ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

จินตวดีชอบข้อความนี้มาก สำคัญคือต้องหาตัวตนที่แท้จริงให้เจอ ทุกคำตอบจะพบได้จากภายในตัวเอง
ถ้าไม่มีความกลัว ความชัว เราจะไม่มีทางได้รู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า รัก ถ้าไม่มีความชั่ว เราจะไม่รู้ความหมายของคำว่าดี โลกปรากฏอยู่ 2 ขั้วตรงกันข้ามกันเสมอ เพื่อให้เราเห็นถึงคุณค่าและความหมายของแต่ละส่วน ถ้าไม่มีด้านตรงกันข้าม อีกด้านก็จะตั้งอยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน ทั้งสองส่วน จึงเกิดมาเพื่อให้จิตวิญญาณได้เรียนรู้และ พัฒนาก่อนกลับสู่ต้นกำเนิดที่แท้จริง

 

มีข่าวสารเพิ่มเติมมาจากการสัมมนาของ อ.ดร.กัญจีราครับว่า

- ช่วงนี้ที่หลายๆคนรู้สึกอ่อนเพลียหลังจากตื่นขึ้นในตอนเช้า ดังที่หลายๆท่านได้ให้ข้อสังเกตุกันในพีเอ็มก็เนื่องมาจาก สนามเเม่เหล็กโลกเกิดการแปรปรวนขึ้นอย่างมากๆ มีผลโดยตรงกับคลื่นสมองของมนุษย์ และจะทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าวรุนแรงได้

-ในเดือน เมษา พฤษภาและมิถุนา นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงขึ้น และอาจเกิดจราจลในหลายแห่งของโลก รวมทั้งไทยเราด้วย

-ในสามเดือนข้างต้นนี้ จะมีกระแสพลัง(ความคิด ทำลายล้างรุนแรง รวมทั้งมีกระแสคุกคามผู้ปฏิบัติธรรมด้วย

วิธีการแก้ไขก็คือ ให้ทุกๆท่านประคองจิตอยู่ในบุญ อยู่ในกุศลเข้าไว้ เป็นปกติ


นอกจากนี้มีข่าวสารจากต่างประเทศได้เตือนมาในกรณีที่ ดิค เชนีย์ ได้เดินทางไปเยือนซาอุดิอราเบีย ได้ไม่นาน ทางซาอุดิอราเบียก็ได้ ออกข่าวเรื่อง "การเร่งการก่อสร้างหลุมหลบภัยนิวเคลียร์" ทันที ซึ่งสิ่งที่ ดิค เชนีย์ ได้ไปพบปะพูดคุยกับ ทางซาอุ น่าจะเป็นเรื่อง กำหนดเวลาในการโจมตีหรือการประกาศสงครามกับอิหร่านครับ

ไม่รวมถึงที่คอนโดลิซ่า ไรท์ เดินทางไปเยือนอิสราเอลในเวลาไล่เลี่ยกันครับ

ดังนั้นขอจงอย่าได้ประมาท ติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข่าวกันเอาไว้บ้างครับ

 

ขอขอบคุณ k.lazaza ที่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งภาพทางเว็บ ผมได้ให้ลูกสาวส่งให้ พยายามเท่าไรก็ส่งไม่สำเร็จ
30 มี.ค. 51<O</O
นาค 40 ตัว<O</O
บทความที่แล้วผมได้เตือนภัยเกี่ยวกับเรื่องน้ำ กลางเดือนเมษายน ผมได้เรียนถามอีกมิติขอคำยืนยันเรื่องของเวลา ก็ได้คำตอบว่า

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 09:28 PM</TD></TR><TR title="โพส 1078120" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>k_isara</TD><TD class=alt2>ขอขอบคุณ k.lazaza ที่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งภาพทางเว็บ ผมได้ให้ลูกสาวส่งให้ พยายามเท่าไรก็ส่งไม่สำเร็จ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
จริงๆก็รอดูรูปสุขาของคุณ k_isara อยู่เหมือนกันนะคะ
งั้นแนะนำอีก 2 วิธี คือ upload ตามคำแนะนำของคุณ userx
แล้วคงต้องรบกวนคุณ userx นำมาลงในกระทู้ให้

หรือส่งมาที่ email usa_biz@hotmail.com แล้วดิฉันจะนำมา
ลงในกระทู้ให้นะคะ

 

*** ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ****

เกิดเป็นคน สุดท้ายต้องพึ่งผลการกระทำที่ได้ทำไปแล้ว
การกระทำเที่ยง...ก็ส่งผลเที่ยง
การกระทำไม่เที่ยง....ก็ส่งผลไม่เที่ยง
การกระทำไม่เจตนา...ก็ส่งผลไม่เจตนา

เป็นโรคร้าย ก็ไม่เจตนา
หกล้ม ก็ไม่เจตนา
อุบัติเหตุ ก็ไม่เจตนา

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตนตัวแรก... คือ ตัวตนของเรา จิตวิญญาณของเรา
ตนตัวหลัง.... คือ ตัวตนของการกระทำที่ทำไปแล้ว โลกุตตระ เรียกว่า "ตัวกระทำ"

ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตาม "หลักสัจจะธรรม"
... ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....

เข้าใจประโยคนี้... ก็เข้าใจสัจจะธรรมความเที่ยงแท้
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามสัจจะธรรม
แล้วจะบอก โลกไม่เที่ยงได้อย่างไร !!!
แล้วจะบอก ไม่มีตัวไม่มีตนได้อย่างไร !!!!

แก่นสารของสัจจะธรรม
คือ ตัวกระทำ... เป็นตัวตนที่เกิดจากการกระทำ
ติดตัวผู้กระทำไปตลอดนานแสนนาน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เห็นว่าจะจริงนะคะ ช่วงนี้รู้สึกขี้หงุดหงิดจริงๆ
แรกๆก็เข้าใจว่า เพราะอากาศมันร้อน
แต่บางเรื่องเล็กๆน้อยๆ เราก็อารมณ์เสีย
แล้วก็เลยพาลหงุดหงิดกับความเสียอารมณ์
ของตัวเอง เลยกลายเป็นหงุดหงิด 2 ต่อ

แล้วก็อะไรช่างจัดสรรหนอ ถึงให้ช่วงนี้มีงาน
ประดังประเด แทบไม่ได้หลับได้นอน
ก็เลยเพิ่มเหตุปัจจัยแห่งความหงุดหงิดเข้าไปอีก

ขอบคุณที่เตือนสตินะคะ จะได้หายใจลึกๆ
แล้วตั้งสติให้มั่นกว่านี้

 

ช่ายค่ะ หงุดหงิดไปทุกเรื่อง ตอนแรกก้อขึ้นว่าความดีและความอดทนมันคงหายไปหมดแล้ว
เอาเป็นว่าจะใจเย้น ใจเย็นก้อแล้วกัน
ขอบคุณค่ะที่เตือนสติ

 

หงุดหงิด จริงๆด้วยครับ กับคำพูดผิดหูบางทีนิดเดียวเอง อาการไม่แสดงออกแต่ว่า ใจมันคิดวูบขึ้นมาทันที ต้องรีบปล่อยวาง ดึงอารมณ์ตัวเองกลับมา
แถมบางเรื่องที่คู่กรณีทำเหมือนอยากท้าทาย ผมพร้อมจะออกลุยให้แตกหัก แหลกกันไปข้าง บางครั้งนั่งคิดๆๆๆ แต่จะหาวิธีทำลายๆๆ แล้วก็ต้องมาคิดว่า ผมเป็นอะไร เหมือนมารเข้าสิงครอบงำเราแล้วหรือนี่ ถึงคิดแต่จะทำลายคู่กรณีให้ย่อยยับ แบบไม่มีปราณีปราศรัย... เมตตาไม่มี ปล่อยวางอุเบกขาไม่ได้

ผมสังเกตุอารมณ์ตัวเอง และคอยประคองอารมณ์มาได้เดือนกว่าๆ แล้วครับ

เป็นนิสัย ที่ไม่ดีเลยขอเพื่อนๆ เห็นโทษ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ มันร้อนในอกจริงๆ เผาตัวเราเอง ต้องต่อสู้กับอารมณ์ตัวเองอย่างมากเลย (แต่ดีได้อารมณ์ จับลมสบายมาช่วยผมได้มากจริงๆครับ ขอขอบคุณพี่ คณานันท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย) อย่างน้อย ผมก็ยังแบกปัญหาเดิมๆ อยู่ แต่ไม่หนักเหมือนตอนแรก ที่ยังไม่ได้จับลมสบาย และพิจจารณาปัญหาตามไป

เหมือนแบกถุงปูน แต่เบาเหมือนแบกนุ่น จริงๆ ...
แต่ผมก็ต้องสู้กับปัญหาต่อไปอีก...
เพราะปัญหามันจะมาอีก คงอยู่ และหาหนทางขจัดดับไป ...

ขอความสวัสดีจงมีแด่เพื่อนๆ และพี่ๆนักธรรมครับ

ขอบุญรักษา โมทนาสาธุ....

 

สัญญาณการเตือนมหันตภัยของโลก​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>

โดย Dr.G.G.Junior

http://www.universal-signal.com​

</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>

​

</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>สัญญาธาตุรู้ที่อยู่คู่กับทุกอณูในสรรพสิ่ง บอกข้าว่า มีการเปลี่ยนแปลง และมีการเตรียมตัวของสรรพชีวิตมากมาย รวมทั้งมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการเตือนภัยจากมหันตภัย ที่มันมาถึงโลกและจักรวาลของเราแล้ว บางส่วนที่สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ ซึ่งมีทั้งการถ่ายทอดความรู้สู่บุคคลรอบข้าง หรือส่งสารสู่สาธารณะทั่วไปก็มี แต่ก็ยังน้อยเกินไป และยังไม่ทราบถึงวิธีการของมนุษย์ที่ช่วยในการลดความรุนแรง หรือจนสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ให้มหันตภัยนั้นไม่เกิดขึ้นได้

การแผ่เมตตา และการปฏิบัติต่อโลก เพื่อให้เกิดความสมดุลโดยด่วนที่สุดนั้นสำคัญมากที่สุด และจงพิจารณาการเตือนภัยทั้งหลาย ให้เป็นข้อการปฏิบัติในการสร้างสมดุลของธรรมชาติ คือ การสร้างสนามพลังงานแห่งธรรมชาติร่วมกันทั้งโลกไม่เลือกชาติ ไม่เลือกศาสนา ไม่เลือกไม่ถือวรรณะ ไม่ถือเป็นของเราหรือของเขา จงเลือกแต่ทุกชีวิตเป็นหนึ่งเดียวร่วมกัน โดยไม่มีความแตกต่างใดๆ ทุกๆ สรรพชีวิตเหมือนกัน คือ ได้รับผลจากความไม่สมดุลของธรรมชาติถ้วนหน้ากัน มหันตภัยไม่เลือกตามหน้าตามนุษย์และสรรพชีวิต แต่ความโหดร้ายของมันนั้น เป็นไปตามกรรมเวรของแต่ละบุคคลแต่ละชีวิต ​

จนถึงเวลานี้ กรรมเวรของมนุษย์รวมกัน ได้ผลออกมาเป็นมหันตภัยล้างโลกเลยทีเดียว ​

สรุปมนุษย์ทุกคนคือ ต้นตอของสาเหตุในการทำลายล้างโลกในครั้งนี้ ที่ร้ายกว่านั้น สรรพชีวิตอื่นที่บริสุทธิ์ ยังต้องรับผลนั้นไปด้วย จงตระหนักถึง ผลแห่งการทำลายล้างโลก จักรวาล ดาราจักร และเอกภพแห่งนี้เป็นสำคัญ อย่างน้อยที่สุด จงเหลือพื้นที่บนดาวดวงนี้ให้ลูกหลาน เด็กเล็กๆ ทั้งหลาย ที่บริสุทธิ์ให้สามารถต่อมีลมหายใจของตน เพื่อการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ต่อไปด้วยเถิด ​

ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ข้าได้สัญญาณมาส่งถึงมนุษย์ทั้งหลายให้ตื่น และจงตื่นขึ้นมาสร้างสมดุลแห่งสนามพลังงานแห่งธรรมชาติ ที่เรียกกันว่า Natural Morphic Field โดยการคิดเห็นจริงจากการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน เป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้ ​

๑. เส้นแรงสนามแม่เหล็กของโลกขาด และมีการสะบัดของเส้นแรงตลอดเวลา ​

ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินยุบ มีพายุที่รุนแรงขึ้น เกิดขึ้นในพื้นที่เดิม และพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน เกิดคลื่นยักษ์ถล่มมนุษย์ที่มีกรรมหนักให้ร่างจมลง จบชีวิตก่อนกำหนด

๒. มนุษย์พบเห็นว่าดาวศุกร์มีความสว่างมากขึ้น ​

เสมือนดวงดาวนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากโลกปรับตำแน่งของตนคือแกนขั้วของโลกเปลี่ยนแปลงองศาไปนั่นเอง เพื่อให้ตนนั้นสมดุลให้มากที่สุด ​

๓. มนุษย์จะสามารถพบเห็นค้นพบดวงดาวมากขึ้นในขณะนี้ ​

และพบดาวดวงเล็กๆ มากมาย จากการทำมุมของโลกกับดวงอาทิตย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง เป็นสัญญาณบอกถึงการเปลี่ยนตำแหน่ง และการหมุนรอบดวงอาทิตย์ และการหมุนรอบตัวเองของโลกใบนี้ที่เปลี่ยนไป มีผลต่อปฏิทินของโลกที่มนุษย์ใช้อยู่ ขาดความเที่ยงตรง ปี ๒๕๔๓ เป็นต้นมาโลกค่อยๆ หมุนรอบดวงอาทิตย์ จนปีปัจจุบัน ๒๕๕๐ การหมุนครบรอบ ๑ ครั้ง เป็นเวลาตามปฏิทินมนุษย์จำนวน ๓๕๔ วันเท่านั้น ​

๔. การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวน้อยลงกว่าเดิม ​

ด้วยมนุษย์ต่างดาวสำรวจโลกใบนี้ประมาณ ๓๐๐ ปีที่แล้ว และพบว่าโลกนี้กำลังพบกับมหันตภัยล้างโลก จึงเดินทางกลับไป เป็นส่วนใหญ่ หลงเหลือแต่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ด้วยยานสำหรับการเดินทางเสื่อมสภาพลง ​

๕. โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากความร้อนบนพื้นผิว ​

เนื่องจากความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่มีสาเหตุจากโลกมีป่าไม้ลดลงมาก มีก๊าซบางชนิดทำลายชั้นบรรยากาศ ​

๖. โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากความร้อนใต้พื้นพิภพ ​

เนื่องด้วยน้ำมันดิบ ที่หล่ออยู่ใต้ผิวโลก มีหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนระหว่างชั้นใต้ผิว จนถึงแกนโลกกับพื้นที่ผิวโลก เมื่อน้ำมันใกล้หมดลง หมายถึงความร้อนจากใต้พิภพ ก็ผุดขึ้นมาแล้ว มีพลังงานความร้อนประทุขึ้นมา มากกว่าที่ได้รับจากความร้อน จากบนผิวเปลือกโลกมากมายนัก ทุกคนใช้น้ำมัน ดังนั้นทุกคนทำให้ความร้อนผุดขึ้นมา ร่วมกัน อีกสาเหตุหนึ่งการใช้เครื่องจักรหนัก การระเบิดหิน การขุดเจาะพื้นหินแข็ง มีผลให้เกิดรอยรั่วรอยร้าวของแผ่นหินกันความร้อนภายใต้พิภพ ความร้อนผุดขึ้น จากใต้พิภพอย่างมากมายเช่นกัน สุดท้ายแสดงด้วยหิมะบนที่สูงและภูเขาน้ำแข็งละลาย​

๗. สัตว์ใต้ผิวโลกและบนผิวโลกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

๗.๑ สัตว์ใต้ทะเลลึกหนีความร้อนขึ้นมาอาศัยบริเวณน้ำตื้นหรือชายฝั่ง เช่น ปลาโบราณ ปลาหมึกขนาดใหญ่ ปูน้ำลึก การเข้ามาเกยตื้นของสัตว์น้ำหลายชนิด เป็นต้น ​

๗.๒ สัตว์ที่อยู่ใต้พื้นดินทำรังหรือขุดรูที่ตื้นขึ้นและบางชนิด เริ่มอาศัยอยู่บนผิวดิน หรือโพรงไม้ เช่น ตุ่น งูบางชนิด และยังมีพิษมากขึ้นด้วย เป็นต้น ​

๗.๓ สัตว์พาหะนำโรคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อรับเชื้อโรคที่รุนแรงมากขึ้น ยุงบางชนิดบินได้สูงขึ้น รับเชื้อไวรัสที่กำลังปรับตัวให้สามารถทำลายมนุษย์ทั้งโลก ได้อย่างเฉียบพลันในอนาคตอันใกล้นี้ หนูมีขนที่เริ่มตั้งขึ้นวิ่งเร็วขึ้น มีอาการตกใจมากขึ้น เพื่อรอรับเชื้อกาฬโรคสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน ริ้นทะเลและตัวคุ่น (ภาษาภาคเหนือ) คือ แมลงวันดูดเลือดเพิ่มขีดความสามารถในการขยายพันธุ์ และกำลังปรับตัวให้อาศัยอยู่ได้้ในพื้นที่กว้างขึ้น สัตว์ทั้งหมดบนโลกนี้ก็กำลังปรับตัวเพื่อการมีชีวิตรอดเช่นกัน โดยสัตว์มีความสามารถที่จะรับรู้ข่าวสาร จากสัญญาณธาตุรู้ของจักรวาลได้โดยตรง ไม่ต้องแปลออกมาเหมือนที่ให้มนุษย์อย่างนี้​

๘. มนุษย์มีอารมณ์รุนแรงขึ้นทุกคนทั่วโลก

มีการตายด้วยวิธีแปลกๆ และเป็นกลุ่มใหญ่เป็นหมู่คณะทั้งกระทำเองและธรรมชาติลงโทษ มนุษย์มีวิธีเอาเปรียบกัน เบียดเบียนกันที่รุนแรงและใช้ศาสนาเป็นอาวุธในการทำสงครามไปทั่วโลกแล้วขณะนี้ สุดท้ายมนุษย์ทำร้ายตนเองจนสิ้นโลกไปด้วยสภาวะยุคน้ำแข็ง หรือไม่ก็ความร้อนใต้ผิวโลกร้อนจนพืชสัตว์ตายไปจนหมดและมนุษย์กินกันเอง จนสิ้นทุกตัวตนด้วยโรคร้ายเป็นวาระสุดท้ายของยุคนี้อีกเพียง ๑๐-๑๑ ปีเท่านั้น (สัญญาณเตือนฉบับหลังๆ บอกว่าจะเกิดภายใน 1-2 ปีนี้ครับ-เกษม)

๙. มนุษย์มีความต้องการเสพในวัตถุที่ตนมองเห็น

หรือสัมผัสได้มากขึ้นๆ โดยไม่สนใจ ความเที่ยงธรรม และความสมดุลบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง แต่ในขณะเดียวกัน มนุษย์มีความเข้าใจพลังงานแห่งธรรมชาติน้อยลงๆ เช่นกัน เป็นสาเหตุจากการปรับ สภาพแวดล้อมเข้าหาตนอย่างเดียว จนสัญชาตญาณของตนพิการใช้งานไม่ได้ สุดท้ายมองสิ่งที่มีชีวิตอื่นในแง่ร้าย และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเท่านั้น

๑๐. เกิดภัยพิบัติต่อไปนี้บนโลกนี้ทุกวัน

เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก มีพายุ ลมฝนฟ้าคะนองรุนแรง น้ำอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เป็นสัญญาณเตือนมนุษย์ให้ระวังไว้ว่า เหตุมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะมาเร็วๆ นี้ อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึงทีเดียว เพียงเท่านี้คงพอสำหรับการสื่อสารแจ้งข่าวบอกแก่มนุษย์ทั้งหลายได้ว่า มหันตภัยเกิดขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้จริงจากสัญญาณอะไรบ้าง

จงตื่นมาพบกับสถานการณ์ความเป็นจริงของธรรมชาติ จงตื่นมาเพื่อค้นพบตนเอง จงตื่นมาร่วมสร้างความสมดุลของธรรมชาติ ไปกับข้าคือธาตุรู้ในทุกอณูของสรรพสิ่ง


ที่มา http://www.universal-signal.com/html...alofnature.htm

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เคยได้อ่านตำนานนี้มาหลายครั้งครับ....นี่เป็นฉบับของคุณทวดผม...พิมพ์ในปี2479...ตอนนี้ต้นฉบับยังหาไม่เจอเพราะ ยืมกันไปยืมกันมา...
เราลองมาพิจารณากันดู.... ผมพอจะจำความย่อๆได้ดังนี้....เมื่อพระศาสนาล่วงกึ่งพุทธกาล(พศ.2500)ไปได้ราว45ปี
1)ปีจอต่อปีระกา มหาสมุทร จะชอกช้ำ ตลิ่งจะพังผู้คนจะพากันล้มตายเป็นอันมาก...พสุธาจะหวาดไหวไปทั่วพิภพโลกา(อันนี้คงจะรู้กันดีแล้วนะครับว่า26 ธค.47นี่เข้า ประเด็นที่กล่าวมารึเปล่า??) สรรพสัตว์จะพากันเป็นทุกข์หนาหนัก
2)ธาตุทั้ง4 ดินน้ำลมไฟจะแปรปรวน หนาวเป็นร้อน น้ำจะท่วม คินจะถล่มผู้คนส่ำสัตว์จะพากันล้มตาย..
3)พวกยักษ์ร้ายนอกศาสนาจะพากันรบราฆ่าฟันกันเป็นว่าเล่น...
4)จะบังเกิดลูกไฟ หล่นลงมาจากฟ้า พามวลส่ำสัตว์ม้วยมรณา
5)สรรพภัยจะลุกลาม มาจากทางด้านทิศ ตะวันออก ลองคิด กันดูนะครับว่าสึนามิ เกิดจากทางด้านดะวันออกเฉียงใต้...นี้เข้าเค้ารึเปล่า...
ทีนี้มาดูข้อความดีๆกันบ้าง...
1)ล่วงปีระกาไปได้5ปี ต่อปีมะโรง...จะบังเกิด พระยาธรรมิกราชขี้นนำพาเหล่าสัตว์ให้พ้นทุกข์ยาก..ทรัพย์ในดิน สินในน้ำจะผุดขึ้นมาเพื่อโปรดชาวโลก...โดยเฉพาะในเมืองไทยเรานี้...จะพบเหมืองทองคำบ่อน้ำมัน...ขุมทรัพย์ สารพัด...
2)พระมหาโพธิสัตว์จะเสด็จออกจากที่บำเพ็ญภาวนาพร้อมกับพระโพธิสัตว์บริวาร4องค์จะมาโปรดชาวโลกนำพาผู้คนล่วงทุกข์ พระพุทธศาสนา จะสถาพรต่อไปอีก300ปี หลังต่อนั้นพระสงฆ์จะเหลือแค่สัญญลักษณ์ที่ใบหูว่าเป็นพระสงฆ์เท่านั้น...แล้วพระศาสนาจะถึงคราล่มจมไปเมื่อพศ.5000 โลกธาตุก็จะบังเกิด มหาอัคคีมาจากทิศทั้ง4 จะมีพระอาทิตย์ ขึ้นมาอีก 1ดวงเร่งส่องแสง ทำลายผาใหม้โลกธาตุ จนเป็นจุล...และในตำนานก็สรุปว่า ประเทศไทยจะจำเริญ วิวัฒนาสถาพร ด้วยพระยาธรรมมิกราชและพระโพธิสัตว์ทั้ง5พระองค์นั้น...ก็ลองอ่านๆกันดู....แล้วก็ ติดตามกันว่าเป็นจริงแค่ไหนแล้วกันนะขอรับ....คิดเสียว่า อ่านเรื่องเล่า เค้าตำนาน ของบรรพชนเราแล้วกันนะขอรับ

จากคุณ จา - [ 27 ก.พ. 48 16:20:08 ]
ที่มา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3316105/Y3316105.html

ปล.1 ตามตํานานนี้ 2547 นับต่อไปอีก 5 ปี = .....
ปล.2 ได้ข่าวจากเพื่อนทางเน็ต ได้พบกับพระสงฆ์องค์นั้นแล้ว ซึ่งมีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมเชื่อว่า ท่านคือหนึ่งในสามร่มโพธิ์ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ท่านอยู่ใกล้ๆกรุงเทพนี่เอง ...

 

เหตุการณ์ต่างๆ ประดังประเดเข้ามาเรื่อยๆ แต่น้อยคนนักที่จะทราบข้อมูลพวกนี้ที่พวกเราทราบ ดิฉันเข้ามาทุกวัน แต่ไม่ค่อยได้ login แล้วพวกเค้าจะทำไงละคะ ที่เห็นๆก็คนในครอบครัว คนรอบข้าง(ที่ทำงาน)พูดไปก็ไม่มีใครเห็นความสำคัญ มีอีกอย่างดิฉันมีเข็มทิศอยู่อันนึงเวลาหันหน้าไปทิศเหนือ สีแดงมันชี้ไปที่ n แต่เวลาหันหน้าไปทิศตะวันตกสีแดงมันชี้ไปที่ e ก็เลยงงว่าเข็มทิศมันเสียหรือดิฉันใช้มันไม่เป็น (ทิศที่หันไปถามข้อมูลเดิมว่าที่ตั้งมันหันไปทิศไหน)รบกวนมีใครทราบบ้างคะ ขอบคุณคะ

 

การรักษาสมดุลของร่างกายโดยการหมุนตัว



​

khajornwan<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_671288", true); </SCRIPT> สมาชิก

สวัสดีค่ะ...พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ดีใจมากที่มีห้องสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางจิตวิญญาณ วันก่อนเห็นคุณ Mead พูดคุยเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, ทีวี, ตู้เย็นหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ ฯลฯ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าในปัจจุบัน มนุษย์เราคงจะหลีกเลี่ยงกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมนี้ได้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำว่า...

1.หากเราอาศัยอยู่ในประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ให้เราหมุนตัวไปทางขวา ช้า ๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากขั่วบวก

2. หากเราอาศัยอยู่ในประเทศที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร (ประเทศไทย) ให้เราหมุนตัวไปทางซ้ายช้า ๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากขั้วลบ

การหมุนตัวไปตามที่แนะนำข้างต้นเป็นการรักษาสมดุลของร่างกาย เพื่อแยกขั้วต่างทางไฟฟ้า ทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เหตุผลที่ให้หมุนช้า ๆ เพราะเกรงว่าจะเวียนศรีษะไปเสียก่อน จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคสมองเสื่อมด้วยนะคะ

การที่มนุษย์เราจะรักษาความสมดุลของร่างกายไว้ได้ อาจารย์บอกว่าให้หมั่นหมุนไว้คล้าย ๆ กับลูกข่างที่หากหมดพลังงานและหยุดหมุนก็จะล้มลงทันที...

ปล.. อ่านแล้วลองวิเคราะห์ดูก่อนนะจ๊ะ

25-08-2007, 06:13 AM


mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_672240", true); </SCRIPT> สมาชิกยอดนิยม

ขอบคุณครับคุณขจรวรรณ ดีเลยครับมาทบทวนความรู้เดิมให้ผมอีก รู้สึกว่าเป็นอาจารย์เดียวกันครับ(อ.ปริญญา ตันสกุล).. เรื่องหมุนตัวปรับสมดุล ไทยเราอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ต้องหมุนตัวตามเข็มนาฬิกานะครับถ้าจำไม่ผิด..ใช่มั๊ยครับ

khajornwan<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_671288", true); </SCRIPT> สมาชิก

เคยถามอาจารย์แล้วค่ะ อาจารย์ยืนยันว่าประเทศไทยให้หมุนซ้ายค่ะ..
และก็ดีใจมากค่ะที่เจอรุ่นพี่ที่มากความสามารถเช่นนี้

mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_672240", true); </SCRIPT> สมาชิกยอดนิยม

อ้อครับ..เกือบหมุนผิดทาง..

รู้สึกคนแถวนี้เคยไปฟังบรรยายของอ.ปริญญา ตันสกุล มาหลายท่านเลยนะครับ..มาเรียนต่อยอดความรู้ด้วยกัน เดี๋ยวหมุนๆไปก็กลมกลีนกันได้ครับ ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ด้วยนะครับ


จะสังเกตว่า เวลาเด็กเล่นกันจะชอบหมุนตัวกัน เพื่อปรับสมดุลตามธรรมชาติลองหมุนรอบตัวเองบ้างก็ดีครับ

มนุษย์มีความสัมพันธ์กับระบบสนามแม่เหล็กโดยตรง รหัสทางไฟฟ้าเคมี ระบบชีวภาพที่แผงเร้นอยู่ใน DNA (แท่งDigitalis) มีอยู่ในมนุษย์และสัตว์ทุกชนิด การที่ปลาวาฬ..ผึ้ง..นก..อพยพ ต้องอาศัยรหัสนำทางจาก Digitalis แต่

ระยะหลังมานี่สัตว์ส่วนมากหลงทิศ แถมมนุษย์โกรธง่ายโมโหง่ายขึ้น..เพราะสนามแม่เหล็กโลกกำลังแปรปรวนครับ

สนามแม่เหล็กกำลังปรับสมดุลครั้งใหญ่..เนื่องจากจิตวิญญาณมนุษย์ส่วนมากเหลวไหล พลังงานด้านบวกที่ปลดปล่อยออกมาทางตาที่สามลดลง แต่ปล่อยพลังงานด้านลบมากขึ้น พลังงานที่มอบให้กับโลกจึงไม่พอเพียง..พลังอำนาจของสนามแม่เหล็กโลกจึงลดต่ำลง

จริงๆแล้วมีความลับสำคัญอยู่ใจกลางโลกที่เกี่ยวกับการผลิตสนามแม่เหล็กโลกและก๊าซออกซิเจน ใครที่ยังไม่ทราบว่างๆจะเล่าให้ฟังครับ หรือไม่ก็ไปอ่านหนังสือของ อ.ปริญญา ตันสกุล เพิ่มเติมเอาครับ..

ส่วน Dr.G.G.Junior ที่คุณ physigmund_foid มาโพสท่านนี้ไม่เผยตัวครับ เป็นคนไทยที่รับสื่อมาคล้ายๆกันมาก..กับเตือนล่าสุดไปอ่านกันดูครับ รับรู้เอาไว้ครับเพื่อความไม่ประมาท :--

26-08-2007, 03:25 AM

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=86527&page=37

 

วิธีใช้เข็มทิศ

ในการเดินทางตามธรรมชาติ ป่าเขา ลำเนาไพรนั้น เข็มทิศ ( Compass) นับว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพื่อให้เราเดินทางตรงเป้าหมาย ไม่เสียเวลาเดินทาง และหลงป่า ทั้งๆที่ไม่น่าเชื่อว่าเส้นแม่เหล็กโลก ขั้วเหนือ-ใต้ จะบันดาลประโยชน์ให้เราได้อย่างมากมาย

การใช้เข็มทิศประกอบกับแผนที่เดินทาง

1.

a) วางเข็มทิศลงบนแผนที่ ให้ขอบของเข็มทิศแตะเข้ากับแนวเส้นระหว่างจุดหมายที่กำหนดไว้ ดังในรูปต้องการเดินทางจากจุดกากบาทแดงไปยังจุดสามเหลี่ยมสีดำ
b) โดยให้แน่ใจว่าหันหัวของเข็มทิศ (ด้านที่มีลูกศรชี้) ไปยังจุดหมายอย่างถูกต้อง

2.

a) พยายามกดเข็มทิศให้กระชับมั่นคง หรือไม่เลื่อนไปมา
b) หมุนวงล้อ หรือหน้าปัดของเข็มทิศ จนกระทั่ง เส้นขั้วเหนือ-ใต้ ของหน้าปัด หมุนไปขนานกับแนวทิศของแผนที่ (ในรูปจะเห็นว่าขั้วเหนือของหน้าปัดตรงกับทิศเหนือของแผนที่)
c) หากขั้วของหน้าปัดไม่ตรงแนวกับแผนที่ จะทำให้เราชี้ทิศได้ผิดพลาดในขั้นต่อไป

3.

a) ยกเข็มทิศขึ้นมาถือไว้ในมือ ยื่นไปข้างหน้า (ตามรูป) พยายามให้เข็มทิศได้ระดับขนานกับพื้น และหันด้านหน้า(ลูกศร) ไปข้างหน้า
b) หมุนตัวเราไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข็มทิศชี้ตรงแนวเส้นเหนือ-ใต้กับขีดที่หน้าปัด (จุดแดงของเข็มทิศ ชี้ตรงกับเส้นทิศเหนือของหน้าปัด)
c) ทิศที่ลูกศรบนเข็มทิศชี้ไป หรือ ข้างหน้าคุณนั่นคือทิศทางที่ต้องการ

นอกจากนั้น เรายังต้องรู้จักเลือกเป้าหมายที่เหมาะสม สังเกตง่าย เช่น ต้นไม้ใหญ่ โขดหินที่สังเกตง่าย หรือพุ่มไม้ที่เด่นกว่าเพื่อน เป็นต้น เพื่อที่ว่าเราจะได้เห็นได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องยกเข็มทิศขึ้นมาดูอยู่บ่อยๆ และเมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการแล้ว ก็ให้เลือกจุดหมายต่อๆไปทันที

ข้อควรระวัง

1. บางครั้งหน้าปัดของเข็มทิศที่เราตั้งไว้จะเคลื่อนที่จากการกระแทกกระทั้นในการเดินทาง ให้หมั่นตรวจสอบอยู่บ่อยๆ ถ้ามีการคลาดเคลื่อนต้องตั้งใหม่ทันที

2. อย่าสับสน ระหว่างจุดแดงของเข็มทิศกับลูกศรของเข็มทิศ เราต้องเดินตามลูกศรของเข็มทิศเสมอ ส่วนจุดแดงของเข็มทิศนั้นจะชี้ทิศเหนือตลอดเวลา เราจะเดินตามจุดแดงก็ต่อเมื่อ ลูกศรชี้ไปตรงทิศเหนือเท่านั้น

เชื่อว่าคงทำให้เราใช้เข็มทิศได้คล่องขึ้นครับ แล้วจะเห็นว่าการเดินทางของเราสนุกขึ้นอีกเยอะ นอกจากนี้ เข็มทิศยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกด้วยครับ อย่างเช่น ถ่ายรูปดวงดาวให้เห็นเป็นเส้นโค้งๆ เป็นต้น

สนับสนุนข้อมูลจาก www.thaiwildlife.com
<SCRIPT src="http://www.4x4.in.th/staticlogo.js"></SCRIPT>​

 

ทีนี้มาดูข้อความดีๆกันบ้าง...
1)ล่วงปีระกาไปได้5ปี ต่อปีมะโรง...จะบังเกิด พระยาธรรมิกราชขี้นนำพาเหล่าสัตว์ให้พ้นทุกข์ยาก..ทรัพย์ในดิน สินในน้ำจะผุดขึ้นมาเพื่อโปรดชาวโลก...โดยเฉพาะในเมืองไทยเรานี้...จะพบเหมืองทองคำบ่อน้ำมัน...ขุมทรัพย์ สารพัด...

พศ 2555
กลัวแต่เราบางคนอาจอยู่ไม่ถึง
มรณานุสติ
เพื่อนสามีชาวออสเตรเลีย อายุ 62 มาทำงานอยู่ประเทศไทยได้หกเดือนแล้ว หย่ากับภรรยาเดิมนานแล้ว ปัจจุบันมีแฟนเป็นคนไทย (ไม่ทราบมีทะเบียนสมรสหรือไม่) วันเสาร์นี้เดินทางไรที่ฮ่องกง ไปกินข้าวกับเพื่อนเกิดหัวใจวายเสียชีวิตขึ้นมา

จะทำศพที่ประเทศไหน
เพิ่งซื้อคอนโดในไทย (เงินสด) มีพินัยกรรมหรือเปล่า จะเป็นของใคร โอ๊ยวุ่นวายกับคนอยู่เบื้องหลัง

แนะนำให้ทุกคนทำพินัยกรรมง่ายๆ ลองสมมุติว่าจะตายพรุ่งนี้ถือเป็นมรณานุสติ (ไม่ได้แช่ง)
สงสัยตัวเองต้องรีบไปเขียนเหมือนกันค่ะ

อนุโมทนาบุญกับดร. ไมเคิล ที่เคยได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระงานสัมมนาภัยพิบัติ และร่วมบุญกฐินปีที่แล้ว ขอให้มีสุขติภพเป็นที่สุดค่ะ

 

ในตอนนี้เราต้องเอาเรื่อง "สภาวะโลกร้อน" ไปคุยกับพวกเขาก่อนครับ บอกเขาว่ามันร้ายแรงกว่าที่พวกเขาคาดคิดกันไว้มาก ตอนนี้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือกำลังละลายอย่างรวดเร็วมันจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันนี้ 4-5 เมตร กรุงเทพเป็นเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตร จึงต้องถูกน้ำทะเลท่วมอย่างแน่นอน เอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ให้พวกเขาดูกันมากๆ ครับ

บอกเขาว่านักการเมืองตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว นอกจากการแย่งชิงอำนาจกันเอง เราต้องเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นมาจริงๆ เราจะหวังพึ่งพวกนักการเมืองไม่ได้เลยครับ

 

พายุลมฝน .... เริ่มเข้าใกล้ เมืองหลวง !!!

 

มาอยุธยาแล้ว! ประเด็นของดิฉันก็คือ ทิศทางขวามือคือทิศตะวันออก ถ้าเราหันหน้าไปทิศเหนือ แต่พอเอาเข็มทิศไปทิศเหนือ หมุนขวามือเข็มดันเป็นทิศตะวันตกไปซะงั้น ไม่รู้ว่าแม่เหล็กโลกน่าจะผิดปกติมากจริงๆ หรือเข็มทิศผิดปกติ อยากให้คนที่มีลองดู ว่าเหมือนดิฉันป่าว

 

เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนได้มีโอกาสไปฝึกสมาธิรักษาโรคกับพระอาจารย์รัตน์
ท่านกล่าวว่าตอนนี้เส้นแรงแม่เหล็กไม่สามารถสะท้อนกลับสู่ชั้นบรรยากาศได้ทำให้
เส้นแรงแม่เหล็กเข้าไปอัดแน่นอยู่ในเซลล์ของคนและสิ่งมีชีวิตทำให้ภูมิต้านทานต่ำ
และคนเป็นมะเร็งกันมากขึ้น นอกจากนี้ปิรามิดที่กีซ่าทั้ง 3 องค์ได้ถูกปิดลงไปแล้ว
ทำให้บรรยากาศที่เสียไม่สามารถพุ่งทะลุขั้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ ทำให้คนจะเกิดอาการ
อึดอัดหายใจไม่สะดวก และอากาศที่เสียจะทำให้คนเป็นโรคทางเดินหายใจกันมากขึ้น
โดยเฉพาะหลังฝนตก ฝนจะไปชะเอาละอองไอน้ำมันและฝุ่นพิษลงมาอาจจะเกิดอาการ
มากขึ้น อ้อ และเดือน เดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ต้องระวังเป็นพิเศษครับ

 

วันก่อนกลับแม่กลอง

ไปบ้านคนรู้จักเขาทรงเจ้าแม่ทับทิม

เจ้าแม่บอกว่าอีกไม่นานแถวนี้ทะเลจะเปิด

จะมีเรือมากมายเข้ามา (น่าจะหมายถึงเรือประมง)ทำเลนี้จะรุ่งเรื่อง เจริญใน

การค้าขาย

ฟังแล้วก็แปลกๆ เพราะจากคำทำนายอื่นๆ บอกว่า แถวนี้จะจม เพราะแม่กลองก็

อยู่ใกล้ๆ กทม

หรือว่า แถวๆที่เจ้าแม่ทับทิมอยู่ จะกลายเป็นเกาะก็ได้มัง

 

​

บ้านผมก็อยู่อยุธยา! ลองเอาเข็มทิศมาใช้ดูก็ปรกติดีครับ

คือว่าเข็มทิศตรงที่เป็นลูกศร จะชี้ไปทางทิศเหนืออยู่ตลอดเวลาครับ ไม่ว่าคุณ Kowmoo จะหันไปทางซ้ายหรือขวา เข็มทิศมันก็จะชี้ไปที่ทิศเหนือ มันจะไม่หมุนไปตามตัวอักษร N ที่พิมพ์อยู่ในเข็มทิศหรอกครับ ยกเว้นในบริเวณนั้นจะมีแท่งแม่เหล็กขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ เช่นหม้อแปลงไฟฟ้า จึงอาจจะทำให้เข็มทิศหมุนเบี่ยงเบนไปทิศเหนือได้ครับ