กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

แสงสายบุญเป็นอย่างไร

บทความธรรมะ หลวงตาม้าสอนศิษย์

มีโยมคนหนึ่งมาหาหลวงปู่ดู่ แล้วก็บอกว่าทำไมหลวงปู่มีแสงสายบุญไหลเข้าออกตลอด ยังไม่เข้าใจว่าแสงสายบุญที่ไหลเข้าออกผ่านตัวหลวงปู่ คืออะไร

แสงสายบุญเป็นแสงสว่าง ก็คือสว่างวาบเวลาหายใจเข้า มันมาจากรูปลักษณ์ที่ท่านทำไว้ หรือที่เราทำไว้

หลวงปู่ดู่ท่านกล่าวไว้ว่า “การสร้างพระพุทธรูปนั้นจะมีอานิสงส์มาก แม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าคา ก็จะมีอานิสงส์ถึง 5 กัป ตัวอย่างเช่น คนที่สร้างหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม ตอนนี้เขาเหล่านั้นยังเป็นเทพบุตรเทพธิดา และพรหมในชั้นต่าง ๆ เสวยความสุขอย่างไม่มีจบสิ้น เพราะผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้หลวงพ่อที่หนึ่ง สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำตก แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร คณะใดกลุ่มใดมีศรัทธาจะสร้างเพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและส่วนรวม”

คนที่มาหล่อพระนี่ถ้าอารมณ์ดีแสงสว่างเข้าทุกลมหายใจเข้าออก จนกว่าพระองค์นี้จะเป็นผง นี่แค่องค์เดียวนะ ถ้าเราหล่อสักสิบองค์ล่ะ แต่ต้องอารมณ์ดีนะ

หากเรานึกในสิ่งดีๆ จิตจะเพิ่มแต่ในสิ่งที่ดีๆ

อย่าจุดประกายในสิ่งที่ไม่ดี เพราะจิตจะเพิ่มในสิ่งที่ไม่ดี

อย่ามัวนึกแต่กรรมเก่าในอดีต มันทำให้เราเศร้าหมอง

การคิดถึงในสิ่งที่ไม่ดีนอกจากกรรมจะเข้าเราเร็ว

ตามสิ่งที่เราคิดแล้วยังทำให้เราตายผ่อนส่ง

คือตายเร็วกว่ากำหนดอีกด้วย

ทุกวันนี้เราฝึกไว้เพื่อเตรียมตัวตาย

ถ้าไม่ฝึกไว้ เวลาตาย มันจะเคว้งไม่รู้จะไปไหน

การฝึกสมาธิไม่เกี่ยวกับการนั่งนานหรือไม่นาน

แต่เกี่ยวกับว่า ทำแล้วอารมณ์สบายๆใหม

อย่าจมอยู่กับความเศร้าหมอง…

ไม่มีใครไม่มีทุกข์เกิดมาก็ทุกข์

เพียงแต่ว่าจะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย

ผู้ปฎิบัติธรรมให้ดูที่จิตอารมณ์ดีจิตสบาย

ไปไหนก็มีแต่คนรักทำอะไรก็มีแต่คนช่วยเหลือ

ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เกินกำลัง

คนมีกำลัง มีบุญคิดอะไรก็ได้หมด เหมือนเรามีสตางค์จะไปกดเมื่อไรก็ได้ มันมีสมบัติไม่มีประมาณทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์

การบันทึกบุญอยู่ที่อารมณ์ หากอารมณ์ดี

ก็จะบันทึกบุญได้ตลอด หากอารมณ์ไม่ดี

จะบันทึกบุญไม่ได้เลย…

การเวียนว่ายตายเกิด ในช่วงที่เกิดเป็นมนุษย์ จะมารับเศษกรรมในอดีต และมาทำเพิ่มใหม่ต่อไปทั้งดีและไม่ดี พอตายไปก็จะไปรับกรรมตอนที่ทำอยู่ในมนุษย์ ทั้งดีและไม่ดี แต่ถ้าเราฝึกจิต โดยการทำกรรมฐานไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะเกิดหรือไม่เกิด หรือสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี หลวงตาท่านสอนว่า “พวกเราตายแน่ๆ และเกิดแน่ๆ”

จะเดิน.. นั่ง.. กิน.. แม้แต่ตอนนอน ภาวนาไว้ อย่าได้ขาด..

ปฏิบัติทุกลมหายใจเข้าออกทรงอารมณ์ดีดี

อย่าให้กระแสไม่ดี เข้ามากระทบ…



(หลวงตาม้า วิริยธโร วัดถ้ำเมืองนะ)

 

ฝันแปลกครับ ฝันว่าต้นมะม่วงบ้านผมเป็นร้านขายเครื่องประดับพญานาค มีผู้หญิงคนนึง (ความเป็นจริงก็ไม่รู้จัก) แต่ในฝันผมรู้จัก สวยด้วยเหมือนงอนกัน เหมือนรอผมจีบหรือง้ออ่ะ และนางก็เอาแหวนที่นางขายให้ผมใส่ และนางก็ใส่ด้วย เหมือนแหวนคู่อะครับ แต่เป็นรูปพญานาคสีเขียว และนางก็ยิ้มหวานใส่ นางบอกรอท่านพ่อมา ท่านพ่อจะให้เลือกแหวนให้ท่านพี่

 

คุณ ksnow ปลอมตัวมาหรอคับ...

 

555...*เจ*ครับ...คิดเหมือนกันเลย

ใครหนอใคร ?

ลีลาขีดเขียนคล้ายๆอาจารย์นพ
คือบางครั้งอ่านไป...ต้องคิดตาม
ถ้าคิดไม่ออก...ก็จะงงๆ
กลายเป็นคำถามตามมา

แต่การเว้นวรรค เว้นประโยคต่างกันลิบ
สรุปคือ "ไม่ใช่"

เออ...แล้วอาจารย์นพ "หายไปไหน"
"เป็นห่วงครับ"

(ว่าจะไม่ถาม เพราะเกรงว่าจะรบกวนท่าน)

 

ฝันดี ฝันแปลก
น่าจะถูกหวย
หรือจะงวดสุดท้ายส่งท้ายปี62
...ขอให้โชคดีรับปีใหม่63
มีสาวงามทั้งกายใจ...รอพบ 555


ผมก็ฝันเหมือนกัน
เช้าตรู่เมื่อวาน
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ
นั่งทำงานอยู่หน้าคอม
...จู่ๆรู้สึกง่วงนอนเฉยเลย
(เออ...เพิ่งนอนตื่นทำไมง่วงจัด)
หลับคาเก้าอี้อย่างไว...ฝันทันที
ฝันว่า....
มีชายร่างใหญ่ผมเกรียนคนหนึ่งบอกหวยออก 94
...ฝันแค่นี้สั้นๆ

พอตื่นขึ้นมา จดไว้ 94 ...กันลืม
แต่จู่ๆสับสนว่าจะเป็น 97 หรือป่าว

ทุ่มซื้อ 94 เต็มแม๊กซ์
...ซื้อ 97 เผื่อไว้ปลอบใจ

...ได้มานิดหน่อย
เช้านี้จะนำเงินรางวัล10% 300 บาท(ตามสัจจะวาจา)
ส่งไปทำบุญที่สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ
ด้วยคาดว่าต้นเหตุแห่งโชคลาภมาจาก...
3วันก่อนโอนปัจจัยทำบุญเช่าพระบูชาลป.ดู่
เพื่ออัญเชิญเข้ามาสักการะบูชาที่บ้าน

นับเป็นนิมิตหมายดีที่แสงแห่งโชคลาภเริ่มกลับมา
....ต้อนรับปีใหม่ 2563

หลังจากเงียบเหงาไป 1 ปีเต็มๆ

 

เชื่อไหมที่ผมถูกหวยเกือบหมื่นแว๊บแรกผมอยากเช่าหลวงปู่ดู่รุ่นเหนือดวงมาเลย
นี้คงเป็นสัญญาณที่ย้ำเตือนมา เช่ามาเถอะลูก เพราะท่าน9มาเล่าย้ำในส่วนที่ผมแว๊บจิตแรกซะง้น
ประโยคที่ทำให้สะดุดคือ "เช่าพระหลวงปู่ดู่"

 

เมื่อเป็นแว๊บแรกที่คิดเช่นนั่น
รีบไปทำบุญเช่ามาขึ้นคอเลยครับ
ได้บุญ ได้ลป.อยู่ใกล้ๆตัว
แล้วจะมีดวง...เหนือดวง
ดังเรื่อง"ที่จอดรถ"ตามที่เคยเล่าให้ฟัง

และอีกเรื่องที่ไม่ได้เล่าคือ....
หลังจากนั่นในเวลาใกล้ๆกัน
ผมได้รับพระล๊อคเก็ตครบรอบ60ปีลต.ม้า
โดยลต.ม้าบรรจงทำด้วยมือเองวันละ2-3องค์
ด้านหนึ่งเป็นรูปลป.ดู่บรรจุพระอัฐิธาตุลป.
(ซึ่งเป็นยอดปรารถนาที่ผมได้ครอบครอง)

...ก่อนที่เจ๊ผู้ใหญ่จะส่งมาให้
(ไม่ได้บอกว่าจะส่งล๊อคเก็ตมาด้วย)

วันนั่นเจ๊กำลังยุ่งๆกับเดินทางไปไหนไม่ทราบ
จึงวานน้องสาวเป็นธุระนำพระผงกรรมฐานวัดถ้ำนะ
...ที่วางเตรียมไว้...และช่วยหาซื้อกล่องมาบรรจุ
...เพื่อส่งให้ผมทางปณ.

หลังจากที่ผมได้รับพระเครื่องแล้ว
...ได้โทรคุยกับน้องสาวเจ๊
พอผมพูดถึงล๊อคเก็ตครบรอบ60ปีที่ส่งมาด้วย
แกบอก"มีด้วยเหรอ...ทำไมวันนั่นไม่ยักเห็น"
...แล้วพูดต่อประมาณว่า
"ตัวเค้าเองยังไม่มีเลย"

55...เรื่องที่เล่านี้พอจะเรียกว่า...
"ดวงเหนือดวง" หรือไม่ ?

 

สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อย..ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีพระเถราจารย์หลายท่าน..ไม่เน่าเปื่อย "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"มีคำตอบให้ชัดเจน..
Publish 2018-01-29 17:16:14
FacebookTwitterLineShare

๓๗ เรื่องเล่า ธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เรื่องตายแล้วไม่เน่า

ผู้เขียนเคยไปที่วัดป่าเลไลย จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อไปนมัสการศพของหลวงพ่อถิร ปรากฏว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย มีเล็บและเกศางอกออกมา เป็นที่อัศจรรย์ใจและเกิดความสงสัย เมื่อมีโอกาสได้กราบเรียนหลวงปู่ดู่ ท่านอธิบายว่า

"ผู้ที่ตายแล้วไม่เน่ามี ๓ ประเภท"

๑.ผู้ที่กินว่าน

๒.ผู้ที่มีคาถาอาคมเสกข้าวกินประจำ

๓.พระอรหันต์อธิษฐานทิ้งร่างไว้ให้คนสักการะกราบไหว้ ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี

ผู้เขียนเกิดความไม่แน่ใจ เพราะเราไม่สามารถตัดสินได้ว่าองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่บอกว่า "เราต้องดูปฏิปทาหรือราศี พวกที่กินว่านหรือมีคาถานั้นจะไม่มีราศี ผิวพรรณไม่สดใส" ผู้เขียนจึงได้ปรารภกับหลวงปู่ โดยกล่าวอ้างถึงในสมัยก่อนหลวงปู่มีผิวพรรณที่ค่อนข้างดำ แต่ในปัจจุบันหลวงปู่มีราศีสดใสสวยงาม แม้แต่หลวงปู่บุดดา เมื่อก่อนเขาว่าท่านผิวดำเหมือนกัน หลวงปู่ตอบว่า "ไม่ต้องสงสัย กระดูกท่านยังฟอกเป็นพระธาตุได้ ผิวพรรณทำไมจะฟอกไม่ได้"



เคยมีผู้มีบุญท่านหนึ่งมากราบนมัสการหลวงปู่ เมื่อท่านผู้นั้นกลับไปแล้ว

หลวงปู่ได้ถามว่า "แกว่าข้ากับเขาราศีใครดีกว่ากัน"

ผู้เขียนรีบเรียนว่า "ว่ากันตามตรงหลวงปู่ราศีดีกว่าครับ"

หลวงปู่ยิ้ม ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า "นั่นคือราศีทางโลก สู้ราศีทางธรรมไม่ได้"



หลังจากที่ผู้เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงปู่พร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะไปสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงปู่ให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงปู่มีอารมณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า "ข้าอธิษฐานบารมีพระ แผ่บุญกุศลไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาของแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อ แต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง" ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงปู่พูดไว้

ผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่อง คาถามหาจักรพรรดิ

ผู้เขียน "หลวงปู่เป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ (คาถามหาจักรพรรดิ) ใช่ไหมครับ"

หลวงปู่ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง"

ผู้เขียน "ปกติการตั้งองค์พระ (การอธิษฐานให้เป็นพระ) โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังนั้นการที่หลวงปู่กล่าวเช่นนี้ ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิใช่ไหมครับ"




หลวงปู่พยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า

"คาถาบทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอก เพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสีวลี ผู้เลิศทางลาภไว้ด้วย อาบน้ำอาบท่า อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและการหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆ จะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติให้ดีเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีให้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหม ของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี"

หลวงปู่หัวเราะแล้วเสริมอีกว่า

"คนเราต้องทำให้ดี เมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"






ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ
และเจ้าของบทความ ที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

เว็บบอร์ดพลังจิต ห้อง พุทธศาสนา โดย คุณ : leo_tn

http://www.dharma-gateway.com/

ขอขอบคุณที่มา....
https://www.tnews.co.th/

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 187 ลำดับที่#3733
เป็นคำถามของสมาชิกท่านหนึ่งถามมา...
"มักเห็นภูมิเจ้าที่หลายระดับปรากฏตัวบ่อย ทั้งพญานาค คนแต่งชุดโบราณ และอื่นๆ"
อาจารย์นพจึงกล่าวเตือนสติดังนี้
"สำคัญมากๆนะครับ
เรื่องแบบนี้จะไม่พูดเกิน ๓ ครั้ง
นี่คือครั้งที่ ๓ ครับ"
ท่านอจ.นพเตือนสั้นๆ แต่มีประโยชน์มากๆ

[QUOTE="nopphakan, post: 10948106
*** กรณีถ้าบุคคลหรือใครรับรู้แบบนี้
แต่ยังขาดความเข้าใจทางนามธรรม
ที่ดีพอ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ยึดนาม
ที่ตนรับรู้ ได้โดยไม่รู้ตัว

ต้องเลิกสนใจเลย
แล้วมาเน้นเจริญสติ
ฝึกทางสติแทนแบบจริงๆจังๆนะครับ
ไม่งั้นอนาคตถึงขั้นวิปลาส
หรือวิกลจริตได้เลย***

สำคัญมากๆนะครับ ^_^
เรื่องแบบนี้จะไม่พูดเกิน ๓ ครั้ง
นี่คือครั้งที่ ๓ ครับ

 

จากคำเตือนข้างบน
ทำให้ผมนึกถึงป้าวรรณที่ผมกล่าวถึงบ่อยๆ
ป้าวรรณคนที่โคตรโชคดี
ถูกหวยเป็นว่าเล่นติดต่อกัน
ล่าสุดก็หลายงวดๆละหลักหลายหมื่น
ภายใต้ความมีโชค แต่ก็มักเสียเงินก้อนใหญ่บ่อยๆ

ป้าวรรณเป็นคนหนึ่งที่มักพบเห็น...
มักเห็นภูมิเจ้าที่หรือสิ่งแปลกสิ่งลี้ลับ
ปรากฏตัวบ่อย ทั้งพญานาค คนแต่งชุดโบราณ และอื่นๆ
แม้แต่พญานาคตัวเป็นๆยังเคยเห็นด้วยตาเนื้อตน
เมื่อหลายเดือนก่อนตื่นขึ้นมาตี3
มองออกไปตรงรั้วบ้าน
พบเห็นผีวิญญาณสาวยืนกวักมือเรียกอยู่หน้ารั้ว
บางครั้งเห็นเงาแว็บๆหายตัวเข้าไปในผนังบ้าน

...เท่าที่สังเกตเห็นประจำ
แกมักเป็นคนเหม่อลอยในบางครั้ง

เช้านี้ได้อ่านข้างบนที่อาจารย์นพเตือนสติ
จึงนึกถึงป้าวรรณที่มีอะไรคล้ายกัน
เดี๋ยววันนี้ว่างๆคงต้องหาวิธีคุยกะแกสักหน่อย
ว่าให้พยายามเจริญสติบ่อยๆทั้งเช้าเย็น
หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ สัพเพส่งบุญ
รำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นสำคัญ
(เพราะเท่าที่รู้...แกไม่ค่อยมีเวลา...เช้าต้องทำงานเลย)

 

ตามที่อาจารย์ นพ ท่านเตือนเลยครับ การรับรู้ไม่ได้ผิด แต่ผิดที่เราไม่มีสติมากพอที่จะไปรู้ทัน การหลง และการยึดติด โดยไม่รู้ตัว นั่นแหละคับ...

 

(ต่อจากเรื่องลี้ลับบนเครื่องบิน)
หน้า 260 ลำดับที่ #5195)

ยังไม่จบเรื่องเล่าในกรุงโตเกียว
จะเป็นเพราะสัพเพ หรือด้วยความบังเอิญ


...วันแรกที่ไปถึงฝนตกพรำๆพอให้รำคาญ
หยุดบ้างตกบ้างเป็นระยะๆทั้งวัน
ท้องฟ้าปิดหมอกปกคลุมปานกลาง
ฟ้าสลัวๆ...ใจหมองตามไปด้วย
เพราะไกด์สาวบอกอากาศแบบนี้
โอกาสเห็นฟูจิซังมีน้อยมาก

55 พรุ่งนี้เช้ารอลุ้นอีกเฮือก
...ถ้าไม่ได้เห็นฟูจิซัง
...ถือว่ามาไม่ถึง

ยิ่งได้ฟังจากไกด์สาวแจ้งว่า...
"...วันนี้เจอฝนตกปรอยๆทั้งวัน
ที่แปลกคือมาเจอหิมะแรกที่นี่ปีนี้
แต่ยังนับว่าเป็นกรุ๊ปโชคดีนะ
ใครเจอหิมะแรกถือว่า"ดี"
ซึ่งปกติทุกปีช่วงนี้ยังไม่มีหิมะ

พอฝนหยุด...หิมะแรก...ปรอยๆลงมาแทน
เป็นที่หมายแรกที่ต้องลงไปเที่ยวพอดี
หมู่บ้านสระน้ำใส...
น้ำใสๆไหลผ่านปากพญาพญานาค(จีนมังกร)อันศักดิ์สิทธิ์
...เป็นหนึ่งบรรยากาศที่รู้สึกมีชีวิตชีวา
ส่วนพรุ่งนี้ถ้าฝนจะตกอีกวัน....คงต้องทำใจ"


เฮง...หรือเฮง......จริงๆ...มีคำตอบ

เพราะพรุ่งนี้ตรงกับโปรแกรมฟูจิซังพอดี

ทำไงดี....ช่วยไม่ได้


กลางคืนก่อนนอน
ผมสวดมนต์เต็มสูตร
คืนนั่นลูกทัวร์อื่นๆจะร่วมด้วยช่วยกันหรือไม่ ?
ไม่ทราบ เพราะคงไม่อยากมีเพื่อนเพิ่ม
...เหตุจากช่วงหนึ่งที่อยู่ในรถ
ไกด์สาวเผลอเล่าให้ฟังว่า...

“มีกรุ๊ปหนึ่งเจอดี...พอสอบถามไปมา
ปรากฏว่าเป็นสายบุญที่ชอบนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
ตกดึกมีเพื่อนนิรนามมาอยู่ใกล้ๆ
55...เป็นเรื่องธรรมดา
กลุ่มนี้เขาชินแล้ว...แค่อยากบอกว่า...
บางแห่ง บางประเทศนี่แรงมาก”


คืนนั่นผมนั่งภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่เกาะญี่ปุ่น
แล้วสัพเพๆๆ ส่งบุญนานกว่าปกติ...จนหลับไป
กลางดึกตื่นขึ้นมา...ไม่เห็นมีเพื่อนใหม่อะไร
...พอนึกได้สัพเพๆต่อ...ต่อ
ส่งให้เจ้าป่าเจ้าเขาผู้พิทักษ์ฟูจิซัง
ดวงวิญญาณที่อาจยังตกค้างอยู่ในหมู่เกาะแห่งนี้
ตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่2

...เช้ามืดตั้งแต่ตี4 ตี5
มองผ่านกระจกหน้าต่างห้องพักตลอดเวลา
ไม่เป็นอันจะนอน...ก็ว่าได้
และแล้วเริ่มเห็นลางๆ...ลองขยี้ตาเบาๆ
ใช่แล้ว...แน่นอน...

ฟ้าเป็นใจ ท้องฟ้าเปิด เบื้องบนเป็นใจ
สัพเพได้ผล หรือเป็นเพราะความบังเอิญ
555...เป็นความบังเอิญที่แสนโชคดี
...ตามที่ไกด์สาวบอกพวกเราเป็นกรุ๊ปโชคดีไงครับ


ช่วงนั่นคิด...ขอให้วันนี้ได้เห็นยอดเขาสักนิดก็พอใจแล้ว
แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีความคิดเปลี่ยนไป
...เมื่อเมฆหมอกไหลมาปิดบัง
หลังจากนั่น 5 นาที กลับเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
มาพร้อมแสงอ่อนๆของเช้าวันนี้
ที่อยากเห็นแค่ยอด...ขอเห็นเต็มใบดีกว่า

ต้องยอมรับว่าภูเขาฟูจิมีเสน่ห์...สวยงามมากๆ
เปรียบหัวใจรักซ่อนเล่ห์...อย่างไงอย่างงั้น
เปลี่ยนแปลงตัวตนได้ทุกๆนาที

เดี๋ยวสีเงิน...เดี๋ยวฟ้าปิด...
...ผ่านไป5นาทีกลายเป็นสีทอง

ด้วยพลังอำนาจบริสุทธิ์จากธรรมชาติ
...มีเมฆหมอกและตะวันแรกแย้มเป็นผู้กำกับ
ใช่หนัง ละครจากฝีมือมนุษย์
(เชิญชมภาพดีกว่า)


555...อารมณ์เหมือนเขียนนวนิยายรักเลย
ด้วยต้องการให้อ่านอย่างมีความสุข
...เป็นนวนิยายสั้นๆที่ถอดมาจากเรื่องจริง

ขอจบเพียงแค่นี้...นะครับ













เป็นไปตามที่ไกด์สาวทักเลย
"ได้พบเจอหิมะแรกในปีนี้ ถือว่าโชคดี"

55...โชคดีครับ
ได้เห็นฟูจิซังอวดโฉมงาม3หน้า...ในครึ่งวัน

 

ผมมีข้อสงสัยอย่างนึงที่อยากจะถามท่าน9 หรืออ.นพ คือช่วงนี้ไม่รู้เป็นไรครับ
เสี่ยงโชคหวยเวียดนาม ไม่ค่อยถูก มันแปลกๆ มีเรื่องจะเล่าให้ลองพิจารณานะครับ
1.เมื่อผมเดินไปตรงรถมอไซต์ ตรงทะเบียน มักจะได้กลิ่นหอมๆ เย็นๆๆ ผมรู้สึกว่านา่จะเป็นพวกเทวดารึเปล่า พอลองเอาไปแทงหวยดูกลับไม่ออก พออีกวันกลับออกบนล่างเลย
2.ฝันเห็นมอเตอร์ไซต์ที่ขี่ปัจจุบันบอ่ยๆ ก็เอาไปแทงดู ปรากฏว่าไม่ออก พอผมไม่ซื้อกลับออก
3.เลขที่อยู่รอบตัว สมมุติวันนี้ซื้อ ไม่ออก อีกวันมาออก แปลกมากๆ
4.ฝันเห็นเลข 42และพระพุทธรูป 7 องค์ เพื่อนตีให้ 687 (พระ8 ผม6 จำนวนพระ 7) แต่ไม่ได้เอา 42 มารวม ปรากฏว่าหวยออก 684 สว่นเลข 42 พอผมทิ้ง อีกวันมาออกเฉยเลย
5.งานบุญที่ได้รับมอบหมาย เลขที่เกี่ยวข้องกับงานบุญออกหมดเลย แต่เอาเอาไมไ่ด้เลยสักตัว
ท่าน9 กับอ.นพคิดว่าไงครับ มันคืออะไร ทำไมเค้าให้ฝัน มาให้สัมผัสได้แต่กลับเอาโชคไมได้

 

ประกาศคนหาย "อาจารย์นพ"

หลังปีใหม่ไปสักระยะท่านคงกลับมา


เรื่องของโชคลาภมักเป็นอย่างที่*เอก*เล่า
...แต่ปีนี้*เอก*ก็ถูกหวยบ่อยๆ นี่ครับ
ทั้งปีน่าจะมี 10 งวดมั่ง ทั้งไทยลาวญวน

ดีกว่าผม...ที่ทั้งปีถูกแค่ 2 ครั้ง
ที่ควรถูกอีก 4-5คร้้ง...แต่ลืมซื้อ

คาดว่าส่งท้ายปีนี้"จะถูกหวยแน่"

 

เมื่อคืนฝันถึงงูขนาดกลาง
นอนพาดลำตัวอยู่บนตู้โชว์สีขาว
ลักษณะดูแล้วค่อนข้างเชื่อง
ลำตัวส่วนบนและหัวมันเงาเหมือนงูเห่า
แต่มองไปที่ท้องกลับเป็นสีเหลืองอ่อนๆ

ไม่รู้ว่าจะใบ้หวยอย่างใด ?


อ่านข่าวข้างล่างนี้ก็แล้วกัน...เผื่อมีโชค
(โดยเฉพาะ*เอก* ที่หวยมักออกงวดต่อไป)
เพราะข่าวชิ้นนี้เป็นข่าว2งวดที่ผ่านมา)

***********************************

ชาวบ้านแตกตื่นแห่ดู พญานาค โผล่สระน้ำวัด เห็นจะๆกราบไหว้ขอโชคลาภก่อนหวยออก(คลิป)
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 - 23:11 น.
Facebook
Twitter
Google+
LINE

ชาวบ้านแตกตื่นแห่ดู พญานาค โผล่สระน้ำวัด เห็นจะๆกราบไหว้
ขอโชคลาภก่อนหวยออก
วันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ต่างพากันแตกตื่นแห่เฝ้าสระน้ำในวัด หลังพบสัตว์เลื้อยคลานคล้ายพญานาคโผล่ว่ายน้ำเล่นภายในสระน้ำ เชื่อจะมาให้โชคลาภก่อนวันหวยออก


โดยเรื่องนี้มีการแห่แชร์ในโลกโซเชียล เผยคลิปภาพสัตว์เลื้อยคลาน ลักษณะเป็นงูแต่มีรูปร่างลักษณะคล้าย‘พญานาค’อาศัยอยู่ภายในสระน้ำ วัดบ้านโคกสะอาด หมู่ 8 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โดยในคลิปมีชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ มาเฝ้าดูรอบสระน้ำเป็นจำนวนมาก


โดยเฉพาะคลิปภาพที่มีภาพพญานาคลอยเล่นน้ำพร้อมทำตามคำร้องขอของชาวบ้านว่า “ให้ชูคอขึ้น” “พญานาค”ก็ชูคอขึ้นเหนือน้ำ สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านที่มาเฝ้าคอยชมเป็นอย่างมาก

จากการตรวจสอบภาพจากคลิป ชาวบ้านที่มาเฝ้าคอยชม ต่างมีเสียงพูดคุยกันอย่างมีความสุข เหมือนมีความหวังและความฝันอยู่ในความรู้สึกเดียวกัน เพราะหลายคนส่งเสียงขอโชคลาภอย่างชื่นใจ



ล่าสุดวันนี้ชาวบ้านเห็นพญานาคขึ้นมาให้คนมาดูอีกหลายองค์ โดยคาดว่าวันที่ 16 ตอนเช้ามืด น่าจะมีคนแห่มาขอโชคลาภเป็นจำนวนมาก



แหล่งที่มา....นสพ.ข่าวสดออนไลน์

 

อยากบอกประเด็นคือ จะมาให้ผมนิมิตร สัมผัสได้ทำไม ถ้าไม่ให้ผมถูก จริงไหมท่าน 9

 

สาธุๆ สมพรปากนาย9

 

บริหารใจ ห่างไกล `อคติ4`
โดย arphawan sopontammarak
วันที่ 31 สิงหาคม 2558
อ่าน : 16,590

“รัก โลภ โกรธ หลง” อคติทั้ง 4 นี้เป็นความลำเอียงที่เกิดขึ้นในใจของมนุษย์ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมนำความทุกข์มาสู่ใจเรา หลายคนหาทางแก้ไข เพื่อละหรือดับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเหล่านี้



แฟ้มภาพ

หนทางในการดับความรัก โลภ โกรธ หลง พระอาจารย์ภาณุ จิตตฑฺนโต วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก อธิบายให้เข้าใจด้วยถ้อยคำง่ายๆ ว่า

“สิ่งที่เข้ามากระทบใจนี้ มนุษย์ได้เลือกตอบสนองด้วยความรู้สึกทั้ง 4 อย่าง คือ ฉันทาคติ หมายความว่า เราเลือกปฏิบัติต่อสิ่งนั้นๆ ด้วยความลำเอียง เช่น ลำเอียงเพราะรักหรือชอบสิ่งนั้น โทสาคติ หมายความว่า เราเกิดความลำเอียงเนื่องจากความหงุดหงิด ไม่ชอบใจ โมหาคติ หมายความว่า เราเกิดความลำเอียง เพราะเราไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อสิ่งนั้นอย่างไร และภยาคติ หมายความว่า เราลำเอียงต่อสิ่งนั้นเพราะความกลัว หรือเกรงใจ ทั้งหมดนี้ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า “อคติ 4””

พระอาจารย์ภาณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวพุทธได้ดำเนินตามหลักของพระพุทธเจ้า คือเป็นผู้รู้ตื่นและเบิกบาน ดังนั้นกระทำสิ่งใดแปลว่าเราต้องรู้สิ่งนั้นชัดเจนก่อน การที่เราจะรู้ได้ต้องดูว่าแต่ละสิ่งมีที่มาที่ไปอย่างไร ด้านแรกคือ ความรัก ในทางพุทธศาสนาไม่ได้นิยามความรักเป็นคำๆ เดียว มีหลายๆ คำที่เกี่ยวกับความรัก เช่น ความพยายาม ความอยาก ความ ต้องการ ความผูกพัน ความใคร่ ความพอใจ และที่สูงขึ้นไปกว่าความรักที่กล่าวมา คือความปารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข มีความเมตตา และสูงกว่านั้นคือความปารถนาให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ มีความกรุณา ซึ่งอยู่ในหลักของพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
เราสามารถจำแนกความรักออกมาได้ดังนี้

1.ความรักตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปในทางของตัณหา นั่นคือต้องการดึงความสุขนั้นมาเป็นของตัวเองทั้งหมด คนที่ต้องการความสุขทั้งหมด อาจทำผิดศีลธธรม ทำร้ายผู้อื่น และเบียดเบียนผู้อื่น

2.ความรักครอบครัว เป็นหน่วยย่อยๆ ที่ขยายออกไปจากความรักตัวเอง คำภาษาบาลีคือ “เปม” (เป-มะ) เมื่อมีความรักครอบครัวจะมีการปรับตัว ลดตัวตนของตัวเองลง เพื่อปรับเข้าหาคนในครอบครัวและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

3.รักในคนรอบข้าง เนื่องจากเราอยู่ร่วมกันหลายคนเป็นชุมชน จึงต้องเรียนรู้การประนีประนอม ลดตัวตนลงไป เพื่อปรับเข้ากับคนอื่นให้ได้ ความรักประเภทนี้เป็นความดีงามที่บริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

4.ความรักไม่มีประมาณ คือไม่เจาะจงความรักต่อผู้ใดสิ่งใด ขยายความรักนั้นไปสู่ต่างชนชาติ ต่างภาษา ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ถือเป็นความรักขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา

“วัดเป็นที่ดับทุกข์ทางใจ การมาเจอพระผู้ทรงศีล ให้ทางออกจะทำให้มีสติ ถ้าได้ฟังธรรมะแล้วใจเราน้อมจะฟังก็ดีขึ้นไปอีก มีการสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ใจก็จะสงบ จะเห็นปัญหาอย่างชัดเจน ปัญหาของมนุษย์อยู่กับอคติที่ว่า ไม่สามารถมองสิ่งใดได้อย่างลึกซึ้ง ถูกต้อง มองไม่เห็นต้นตอของปัญหา การที่ใช้ความรู้สึกมาตัดสินทำให้ทางเลือกที่มีอยู่มันน้อยลงไป เมื่อเรามีสติและสงบมากขึ้น ก็จะมองเห็นปัญหาและยอมรับความจริงได้ง่าย” พระอาจารย์ภาณุ ให้ความเห็นเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีปัญหาจากความรัก และเลือกเข้าวัดเพื่อหาหนทางสงบจิตใจ

ด้านที่สอง ความโลภ ถือเป็นรากเหง้าของปัญหา มาจากความต้องการที่เป็นส่วนเกิน ถ้าเรามีสติ พิจารณาถึงปัจจัย 4 ที่เรามีว่าเพียงพอแล้วต่อการมีชีวิตอยู่ เราก็จะไม่ไปขวนขวายมัน เช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ ถ้าเราเพียงพอแล้ว สามารถกันร้อนกันหนาว กันแมลง และให้เป็นไปโดยมารยาททางสังคมที่ดี เราควรพอใจกับสิ่งนั้น ข้าวปลาอาหารไม่ได้กินเกินกำลัง กินแล้วให้ดีกับสุขภาพก็พอ ที่อยู่อาศัย กันแดดกันฝน ให้ความมั่นคงทางชีวิตเราก็อยู่ได้ ยารักษาโรคประทังชีวิต เมื่อมีสำหรับเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็เพียงพอแล้ว

“ปัจจัยสี่พื้นฐาน ถ้าเรามีปัญญาเห็นว่าชีวิตเราไม่ได้ลำบากแล้ว เราก็จะดิ้นรนน้อยลง แต่หากเราเกิดการเปรียบเทียบกับ ผู้อื่นจะทำให้เราดิ้นรนอยากได้ในสิ่งนั้นๆ ถ้าศักยภาพเราไม่พอที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเองก็เกิดปัญหาตามมา เมื่อขาดสติก็จะทำให้เราผิดศีล มนุษย์ต้องมีตัวช่วยหลายอย่าง และอาจจะต้องหาตัวอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา”

สำหรับ ความโกรธ ที่เสมือนไฟร้อนนั้น พระอาจารย์ภาณุ เล่าว่า ถ้าเราไม่สามารถดับไฟในใจเรา ไฟนั้นก็จะออกมาสู่ภายนอกเผาผู้อื่นด้วย ทั้งทรัพย์สิน ร่างกาย จิตใจ เมื่อใจเป็นไฟเราต้องเอาความเย็นมาดับ

“การดับไฟนั้นต้องเอาศีลมาสกัดไว้ น้อมใจคิดว่าถ้าเราโต้ตอบ ทำร้ายคนอื่นด้วยกายหรือวาจา ก็จะเกิดการทำร้ายกัน ยับยั้งตัวเราเองด้วยการมีศีล ใช้ความเมตตา กรุณา และไม่เบียดเบียนด้วยศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่า ไม่คิดร้าย ต้องให้อภัยผู้อื่น ถ้าหากศีลยับยั้งไม่พอ ลองฝึกสมาธิหลับตา สูดลมหายใจ ให้ใจ
เยือกเย็น ท้ายสุดต้องใช้ปัญญา พิจารณาว่าทุกสิ่งไม่แน่นอน ความโกรธก็จะตั้งอยู่ และดับไป” พระอาจารย์ภาณุ กล่าว

อคติด้านสุดท้ายคือ ความหลง หรือ โมหะ ซึ่งเป็นรากเหง้าของกิเลสทั้งสามตัวที่กล่าวมา สิ่งนี้ทำให้เห็นผิดไปจากความจริง เช่น ความรักที่มากเกินไป ไม่ได้รักด้วยเหตุและผล เมื่อโมหะเข้าครอบงำ จะทำให้เราเบียดเบียนผู้อื่นไม่ว่าจะวิธีการใดๆ ก็ตาม ด้านความโลภจากการเกิดโมหะจะเกิดขึ้นถ้าหากเราไม่เกิดปัญญา ความอยากได้มันเป็นส่วนเกิน เราจะขวนขวายเกินพอดี แสวงหาเกินพอดี และสุดท้ายคือความโกรธ เมื่อมีโมหะเข้าครอบงำ เราก็จะโกรธและเกลียดคนที่เราเห็นว่าไม่ดีอย่างเต็มที่ ถ้าเราพอเห็นส่วนดีบ้างท่ามกลางความไม่ดีนั้น เราก็จะให้อภัยผู้อื่น ความโกรธเกลียดก็จะเบาบางลงไป เราจะแก้โมหะได้ต่อเมื่อเรายอมรับว่าสิ่งต่างๆ มีหลายแง่มุม มองให้รอบด้าน ใช้สติกับสมาธิเข้าช่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราฝึกกันได้ไม่ยากจนเกินไป

ใจที่อคติจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง คลายทุกข์ในใจได้ด้วยการยอมรับ ใช้ศีล สมาธิ และปัญญาที่จะน้อมนำมาให้เกิดความตื่นรู้ และความสงบในจิตใจ…





(ขอขอบคุณแหล่งที่มา)

เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th

ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ

 

ปีใหม่นี้มีที่ไหน่น่าเที่ยวบ้าง