 ท่านพระอาจารย์เสาร์ได้พาสามเณรพุธ เดินธุดงค์ จากจังหวัดอุบลราชธานีเข้ามายังกรุงเทพฯ และพาไปฝากตัวกับท่านเจ้าคุณ ปัญญาพิศาลเถระ (หนู) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ให้ช่วยอบรมสั่งสอน สามเณรพุธจึงได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี และสามารถสอบได้เปรียญ ๔ ประโยค ตั้งแต่ยังเป็นสามเณรนั่นเอง สามเณรพุธได้จำพรรษาเรื่อยมา ณ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร แห่งนี้ จนอายุได้ครบบวช ในปี พ.ศ. 2485 ท่านจึงได้รับการอุปสมบท โดยมีท่านเจ้าคุณพระปัญญาพิศาลเถระ (หนู) พระอาจารย์ของท่านเป็น พระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "ฐานิโย" หลวงพ่อพุธ เคยได้รับแการแนะนำในเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานจากหลวงพ่อฝั้น สมัยที่อยู่วัดบูรพา ต่อมา ในปี พ.ศ. 2496 ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ จนถึงปี พ.ศ. 2510 ในปี พ.ศ. 2500 นี้เอง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตร ชั้นตรี ที่ พระครูพุทธิสารสุนทร และ ต่อมา ในปี พ.ศ. 2509 ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในนามเดิม และในปีถัดมา พ.ศ. 2511 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในนามเดิม
    ต่อมา ในปี พ.ศ. 2511 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ท่านจึงมาจำพรรษาที่วัดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ท่านดำรงตำแหน่ง เป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่เป็นเวลา 2 ปี ในปี พ.ศ. 2512 ได้รับ พระราชทานสมณศักดิ์อีกครั้ง เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระชินวงศาจารย์ ในปี พ.ศ. 2513 ได้มีการตั้งโรงเรียนพระสังฆาธิการขึ้นที่ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทางเจ้าคณะภาค ได้ขอให้ท่านมาเป็น กรรมการบริหารโรงเรียนพระสังฆาธิการในส่วนภูมิภาค ท่านจึงย้ายมาเป็น เจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านได้ทำประโยชน์ ทั้งต่อพระบวรพุทธศาสนา และ ต่อสังคม เป็นอเนกอนันต์ โดยสม่ำเสมอเรื่อยมา หลวงพ่อพุธเป็นพระนักปฏิบัติกรรมฐาน และเชี่ยวชาญในเรื่องการเทศน์สอนแก่บุคคลทั่วไป ในปี พ.ศ. 2535 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชสังวรญาณ ท่านนับว่าเป็นเป็นพระที่บูชาได้อย่างสนิทใจ ในเรื่องวัตถุมงคล ในสมัยท่านมีชีวิตอยู่ได้ออกคำสั่งเด็ดขาดว่าห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลใดในวัดป่าสาลวัน ถ้าแจกฟรีทำได้ ซึ่งหลวงพ่อเพิ่ม เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันก็ได้ยึดถือเป็นธรรมเนียมมาอย่างเคร่งครัด หลวงพ่อพุธ มรณภาพเมื่ออายุได้ 78 ปี 15 พ.ค. 2542

    บูชา 450 บาท
    IMG_25621230_170458.JPG
    IMG_25621230_170432.JPG
     
  12. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,683
    ค่าพลัง:
    +5,775
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  14. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,683
    ค่าพลัง:
    +5,775
    โอนรายการ 1283 ให้แล้วครับ
    วันนี้ เวลา 11.48 am จำนวน 300 บาท ผ่าน KTB ครับ
    ขอดูอีกสัก 1 - 2 รายการ แล้วค่อยส่งนะครับ
     
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1285 พระผงจันทร์ลอยมหาลาภ หลวงพ่อพรหมวัดช่องแคอำเภอตาคลีจังหวัดนครสวรรค์รุ่นทำบุญวันเกิด 97 หลังฝังพลอย กล่องเดิม
    บูชา 300 บาท
    IMG_25621230_214111.JPG IMG_25621230_214047.JPG IMG_25621230_214150.JPG
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***เหรียญหลวงพ่อกบ สมเด็จพระบรมครู วัดเขาสาริกา รุ่น ๑ วัดประดิษฐาราม กรุงเทพฯ ปี ๒๕๑๔***
    เหรียญหลวงพ่อกบ สมเด็จพระบรมครู วัดเขาสาริกา รุ่น ๑ ปี ๒๕๑๔ " ที่ระลึกสร้างศาลาการเปรียญ" วัดประดิษฐาราม กรุงเทพฯ มีพิธีพุทธาภิเษกเข้มขลังพิธีหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้น ณ อุโบสถวัดประดิษฐาราม แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2514 เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อกบนี้ พระครูพิมลสรภาณ วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น นอกเหนือจากจะได้แจกจ่ายเมื่อครั้งวันงานฉลองศาลาการเปรียญวัดราชประดิษฐานไปแล้ว ส่วนหนึ่งนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อประมาณปี พ.ศ.2516 พระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกล้วนเกริกไกรในชื่อเสียง อย่าง สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์มหาเถร) วัดราชบพิธ ที่สำคัญยิ่ง คือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เหรียญดีที่น่าเก็บ ด้วยประวัติการสร้างที่ดี พิธีกรรมดี

    *****ประวัติหลวงพ่อกบ (หลวงพ่อใหญ่)แห่งวัดเขาสาริกา***** หลวงพ่อกบเป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครทราบแน่ชัด รู้จากคนใกล้ชิด คนแก่ในหมู่บ้าน ท่านบอกได้เพียงว่าเป็นพระธุดงค์ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว เชื้อสายจีน มาจากทางแม่น้ำน้อย ประมาณ ปี พุทธศักราช 2430 ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดเขาสาริกา หมู่ ุ6 ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าๆ อยู่ในหมู่บ้านเขาสาริกา หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากอำเภอบ้านหมี่ประมาณ 8 กิโลเมตร ในสมัยนั้นไม่มีรถ ต้องเดินทางด้วยเท้า เมื่อมาพักที่วัดนี้แล้วก็ไม่พูดกับใคร ได้แต่บำเพ็ญเพียรภาวนา เจริญสมถวิปัสสนา ไม่สนใจจะทำความรู้จักกับใคร แม้แต่กับพระภิกษุภายในวัด ท่านปฏิบัติเช่นนี้ประมาณ 10 ปี เริ่มมีคนพูดถึงกิติสัพท์ของท่านมากขึ้น โดยมีชาวบ้านต่างถิ่นเริ่มเดินทางมาหาท่าน มานมัสการ เอาภัตตาหารมาถวายท่านถึงวัด บางคนมาถามหาบอกว่าเคยใส่บาตร เคยสนทนาพูดคุยด้วย ทำให้ชาวบ้านเขาสาริการู้สึกแปลกใจ เพราะว่าท่านไม่เคยออกไปไหนเลย ทำไมคนต่างถิ่นรู้จักท่านได้อย่างไรยิ่งนานวัน ยิ่งมีผู้คนมามากขึ้น ท่านเองก็ยังไม่ยอมพูดคุยกับใครยังคงปฏิบัติเช่นเดิม ฉันภัตตาหารเพียงเล้กน้อย ใครนำเงินมาถวายท่านก็เผาเสีย ไม่สนใจใยดีกับแก้วแหวนเงินทองแต่อย่างใด ซึงหมายถึงเป็นการเผากิเลส ประมาณปี พุทธศักราช 2450 วัดเขาสาริกาเริ่มทรุดโทรม พระย้ายไปจำวัดที่อื่นหมด เหลือเพียงหลวงพ่อกบองค์เดียว ทางการจึงได้ยุบวัดเขาสาริกา และให้หลวงพ่อกบลาสิกขาบท ท่านจึงนุ่งขาว ห่มขาวเป็นชีปะขาว แต่ยังคงปฏิบัติตามแบบอย่างพระทุกประการ เริ่มมีการพูดคุยกับผู้มานมัสการบ้างเล็กน้อย แต่การพูดคุยกลับเป็นว่าท่านรู้ความคิดผู้ที่คุยด้วยว่าต้องการอะไร มีชายคนหนึ่งที่ท่านบอกให้เดินทางไปทำมาหากินทางเหนือ ปรากฎว่าภายหลังชายคนนั้นได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต มาทุกวันนี้ และทุกวันชายคนนี้ยังคงกราบไหว้ นับถือหลวงพ่อกบมาเท่าทุกวันนี้ มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ได้เกิดฝนตก ฟ้าร้องอย่างหนัก บรรดาลูกศิษย์เตรียมตัวหนีออกจากกุฏิ เพราะเกรงว่าจะพัง ท่านบอกว่าไม่ต้องไปเดียวก็หยุด พักเดียวฝนก็หยุด และมีเสียงกบร้องลั่นทุ่ง หลวงพ่อรู้เท่าทันความคิดของศิษย์จึงบอกให้ไปจับกบมาแกงกิน ลูกศิษย์ดีใจจึงไปไล่จับกบ แต่กลับไม่ได้เลยสักตัวเดียว หลวงพ่อจึงไปจับให้เอง เดี๋ยวเดียวได้กบมาเต็มตะค่อง ส่งให้ลูกษิศย์ แล้วสั่งว่าถ้ากินไม่หมดให้ปล่อยไป ลูกศิศย์ไม่เชื่อแอบเอาใส่ไหซ่อนไว้ พอรุ่งเช้ากลับกลายเป็นใบไม้ สร้างความงุนงงให้กับบรรดาลูกษิศย์เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของชื่อหลวงพ่อกบ หลวงพ่อกบท่านได้สอนเป็นปริศนาธรรมไว้หลายอย่าง เช่น ชั่งเขา ชั่งมัน การเขียนเลข ๑ หรือกากบาทตามภาชนะเครื่องใช้ ท่านยังบูชาไฟลูกศิษย์จึงได้นำน้ำมัน และตะเกียงมาถวายมากมาย สิ่งของที่ท่านได้มาก็จะทำการเผาทิ้งหมด เพราะว่าสิงของทั้งหมดเป็นกิเลส กุฏิที่ท่านพักอาศัยก็ทำด้วยไม้ไผ่สับฟาก โดยบอกว่ามีหูมีตา ท่านจะมองเห็นข้างนอกได้ดี และนำหินมากองใต้กุฏิและบอกว่าท่านได้อยู่บนเขาแล้ว เวลาฉันภัตตาหารก็จะเทเศษอาหารที่เหลือให้กับนกหนูที่อยู่ในกองหินนั้นเป็น ประจำ ซึ่งแสดงว่าท่านได้ละซึ่งกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สนใจใยดีกับสิ่งนอกกาย สร้างบารมีโดยการให้ทาน และมีครั้งหนึ่งที่ท่านได้นอนตากแดดเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่เป็นอะไรเลย ผู้คนเชื่อว่าท่านสามารถแยกร่างได้ เมื่อถึงพุทธศักราช 2497 ท่านได้ละสังขารที่กุฏิวัดเขาสาริกานั่นเอง เป็นที่น่าแปลกใจที่หลวงพ่อโอภาสี จากสำนักพุทธญาณโอภาสี บางมด มีญาณหยั่งรู้ถึงกันว่าหลวงพ่อกบละสังขารแล้ว และท่านได้มาจัดการฌาปนกิจศพให้กับหลวงพ่อกบด้วย เชื่อกันว่าทั้งสองท่านได้ติดต่อกันทางจิต กลุ่มศิษย์หลวงพ่อกบจึงได้ตั้งเป็นสมาคมศิษย์หลวงพ่อเขาสาริกา มีกิจกรรมทางศาสนาสืบต่อกันมาจวบเท่าทุกวันนี้
    IMG_25630105_220211.JPG IMG_25630105_220144.JPG
     
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1286 พระสังกัจจายน์ รุ่น "ทวีโชค" ปี 2542 ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง 3

    พระสังกัจจายน์ รุ่น "ทวีโชค" สร้างปี พ.ศ 2542 พุทธลักษณะองค์พระสังกัจจายน์นั่งหน้าตรง มือข้างขวาถือถุงเงิน และมือข้างซ้ายถือถุงทอง ด้านหลังองค์พระ มีชื่อครูบากฤษดา และปี พ.ศ. ที่จัดสร้าง
    พระสังกัจจายน์ ใครมีไว้สักการะบูชา จะแคล้วคลาดปลอดภัย จะค้าขายก็ดีเยี่ยม มีแต่โชคลาภวาสนา เมตตามหานิยมอยู่ร่มเย็น อุดมสมบูรณ์ เดินทางปลอดภัย ค้าขายเป็นเลิศครับ

    พระสังกัจจายน์ พระอสีติมหาสาวก "แห่งโชคลาภ" เป็นพระอรหันต์ 1 ใน 80 พระอสีติมหาสาวกในศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้า ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางผู้อธิบายความย่อให้พิสดาร พระมหากัจจายนมีอีกชื่อหนึ่งว่า กัจจานะ (หรือกัจจายนะ) ในญี่ปุ่นรู้จักทั่วไปในชื่อ "คะเซ็นเน็น" (Kasennen) ส่วนในประเทศไทยนอกจากชื่อตามภาษาบาลีแล้ว ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "พระสังกัจจายน์" หรือ "พระสังกระจาย"

    พระสังกัจจายน์ มีพุทธลักษณะอ้วน พุงพลุ้ย มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ เป็นหนึ่งในพระสาวกผู้ใหญ่ จัดอยู่ในเอตทัคคะ ลักษณะของพระสังกัจจายน์ โดดเด่นมองเห็นก็รู้ว่า เป็นพุทธสาวกองค์ไหน

    เมื่อสรุปแล้วจะเห็นว่า พุทธสาวกจำนวน ๘๐ องค์ พระเอตทัคคะ ๔๑ องค์นั้น มีเพียงพระสังกัจจายน์ เท่านั้นที่สร้างอย่างโดดเด่น คติการสร้างพระสังกัจจายน์นิยมการสร้างมาก พระสังกัจจายน์จีน แบบมหายาน หินยาน โดยเฉพาะแบบจีน พระสังกัจจายน์จีนนิยมสร้างมากกว่าในเมือง

    โดยมีคติความเชื่อที่ว่า "ผู้ใดบูชาพระสังกัจจายน์ ย่อมเป็นมหามงคลอุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล"

    เป็นพระพุทธสาวกที่มีความเฉลียวฉลาดมีความรู้ และเป็นที่โปรดของพระพุทธองค์ยิ่งมีบารมี มีอิทธิฤทธิ์ ผู้ใดบูชาพระสังกัจจายน์ จึงได้รับพรจากพุทธสาวก อันเป็นเอตทัคคะอย่างสมบูรณ์ เมื่อพูดถึงเรื่องโชคลาภแท้ที่จริงแล้วชาวพุทธเราจำนวนไม่น้อยต่างได้ลาภอันประเสริฐกันทุกคน ลาภอันประเสริฐที่ว่าคือ "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" นั่นเองตามบาลีที่ว่า "อโรคฺยาปรฺมา ลาภา"

    ความเชื่อเรื่องการกราบไหว้พระสังกัจจายน์มีอยู่มากทั้งในคติแบบพุทธศาสนาและแบบพระอ้วนของชาวจีน ซึ่งพระสังกัจจายน์เป็นผู้มีบุญบารมีสูงสุดหากนับตามลำดับชั้นเพราะเป็น พระอรหันต์ที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้มและได้ชื่อว่าเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย การบูชาพระสังกัจจายน์ เริ่มจากการตั้งจิตอธิษฐานให้ใจเกิดความมั่นคง แล้วทำการสวดบูชาพระสังกัจจายน์ด้วยพระคาถาว่า
    ตั้งนะโม 3 จบแล้วกล่าว คำบูชาว่า
    “กัจจานะจะมหาเถโร พุทโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะสุภา สิตัง พุทธะตังสะมะนุปปัตโต พุทธะโชตัง นะมามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะมุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง นะมามิหัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ปุริโสชะนา อิถีชะนา ราชาภาคินิ จิตตัง อาคัจฉาหิ ปิยังมะมะ ฯ ”


    จากนั้นให้ใช้มือขวาลูบท้องขององค์พระโดยให้ลูบเป็นวงกลมหมุนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ แล้วทำการขอพรให้ได้กระทำความดีและประกอบอาชีพอย่างขยันขันแข็งกระทำการใดๆให้สำเร็จ และคำขอพรใดๆต้องเป็นเรื่องที่ดีงามเท่านั้น บางตำราก็กล่าวว่าให้ใช้มือบีบที่หัวเข่าของพระสังกัจจายน์ก็ได้ ดังเช่นที่พระอินทร์เคยนั่งรอพระสังกัจจายน์อยู่นานเพื่อรอฟังธรรม ครั้นพระสังกัจจายน์เดินทางมาแล้ว พระอินทร์ก็ตรงเข้าไปบีบหัวเข่าด้วยความเคารพศรัทธาร้องว่า “พระผู้เป็นเจ้าของเรามาแล้ว” เป็นการอธิษฐานด้วยความดีใจและบันดาลให้เกิดความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาอันดีงาม

    เคล็ดการบูชา
    ในการบูชาพระสังกัจจายน์นั้นบูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ หรือดอกบัว๗ดอก มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้ 7 ดอก และควรบูชาสองเวลาคือเช้าก่อนไปทำงานและเย็นก่อนนอน เพื่อขอให้ท่านประสาทพรโชคลาภพูนทวี และมีเคล็ดอย่างนึงว่าพระสังกัจจายน์นั้นหากบูชาไว้ในบ้านให้ปิดทองที่พุงของท่านเชื่อว่าจะมีลาภไหลมาไม่ขาดสาย
    คุณก้านมะยม ปิดครับ

    IMG_25630105_220111.JPG
    IMG_25630105_220050.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2020
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1287 พระสมเด็จบางขุนพรหม รุ่นอมตมหามงคล ปี2554 " โรยผงเก่า " หลังตรายาง *** พร้อมกล่องเดิมครับ ***

    พระผงสมเด็จรุ่น "อมตมหามงคล" นี้มีความพิเศษไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า พระผงสมเด็จในสายบางขุนพรหมรุ่นอื่น ๆ เลย เนื่องด้วยได้มีการผสมมวลสารของสมเด็จที่ได้จากการเปิดกรุเมื่อปี พ.ศ.2500 รวมไปถึงมวลสารทุกรุ่นของวัดใหม่อมตรส ไม่ว่าจะเป็นรุ่น ปี 09, ปี 31, หลวงตาพัน, หลวงพ่อลำภู, ซึ่งทางวัดได้รวบรวมเก็บไว้ นับว่ามวลสารในการจัดสร้างครั้งนี้พิเศษมาก สร้างในจำนวนจำกัด รวมไปถึงได้โรยผงเก่าอีกด้วย ฤกษ์พุทธาภิเษก ซึ่งก็เป็นราชาฤกษ์ กดพิมพ์ทั้งหมดในวัดใหม่อมตรส จึงถือได้ว่าพระสมเด็จฯ รุ่น "อมตมหามงคล" พิเศษกว่าทุกรุ่นจริงๆ เรียกได้ว่าเจตนาดี พิธีบริสุทธิ์ ชนวนมวลสารสุดยอดประจุส่วนผสมเปี่ยมความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหารย์แห่ง องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรํสี) ซึ่งหากได้ศึกษาประวัติและปฏิปทาของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลายท่านคงทราบกันดีว่า พระพิมพ์ผสมผงของท่าน สร้างด้วยผง อิธเจ ปถมัง ตรินิสิงเห และมหาราช บังเกิดพุทธาคมล้ำเลิศ ทรงความประเสริฐสูงสุด เป็นเด็จ เป็นอำนาจ เมตตา มหาลาภ มหานิยม และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หาย อีกทั้งยังป้องกันอันตรายทั้งปวงได้ จึงเป็นที่นิยมนับถือและเลื่อมใสศรัทธาอยู่ในจิตใจของประชาชนตลอดมา

    +++ พระสมเด็จบางขุนพรหม รุ่นอมตมหามงคล พ.ศ. 2554 ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ในวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 โดยมีพระสงฆ์นั่งปรกปลุกเสกเจริญจิตภาวนา 29 รูป ดังนี้

    1.หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    2.หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    3.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
    4.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    5.พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่
    6.หลวงพ่อติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์
    7.หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย
    8.หลวงพ่อผอง วัดพรหมยาม
    9.หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง
    10.หลวงพ่อทองสืบ วัดอินทรวิหาร
    11.หลวงพ่อประจวบ วัดระฆัง
    12.พระราชธรรมสุนทร วัดพระเชตุพน
    13.หลวงพ่อหรีด วัดป่าโมกข์
    14.หลวงพ่อประสูติ วัดในเตา
    15.หลวงพ่อจอย วัดโนนไทย
    16.หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง
    17.หลวงพ่อครูบากฤษณะ วังน้ำเขียว
    18.หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม
    19.หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
    20.หลวงพ่อนพวรรณ วัดเสนานิมิต
    21.หลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี
    22.หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้
    23.หลวงพ่อสิริ วัดตาล
    24.หลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรม
    25หลวงพ่อพิพัฒน์สังวรคุณ วัดสุทัศน์
    26.หลวงพ่อปริยัติสังวรคุณ วัดราชสิงขร
    27.พระบวรรังษี วัดระฆัง
    28.พระสิทธิพัฒนาภรณ์ วัดไชโย
    29.พระครูวินัยธรชาญณรงค์ วัดเลา

    บูชา 450 บาท
    IMG_25630108_193838.JPG
    IMG_25630108_193430.JPG IMG_25630108_194722.JPG
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1288 พระผงรูปเหมือน ครูบาเจ้าเสือสมิงน้อย วัดดาวคนอง ธนบุรี กรุงเทพ
    ครูบาเจ้าเสือสมิงน้อย วัดดาวคะนอง กทม ลวดลายงดงามมาก มีหัวเสือ 9 หัว เรียงลายล้อมรอบ และ มังกรอีก 2 ตัว ครูบาได้ศึกษาวิชาหัวใจเสือสมิง กับครูบาหน้อย วัดบ้านปง ซึ่งสมัยนั้นเขี้ยวเสือลงยันต์อาคมเป็นที่โด่งดังมาก โดยครูบาหน้อยท่านสร้างไว้เท่าไหร่ ลูกศิษย์ก็บูชากันจนหมดวัด แล้วก็ได้ร่ำเรียนวิชากับ พ่อหนานดวงตา ซึ่งท่านเป็นศิษย์เอกของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านได้เก็บรวบรวมตำราของครูบาเจ้าศรีวิชัยไว้เป็นอย่างดี อาทิ การภาวนากรรมฐาน ที่ครูบาเจ้าศีวิชัยท่านเขียนไว้เป็นภาษาล้านนา และวิธีทำสมาธิกรรมฐานเบื้องต้นจนถึงเบื้องสูง วิธีการเข้านิโรธกรรมตามแบบฉบับครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยพ่อหนานดวงตา ท่านมีความเก่งกล้าด้านการลงอักขระเลขยันต์ และนอกจากนั้นท่านยังมอบตำรารวมทั้งผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า ของครูบาเจ้าศรีวิชัยมาเป็นสมบัติสืบทอดให้กับครูบาอีกด้วย ส่วนอาจารย์ฆราวาส คือ อาจารย์สุวรรณ มณีสีแสง แห่งเมือง เชียงใหม่ ได้พลกันตอนครูบาเป็นสามเณรอยู่ที่เชียงใหม่และได้รับการถ่ายทอด เช่น วิชาการสร้างเทียนสะเดาะห์เคราะห์ การสักยันต์ทางเมตตามหานิยม รวมทั้งการสร้างพระผง และอาจารย์สายเขาอ้อคือ อาจารย์โยคีเคราเหล็ก ได้รับการถ่ายทอดวิชาสักสาลิกาที่ริมฝีปาก เป็นการสักหมึก ผู้ที่จะทำการสักต้องใช้ใบโพธิ์ 9 ใบ ธูป 9 ดอก เทียน 9 เล่ม ซึ่งหมายถึงความก้าวหน้าในชีวิต หน้าที่ การงาน ดีทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ นอกจากนั้นครูบายังได้ศึกษาอาคมไสยเวท จาก อาจารย์บูบุอ่อง (ชาวพม่า) อาจารย์สาธู (ชาวกะเหรี่ยง) และอีกมากมายหลายท่าน ซึ่งบางท่านครูบาก็ไม่ทราบชื่อ อาจารย์หลายท่านที่สอนวิชาทางอาคม ทางด้านเมตตามหานิยม การรักษาโรคด้วยสมุนไพร การแก้คุณไสย ถูกผี ลมเพ ลมพัด และอีกมากมาย จากนั้นจึงได้ไปศึกษาหาวิชาความรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ฆราวาส ทางอีสานบ้าน เรียนขึ้นธรรมบ้าง รักษาเรื่องการแก้กรรม และบรรเทาทุกข์ให้กับญาติโยม เช่นปวดกระดูก ปวดข้อ ปวดอะไรก็ตาม ส่วนมากลูกศิษย์ที่มาหามักจะให้ครูบาลงนะ 9 จุด สักสาลิกาเพื่อความเป็นสิริมงคลและเสริมดวงให้ดีขึ้น จุด 9 จุดนี้ต้องเจิมน้ำมันว่านไก่แดง โดยว่านไก่แดงนี้ครูบาได้มาจากประเทศพม่า ในตอนแรกเขาไม่ได้เรียกว่านไก่แดงหรอก ลักษณะเม็ดมันเท่าหัวไม้ขีด ต้องไปรอแต่เช้าตรู่ พอพระอาทิตย์ขึ้นว่านไก่แดงถึงจะออกมาเป็นเกล็ดๆ ตามหน้าผาก การเจิมมงคล 9 จุดช่วยเสริมดวง หนุนดวง เวลาลงแล้วเราจะอธิษฐานขออะไรก็ได้ตามที่เราขอนั้น ส่วนการสักยันต์สาลิกาที่ริมฝีปาก จะช่วยในการพูดการจา การติดต่องาน การค้าขายไปด้วยดี ครูบาอาจารย์ที่เรียนวิชานี้ในสมัยก่อนก็มีหลายคน แต่แกไม่ให้เอ่ยชื่อ ที่เชียงใหม่ก็มีคนมาสักเยอะ พวกนักร้องและคนที่มีชื่อเสียงก็นิยมสักสาลิกา ข้อห้ามของคนที่สักสาลิกาคือ ต้องปฏิบัติตัว โดยตอนแรกครูบาจะถามว่าปฏิบัติได้ไหม ห้ามด่าพ่อล้อแม่ ห้ามถ่มน้ำลายใส่โถส้วม ห้ามพูดคำหยาบ ก็หมายถึงรักษาศีล 5 นั่นแหละ หลังจากที่สักสาลิกาแล้วเราต้องรักษาตรงนี้ให้ได้และถ้าปฏิบัติผิดพลั้งพลาดไปเราก็ไม่ต้องเริ่มใหม่ แต่จะต้องเตรียมแผ่นทองมาให้ครูบาลง พอลงๆไปและครูบาก็จะเรียกให้กลับคืนมา เคยมีตัวอย่างเหมือนกัน คือ มีคนขับวินมอเตอร์ไซด์ในกรุงเทพฯ เค้าทำผิด ผลที่ได้คือจากที่วันหนึ่งเค้าขับรถได้เงินเยอะแยะ รายได้ก็ลดลง ข้อห้ามอีกอย่างก็คือ ห้ามลอดต้นกล้วยที่ออกลูก ถ้าลอดแล้วพลังมันจะอ่อนลง มันเป็นแบบของมีเครือ อย่างราวตากผ้าเนี่ยะ ถ้าไม่ลอดได้ก็จะดี คือถ้าจริงๆที่มีข้อห้ามเยอะก็คือ พวกคงกระพันนั้นแหละ ห้ามกินตำลึง ฟักก็ไม่ได้ อะไรหลายอย่าง ส่วนด้านเมตตาก็ห้ามนิดหน่อย ไม่ค่อยเยอะ แล้วกินอะไรก็ตามปรกติธรรมดา แต่ของครูบาก็ถือเหมือนกัน พวกฟัก พวกหอย กินไม่ได้ แต่ลูกศิษย์นี่กินได้หมดครูบาไม่ห้าม ขอให้เรามีจิตดีสมาธิดี อธิษฐานอะไรก็จะสำเร็จ การทำพิธีพวกนี้ก็เหมือนเป็นเครื่องยีดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้มีกำลังใจ คือเวลาไปพูด หรือจะไปทำการงานใดๆ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและให้เรายึดอยู่ในศีลในธรรม ไม่โกหก ไม่พูดจาว่าร้ายคนอื่น ก็คือให้ปฏิบัติศีล 5 นั่นแหละ เมื่อก่อนอยู่กับ หลวงปู่ครูบาอิ่นแก้ว ที่วัดวาลุการาม(ป่าเงาะ) อำเภอดอยสะเก็ด ท่าก็ให้คำชี้แนะแก่ครูบาเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า ใครก็ตามไม่ผิดศีล 5 ในอนาคตจะเป็นเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐี ถ้าให้อธิบายคือ ผู้ใดที่ปฏิบัติอยู่ในศีล 5 ทิได้ขาดอยู่เนืองนิจ ถือว่าปฏิบัติดีแล้ว เมื่อปฏิบัติดีก็จะมีเทวดามารักษาคุ้มครอง สำหรับพระผงครูบาเจ้าเสือสมิงน้อย วัดดาวคะนอง กทม ลวดลายงดงามมาก มีหัวเสือ 9 หัว เรียงลายล้อมรอบ และ มังกรอีก 2 ตัว เมื่อห้อยบูชาแล้ว กิจการงานอันใดก็บรรลุผล รับโชค ใช้ด้านค้าขาย หนุนดวง เสริมดวงได้หมด กันคุณไสยการกระทำ ผีสางสิ่งชั่วร้ายต่างๆตลอดจนแคล้วคาดคงกะพันชาตรี มีอำนาจบารมีไปไหนมาไหนคนรอบข้างต้องให้ความเกรงใจเพราะเสือคือมหาอำนาจ ดูจากครูบาได้ศึกษาวิชามาก็ต้องบอกว่าขมังเวทย์เชียวละใครได้พระองค์นี้ไปจะช่วยเสริมบารมี
    บูชา 350 บาท

    IMG_25630108_193923.JPG IMG_25630108_193859.JPG IMG_25630108_194658.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...