กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    ไปตจว.มาหลายวัน
    นอกจากงานที่ตั้งใจจะทำ
    ว่างๆก็ไปเที่ยววังน้ำเขียว
    2 สถานที่ตั้งใจจะไปคือ
    พระธาตุเจดีย์ศรีแสงธรรม และคำชะโนด 2

    เด๋วเอารูปคำชะโนด 2 มาลงให้ชมก่อน
    ส่วนพระธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ตั้งใจจะไป
    (ขอบอกเลยว่า "สวยอลังการมากๆ")
    ...ไว้วันนี้หรือพรุ่งนี้จะนำมาลง
    (เพราะยังไม่ค่อยว่าง)

    84805.jpg
    84803.jpg
    84807.jpg
    84810.jpg
    111133.jpg 84812.jpg 111134.jpg



    ไปก่อนหวยออก 1 วัน
    เจ๊ที่ไปด้วยก็ถูกหวยเล็กน้อย
    ...แต่ส่วนตัวโดนหวยกินเรียบ
    555...หวยไม่ถูกไม่เป็นไร
    แต่ได้ภาพพญานาคราชรูปนี้มา
    ...จากฝีเท้าระบายสีของดช.ยูโร
    เด็กพิการแขนขาลีบ
    (เคยออกรายการทีวี)
    ภาพละ 100 ร้อยบาท(ขนาด6*8นิ้ว)
    ใครที่แวะไปก็ช่วยๆกันเด๋อ
    (เสียดายลืมถ่ายรูปดช.ยูโรไว้)
    84783.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2019
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    น้องยูโร เด็กพิการแขนขาลีบ แต่ไม่หยุดฝัน ตั้งใจฝึกใช้เท้าวาดภาพ
    Publish 2019-07-22 11:04:05
    Facebook24TwitterLineShare

    ถือเป็นอีกหนึ่งเด็กน้อยที่มีพรสวรรค์ในด้านการวาดภาพแม้ร่างกายจะพิการสำหรับน้องยูโร หนูน้อย ป.4 โรงเรียนบ้านไทยสามัคคี พิการแขนขาลีบตั้งแต่กำเนิดแต่ไม่หยุดฝันที่จะเป็นจิตรกร มั่นฝึกฝีมือในการวาดภาพกว่า 2 ปี จนสามารถใช้เท้าจับดินสอได้อย่างชำนาญ แถมลายเส้นที่น้องยูโร วาดยังคมชัดสวยยิ่งกว่าหลายคนที่ใช้มือในการวาดภาพเสียอีก



    67249752_2356122257802056_570981044048625664_n.jpg



    67396929_2356122344468714_5398174133248851968_n.jpg



    นอกจากนี้น้องยูโร ยังพยายามช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เป็นภาระของครูและเพื่อนๆที่โรงเรียน โดยน้องยูโรมีนิสัยร่าเริงเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ทั้งน้องยูโรยังชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ


    67177897_2356122424468706_7559835004436480000_n.jpg




    67681462_2357717860975829_682991334407012352_n.jpg



    67213338_2357717944309154_1611650181055381504_n.jpg


    โดยชาวเน็ตหลายคนที่ได้เห็นผลงานของน้องยูโรต่าง เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจ บางก็กล่าวว่าวาดรูปเก่งกว่าคนมีร่างกายครบ 32 บ้างคน พร้อมบอกให้น้องยูโรสู้ๆขอเป็นกำลังใจให้พัฒนาฝีมือต่อไป เพราะสามารถยึดเป็นอาชีพได้เนื่องจากฝีมือและลายเส้นของน้องยูโรบอกเลยว่าไม่ธรรมดาอนาคตไกลแน่นอน




    ขอบคุณเฟซบุ๊ก ศิลป์ปัญญา ณ. วังน้ำเขียว

    ที่มา....https://www.tnews.co.th



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2019
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรม(หลวงตามหาบัว)
    วังน้ำเขียว นครราชสีมา

    ใครมีโอกาสไปหรือผ่าน
    อย่าลืมแวะเข้าไปชมความยิ่งใหญ่สวยอลังการ
    หินอ่อนสีโทนขาวใสสะอาด
    วันนั่นขณะที่เดินชมฝนตกปรอยๆบ้าง หยุดบ้าง
    ทุกย่างก้าวจึงควรระวัง เพราะพื้นลื่น
    ผมคิดในใจและบอกกับคนที่เดินสวนทาง มา ว่า....
    "เหมือนเป็นกุศโลบายให้ทุกคนพึงเฝ้าระวัง
    ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความไม่ประมาท"


    111355.jpg
    85619.jpg
    111363.jpg
    111394.jpg
    111384.jpg
    111387.jpg
    111392.jpg
    111399.jpg
    111403.jpg
    111404.jpg
    111400.jpg
     
  4. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 165 ลำดับที่ #3282

    ฟังอาจารย์นพเล่าประสพการณ์พระเครื่อง
    ลป.หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน

    nopphakan, post:
    เคยได้พระของ ลป. วัดบ้านจาน มาครั้งหนึ่ง
    ปัจจุบันไม่อยู่แล้ว ศิษย์เอก ลพ.มีชื่อ ที่ ขก.
    ท่านมาขอ บูชา ต่อ ในราคาที่ได้มา
    ซึ่งตอนนั้น จะน้อยกว่าราคาที่เล่นหา ๓ เท่า....
    เป็น พระปิดตาสีขาว ผสมมวลสาร
    ...ที่ใช้หล่อพระแก้วมรกต
    ถ้าจำไม่ผิด...ผงจะออกสีเขียวๆ
    ส่วนองค์คล้ายๆวงรี เคยมีแต่ให้ รุ่นน้องไปแล้ว
    ตอนนี้ไม่มี...

    จำได้ว่า ได้มาตอนเย็นๆ
    ยังไม่ได้เปิดและแกะห่อออก
    แล้ววางพระเครื่องท่านไว้ ที่โต๊ข้างกำแพง...

    คืนนั้น นอนๆอยู่
    เกิดเสียงดังป่านฝ่าฟ้าในห้องนอน
    เสียงดัง ปั้งงงงงงงงงงงงง
    เลยลืมตาขึ้นมาดู พบเห็น
    แสงสว่างว๊าบหนักไปทางสีขาว
    รัศมีประมาณ ๑ เมตร
    ออกมาจากพระเครื่องของท่าน
    ที่ยังไม่ได้แกะนั่นหละครับ

    นี่ก็นิทาน....
     
  5. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720

    ขอนำเรื่องราวตามที่อ้างอิงข้างบนนี้มาคุยอีกครั้ง
    ด้วยเช้าวันนั่นได้เวลานัดเดินทาง(28 สิงหาคม 2019)
    จึงไม่มีเวลาไปดึง"หลังไมค์"มาโชว์ให้ดู
    เพื่อให้เห็นว่า "ทุกอย่างมีที่ไปที่มา"
    แต่รวมๆคือความบังเอิญ
    หรือภาษาพระว่า...
    "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย"
    (บังเอิญมีกล่องข้อความถึงผม
    คุยและถามถึงอจ.นพ เมื่อ25 สิงหาคม)
    (ผม...ว่าจะแจ้งข่าวเรื่องอจ.นพที่กระทู้นี้)
    (บังเอิญเช้านั่นTipsถึงคิวรูปอจ.นพ เมื่อ28 สิงหา)
    เช้านั่นผมจึงถือโอกาสแจ้งเรื่องอจ.นพ...ซะเลย


    กล่องข้อความ(หลังไมค์)ที่พูดถึง
    ...เป็นของสมาชิกท่านหนึ่งที่ส่งถึงผม
    คุยและถามถึงอจ.นพ
    สุดท้ายได้กล่าวโดยสรุปว่า....
    "ในส่วนของผมก็เป็นมิตรกับทุกคน ทั้งทางเว็บและคุณนพ.... ............................................................................................................................................................................................ถ้าเป็นไปได้คนเราจูนเข้าหากันดีที่สุดครับ"

    (ผมได้ตอบไปว่า.....)
    ขอบคุณมากครับที่แจ้งข่าว
    (9)ทราบจากปากอาจารย์นพว่า...........
    ................(ขออนุญาตตัดบางตอนออกไป)......................................................
    ...........................................................
    ...........................................................
    ...........................................................
    ผมจะได้ดำเนินการบางอย่างตามที่เห็นสมควร
    ...ล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ทราบว่า...
    อาจารย์นพช่วงนี้ติวเข้ม
    เพื่อให้จบดร.ปีนี้ให้ได้
    ก็ส่งกำลังใจ...ขอให้สมความปรารถนา
    และแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย
    9@Phonlee, 25 สิงหาคม 2019



    หมายเหตุส่งท้าย

    เรื่องนี้ก็ฝากถึงทีมงานเวปพลังจิตด้วยนะครับ
    ตามที่เพื่อนสมาชิกที่เขียนถึงผมดังนี้(วรรคทอง)
    "ถ้าเป็นไปได้คนเราจูนเข้าหากันดีที่สุดครับ"

    ขอบคุณครับ


     
  6. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    โคม่า จิตหลุด พบพระพุทธเจ้า? ปาฏิหาริย์ หนุ่มป่วยเฉียดตายใช้ชีวิตประมาท
    สกู๊ปไทยรัฐ
    ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า หลังจากเรียนจบ เขาทำงานเบื้องหลัง ตัดต่อรายการทีวีให้โทรทัศน์ช่องหนึ่ง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคอะไร เพราะตอนนั้นร่างกายแข็งแรงดี

    “ช่วงนั้นเพื่อนเยอะและบ้างาน แต่ที่หนักที่สุด คือ การเที่ยวเตร่ กินเหล้า สูบบุหรี่ ถึงแม้ลักษณะงานจะเป็นงานที่ต้องอดหลับอดนอน ทำงานกลางคืน ตัดต่อรายการถึงเช้าบ้าง แต่สิ่งที่หนักกว่าคือการกินเหล้า สูบบุหรี่ เรียกว่าหนักมาก ผมใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ประมาณเกือบ 2 ปี กระทั่งวันหนึ่ง...เห็นร่างกายตัวเองมีจุดแดงๆ ขึ้นเต็มตัว แต่ก็ยังคิดว่าสงสัยเป็นไข้เลือดออก แต่ก็ยังไม่ไปหาหมอ ก็ยังจะฝืนไปทำงาน กระทั่งวูบไป เขาเลยพาส่งโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง”

    NjpUs24nCQKx5e1BaovHc0Jk5ih6HfBemoTx1k1eIUV.jpg
    อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก็ต้องนอนให้เลือดอยู่ตลอด วันแล้ววันเล่า หมอก็ยังคงนำเกล็ดเลือดมาให้ กระทั่งใช้เกล็ดเลือดจากโรงพยาบาลไป 60 ถุง

    “คุณกร หลังจากวันพรุ่งนี้เราจะหยุดให้เกล็ดเลือดคุณแล้วนะ เพราะเรานำเกล็ดเลือดมาให้กับคุณก็เหมือนกับเสียเปล่า เกล็ดเลือดเป็นสิ่งมีค่ามากๆ เกล็ดเลือดที่ให้คุณไป 60 ถุงนั้นเราสามารถนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้มาก”

    พ่อแม่ และ น้องสาว ได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่ร้องไห้...

    จากนั้นก็ได้มีการปรึกษากันภายในครอบครัวและลงความเห็นว่า ควรย้ายโรงพยาบาลโดยด่วน ยังดีคือ มีน้าคอยช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชน เหมือนกับเรากำลังดูหนัง สภาพตัวเองนอนบนเตียง มีภาพขาวๆ เพดาน วับๆ ผ่านไป

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลใหม่ ตรวจเลือดพบว่า เกล็ดเลือดแดงเหลืออยู่ประมาณ 2,000 ทั้งที่คนเราจะมีเกล็ดเลือดอยู่ 140,000 - 300,000

    “ถ้าคุณมาช้ากว่านี้...คุณคงตายไปแล้ว” หมอโรงพยาบาลใหม่พูดกับเขา

    NjpUs24nCQKx5e1BaovHc0Jk5ih6HfIS74sIYgWJWAK.jpg
    ช่วงที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ได้ถ่ายรูปคู่กับดารา
    คุณกร เล่าต่อว่า คำแรกที่หมอบอกว่า “คุณอาจจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว” เพราะโรคนี้ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ แต่ก็ยังไม่ชัดเจน จึงขอทำการเจาะไขกระดูกตรวจ ซึ่งการเจาะไขสันหลัง คืออะไรที่เจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว...

    จากนั้น ผลวิเคราะห์ก็ออก หมอบอกว่าผมเป็นโรค ITP หรือ โรคเกล็ดเลือดต่ำ พูดง่ายๆ เป็นเหมือนโรคพุ่มพวง ร่างกายสร้างแอนติบอดีให้ม้ามกินเกล็ดเลือดของตัวเอง ซึ่งโรคนี้เป็น 1 ใน 42 โรคที่หาสาเหตุไม่ได้

    “ขั้นตอนรักษาเป็นอะไรที่โหดร้ายสำหรับผมมาก เพราะยาที่กินส่วนใหญ่จะเป็นยาที่เกี่ยวกับฮอร์โมนเพศชาย ยาที่จะต้านไม่ให้ม้ามกินเลือดตัวเองได้ นอกจากนี้ยังให้ยา “สเตียรอยด์” กินผสมไปด้วย ซึ่งการกิน สเตียรอยด์ จะมีผลข้างเคียง ทำให้เรารู้สึกหิวตลอดเวลา จากคนน้ำหนัก 75 น้ำหนักขึ้นเป็น 110 กิโลกรัม ไปไหนไม่ค่อยได้ ร่างกายอ้วน ทำอะไรก็ลำบาก นอกจากนี้ยังติดเชื้อ ป่วยง่าย โดยรักษาแบบประคองอาการแบบนี้มาเป็นปี จากคนปกติ กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ทำลายข้าวของ เพราะรู้สึกเครียดมาก ไม่อยากเป็น ไม่อยากป่วย แต่ก็ไม่หาย”

    กระทั่ง ไปหาข้อมูลต่างๆ มากมาย ด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ก็เจอข้อความในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อความของฝรั่งเขียนไว้ แนะนำให้ “ตัดม้าม” ทิ้ง ในข้อมูลที่อ่าน บอกว่าคนเราตัดม้ามทิ้งแล้วสามารถอยู่ได้ แต่ก็จะป่วยง่าย

    NjpUs24nCQKx5e1BaovHc0Jk5ih6HfHhvedTW4SNUOU.jpg
    “ผมเดินไปหาคุณหมอที่รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน เขาพูดกับผม “การตัดม้ามไม่ใช่เรื่องสนุกนะ หากคุณไม่มีม้ามคุณก็จะป่วยง่าย โดยเฉพาะโรคหวัด ม้ามนี่มีประโยชน์หลายอย่าง ถามว่าไม่มีแล้วอยู่ได้มั้ย คำตอบคือ ได้ แต่คุณจะใช้ชีวิตลำบาก” หมอเตือนผมแบบนี้ แต่ผมไม่ฟัง ผมไปหาหมออีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ เขาก็ให้ยา สเตียรอยด์ มากินอีก เราโอดครวญกับหมออีกท่านเรื่อยๆ จนเขาเริ่มรู้สึกสงสาร ซึ่งหมอท่านนี้ท่านเชี่ยวชาญด้านการตัดม้าม เขาก็เลยรับปากว่าจะทำให้ แต่ครอบครัวมารู้ทีหลังว่าเราแอบไปหาหมออีกที่ และจะไปตัดม้าม ครอบครัวจึงขอไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้ตัด”

    ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น โรคหายได้เอง ด้วยการกินสมุนไพร นั่งสมาธิ
    ระหว่างนั้น ว่าที่ ร.ต.ภาสกร เล่าต่อว่า เขาก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ กระทั่งไปเจอข้อมูลอีกชุดของต่างประเทศ โดยมีการแนะนำให้นั่งสมาธิ ไม่น่าเชื่อว่าชาวต่างชาติก็มีการพูดเรื่องนี้ การทำสมาธิจะทำให้เกล็ดเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ ทางบ้านเขาก็ให้ยาสมุนไพรไทยมากิน พวกอบเชย ขมิ้นชัน กินวิตามินซี ปั่นน้ำผลไม้ เรียกว่าตอนนั้นเหมือนกินชีวจิต ซึ่งมีการกินยาปัจจุบันควบคู่ไปด้วย แต่แล้วจู่ๆ เกล็ดเลือดมันก็เพิ่มขึ้นมาเอง อาการผิดปกติค่อยๆ หาย เกล็ดเลือดเพิ่มมาเป็นแบบคนปกติ หมอที่รักษาตนก็งง ว่าหายได้ไง ก็ถามว่าไปทำอะไรมา ตนก็เล่าให้ฟังว่ากินอะไรไปบ้าง ขณะเดียวกันก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น แต่...สุดท้ายก็เผลอตัวเผลอใจอีกครั้ง

    เสียใจสุด แฟนที่คบหานับ 10 ปีบอกเลิก... ชีวิตพลิกผัน กลายเป็นท็อปเซลส์ หาเงินแสนง่ายนิดเดียว
    ร.ต.ภาสกร เล่าต่อว่า ช่วงที่ตนป่วยหนักนั้น โชคดีที่คบหากับแฟนคนหนึ่ง ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน คอยช่วยเหลือคบหาดูแลกันมาเกือบ 10 ปี กระทั่งหายป่วย เราก็ยังคบหากันอยู่ แต่...ไม่มีงานทำ เครียดมาก กลับมากินเหล้าสูบบุหรี่อีก กลายเป็นคนติดเหล้า แฟนที่เคยรักกันมากก็เริ่มที่จะทนไม่ได้ กระทั่งมีวันหนึ่ง เธอได้ก้าวเข้ามาบอกว่า จะขอไปมีชีวิตใหม่ เพราะอยู่ด้วยกันมา อายุเริ่มมากขึ้น ชีวิตเราไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเลย แม้จะหายป่วย แต่ก็ยังตกงานอยู่ เขาอยากจะแต่งงาน สร้างครอบครัว ตอนนั้นเหมือนคนตกอับ จึงต้องจำใจปล่อยเขาไป

    “ตอนนั้นเฮิร์ต เสียใจมาก แต่ก็ต้องยอม เพราะบางทีเงินจะกินข้าวยังไม่มี อาชีพก็ไม่มี ได้แต่เขียนหนังสือไปวันๆ เราบอกเขา ให้ความหวังเขา ว่าเราจะมีหนังสือ ออกพ็อกเก็ตบุ๊ก แต่ก็ไม่ได้ออกเสียที กระทั่งเขามาขอ จึงต้องปล่อยเขาไป...”

    NjpUs24nCQKx5e1BaovHc0Jk5ih6HfDgtQU2kUpW6ka.jpg
    คุณกร เล่าว่าเขาตกงานมา 2-3 ปี แฟนมาบอกเลิก เพราะทำตัวเอง ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพาย และเพิ่งรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมา แต่...ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดี จู่ๆ ก็ได้เจอคนที่เป็นเซลส์ขายรถ เขาแนะนำให้ไปสมัครงาน หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำ เมื่อไปสมัครงานก็เล่าเรื่องราวชีวิตให้ MD โชว์รูมรถนั้นฟัง เขาก็ชอบ บอกเจอชีวิตแบบนี้น่าจะขายรถได้ เราจึงได้มาเป็นเซลส์

    “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังมาทำงานแค่ 2 เดือน จากคนที่ขายรถไม่เป็น ก็กลายเป็นท็อปเซลส์ ถึง 2 ปีติด เปอร์เซ็นต์จากการขายรถ ได้เงินหลักแสนทุกเดือน ความประมาทในชีวิตเริ่มมากอีกครั้ง ใช้เงินฟุ่มเฟือย ซื้อทอง ซื้อรถใหม่ กินเที่ยว อีกครั้ง”

    ชีวิตตอนนั้นดีมาก มีเงินเข้ามามากมาย และอีกครั้ง มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาในชีวิต ตนเริ่มที่จะมีแฟนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม...

    ได้เจอรักครั้งใหม่ ไม่สมหวัง พ่อฝ่ายหญิงมาขอ "ปล่อยให้ลูกเขาไปมีชีวิตที่ดีกว่าเถอะ"
    หนุ่มท็อปเซลส์ เล่าต่อว่า ในเวลาต่อมาแฟนคนใหม่มาอยู่ที่บ้านตนทุกวัน ไม่ค่อยยอมกลับบ้าน กระทั่งวันหนึ่งพ่อของแฟนเขามาหาเราที่โชว์รูม ได้มีการเปิดอกพูดคุยกันถึงอนาคต และเขาอยากให้ลูกสาวเขาไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยยื่นคำขาดขอให้เลิกกัน เพื่ออนาคต

    ชีวิตการงานตอนนั้นกำลังไปได้ดี กำลังจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีโชว์รูมที่ดีกว่ามาชวนมาเป็นเซลส์ แต่ก็เพราะผิดหวังเรื่องความรัก ทำให้ตนตัดสินใจพลาดอีกครั้ง โดยเลือกที่จะไปขายประกัน เพราะหลงเชื่อว่า การขายประกัน จะเป็นอาชีพที่ดีมีอนาคต ซึ่งเหตุผลลึกๆ แล้ว แค่อยากจะหนีจากโชว์รูมเดิม ที่แฟนมาหาบ่อยๆ เท่านั้นเอง

    เฉียดตายครั้งที่ 2 ป่วยประหลาด เป็นโรคคนแก่อายุ 70-80 ปี
    หนุ่มขายรถ เปลี่ยนอาชีพมาขายประกัน ก็ต้องเผชิญกับเรื่องไม่สมหวังอีกครั้ง เพราะการขายประกัน ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ลูกค้าที่เคยมีหายหมด จากนั้น...ก็เริ่มเครียด แล้วก็เริ่มป่วยอีกครั้ง โดยเริ่มต้นเป็นไซนัส ทำให้ต้องไปฉีดวัคซีน กินยาแก้อักเสบ ก็ไม่หาย กระทั่งผ่าตัดเปิดรูไซนัส ปรากฏว่ากลายเป็นผลร้ายกับเรา เพราะเราแพ้ฝุ่น ผืนแดงเริ่มขึ้น

    “กินยาก็ไม่หาย ผ่าตัดอีกก็ไม่ได้ สุดท้ายหมอก็ให้ สเตียรอยด์ มากิน (อีกแล้ว) ยาดังกล่าวทำให้อาการดีขึ้น แต่มีอยู่วันหนึ่งได้ไปทำความสะอาดที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ปรากฏว่า ฝุ่นได้เข้าไปในปอด และปอดก็เริ่มที่จะติดเชื้อ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นเกือบตาย ผมรีบออกจากบ้าน เริ่มหายใจไม่ออก หน้าพ่อแม่ลอยเข้ามา ในมือคว้าโทรศัพท์มือถือโทรหาแม่ บอกว่าไปเจอกันที่โรงพยาบาล ตอนนั้นทรมานเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ พยายามวิ่งไปที่รถ แต่ก็ขับไม่ไหว จึงค่อยๆ ออกจากบ้าน ขึ้นรถแท็กซี่ กระทั่งถึงโรงพยาบาล เสียงที่ได้ยินเสียงหมอพูด “เจาะคอๆ” จากนั้นก็สลบไม่รู้เรื่อง กระทั่งอีก 2 สัปดาห์ต่อมาเริ่มค่อยๆ ฟื้น”

    แม่เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่นอนโคม่าอยู่นั้น เกือบจะตายไป 2 หน หมอปั๊มหัวใจขึ้นมา กระทั่งรอดพ้นวิกฤติมาได้ หมอบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าทำไมป่วยเป็นโรคคนแก่ คือ ปอดติดเชื้อ ภาวะการหายใจล้มเหลว และติดเชื้อในกระแสเลือด หมอบอกกับพ่อแม่ ว่า "คงไม่รอด นี่คนอายุ 70-80 หนุ่มแบบนี้ไม่น่าเป็น"

    ช่วงที่นอนอยู่ 2 สัปดาห์นั้น เหมือนจิตหลุดออกจากร่าง ล่องลอยไปเรื่อย ตอนนั้นเหมือนกับความฝัน วิญญาณออกไปนอกโรงพยาบาล ไปโผล่ห้องนู้นห้องนี้ตามโรงพยาบาล โดยที่มองไม่เห็นตัวเอง แต่เห็นคนอื่นๆ จากนั้นก็ลอยแวบไปโผล่ที่ทะเล ไปริมภูเขา เห็นภาพเป็นสีเหลืองๆ รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ

    NjpUs24nCQKx5e1BaovHc0Jk5ih6HfCCJbZ5zJzBP9r.jpg
    กระทั่งล่องลอยไปที่แห่งหนึ่ง สถานที่เหมือนป่าแห่งหนึ่ง กระทั่งเห็นว่าพระรูปหนึ่งนั่งอยู่ ในจิตคิดว่า นั่นคือพระพุทธเจ้า ตอนนั้นก็เลยก้มลงกราบ และบอกกับท่านว่า “ถ้าผมรอดตายไปได้ ผมจะขอบวชถวายท่าน” เมื่อสิ้นคำพูดนี้ จิตก็กลับเข้ามา สะดุ้งตื่น...

    หลังจากฟื้นก็ทราบว่า ทางครอบครัวได้พยายามสวดมนต์ขอพรให้ จึงเชื่อว่าที่เราไปสถานที่ดีๆ มากมาย เพราะเป็นการสวดมนต์ให้รอดชีวิต ซึ่งจากการสนทนาธรรมกับพระที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะจิตหลุดออกจากร่างไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ก็ค่อยๆ รักษาตัวกระทั่งดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลได้ในที่สุด

    ว่าที่ ร.ต.ภาสกร ยุทธศักดิ์สุนทร เล่าทิ้งท้ายว่า อุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ส่วนตัวว่าใครที่ได้อ่านก็คงจะทราบว่า การใช้ชีวิตประมาท ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ร่างกายคนเราหากไม่ดูแลไม่รักษา ก็อาจจะทำให้ป่วย หรือ กระทั่งเสียชีวิตได้ ส่วนชีวิตหลังจากนี้ ก็ขอบวชตามที่ตั้งใจไว้ก่อน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้เขียนหนังสือไว้ 1 เล่ม ช่วงที่เป็นท็อปเซลส์ ประสบความสำเร็จ ชื่อเรื่อง A SUPER SALESMAN ลองหามาอ่านกันได้



    ขอบคุณที่มา นสพ.ไทยรัฐออนไลน์

     
  7. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    วัดพุทธพรหมปัญโญ(ดู่) หรือวัดถ้ำเมืองนะ

    ข้อวัตรของที่วัดถ้ำเมืองนะ คือ..

    กิน-นอน-สวดมนต์

    ในหน้านี้แนะนำการปฏิบัติสำหรับผู้เริ่มต้น หรือสำหรับผู้สนใจทบทวนความรู้ ส่วนรายละเอียดที่มากขึ้น โปรดฟังจากการบรรยายธรรมของพระเดชพระคุณท่าน “หลวงตาม้า” เป็นหลักนะคะ


    how2practice.png
    >> ในการสวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิ ให้สวดด้วยอารมณ์สบายๆ อย่ากด/ อย่าเพ่ง/ อย่าอยากเห็น หรือไม่อยากเห็นอะไร ทำอารมณ์ให้สบายๆ ตาอยู่ที่ภาพ (มองสบายๆ) จิตอยู่ที่พระ (ที่นำมากำภาวนา) หรือจิตอยู่กับไตรสรณคมน์, หรืออยู่กับหลวงปู่ดู่, หรืออยู่กับจักรพรรดิ, หรืออยู่กับคำบริกรรมบทสวด นั่นคือ..ให้จิตอยู่กับบุญกุศล

    1561093964400-723x1024.jpg
    >> มองภาพพระ(ภาพใดก็ได้ที่เราชอบ) แล้วหลับตาเบาๆ ..นึกถึงภาพพระเอาไว้ พอภาพหายไปก็ลืมตามองใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สบายๆ หรือบางท่านก็นึกในใจคุยกับหลวงปู่ดู่, บางท่านก็นึกไปสวดหรือไปสัพเพฯ ตามสถานที่ต่างๆ, บางท่านก็พิจารณาข้อธรรม, บางท่านก็พิจารณาความหมายของบทสวด เป็นต้น ให้จิตวนเวียนอยู่แถวนี้ และนึกในใจขอบารมีหลวงปู่ดู่ อัญเชิญเทพพรหมทุกภพทุกชั้น และทุกภพภูมิ มาสวดมนต์กับเราด้วย โดยเฉพาะโลกของวิญญาณ เวลาเราสวด-เขาก็สวด, จิตเราสว่าง-เขาก็สว่าง เป็นมิตรเกื้อกูลกันในการเวียนว่ายตายเกิด

    >> การแผ่บุญ หรือการสัพเพฯ อัญเชิญพระเข้าตัว
    น้อมอาราธนาบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, บารมีรวมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตั้งแต่องค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิเป็นต้นมา, บารมีรวมพระปัจเจกฯ, พระโพธิสัตว์, พระธรรม, พระอริยสงฆ์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและอนาคต

    ..น้อมมา..ผ่านที่เรา..ซึ่งมีรูปนาม พร้อมเจริญเมตตา(คือมีความปรารถนาดี ) แล้วแผ่บุญให้กับโลกของโอปปาติกะ, มนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย แผ่ไปทั้งสามแดนโลกธาตุอย่างไม่มีประมาณ (หรือเจาะจงแผ่ให้ใครก็ได้ หรือนึกแผ่ให้กับครูบาอาจารย์, บิดามารดา, หมู่ญาติ, ผู้มีพระคุณ, เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เป็นต้น)

    >>ซึ่งในขณะเราสวดมนต์ ก็เป็นการแผ่บุญไปด้วย โดยอธิษฐานให้บุญกุศลที่เราสร้าง ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบันและอนาคต ให้แผ่ไปโดยอัตโนมัติตลอดชีวิต

    4monk.buddhaprompanyo-920x1024.jpg
    >> สิ่งที่ท่านเน้น..คือ ให้สวดมนต์ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะ ยืน-เดิน-นั่ง-นอน, จะกินข้าว, อาบน้ำ ฯลฯ ก็ให้หมั่นสวด, หมั่นแผ่, หมั่นโมทนาบุญ, หมั่นห่างจากอารมณ์ทางโลก (อยู่ไหนก็สวดได้ จะอยู่ในห้องน้ำ หรือจะทำกิจอันใดอยู่ก็สวดได้ เพราะเวลาเราตาย เราก็ตายได้ทุกที่ ท่านจึงให้หมั่นสวดได้ทุกที่ทุกเวลา จะสวดในใจหรือสวดออกเสียงก็ได้ตามความเหมาะสม) *** สิ่งสำคัญคือ “ทรงพรหมวิหาร” คือ.. มีเมตตา/กรุณา/มุทิตา/อุเบกขา ไม่รำคาญในรูปรสกลิ่นเสียง ถึงรำคาญก็ไม่นาน.

    ไปไหนก็สวด ไปไหนก็แผ่เมตตา ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็รีบเบนรีบเปลี่ยนให้ไว ให้จิตผูกอยู่กับไตรสรณคมน์, อยู่กับจักรพรรดิ, อยู่กับหลวงปู่ดู่ โดยเฉพาะตอนนอน ให้สวดจนหลับ นอนที่ไหนก็ให้สวด ให้ทำอย่างนี้ทุกวัน…จนชิน.

    เวลาจะแผ่บุญ ให้นึกถึงหลวงปู่ดู่ทุกครั้ง แล้วแผ่ให้กับมนุษย์, สัตว์, วิญญาณ หรือ แผ่ให้กับสิ่งที่มากระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ …ไปไหนก็หมั่นสวดหมั่นแผ่เป็นประจำจนกลายเป็นปกตินิสัย

    “หลวงปู่ดู่” ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก กระแสบุญบารมีของท่านยังหมุนเวียนอยู่ในโลก ดังนั้น เราจึงน้อมมาเพื่อแผ่เมตตา หรือเพื่อสร้างบารมี หรือเพื่อสร้างประโยชน์ทั้งต่อตนเอง, ต่อส่วนรวม, ต่อโลกของโอปปาติกะ, มนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งในการขอบารมีท่านมาสร้างประโยชน์นี้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ถูกครรลอง คลองธรรม.

    luangpudu-luangtama-797x1024.jpg
     
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    หลวงปู่คือพระศรีอริยเมตไตรย .....
    เรื่องของหลวงปู่ดู่นั้นในสายศิษย์ทั้งหลายย่อมเชื่อกันว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีมาเต็มที่แล้ว มีหนทางเดียวคือบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเพียงอย่างเดียวในอนาคตกาลไม่แปรผันเป็นอื่น เขาเรียกกันว่าพระนิยตโพธิสัตว์หรือโพธิสัตว์ผู้เทึ่ยงแท้
    ถ้าท่านเพิ่งมารู้จักหลวงปู่ดู่อาจสงสัยว่าหลวงปู่ดู่คือใครกัน ในสายศิษย์จะทราบกันดีว่า หลวงปู่ดู่คือภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ครูบาอาจารย์ในอยุธยารุ่นเก่าๆก็เรียกหลวงปู่ดู่ท่านว่าหลวงปู่ทวด และมีหลายท่านที่ได้นิมิตว่าหลวงปู่ดู่กับหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาในร่างเดียวกัน ทั้งศิษย์ที่วัดซึ่งเป็นฆราวาสหรือแม้แต่พระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ วัดสุทธาราม ธนบุรี ก็ได้นิมิตเช่นนี้เหมือนกัน
    เวลามาในนิมิตนั้นทุกคนจะเห็นหรือสัมผัสเรื่องที่คล้ายๆกันคือ ท่านจะมาในรูปของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแล้วหน้าของท่านจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของหลวงปู่ดู่ หรือเห็นในนิมิตว่าในองค์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีหลวงปู่ดู่อยู่ภายใน ในองค์หลวงปู่ดู่มีหลวงปู่ทวดอยู่ภายใน สลับไปมาแบบนี้ ภาพนิมิตแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้พิเศษบางคนที่ท่านต้องการมาสื่อสารเป็นพิเศษ แต่ก็ทำให้เชื่อได้ว่าท่านทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน
    ส่วนที่ว่าหลวงปู่ดู่เป็นพระศรีอริยเมตไตรยนั้น ก็เพราะเป็นที่รู้กันว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั้นท่านเป็นพระศรีอาริย์มาบำเพ็ญบารมี ดังนั้นเมื่อหลวงปู่ดู่เป็นภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวดก็เท่ากับว่าหลวงปู่ดู่เป็นภาคหนึ่งของพระศรีอริยเมตไตรย หรือจะบอกว่าเป็นองค์พระศรีอาริย์ลงมาเกิดเพื่อสร้างสมบารมีก็ไม่ผิดนัก
    ดังนั้นจึงเป็นความรู้ที่พอสรุปได้ว่าพระศรีอาริย์หรือพระศรีอริยเมตไตรย หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ทั้งหมดเป็นบุคคลคนเดียวกัน นอกจากนี้หากย้อนไปชาติกำเนิดของพระศรีอาริย์นั้น ในอดีตครั้งสมัยพระพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงพระชนม์อยู่พระองค์ก็เคยมาเกิดเป็นพระอชิตภิกขุมาแล้ว ได้รับการพยากรณ์ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธองค์องค์ที่ ๕ ในกัปป์นี้นามว่าศรีอริยเมตไตรย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อท่านยังเคยลงมาเกิดเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่วัดไลย จ.ลพบุรี
    ความรู้ในเรื่องการบำเพ็ญบารมีของพระศรีอาริย์นั้นเราพอทราบได้ว่าพระองค์บำเพ็ญบารมีชนิด ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป ซึ่งเรียกกันว่าการบำเพ็ญแบบวิริยาธิกะ อันเป็นแบบที่ใช้เวลานานที่สุดแต่ก็สร้างสมบารมีวิเศษสุดด้วยเช่นกัน
    ดังนั้นอค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จึงนับว่าเป็นพระที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีบารมีมาก การกราบหลวงปู่ดู่จึงเท่ากับได้กราบทั้งพระพุทธเจ้าในศาสนานี้และพระพุทธเจ้าในศาสนาหน้า จึงเป็นกุศลสูงยิ่ง มีบางท่านอาจน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่ทันสังขารหลวงปู่ดู่ เรื่องนี้ก็อย่าได้น้อยใจเสียใจ เพราะแม้ว่าท่านละสังขารไปแล้ว แต่เราได้กราบภาพท่าน รูปเหมือนรูปสมมุติของท่าน ก็ได้กุศลเท่ากัน เพราะกุศลนั้นเกิดกับใจที่มีจิตน้อมศรัทธากราบไหว้ในท่าน และประกอบกับองค์ท่านย่อมเป็นทิพย์ไม่ได้สูญหายเป็นอากาศธาตุ ดังนั้นเมื่อจิตน้อมเคารพบูชาท่าน ด้วยอำนาจทิพยญาณของท่านย่อมรู้และอนุโมทนารับทราบในวาระจิตของเรานั่นเอง
    "ความเกี่ยวเนื่องระหว่าง หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด และพระศรีอริยเมตไตรย"
    สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวเนื่องได้เต็มปาก เนื่องจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลวงปู่ดู่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดที่คนหลายคนได้ยินจากปากของหลวงปู่ดู่เอง อาทิ...
    "พวกแกเดินข้ามไปข้ามมา จะข้ามหัวหลวงพ่อทวดแล้วยังไม่รู้อีกหรือ"
    "พวกแกนะรู้มั้ยว่าช้างยังรู้เลยว่าหลวงพ่อทวดคือใคร"
    "มีคนบอกว่าข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้สองต้น"
    "เรื่องข้าบางทีมันพูดไป ดีไม่ดี เขาจะไม่เชื่อ จะพากันปรามาสเป็นบาปกรรมกันได้ อย่าพูดไป"
    "หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์แห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี มาหาหลวงปู่ดู่แล้วบอกว่า ที่คุณตั้งใจนะสำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า"
    "หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร"
    "พ่อท่านจำเนียร เจ้าสำนักต้นเลียบ ที่ฝังรกหลวงพ่อทวดที่ล่วงลับ เคยได้สัมผัสภาพและรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ ท่านกล่าวว่าหลวงพ่อองค์นี้ต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอริยเมตไตร"
    "พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ท่านกล่าวถึงหลวงพ่อดู่เมื่อมีคนเอารูปให้ท่านพิจารณาว่า พระองค์นี้เก่งสามารถอัญเชิญหลวงพ่อทวดให้อยู่กับท่านตลอดเวลาได้"
    "หลวงปู่ดู่ท่านเคยกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า พวกแกน่ะโชคดี ทำบุญกับข้าได้สองศาสนา"
    หลวงปู่ดู่ท่านเคยถามศิษย์ใกล้ชิดว่า " แกรู้ไหมว่ามีคนบอกว่าหลวงพ่อทวดไปหลอกเขา โดยหลอกให้เห็นตัวเป็นหลวงพ่อทวดหัวเป็นข้า และตัวเป็นข้าแต่หัวเป็นหลวงพ่อทวด แกว่าอย่างไร"
    "หลวงปู่ดู่ท่านเองมีลักษณะการห่มจีวร วัตรปฏิบัติคล้ายหลวงพ่อทวด รวมทั้งการสร้างวัตถุมงคลที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ทวดดู่ ที่มีพุทธคุณดุจพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เลยทีเดียว"
    "หลายครั้งจนถึงปัจจุบันที่มีผู้ถ่ายภาพหลวงหลวงปู่ดู่ ปรากฏเป็นฉัพพรรณรังสี ซึ่งมีบุคคลอย่างเดียวที่ปรากฏได้คือพระโพธิสัตว์เจ้าที่บารมีสูงมากๆ หรือ พระพุทธเจ้า เท่านั้นเอง"
    "หลวงปู่ดู่ท่านเองบอกว่า ท่านไม่ได้หวังเป็นนายสิบ ท่านเองหวังเป็นนายร้อย ท่านบอกว่าคนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตรจึงสมใจ นั่นบ่งถึงความปราถนาพระโพธิญาณของท่าน"
    หลวงปู่ดู่เป็นพระที่ดี ไม่เคยอวดตัวว่าท่านเป็นใคร ยกเว้นกับศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นเองที่ท่านเปิดเผยแย้มให้ทราบ เกศาและอัฐิธาตุท่านเป็นพระธาตุ แสดงถึงจิตอันบริสุทธิ์ของท่าน และท่านเองยังบอกว่า "ข้าภาวนาตลอดตั้งแต่ตื่นเช้าถึงเข้านอน และข้าอธิษฐานให้พวกแกตลอดเวลา เอ็งคิดถึงข้าข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้าข้าก็คิดถึงแก"
    @ หนังสือ.....
    อัศจรรย์สมาธิพระโพธิสัตว์
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    ***** ทิพยจักร *****
     
  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    **ปัญหาโลกแตก**
    หมายถึงปัญหาที่หาข้อยุติไม่ได้

    เช้านี้ผม(9)ขอนำปัญหาโลกแตกข้อหนึ่งมาคุยกันที่นี่
    (คือส่วนตัวผมเห็นด้วยกับเนื้อหา(สนทนาธรรม)
    ...ที่นำมาลงข้างล่างนี้)
    และคิดว่า...น่าจะมีคนกว่า80%ที่เห็นด้วยกับเนื้อหานี้
    (ส่วนอีกเนื้อหา(สนทนาธรรม)ที่ผมไม่เห็นด้วย...ขอเว้นไว้...เด๋วบาป)
    เพราะเป็นอีกพระเกจิดังที่แสดงธรรมในเรื่องนี้แตกต่างกัน
    พูดง่ายๆคือมีมุมมองต่างกัน
    ผมจึงจั่วหัวว่า **ปัญหาโลกแตก**


    *****************************************



    Q : ดิฉันแอบขโมยเงินสามีมาทำบุญจะผิดไหมคะ
    Home ธรรมะ Q : ดิฉันแอบขโมยเงินสามีมาทำบุญจะผิดไหมคะ
    a0b3042ff9b053d5e8b7c6b73e220609?s=96&d=mm&r=g.jpg
    25 October 2016

    LPBOAT.jpg

    ถาม :
    ดิฉันเป็นแม่บ้าน สามีขอให้ช่วยดูแลบ้านอย่างเดียว ไม่ต้องทำงาน แต่ดิฉันชอบทำบุญมากจนสามีบ่น และบอกว่าถ้าทำบุญมากอย่างนี้ ต่อไปจะไม่ให้เงินใช้อีก ถ้าดิฉันแอบขโมยเงินสามีมาทำบุญจะผิดไหมคะ

    ตอบ :
    ผิด เพราะถือเป็นการขโมย ย่อมผิดศีลข้อที่ 2 อย่างแน่นอน การทำบุญจะมีผลมากก็ต่อเมื่อเงินหรือวัตถุที่นำมาทำบุญนั้นได้มาอย่างบริสุทธิ์ การขโมยเงินมาทำบุญย่อมแสดงให้เห็นว่าที่มานั้นไม่บริสุทธิ์ แทนที่เราจะได้บุญ กลับได้บาปจากการทำผิดศีลแทน

    การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องทำอย่างพอดี ต้องอธิบายให้สามีเข้าใจว่า การทำบุญนั้นมีอานิสงส์อย่างไร ฝ่ายภรรยาก็ต้องรักษาศีลให้ได้ ให้สมกับเป็นคนชอบทำบุญ ฉะนั้นแทนที่จะขโมยเงิน ภรรยาควรชวนสามีเข้าวัดทำบุญร่วมกันมากกว่า



    ธรรมะจากพระอาจารย์พรพล ปสันโน
    : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา

    หากผู้อ่านมีปัญหาหนักใจ ต้องการคำแนะนำแฝงด้วยแนวคิดทางธรรม สามารถส่งคำถามมาได้ที่

    นิตยสาร Secret คอลัมน์ Dhamma Daily หรือ dhammadaily2015@gmail.com

    ขอบคุณที่มา....https://goodlifeupdate.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2019
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    "บ้านต้องจิตต์"
    อ่านแล้วอยากไป(จัง)
    ดูหลายคลิปแล้ว...ยิ่งอยากไป

    ...เข้าไปในบ้านต้องจิตต์แล้ว...
    ไม่ทราบว่าจะเกิดอาการขนลุกซู่หรือไม่
    (เด๋วมาเล่าต่ออีกหน้าเรื่องขนลุกซู่)


    555...อยากพบตัวจริงด้วยครับ
    ด้วยเกิดความศรัทธาลึกๆในแง่มุมลี้ลับที่เล่า

    จะบอกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์...ย่อมได้
    ว่างๆจะไป...
    ...เด๋วจะนำรายละเอียดและภาพมาฝาก


    ************************************


    เปิด บ้านต้องจิตต์ พาชมยันต์มงคลและไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบจบในที่เดียว

    28 มี.ค. 62 (03:30 น.)ความคิดเห็น 0
    Add @Sanook.com
    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hvLzAvdWQvMzEvMTU3NjE3L3RoaC5qcGc=.jpg
    Gasinee S.

    บ้านต้องจิตต์ แห่งนี้อยู่ในโครงการ Metro West Town (เมโทร เวสต์ทาวน์ ) ศูนย์การค้าเมโทร เวสต์ ทาวน์ ถ.กัลปพฤกษ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารโครงการให้ใช้พื้นที่แห่งนี้ เป็นสถานที่กิจกรรมบุญ โดยไม่มีการพาณิชย์ใด ๆ ทั้งสิ้น

    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hvLzAvdWQvMzEvMTU3NjE3L3QyMC5qcGc=.jpg

    โดยเปิดให้เข้าชมกันแบบฟรี ๆ ภายใน บ้านต้องจิตต์ นั้นมีให้ชมทั้ง แกลเลอรี่ยันต์ต่าง ๆ อาทิ ยันต์มงคลจักรวาล ยันต์พญานาค ของ หมอต้องจิตต์ ติดจรวด หมอดูชื่อดัง ที่ใช้เป็นสำนักพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน และจัดกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ รวมทั้งนัดคิวล่วงหน้าในการดูดวงแบบส่วนตัว

    อีกทั้งยังมีงานพุทธศิลป์ให้ชมมากมายจากพระอาจารย์หลากหลายท่าน พร้อมยังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีมากมาย อาทิ พระประธานหลวงพ่อเพิ่ม (พระมหาวชิระมหามุนีตรีโลกนาถ) , พระพิฆเนตร , พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา , พระสังขจาย ฯลฯ

    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hvLzAvdWQvMzEvMTU3NjE3L3Q0LmpwZw==.jpg

    หากท่านใดสนใจเข้าชมก็สามารถแวะเวียนมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกหรือมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และนั่งสมาธิ ช่วยให้จิตใจสงบ เพิ่มพูนสิริมงคลแก่ตนเอง

    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hvLzAvdWQvMzEvMTU3NjE3L3QxNy5qcGc=.jpg



    อบคุณที่มา....
    https://www.sanook.com/horoscope/157617/
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    *เกิดอาการขนลุกซู่*(อย่างแรง)

    "วันนั่นไปคำชะโนด2 ที่วังน้ำเขียว"
    ขณะที่จุดธูปพนมมือยืนหันหน้าไหว้องค์อนัตนาคราช
    เกิดอาการขนลุกซู่ตั้งแต่ข้อเท้า
    ...ค่อยๆไล่ขึ้นมาที่ตัว(อย่างแรง)
    (ปกติเคยขึ้นอาการขนลุกที่แขนเท่านั่น)

    แล้วอีกครั้ง...เดินไปที่เกาะกลางน้ำ
    ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอนัตนาคราชองค์ใหญ่(ตามรูป)
    ขณะที่พนมมือไหว้ใกล้ๆก่อนเดินลอดลำตัว
    เกิดอาการขนลุกซู่ไล่ขึ้นมาจากข้อเท้า...อีกแล้ว


    ...อย่างนี้เรียกว่า"สถานที่นี้แรงใช่หรือไม่"

    ...สงสัย ?????


    84812.jpg
    111134.jpg

     
  12. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,124
    เด๋วต้องตามอ่าน
     
  13. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720

    (เอก) "เด่วต้องตามอ่าน"


    อย่างงี้เช้านี้ลองเปิดคลิปดูเพลินๆไปก่อน
    รับรองว่า...สนุก น่าติดตามมาก
    ...จนต้องหาคลิปอื่นดูต่อ

    คิดว่า...น้องเอกก็เป็นคนมีเซ้นส์พอสมควร
    มีพลังงานด้านนี้อยู่ในตัว
    แต่ไม่ได้หยิบมาพัฒนา
    ...หรือยังไม่ถึงเวลา
    (และคิดว่า"คนอีกไม่น้อยก็เช่นเดียวกัน")
    โดยเฉพาะท่านอจ.นพ
    ผมมีความรู้สึกลึกๆว่ามีหลายอย่างคล้ายๆ"หมอต้องจิตต์"
    ถ้าได้ไปร่วมประสานพลังงานด้านนี้ด้วยกัน
    อาจจะได้ค้นพบความลี้ลับของจักรวาลใบนี้อีกมากมาย
    ยังเสียดายท่านอจ.นพไม่ได้เข้ามา
    มิฉะนั่นพวกเราคงได้ฟังนิทานเร้าใจ
    ...ประมาณนี้หลายตอน


    คลิปหมอต้องจิตต์มีหลายคลิป
    แต่ตลิปนี้(มี4ตอน)...น่าติดตามดู
    เป็นการปูทางให้รู้จักหมอต้องจิตต์
    และขอกระซิบว่า...
    ...ต้องจิตต์ต้องใจ...หล่อเหมือนดารานักร้อง
    บุคคลิกดี...พูดจาฉะฉาน
    ถ้าไปเส้นทางบันเทิงคงไปได้ระดับหนึ่ง

    ...แต่ในเมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลือกมาทางนี้(แล้ว)
    คงไปได้ไกลกว่า...ดังถึงจักรวาล


    ถ้าใครสนใจ...ลองเข้ากูเกิ้ลพิมพ์....
    "หมอต้องจิตต์เซ้นส์แรงมูไนท์ 1/4"

     
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    พญานาคในทรรศนะของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    Home ธรรมะ พญานาคในทรรศนะของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    lotus_hd_wide-wide-150x150.jpg nintara1991
    24 October 2018

    %E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84.jpg


    พญานาคในทรรศนะของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชปุจฉาถึง กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หรือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ว่าด้วยเรื่อง จตุโลกบาล พระองค์ทรงสืบค้นเรื่องจตุโลกบาล เพื่อเป็นข้อมูลเขียนภาพที่วัดเบญจมบพิตร

    พระองค์ทรงตรวจข้อมูลจากหลายแหล่งแล้ว ทราบว่าในพระพุทธศาสนากล่าวถึงจตุโลกบาลไว้ใน อาฏานาฏิยสูตร และบางส่วนของคัมภีร์ในพระพุทธศาสนากล่าวไม่ตรงกัน รัชกาลที่ 5 ทรงขอความช่วยเหลือจากกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ให้พระองค์ทรงระบุรูปลักษณ์ ประวัติ สีผิว อาวุธ ของจตุโลกบาล

    %B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2.jpg

    กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หรือสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสแห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงสนองงานรัชกาลที่ 5 ศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับจตุโลกบาลอย่างละเอียด ทั้งในศาสนาพราหมณ์ พระพุทธศาสนาเถรวาทและมหายาน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ พญานาคในทรรศนะของกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส

    พระองค์ทรงวิสัชชนาถวายรัชกาลที่ 5 ว่า


    %E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84.jpg
    จิตรกรรมเรื่องภูริทัตตชาดก วัดสุวรรณาราม กทม.

    “พวกนี้ (นาค) เข้าใจต้องกันทั้งฝ่ายพราหมณ์และฝ่ายผู้ถือพระพุทธศาสนาว่า เป็นชาติงูมีภพอยู่ภายใต้ เรียกบาดาล ฝ่ายพราหมณ์กล่าวตามหนังสือปทานุกรมว่าด้วยชื่อต่าง ๆ ในเรื่องฮินดู จัดเป็นพวก เทวดากลาย ๆ มีหน้าอย่างมนุษย์ มีหางอย่างงู มีคอพอกอย่างงู ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Cobra นาคนั้นมีตั้งพันตระกูล ที่เป็นสตรีมีรูปงาม ได้ร่วมคู่กับมนุษย์ก็มี ฝ่ายพวกถือพระพุทธศาสนา เข้าใจว่า มีปกติเป็นงู แต่จำแลงเป็นมนุษย์ได้ตามใจ และชอบเล่าเรื่องไว้ในที่นั้น ๆ เป็นอันมาก

    “เจ้าของพวกนาคนี้ ในตำรับข้างพระพุทธศาสนา ชื่อท้าววิรูปักข์ในภาษามคธ (บาลี) ชื่อท้าววิรูปากฺษ ในภาษาสันสกฤต ในหนังสือพุทธศาสนามหายานฝ่ายจีน ผู้รจนาเล่าถึงรูปที่เห็นดขาทำไว้ว่า ท้าววิรูปากฺษ มีหน้าแดง ถือกลดหรือฉัตร พอกางขึ้น ก็เกิดพายุใหญ่ฟ้าคะนองฝนตก อีกปากหนึ่งว่า พอกางขึ้น ก็เกิดมืดทั่วไปทันที”

    วิสัชชนาของกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเรื่อง พญานาค นี้ ทำให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระนักวิชาการ มีการศึกษาเปรียบเคียงพญานาคในศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา รวมไปถึงพระพุทธศาสนามหายานด้วย



    ที่มา :
    ประชุมพระราชปุจฉา เล่ม 2 กรมศิลปากร

    ภาพ :
    www.dhammajak.net
    วัดสุวรรณาราม
    วัดประยูรวงศาวาส

    ขอบคุณที่มา....https://goodlifeupdate.com/

     
  15. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 167 ลำดับที่ #3325

    555....เช้านี้มีเรื่องบังเอิญ...อีกแล้ว
    คือ 2 วันติดๆผมจะเข้าไปดูคลิปหมอต้องจิตต์
    ช่วงหนึ่งพูดถึงหมอเขียนยันต์ครั้งแรกขณะอยู่ในนิมิต
    ชื่อยันต์ "มงคลจักรวาล"
    และ"ยันต์พ่อปู่ศรีสุทโธ-แม่ย่าปทุมมา"
    เห็นหมอต้องจิตต์เล่าประมาณว่า...
    ทั้ง2ยันต์เขียนขณะที่อยู่ในนิมิต(ภวังค์)
    ใช้เวลาสั้นๆขีดเขียนวาดเป็นยันต์ดังกล่าว
    ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยเรียนวิชาช่างศิลป์
    และไม่เคยเขียนยันต์มาก่อน....
    ..............

    ????
    คือ...ช่วงนี้ส่วนตัวกำลังอิงครับ
    ค้นหาดูคลิปย้อนหลังทุกคลิป...
    ซ้ำๆบ้าง สนุกเพลิดเพลินดี
    ว่า...ว่างๆ...คงได้แวะไปดูที่บ้านต้องจิตต์

    ...เช้านี้
    บังเอิญTipsอาจารย์นพ
    ...ถึงคิว(ลำดับที่)มาคุยเรื่อง ยันต์...
    ...การเขียนยันต์กลางอากาศ
    ...
    แถมมีภาพวาดยันต์มาลงให้ดูด้วย
    เพื่ออธิบายประกอบข้อสงสัยของ "เจน"

    (หลายวันก่อนผมยังเปรยในที่นี่ว่า...
    ...อจ.นพมีอะไรที่คล้ายๆกัน)
    เอ้า...แม้เขียนสั้นๆ....แต่ลองอ่านดู

    จะได้รู้ว่า...ถ้าไม่มีปัจจัยบางอย่าง
    ....ความบังเอิญคงไม่เกิดขึ้น
    ...เกิดขึ้นต่อเนื่องกันเป็นอาทิตย์ๆ


    "nopphakan, post:
    มีคล้ายในสองภาพนี้บ้างไหม
    ปล การเขียนยันต์ กลางอากาศ
    มีหลากหลายเทคนิค พอขำๆ
    bee46dcb-d12c-41f7-99c7-7c8e6b69bb0c-jpeg.jpg 6a9d39bf-b5cf-4fb8-903e-3280857a0dfa-jpeg.jpg

    ส่วนการทำสมาธิหรือไม่เคยทำเลยก็ตาม
    การได้พบเห็นท่านต่างๆที่เราเคยมีสัมพันธ์กันมาในอดีต
    กับท่านต่างๆเหล่านั้น ไม่ว่าท่านใดจะอยู่ระดับใดก็ตาม
    เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
    เพียงแต่อย่าไปยึด แม้ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า....
    ไม่งั้นอนาคตเราจะไม่รู้เหตุ.......

    หลักการคือ วัตถุประสงค์ที่เห็น
    จะเป็นตัวทำให้ทราบ เหตุ...
    ...ที่เกิดขึ้นได้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง จบ
     
  16. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 167 ลำดับที่ #3336

    พอไล่หา Tips ไปอีกไม่กี่บรรทัด
    เจออาจารย์นพคุยต่อเนื่องเรื่องยันต์
    (555...ทีแรกนึกว่ามีสั้นๆแค่ข้างบนนั่น)

    ลองอ่านดู....สนุกครับ


    [QUOTE="nopphakan, post:]
    นิทานนะ
    เหมือนเราห้อยพระฯ
    ทำให้เราระลึกถึงอะไร
    เหมือนเราดูรูปบรรพบุรุษ
    ทำให้เรานึกถึงอะไร?
    แต่รูปก็ไม่ใช่ตัวท่านจริงๆ
    นี่หละอุบาย ที่ทำให้จิตเข้าถึง
    ยันต์ ก็เหมือนอุปกรณ์อย่างหนึ่ง
    ที่ใช้ในการเชื่อมระหว่างจิต
    กับต้นกระแสนั่นหละ
    เปรียบกับปุ่มเปิดรับคลื่นนั่นหละ


    เปิดๆปิดๆ คือปิดเปิดกระแสที่
    ทำให้เข้าถึง
    เรื่องยันต์อะไรแบบนี้
    บางทีบางภพภูมิ
    ท่านก็ไม่ทราบ.
    ยิ่งถ้าที่เขตความสูงระดับ
    กับเรา(คือแต่งกายคล้ายมนุษย์อยู่)
    อาจจะไม่ทราบ

    อย่างพวกการเขียนยันต์กลางอากาศ
    เป็น ๑ ในบางสิ่ง ที่ได้ไปแสดงหรือ
    นำไปใช้งานให้กลุ่มเมืองหรือภพภูมิ
    ที่มีชั้นความสูงดูประจำ ถ้าเค้ามาเชิญไป

    พูดง่ายๆคือ ไปทำให้ผีดู
    นอกจากเรื่องอื่นๆ ๕๕๕
    พวกผี เค้าดูออกว่าใครทำอะไรได้บ้าง
    อะไรที่ผีเมืองนั้นเค้าไม่เคยเห็น
    ไม่คิดว่าคนจะทำได้
    (เค้าชอบใช้คำว่า....
    ตอนแรกนึกว่าไม่ใช่คน๕๕ ฟังดูแปลกๆ ๕๕)
    เค้าก็สนใจคนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
    ไม่มีอะไรหรอก
    จบแระนิทานขี้โม้
     
  17. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ในทางพุทธศาสนา: ไม่มีโชคลาภเกิดขึ้นได้โดยไม่อาศัย บุญ กรรม โชคลาภ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นลอยๆ หรือบังเอิญ โดยไม่มีเหตุปัจจัย
    03:02 Mali_Smile1978 6 Comments

    images.jpg
    ที่มา: https://goo.gl/9F5yXt

    ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ในทางพุทธศาสนา

    หากศึกษาเรื่องธรรมะดีๆ จะเข้าใจว่า ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ใดๆ ทั้งสิ้น "กรรม" นี้แม่นยำยิ่งกว่าเรด้าตรวจจับของนาซ่า พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า "เราเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน น้ำตาที่เสียจากความพลัด พรากจากคนที่เรารักนับรวมกันได้เป็นมหาสมุทร ดังนั้น เราจึงได้เคยพบปะผู้คนมามากมาย จนผู้คนที่เดินบนถนนไปมานี้ต่างก็เคยเกิดมาเป็นพี่น้องเราทั้งสิ้น"

    จากคำอธิบายข้างต้น เป็นเหตุให้ "กรรม" จัดสรรให้เราได้พบเจอ รู้จัก พึ่งพา มาเกิดเป็นพ่อ แม่ ลูก พี่น้อง เพื่อน แฟน คู่รัก มิตร ศัตรู ครู ลูกศิษย์ เมียหลวง เมียน้อย ฯลฯ เนื่องจาก เคยเกี่ยวพัน มีความสัมพันธ์ และประกอบกรรมร่วมกันมาก่อน จึงได้มาเจอกันอีก เพื่อชดใช้กรรม หรืออาจอธิษฐานให้มาพบกันอีกในชาติต่อๆ ไป หรือเคยอาฆาตพยาบาทกันมาก่อน บางคนก็เคยอุปถัมภ์ ค้ำชู หรือเคยพึ่งพาอาศัยกันมาก่อน ดังนี้ เป็นต้น จึงไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ในพระพุทธศาสนา

    หากใครเคยไปในสถานที่ใด แล้วรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นั้นโดยไม่เคยไปมาก่อนรู้สึกคุ้นๆ กับเหตุการณ์นั้น โดยที่เราไม่เคยมีส่วนร่วมมาก่อน เคยรู้สึกประทับใจใคร รู้สึกเกลียดใคร อยากอยู่ใกล้ใคร หรืออยากหนีหน้าใคร โดยที่ไม่เคยพบเจอรู้จักกันมาก่อน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาเก่า (การจำได้หมายรู้) ที่ติดตัวมาแต่เก่าก่อน

    พระบาลีพุทธวจนะ เป็นภาษาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว คำว่า "บังเอิญ" ดูเหมือนไม่มีในภาษาบาลี มีแต่คำว่า "เหตุ - ปัจจัย"

    พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ดังที่ท่านพระอัสสชิ แสดงธรรมแก่ท่านพระสารีบุตรว่า "ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ" นั่นคือ การที่ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน เป็นเพราะได้กระทำเหตุ คือ ทำกรรมมาแตกต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้มีรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ฐานะ ต่างกัน มีอุปนิสัยดีเลวต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ ได้รับความสุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา
    images%2B%25281%2529.jpg
    ที่มา: https://goo.gl/9F5yXt

    มีเรื่องเล่าของพระเจ้าอโศกมหาราช เรื่องมีอยู่ว่า

    พระมเหสีของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้รับการยกย่องจาก พระเจ้าอโศกมหาราชมาก สนมกำนัลนางอื่นก็อิจฉา ผู้หญิงกระทบกระทั่งกันง่ายอยู่แล้ว ในเมื่ออิจฉาก็มีการเสียดสีกระแนะกระแหนเขาไปเรื่อย พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงรำคาญ จะพิสูจน์บุญญานุภาพให้ดู ก็เลยสั่งโรงครัวทำขนมมา 1,000 ชิ้น แสดงว่าพระองค์มีมเหสีรวมนางสนมทั้งหมด 1,000 คนพอดี แล้วถอดพระธำมรงค์ประจำพระองค์ บอกพ่อครัวให้ใส่พระธำมรงค์ไว้ในขนมชิ้นหนึ่ง
    พอถึงเวลานึ่งสุกเอามาให้บรรดาสนม และมเหสีทั้งหมดไปหยิบเอา ถ้าธำมรงค์อยู่ในขนมของใคร จะตั้งคนนั้นเป็นอัครมเหสี พวกสนมแย่งกันกระจายเลย ปรากฎว่า มเหสีตัวจริงท่านทรงนั่งอยู่เฉยๆ รอเขาหยิบจนเหลือชิ้นสุดท้ายท่านจึงหยิบมา และธำมรงค์ก็อยู่ในนั้น เห็นไหมว่า เขาทำของเขามา เขาต้องได้ ต่อให้เราทำมาถ้าทำช้ากว่าเขาก็ต้องรอเขาได้ก่อน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เข้าใจตรงนี้ ถึงเวลาเห็นพระเจ้าอโศกมหาราชท่านเมตตาพระมเหสีมากเป็นพิเศษ โปรดเป็นพิเศษก็คอยอิจฉาอยู่เรื่อย พิสูจน์ขนาดนั้นแล้วก็ยังมีคนไม่เชื่ออยู่ดี

    อนาคตเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วจากกรรมในอดีตนานนับไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะต้องมีเหตุในปัจจุบันร่วมด้วย ความพยายามในปัจจุบันนั่นแหละ จึงจะทำให้เกิดผลในอนาคตที่สมบูรณ์ แม้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เปลี่ยน แปลงได้บางส่วน คนเราจึงไม่ควรละความพยายามตลอดชีวิตที่เกิดมา

    การกระทำทุกอย่างย่อมมีผล เราเรียกผลนั้นว่า "วิบาก" สิ่งใดจะเกิดได้ต้องมีเหตุปัจจัยประชุมพร้อม กรรมจึงสามารถส่งผล หรือให้วิบากได้

    ไม่มีโชคลาภเกิดขึ้นได้โดยไม่อาศัย บุญ กรรม โชคลาภ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นลอยๆ หรือบังเอิญ โดยไม่มีเหตุปัจจัย

    ทุกปัญหาเกิดขึ้นอย่างมีสาเหตุทั้งนั้น กิ่งไม้ตกใส่หัว หกล้ม ฯลฯ ล้วนเกิดจากกรรม เหมือนกับคำว่า "ใครกินคนนั้นก็อิ่ม คนอื่นอิ่มแทนไม่ได้"

    เกลือ เค็มเหมือนกันหมด ไทย ฝรั่ง ลาว แขก กินเกลือในที่ลับ ที่แจ้งก็เค็ม เหมือนกัน เกลืออย่างไร กรรมก็อย่างนั้น ทุกชาติศาสนา
    ความบังเอิญไม่มีในโลก ทุกสิ่งถูกลิขิตจากกรรมทั้งกุศล และอกุศลที่สัตว์โลกได้กระทำไว้ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับว่า กรรมอันไหนจะส่งผลก่อนกัน


    Cr. Thai Monks

    ขอบคุณที่มา...thamdhamma.blogspot


     
  18. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,124
    พอรู้ตัว เวลาเจอคนมีอะไรพิเศษ ขนผมจะลุกมากเลย
    แต่อาจเพราะไม่ค่อยได้นั่งสมาธิ อาจเพราะติดขี้เกียจเลยยังไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่
     
  19. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720

    ลองอ่านดู......
    (เป็นละครช่อง3 ที่จบไปแล้ว)

    "น้องเอก มีข้อไหนบ้าง"
    ?????

    ไล่ไปทีละข้อ(ตามเรื่องราวช่อง3 กึ่งบทความข้างล่าง)

    ส่วนตัวผม(9)
    1.ฝันแม่นราวกับตาเห็น!
    หลายๆปี....มีครั้ง
    อย่างงี้ถือว่า...ยังห่างไกลคนมีซิกเซ้นส์
    ส่วนที่ฝันแล้วต้องตีความ เช่นเลข
    ก็นานๆมีบ้าง...แต่มักจะหลังหวยออกแล้ว
    ...เป็นอย่างนี้เป็นกันทุกคนเลย...555

    ส่วนการฝันเห็นผี...ตื่นมาเห็นเงาหลายครั้ง
    โดยเฉพาะครั้งที่ชัดเจนที่สุดคือ
    เห็นผีสาวลางๆนั่งอยู่ที่โต๊ะแป้ง
    หรือเห็นแว๊บๆทะลุหายไปในกำแพง
    ...แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงแรม...บ่อยครั้ง

    2.ได้ยินเสียงประหลาด !
    ประเด็นนี้...แต่ก่อนเคยเจอหลายครั้ง
    แต่เป็นเสียงจากการทุบหน้าต่างต่อเนื่องแรงๆ
    ...ในเวลาตี2-3
    (555...ตอนนี้พิมพ์ไปขนลุกไป)

    3.ลางสังหรณ์ !
    เกิดขึ้นบ่อยเหมือนกัน
    ....เกิดขึ้นบ้าง...แห้วบ้าง...สนุกดี
    ส่วนคาดการณ์เรื่องราวต่างๆ
    ....อันนี้พอใช้ได้...เป็นคนเดาเก่ง
    อย่างงี้เวลาเรียน ถึงสอบผ่านทุกวิชา
    ....55555

    4.(เสริมเข้าไปนะครับ)
    ผู้เฒ่าผู้แก่เคยบอกว่า...
    คนที่เจอเหตุการณ์บังเอิญบ่อยๆ
    (บังเอิญชนิดที่เรียกว่ายากที่จะเกิดขึ้น)
    ประมาณว่า บังเอิญซ่อนหรือซ้อนบังเอิญ
    เหมือนมีอะไรดลใจให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตีลังกา
    ...เพื่อไปพบเจอเหตุการณ์เช่นนั่น



    *******************************************


    เช็กลิสต์! คุณเข้าข่ายมี “สัมผัสที่ 6” เหมือน “ริว” หรือไม่?
    เปิดอ่านแล้ว 6,289 ครั้ง
    6987218593.jpg


    “ริว” น้องชายของรอยจันทร์ที่มีสัมผัสพิเศษ สามารถมองเห็นวิญญาณและสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติได้ ลองเช็กกันดูสิว่าคุณเป็นคนมี “สัมผัสที่ 6” หรือไม่

    “ซิกซ์เซ้นส์” หรือ “สัมผัสที่ 6” หมายถึงประสาทสัมผัสที่นอกเหนือไปจากประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส “ริว” ก็เป็นหนึ่งในคนที่มีซิกซ์เซ้นส์ เขารู้สึกและมองเห็นเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัว งั้นลองสำรวจตัวเองกันดีกว่าว่าเข้าข่ายคนมีเซ้นส์เห็นผีเหมือนกับริวหรือไม่

    3071783295.jpg

    ฝันแม่นราวกับตาเห็น! ไม่ได้กินเยอะหรืออินละครมากไป แต่คนมีเซ้นส์มักจะฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะฝันแบบตรงๆ หรือต้องตีความ ทำให้มักจะได้โอกาสตั้งตัวเพื่อป้องกันภัยที่กำลังจะมา

    5317872705.jpg

    สิ่งลี้ลับมักติดต่อมาโดยไม่ถามความสมัครใจกันสักนิด! คนมีเซ้นส์มักสามารถสื่อสารกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนได้ บางครั้งอาจจะได้ยินเสียงประหลาด มีลมผ่านวูบไหวใกล้ๆ ตัว เห็นอะไรแว่บไปแว่บมา ลองถามเขาดูไหมว่ามีอะไรอยากคุยกับคุณหรือเปล่า

    9315909810.jpg

    คาดการณ์อะไรไว้ก็เป๊ะเวอร์! อย่าล้อเล่นกับลางสังหรณ์ของคนมีเซ้นส์ ทั้งความรู้สึกนึกคิดของคนรอบตัวที่สัมผัสได้แม้คนนั้นยังไม่ทันเอ่ยปาก ภาพเหตุการณ์อนาคตที่ผ่านเข้ามาในหัวแล้วเกิดขึ้นจริง ถ้าเคยเกิดขึ้นกับตัวเองคุณก็เข้าใกล้คุณสมบัติของคนมีซิกซ์เซ้นส์ไปอีกก้าวแล้ว

    6282145638.jpg

    คนที่มีสัมผัสเหนือธรรมชาติจะตามหาคุณ ดังคำที่ว่า ผีย่อมเห็นผี เช่นเดียวกับริวที่ได้พบเจอและสื่อสารกับคนที่มีซิกซ์เซ้นส์แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจจะเป็นกฎแห่งแรงดึงดูด หรือสิ่งนี้คือชะตาฟ้าลิขิต




    ขอบคุณที่มา...ช่อง33(ช่อง3)
     
  20. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,893
    ค่าพลัง:
    +4,720
    “เอาอย่างนี้ดีมั้ย” บทความเพื่อ การให้อภัย โดย ครูหนุ่ย - งามจิต มุทะธากุล
    pitch
    19 April 2017



    apai.jpg

    เอาอย่างนี้ดีมั้ย กับ การให้อภัย โดย ครูหนุ่ย – งามจิต มุทะธากุล

    เคยถามคนคนหนึ่งว่า “เชื่อว่ามีชาติหน้าไหม” คนถูกถามตอบว่า เชื่อสิ “แล้วเชื่อว่ามีชาติที่แล้วไหม” ก็ต้องเชื่อสิชาตินี้ก็คือชาติที่แล้วของชาติหน้าไม่น่าถาม คนถามยิ้มหลังโดนค้อนเสียหนึ่งที “แล้วเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไหม” เชื่อ “เชื่อว่าอย่างไร” ก็ใครทำกรรมอะไรไว้ต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างที่เขาพูดกันว่า กรรมสนองกรรมนั่นแหละ

    ความเชื่อแบบนี้มักถูกนำมาใช้เวลาที่คนคนหนึ่งถูกใครทำร้ายรังแก เอาเปรียบ ทำให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เมื่อหมดทางแก้ไข  คนส่วนใหญ่มักยอมจำนนปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้าย โดยการคิดเสียว่าเราคงเคยทำกรรมกันมาก็ชดใช้กันไป ใช้ๆ มันไปเสียให้หมดจะได้ไม่ต้องมาพบกันอีก บางคนก็ยกเอากฎแห่งกรรมขึ้นมาปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวมันต้อง
    ถูกกรรมสนองเหมือนที่มันทำกับเรา บางทีก็คิดว่ามันจะต้องชดใช้กรรมที่มันทำเอาไว้ ต้องทุกข์ทรมานมากกว่าเรา

    รากของความคิดแบบนี้มักแฝงไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ไม่ใช่ความรู้สึกปลงจริงๆ ความอาฆาตพยาบาทความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกจะทำให้ทั้งสองฝ่ายผูกเวรจองกรรมกันต่อไปอีกหลายภพหลายชาติ สลับกันทำร้าย สลับกันแค้น หมุนกันไปวนกันมาอยู่อย่างนั้น กงล้อแห่งกรรมยังคงหมุนไปตามแรงเหวี่ยงของความโกรธแค้นความพยาบาทอาฆาตไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้

    หากต้องการหักกงล้อแห่งกรรมนี้ลงก็ต้องหยุดแรงเหวี่ยง โดยการสลายความแค้นอาฆาตลงด้วยการเจริญเมตตา เมื่อเราเกิดความเมตตาต่ออีกฝ่ายที่ทำร้ายเราได้ การให้อภัยการอโหสิกรรมก็จะเกิดขึ้นได้ การให้อภัยคนที่ทำร้ายเรานั้นไม่ง่ายเลย ใช่ไม่ง่าย ต้องบอกว่ายากถึงยากที่สุดน่าจะถูกกว่า แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินวิสัยของมนุษย์ เพราะมันเป็นวิวัฒนาการของจิตมนุษย์ เป็นระบบของธรรมชาติที่มนุษย์จะต้องพัฒนาจิตวิญญาณผ่านกระบวนการของกรรม

    ยังมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่เมื่อชีวิตของเขาต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบาก หรือต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนบางคน เขาเหล่านั้นเฝ้าแต่โกรธแค้นอาฆาตสาปแช่งอีกฝ่ายโดยลืมนึกถึงเรื่องกฎแห่งกรรม หรือเรื่องกรรมสนองกรรมว่าความทุกข์ที่เรากำลังได้รับอยู่นี้แท้จริงแล้วคือผลของกรรมหรือการกระทำของเราในอดีต เราต้องเคยทำให้ใครบางคนเป็นทุกข์อย่างนี้มาก่อน ถ้าเรามั่นใจว่าชาตินี้เราไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย ถ้าเช่นนั้นคงเกิดจากอดีตกาลนานโพ้นคือในอดีตชาติที่เราจำไม่ได้

    พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ เรื่องราวหรือประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราทั้งสุขและทุกข์เป็นผลของกรรมหรือวิบากกรรม เราเป็นผู้สร้างเหตุแห่งกรรมนั้นด้วยตัวเอง ถ้าเรายอมรับเรื่องกฎแห่งกรรมด้วยใจที่เป็นกลางแล้วพิจารณาลึกลงไปว่าตอนที่เราเป็นผู้สร้างเหตุหรือเป็นฝ่ายทำร้ายเขาให้ได้รับความทุกข์และความเจ็บปวดเช่นที่เรากำลังได้รับอยู่นี้ เขาคนนั้นคงเจ็บปวดทุกข์ทรมานน่าสงสารไม่ต่างจากเราในตอนนี้ ควรเปลี่ยนจากความรู้สึกสงสารตัวเองไปสงสารอีกฝ่ายที่เคยถูกเราทำร้าย เฮ้อ นี่เราสลับกันแค้นสลับกันอาฆาตมากี่ภพกี่ชาติแล้วนี่ พอหรือยัง ทันทีที่จิตเกิดสลดสังเวชเห็นโทษของกรรมนั้นๆ จิตเกิดปัญญาขึ้นแล้ว  เมื่อจิตมีปัญญา การให้อภัยการอโหสิกรรมก็ทำได้ง่าย กงเกวียนกำเกวียนที่หมุนเวียนมานานกี่ภพกี่ชาติไม่รู้ ก็ถึงกาลหักสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอีกแล้วความโกรธ ไม่มีอีกแล้วความแค้นอาฆาตพยาบาท มีเพียงเมตตา เมตตา เมตตาเท่านั้นที่งอกงามขึ้นในจิตดวงนี้

    แต่ถ้าความโกรธแค้นอาฆาตยังมีอำนาจเหนือจิตใจ ยังตะโกนก้องว่า ยัง ยังไม่พอ กงล้อแห่งกรรมนี้ก็จะยังคงหมุนต่อไปอีกนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ จนกว่าจิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเกิดปัญญา มีดวงตาเห็นธรรมมองเห็นทุกข์โทษของผูกเวรจองกรรม เปิดใจยอมรับกฎแห่งกรรมเรียนรู้และพัฒนาจิตอย่างแท้จริง จนในที่สุดสามารถปล่อยวางความอาฆาตพยาบาทลงได้ กรรมนั้นก็เป็นอันยุติเพราะกฎมันเป็นเช่นนั้น เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ธรรมโอสถที่ใช้รักษาโรคแค้นโรคอาฆาตมีชื่อว่า อภัย

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้วยังจะแค้นกันต่อไปทำไมให้เสียเวลาอโหสิกรรมกันเสียชาตินี้เลยดีกว่าไหม



    เรื่อง ครูหนุ่ย - งามจิต  มุทะธากุล

    ขอบคุณที่มา....

    https://goodlifeupdate.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...