นั่งสมาธิครบ1เดือน อาการที่ได้เป็นแบบนี้คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Chabob, 4 เมษายน 2018.

  1. apekfudsuvl

    apekfudsuvl สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +14
    จขกท จริตน้อมไปทางอภินิหาร ใจร้อน
    ผมก็เคยเป็น ใครมาตอบผมในทางว่าเราเก่งเราดีเรามีบารมีเก่าชอบจับใจ หลายครั้ง อ่านของคนอื่นก็ไม่เข้าใจด้วยเพราะยังอ่อนหัด บางทีนึกว่าเขาด้วยสิ55
    เเต่ถ้าเดินปัญญาไปเเล้ว ปกติจะเริ่มน้อมไปทางวิปัสณาญาณ เพื่อการหลุดพ้น
    เเละก็จะบอกว่า วิปัสณาญาณ มันเป็นของที่จะส่งเสริมสมาธิให้สูงขึ้นนั้นเอง
    ส่วนอาจารย์นั้นเวลานี้ไม่จำเป็นถ้ามีปัญญาพอมันก็หาเอาในสื่อต่างๆได้พอสมควร
    ทำๆไปถ้ามันดีขึ้นก็ทำต่อไปเรื่อยๆผิดบ้างถูกบ้างนั้นเเหละการเรียนรู้ ถ้าผิดก็ลองใหม่

    ง่ายๆครับ พระพุทธเจ้าองค์เเรกไม่มีคนสอนเลยก็ลองผิดถูกจนสำเร็จ ดังนั้นเวลานี้สื่อความรู้มากพอเเล้ว นอกจากว่าทำยังไงก็ไม่เจริญหรือดีขึ้นเลย อันนี้ลองหากลุ่มตามสำนักต่างๆดู
     
  2. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    เชื่อแบบฟังหูไว้หู อาการประมานว่า มีคนบอกว่ากัญชาดูดแล้วเคลิ้ม เคลิ้มจริงไม่จริงไม่รู้ ต้องลองดูดเอง พอดูดแล้วติดใจ แต่ทางสังคมคือ กัญชาคือยา ให้โทษ มันจะติดยา ก็เหมือนสมาธินั่นแหละคนทั่วไป นั่งมาก นิมิตรเยอะ เป็นบ้า พึ่งลองอะไรใหม่ๆพอรู้ตัวว่าจะถลำลึกจะเริ่มติด กลัวจะให้โทษ เลยหาวิธีเสพที่ถูกต้อง จะได้ไม่ให้โทษ
     
  3. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    สาบานเลย อภินิหารนี่ติดมาตั้งเด็กแล้วครับ อภินิหารมายังไง รู้อนาคตคนอื่น แบบสัมผัสที่6ทั่วไปนั่นแหละ แต่จะมีกรรมตัวนึงคือสมาธิสั้นยิ่งโตยิ่งสั้นครับ จนอาการสุดท้าย ซึมเศร้าครับ ซึมแบบเป็นเวลา บ่าย4ถึงสองทุ่ม เป็นแบบไม่มีสาเหตุ อยากตาย จนที่บ้านต้องพาหาจิตเวช ทางแพทย์คือสมาธิสั้นแต่แพทย์ระบุว่าซึมเศร้าแบบแปลกมากไม่เคยเจอ ซึมเป็นเวลา หมอเลยใช้อาการผมเป็นกรณีศึกษาทางจิตเวชทันทีครับ โดนยาแต่ล่ะตัวนี่เจียนตาย แม่ผมเป็นคนพุทธ ที่รักการทำบุญอะไรที่ให้ผมอยู่รอด แม่ทำหมด สุดท้าย แม่ยกไปเป็นลูกพระ

    ส่วนตัวผมก่อนหน้าจะสมาธิ สวดมนต์เข้าหาวัด ก็คนทั่วไป ตอนวัยรุ่นชอบลองของตำหนักไหนดีเฮี้ยน ผมไป ไม่ได้ดูนะ ไปด่านี่แหละ ไป10ที่ แท้มีที่เดียวครับ แต่ท่านไม่ดูให้ ท่านบอกแค่ว่าไม่เชื่อก็อย่ามาตรงนี้ มีของติดตัวใช้ให้เป็น บอกตรงๆครับช่วงนั้นรู้สึกว่าตัวเองโครตวิเศษเลย แบบกูรู้อนาคตคนอื่นกูทำนั่นนี่ได้ กูอยู่เหนือกว่าคนอื่น บุญไม่ทำ บาปไม่สร้าง ผมรักษาศีล5ครับ กินเหล้าไม่ได้ครับ กินแล้วหามเข้าโรงบาลเลย ยุงไม่ตบกัดก็แค่ปัด สุดท้าย สิ่งที่ผมคิดว่าวิเศษมันหายไปครับ กว่าผมจะรู้ตัวว่าผมก็แค่เศษฝุ่นไม่ใช่วิเศษก็ตอนที่น้ำตาแม่ไหลนั่นแหละครับ แม่ขอว่าถ้าหาหมอไม่หาย อย่าพึ่งไปไหนนะ อยู่กับแม่ก่อน แม่จะหาทางให้หาย แม่พาผมไปหาคนนึงครับ บอกเลยตอนนั้นผมไม่เชื่อ ไม่เชื่อเรื่องดวง ดูดาว สิ่งวิเศษที่ผมได้มาจิตวิทยาล้วนๆตอนนั้นนะ คนนั้นบอกแค่ว่า สวดมนต์นั่งสมาธิ ตอนนั้นบอกเลยว่าชีวิตผมเหมือนโดนกระทืบ เฮือกสุดท้ายที่ผมทำคือสิ่งที่ผมหนี ผมโดนคำนี้มาตลอดชีวิต นั่งสมาธินั่นเองครับ ทำแบบอารมณ์ที่ สัมผัสที่6ที่ได้มา วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา ของกูล้วนๆ บาป บุญ เชื่อ ครับ พระพุทธเจ้าเชื่อครับ แต่ให้ทำไหม ไม่ครับ วันที่ผมเริ่มนั่งครั้งแรก เข้าไปในวัดป่าเชิงเลนครับ ไปขอพระประธาน ผมขอว่า ขอบารมีท่าน ช่วยหนุนตัวผมให้ผมรู้ถึงสัจจะธรรมของชีวิต สิ่งไหนที่โดนลิขิตผมขอยอมรับและผมจะทำตาม สิ่งไหนที่เป็นกรรมผมจะยอมรับเพราะคือการกระทำผม สิ่งไหนที่เป็นบาป บุญ บารมี ของผม ผมจะชดใช้บาป บุญ บารมีผมจะสานต่อ ครูบาอาจารญ์ เทพ เทวา ที่เคยทำบุญร่วมกัน ขอให้มาสอนผมด้วยเถิด ผมขอตั้งสัจจะว่าผมจะทำแบบนี้ตลอดไป

    หลังจากที่ผมนั่ง นิมิตรแปลกมีครับ แต่ไม่เชื่อ ไม่อ่านก่อนนั่ง ไม่ศึกษาว่ามีสายไหนบ้าง เห็นแสงไม่สนใจ แสงจ้า เอาผ้าห่มมาคลุม รำคาญครับ ถามว่านั่งทำไม สัจจะไงครับ อาการที่มีหายไหม หายครับ ค่อยๆหาย เวลานั่งเป็นยังไง ช่วงแรก ท่องพุทโธ 1 2 3 ตั้งเป้าหมายวันล่ะ100 ถ้าเกินนั่งไปได้เรื่อยๆจนเมื่อย นับได้ประมาน5วัน หลับตาจิตไม่ส่าย นั่งแบบหลังตาแต่ไม่หลับนะ นั่งเรื่อยๆไม่เมื่อย ไปหาข้อมูลในส่วนที่อยากรู้ไม่ลามไปเรื่่องอื่น เจอ กสินไฟ แสงสว่าง ป๊าด โครตเท่ มีตาปิ๊งๆด้วย นั่นแหละครับทำได้วันเดียว เพราะ เห็นนิมิตรครับ หลวงปู่โต บอกว่านั่งเฉยๆไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มันจะมีเดี๋ยวมันก็มา ลืมตามา กูฝันๆ เพ่งอีกกสินแสงสว่าง ไม่สำเร็จครับ ไม่มีสมาธิ กลับมาอยู่กับลมหายใจ นั่งแบบหน้าโง่ๆนั่นแหละครับ เจอแสง น้ำตาไหล วิทยาศาสตร์ นั่งไปตามันปรับสภาพครับเจอแสงจ้าน้ำตาไหลของธรรมดา ขนลุก เหมือนมีมดไต่ อยากไต่เอาเลย กลัวไปปัดเดี๋ยวมันตาย ฆ่าสัตว์อีก เห็นภาพ โล่งสบาย ก็จิตมันคิดเอง นั่งแบบนี้แหละครับ นั่งแบบหน้าโง่ๆนี่แหละ ล่าสุดมาแปลกครับ วูบดับๆ สว่างจ้า และสุดท้าย อารมณ์ตราตรึงจนถึงวันนี้ เห็นเป็นศพ ศพไหม้เกรียมเลย จิตคิด สัตว์ คน ดวงวิญญานเท่ากันหมดต่างกันแค่สังขาร สิ่งที่อยากได้ ของวิเศษต่างๆทำอะไรไม่ได้เลย ของวิเศษมันอยู่ตรงนี้ ดวงวิญญานกลมๆนี่แหละ ไม่เอาแล้ว ของวิเศษแบบนั้น คิดปุ๊บจิตปิ๊งเลยครับ แสงสว่างจ้าแบบไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำตาไหลไม่ใช่ดีใจ น้ำตาไหล คือมันมีแค่จริงๆว่ะ หลังจากนั้นนิมิตรที่สองใหญ่กว่านิมิตรนี้นิดนึงเป็นนิมิตรที่ผม มาตั้งกระทู้ ในหัวกูบ้าหรือกูสัมผัสพระธรรม กูนั่งเยอะรึป่าว อาการที่ว่าหรือกูบ้า นิมิตรเปลี่ยนชีวิตเปนแบบนี้ครับ สว่างจ้า จิตปล่อยผ่านไม่ยึดติด แต่อารมณ์มันไม่ให้ผ่านอ่ะดิ มันซู่ไปยันหัว ยิบๆ อธิบายไม่ถูกเลย มันโล่งจริงๆ ลอยกลางอากาศเลย แล้วมันก็ดับมืดลงไป ลืมตา ไม่โกรธ ไม่อยากได้ เฉยๆนิ่งๆ แต่ก็อารมณ์ดีปกติ จนตอนนี้ก็เป็นอยู่นะ แต่ไม่ได้แบบกูบรรลุเว้ย บรรลุของผมคือ ไม่เครียด มีอะไรมากระทบไม่รู้สึก มองโลกในแง่ดี เข้าใจสัจธรรม มีเกิด มีดับ ของธรรมดา โกรธ ความอยากได้ รู้ว่ากำลังขึ้นเป่าปู๊ดหายเลยครับ สำหรับผมแค่บรรลุแล้ว ไม่ต้องไปขั้นไหนครับแค่นี้พอแล้ว ตาวิเศษ หูวิเศษ พอเลยครับ เราแยกทางกัน ขอบคุณที่อ่านจบครับ

    นั่งแล้วทำให้ตัวเองดี รักษาศีล ไม่ไปด่าพ่อล่อแม่ใคร นินทาว่ากล่าว เกรงกลัวต่อบาป ต่อให้จะเป็น วิปัสสนู วิปัสสนึก แล้วมีผลดีต่อคนอื่นไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น สัตว์โลก ก็ดีนะครับ ส่วนนิมิตรครั้งสุดท้ายที่เล่าพึ่งเกิดหลังจากตั้งกระทู้ได้วันเดียวครับ อ่านที่คนในกระทู้มาแนะนำก็ขอบคุณและน่ารักมากๆเลยครับ ส่วนตัวผมจะทำยังไงต่อไป ผมคิดออกแล้วครับ นั่งไปเรื่อยๆไม่รู้อยู่ระดับไหนอ่ะดีแล้ว แต่ขออย่างเดียวเวลาผมจะตาย ขอให้ผมตายแบบมีสติผมจะได้เข้าสมาธิตายได้ระดับไหนผมไม่รู้ ผมขอแค่นี้พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2018
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ดีแล้วละครับ
    อนุโมทนาด้วยที่ค้นพบหนทางในเบื้องต้นได้
    บทต่อไปคือ
    สัพเพ สังขารา อนิจจา
    สัพเพ ธัมมา อนัตตา
    สัพพะ ธัมเม นาลัง อภินิเว สายะ
    ขอให้โชคดี
     
  5. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณนะครับ
     
  6. รัศมีสุริยา

    รัศมีสุริยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +53
    น่าจะลองฝึกอาโลกสิณครับ ดูแล้วท่านน่าจะมีวาสนามาทางนี้จะได้ความรู้เก่าและไปต่อได้ง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2018
  7. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    หัดนั่งสมาธิอยู่ค่ะ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นของน้องเจ้าของกระทู้
    ไม่ถนัดจับลมหายใจ เพราะอึดอัด ไม่ชอบภาวนา เลย
    นั่งแบบเอาสติไว้ที่กาย แทนจนเป็นสมาธิ ... ระหว่างนั่ง
    ถ้าสติดี เห็นอาการง่วงซึมแทรกเข้ามา เนื้อสมาธิ (เรียก
    ไม่ถูก) จะสว่างขึ้น ๆ ยื้อกันไปกันมา ระหว่างเคลิ้มและ
    สว่าง แต่หลังๆ เริ่มจับทางได้

    อยากทราบว่า การนั่งแบบเอาสติไว้ที่กาย สุดท้ายแล้ว
    จะสามารถเป็นไปตามขั้นตอนที่คุณ nopphakan กล่าว
    ไว้ได้ไหม ขอบคุณค่ะ

    ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยนะคะ
    นอกจากจะเอาสติจับไว้ที่กายแล้ว บางครั้ง ก็ยังเอาสติไว้
    ที่ตาในด้วยค่ะ คือนั่งหลับตานอก ตาลืมตาใน มองแบบ
    ไม่เพ่ง มองแบบสบายๆ จิตก็เป็นสมาธิเหมือนกัน และ
    มีอาการเหมือนกัน คือเมื่อมีอาการง่วงแทรกเข้ามา สมาธิ
    ก็จะสว่างขึ้นๆ เหมือนกัน เกิดภาพเหมือนฝันเพราะเคลิ้มๆ
    แต่ไม่ใส่ใจ บอกตัวเองว่า มันไม่จริง ก็ทำสมาธิต่อ ยื้อไป
    ยื้อมา ระหว่างอาการเคลิ้มและสมาธิเหมือนกัน

    การนั่งแบบหลับตานอก ลืมตาใน ไม่กำหนดคำบริกรรม
    ไม่สนใจในลมหายใจ สุดท้ายแล้ว สามารถเป็นไปตาม
    ขั้นตอนที่คุณ nopphakan กล่าว ไว้ได้หรือไม่ค่ะ

    หรือควรเปลี่ยน การกำหนดใหม่ดีคะ ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2018
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ท่าน Ukie ลองเอาจริงสักทางครับ
    ผสมไปมา จะวนเวียน ไม่ไปไหน
    ที่สอนให้จับลม อาจเพราะเวลานั่ง เราจะสามารถจับสิ่งที่เคลื่อนไหวมากที่สุดได้ ที่ลมหายใจ
    เวลาสติจับไปที่กาย ตำราบอกว่า สติปัฏฐาน 4
    หรือไม่ก็ฝึก กสิณสีขาว เพื่อ ทิพย์จักษุ ไปเลย
    ท่านอย่าเพิ่งเอามาผสมกันครับ แยกฝึกก่อน
    เวลานั่งสมาธิ ก็จับลม ไม่ต้องภาวนาก็ได้ มีหลายวิธี ทั้งแบบ ตามรู้ลม รู้ฐานเดียว รู้หลายฐาน
    หายใจยาวอึดอัด ก็หายใจสั้นเอา

    เวลาที่เอาสติรู้กาย ก็ใช้ในชีวิตประจำวัน ลองอ่าน สติปัฏฐาน 4 ครับ มีบางส่วนที่คล้ายกับท่าน
     
  9. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594

    นั่นสิค่ะ คงต้องเลือกซักทาง สงสัยจะลังเล เดี๋ยวจะลอง
    ไปปรับดูนะคะ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    วิธีที่ทำมันจะเน้นไปสร้างกำลังสติทางธรรมครับ

    ปกติเราจะะใช้ร่วมกับกรณีระลึกรู้ลม
    หายใจที่ปลายจมูก แล้วไปต่อไม่ได้
    เพราะมีความคิดผุด หรือไม่สงบครับ

    แต่มันจะตันที่ปฐมฌานครับ
    แสงที่คุณพบ สังเกตุแม้สว่างมากๆ
    แต่มันจะไม่เย็นครับ แม้จะเหมือนคิดได้แสงก็ยังอยู่ และสังเกตุได้
    ต้นกำเนิดแสงมันมีการเปลี่ยนต่ำแหน่งได้
    และจิตเราช่วงนั้นมันทำงานได้แบบมีแสงนำ
    เลยเห็นแบบนี้. ที่นี้พอเราแป๊กที่สภาวะนี้
    นานขึ้น จิตมันก็เลยตกมาอุปจารสมาธิ
    คุณก็เลยจะเห็นเป็นภาพต่างๆได้
    ถ้ามีสีด้วย แสดงว่า จิตทำงานได้ทั้งมีแสงและเส้นสายนำครับ. สังเกตุได้มันจะวนเวียน
    แค่นี้ แต่ดีที่ไม่ต้องสนใจภาพและแสงสีครับ

    ถ้าจะไปต่อ อย่าไประลึกไว้ที่ต่ำแหน่งอื่นๆ
    ในกายเพราะต่อ
    มันจะทำให้เราตึงหรือปวดได้
    ให้ระลึกรู้ลมเข้าออกหยุดที่ปลายจมูกพอ
    ไม่ต้องใช้คำภาวนาใดๆ หรือใช้ก็ได้ไม่เกี่ยวกัน


    กรณีคุณ ๑สามารถลืมตาฝึกได้
    ถ้าไม่สนใจแสง แล้วเฉยๆ
    มันจะข้ามไปอรูปได้ แสงจะค่อยๆ
    สว่างกลับมา ไม่ใช่แบบรู้ตัวก็สว่างเลย
    ๒ ระลึกรู้ลมไปเรื่อยๆ จนจิตทิ้งกาย

    เลือกเอาแล้วมาถามต่อถ้าทำได้แล้วครับ
     
  11. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59

    ลองเอาเทคนิคผมไปใช้ก็ได้ครับ
    1 อย่าอ่านเยอะ ศึกษาเยอะจะเหมือนดาบสองคม เหมือนทำจมูกอ่ะครับ ไปเฝ้าถามว่าเจ็บไหม ดูวิธีทำเยอะๆ จิตตกหมดครับ รู้แค่ว่าทำแบบไหน แล้วได้ผลแบบไหนแค่นี้พอ ขั้นตอนอาการอย่างนี้อย่าพึ่งไปสนใจ

    2 การข้ามปิติเทคนิคผม ปิติที่เราเจอรูปแบบไหน ถ้าสว่าง เปิดไฟนั่งสมาธิเลยครับถ้าปิติมาจริงๆจะได้ไม่ติดตรงนี้ ไฟกับปิติ ปิติมาจริงๆคิดว่าไฟ ถ้าปิติไม่เป็นแสงสว่าง เป็นสีอื่นบ้าง สีที่เราเห็นพิจารณาเอาเลย คิดว่าปิตินี้อยู่ได้ไม่นานหรอก มีเกิด เดี๋ยวมันก็ดับครับ คิดซะว่าเป็นของธรรมดา เหมือนรถจะออกต้องบีบแตรสามทีครับ เป็นธรรมเนียม ถ้าปิติ ขนลุก มีอะไรไต่ น้ำตาไหล ไต่ๆทั้งหลาย คิดซะว่าอย่าเอามือไปป้ายนะ ถ้าเป็นแมลงจริงๆ ทำบาปตอนนั่งสมาธินะ เวลาที่ผมโดนปิติที่มีอะไรไต่ ยุงจริงๆกัดบ้าง ผมจะคิดในใจครับ เอาให้พอนะ ถือเธอเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา กินเลือดเสร็จทำเราคันเธอก็ไปนะ

    3 อาการเหมือนง่วง ผมเจอมาแบบเข้าเกียเลยครับ วูบง่วง แสงจ้า บางทีมีภาพด้วย คิดซะว่าฝัน ผมเลยเปลี่ยนอาการแบบนี้เป็นโอกาสดีๆครับ คือรู้ทัน รู้ยังไง พอจะง่วง จิตไปจับที่ความไม่เที่ยงครับ นี่แหละง่วง นี่แหละมนุษย์ ง่วง ตื่น ตั้งสติ วนอยู่แบบนี้ คือ ชีวิตประจำวันของมนุษย์ ตื่นนอน ดิ้นรนทำมาหากิน เวลาเราทำงานเราต้องมีสติคือคิด คำนวน พอผ่านช่วงเวลานี้แล้ว คือช่วงเวลาของการพักผ่อน วนอยู่แบบนี้สัจธรรมของการเกิดเป็นมนุษย์ สุดแสนน่าเบื่อ ถ้ามีอาการแบบนี้ลองคิดแบบนี้ดูครับ ใครว่าจะปัสนึกก็ตาม แต่สำหรับผมถ้าให้เราเป็นคนดีขึ้นทำไปเคอะครับ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ปิติ เนี่ยะ เวลา นักปฏิบัติ เขากล่าวกันว่า " ให้เฉยๆ "
    ไม่ได้ให้ไปทำการ "เพิก" ออก ละออก สลัดออก
    แล้วก็ จมเฉย

    ปิติ เนี่ยะ เวลา ปฏิบัติ ให้เฉยๆ คือ " สั่นสู้ " ให้วางจิต รับรู้
    แล้ว แผ่มันให้ทั่วกาย ไม่มีส่วนไหน ไม่ปรากฏ ปิติ ที่กำลังรับรู้
    เพียงแต่ อย่าไป ทึกทักว่า " เอ้ย บรรลุ เอ้ย ทะลุ เอ้ย สุดยอดๆ "

    เหมือน คนเดินบน " ราวไม้ไผ่ " ไม้ไผ่มันสั่น อย่าไป ไล่อุปทาน
    จนตกใจ หรือ สำคัญว่า เก่งเว้ยเฮ้ย ที่ ไม่ไผ่สั่นได้ ยืนได้ เดินได้

    ให้รับรู้ การสั่นเป็นเรื่องปรกติ แล้ว สั่นสู้ไปเลย เดินแล้วไม่ไผ่ไม่สั่น
    ก็สั่นมันเอง โน้มเอง ให้ไม้ไผ่มันสั่นไปหมด แต่ ไม่ตก เดินไปเรื่อยๆ
    ไม่รีบร้อน ฮานาก้า บรรลุธรรมแล้วโว้ย ( หรือ จะเกิด นิมิต อื่นใด ก็ไม่ต้อง
    ไปรีบร้อน ฮานาก้า ) หากทำอะไรได้ ก็ ทำซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่มุ่ง
    เอาความชำนาญจากการทำซ้ำได้ แต่ให้เห็นว่า " มันไม่เที่ยง "

    เกิดเพราะเหตุ ดับเพราะเหตุ ใจ มันจะ รำงับ สั่นแต่ข้าม ข้ามไปไหน

    ข้ามจากปิติ จะต้องเกิดสุข ถ้า ปิติดับ สุขก็ต้องดับ ดังนั้น ข้ามไปสุข
    ปิติ จะต้องมี ต้องเกิด เพียงแต่ ไม่ฉูดฉาด อู้ฮู อ้าฮา ฮานาก้า

    สุขเกิด อุเบกขาต้องเกิด ไม่ใช่ อุเบกขาเกิด สุขหายจ้อย ไป เฉยโง่
    เพราะ เพิก ปิติ เพิก สุข ทิ้ง เพราะ เขาสอนว่า ให้ " เฉยๆ "

    เฉยๆ คือ ทำใจร่มๆ เห็นความเกิด ความดับ เป็นธรรมดา ปิติ สุข อุเบกขา อยู่ครบ

    เพียงแต่ ใจถูกอบรมให้เห็น นิรามิส ปัสสัทธิ เดินเข้า โพชฌงค์ 7

    ไม่ใช่ เพิกปิติ ถอยกลับไป วิตก วิจาร หมอนมา นอนไป จบกัน
     
  13. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ใช่ครับ เจอปิติก็เหมือนพริตตี้สาวสวยแจกน้ำอยู่ร้านข้าวครับ หน้าลิ้มลองเคลิ้มๆ ถ้าไปติดนานเสียเวลาครับ รีบกินให้อิ่มแล้วกลับบ้านนอนดีกว่าครับ

    ปิติกับพริตตี้นี่เหมือนกันนะครับ พอหมดเวลาก็หายไปไม่ยั่งยืน สบายตาจริงครับแต่หลอกลวง เนอะพี่เนอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2018
  14. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ดีมากเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...