สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ผมอยากฝึกกสิณคับรบกวนคุณนพช่วยแนะนำหน่อยน๊าาคับ

 

ถึง คุณนพครับ
ผมได้ย้อนอ่านข้อความการตอบไขปัญหาทางธรรมมาซักระยะ
ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนากับเจตนากุศลของจิตที่ให้โดยปราศจากเงื่อนไขจริงๆ
เพราะจากภาษา ที่สื่อลงข้อความทุกอักษรสามารถบอกถึงระดับภูมิธรรมกับ
สติปัญญาของคนๆนั้นได้(ไม่ต้องโปรโมท)

ผมได้เริ่มเข้าเส้นทางสายนี้ตั้งแต่ปี2010(จำจากวันเริ่มสมัครเวปพอดี)ตลอด7-8 ปี
ปฏิบัติแบบลุ่มๆดอนๆ เริ่มมาจริงจัง3ปีมานี่เองครับ โดยใช้แนวอัตตาหิปฏิปทา(ตามพอใจตน)
คือแนวไหนใครพาไปก็ไป ใครว่าดีก็เอา สำนักไหนดังก็ตามเทรนด์จะได้ไม่ตกยุค
สุดท้ายก็สำเร็จสิครับ คิดว่าตัวเองสำเร็จบรรลุธรรมขั้นสูงได้ แค่จากการนั่งได้นาน(เกินชม.)
นิ่ง สงบ ปิติสุข ระงับนิวรณ์ได้หมด ไม่ปวด ไม่ทรมาน เห็นแสงนั่นนิมิตนี่ เข้าใจตัวเองว่าตัดกิเลสได้แล้ว

ขอบพระคุณคุณนพครับเพราะคำตอบของปัญหาการปฏิบัติที่ผมกำลังติดขัดอยู่ในกระทู้นี้
ทั้งหมดแล้วครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

เคยได้ลองอ่านที่ส่วนตัวแนะนำเรื่อง
การปรับระบบหายใจไหมครับ
สรุปอีกครั้ง ในเวลาปกติหรือทำสมาธิ
ให้ระลึกทำความรู้สึกว่า มีลมเข้าหยุดที่ปลายจมูก
และลมหายใจออกหยุดที่ปลายจมูกด้านใน
และดันลมหายใจเข้าให้ลึกถึงท้องพูดง่ายๆท้องพอง
และหายใจออกให้ท้องแฟ๊บ
และจะย้ำว่า ห้ามไปตามลมหายใจเป็นอันขาด
ห้ามคืออย่าทำ เพราะจะแป๊กที่ระดับเบื้องต้นไปต่อไม่ได้

ส่วนตาปกติ ถ้านั่งสมาธิให้โน้มลงมามองที่ลิ้นปี่
เพื่อตัดระบบการที่จิตจะไปดึงความคิดจากสมอง....

พื้นฐานตรงนี้สำคัญมากๆครับ
ทำจนกระทั่ง มันเป็นระบบหายใจปกติในชีวิตประจำวันของเรา
ให้มันเข้ามาแทนระบบหายใจปกติของร่างกาย
ที่หยุดแค่เพียงหน้าอก เต็มที่ก็เลยลิ้นปี่ไปหน่อย
ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการรองรับ ระดับ
ผลสำเร็จของกรรมฐานทุกๆกองครับ
พูดง่ายๆ ถ้าตะบี้ตะบันไปฝึกโดยที่ฐานยังไม่พร้อม
มันเสียเวลาเฉยๆนั่นหละครับ..

ให้เวลาตรงนี้ซักสองเดือนครับ
ให้ร่างกายมันได้ปรับตรงนี้
จนกลายเป็นเรื่องปกติของมันเองครับ

๒ สัปดาห์แรกฝืนๆเอา
บางทีก็เอามือวางไว้ที่ท้องเพื่อดูตอนหายใจเข้าออก
หรือเอานิ้วไว้ที่ปลายจมูก เพื่อดูการระลึกรู้ลมเข้าและออก...

ปล.สังเกตุนะครับ ไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีคำภาวนาอะไร
ไอ้ที่เห็นลมหายใจเป็นเส้นได้ เห็นจนใส เห็นแสงสีเสียง
มันเป็นเพียงแค่ผลของ ระบบการหายใจแบบที่บอก
ทำได้แล้ว อยากจะรู้ว่า คำภาวนานั้นส่งผลอย่างไร
ก็ได้จะเป็นเรื่องง่ายๆ ประมาณนี้ครับ....

 

ขอบคุณมากครับจะพยายามฝึกครับ

 

ขอเข้ามาโม้ครับ อยากโม้มาก ได้เจออาจารย์นพ ได้ไปกราบพระครูปลัดจิตไวแถวๆภาคอีสาน. สรุปว่าเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ได้อาจารย์นพสอนเรื่องทางธรรม กสิณ จัดกระดูกกล้ามเนื้อ อธิบายเรื่องภพภูมิ การอธิบายธรรมเปรียบเทียบได้ยอดเยี่ยมมากครับ ผมและแฟนกราบขอบคุณพี่นพมาก ประทับใจมาก พอและขอโม้แค่ 10% อีก 90% เก็บเอาไว้ให้สมาชิกท่านอื่นอิจฉาเล่นๆ555555555

ปล.รอบหน้าขออนุญาตเชิญอาจารย์มาใหม่ ถ้าอาจารย์ว่างๆนะครับ ผมจะวิริยะ และทำตามคำเตือนข้อต่างๆที่พี่เคยสอนเอาไว้ครับ

 

มาโม้แค่นี้ไม่ดีนะ จะให้ดีต่ออีกหน่อยซิ 5555

 

ท่านเมตตามาก มีความเฮฮาอารมณ์ดี ท่านทราบว่าภูมิธรรมเราน้อย ท่านก็อธิบายเปรียบเปรยได้เข้าใจง่ายขึ้น ส่วนเรื่องพิเศษนี้ต้องเจอด้วยตนเองครับ คุ้มค่ามาก ได้ทำบุญที่วัด ได้เจอเกจิอาจารย์ เจอพี่นพ ....ภารกิจท่านเยอะมากครับ โอกาสได่เจอตัวมีน้อยมากๆ ถือว่าโชคดีมากๆ

ปล.แม้ผมจะวิริยะฝึกกสิณมาเกือบสองปีแล้ว แต่ตัวเองยังอ่อนหัดนัก ต้องวิริยะ ไม่หลงตัวเอง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ กิเลสต้องลดลง เฮ้ออออ เตือนตัวเองครับ สุดท้ายดูคำเตือนและเทคนิคที่พี่เขาสอนไว้ครับ

 

จัดกระดูกกล้ามเนื้อเป็นอย่างไรหรือครับผมสนใจถ้าร่างกายไม่ตรง ไม่สมดุลช่วยได้หรือเปล่าครับ

 

ปกติแล้วร่างกายเราบริเวณกระดูกสันหลัง
มันก็สามารถที่จะผิดได้รูปเป็นเรื่องปกติ
ตามลักษณะรูปแบบการใช้ชีวิตของเราครับ...
ยกเว้นว่าเป็นมาตั้งแต่กำเนิด นั่นอีกกรณีหนึ่ง
ส่วนตัวก็เคยเป็น เพราะเล่นกีฬามา และใช้หลังมากไป
ทำให้กระดูกเหนือก้นกบมันนูนออกมาซึ่งมัน
ก็จะส่งผลเกิดการไปทับเส้นเลือดที่จะไหลลงไปที่ขา
หากไปปล่อยไว้ ก็จะทำให้ขาไม่เท่ากันได้
อาการเบื้องต้นคือเวลานอนราบ จะสามารถเอา
มือลอดผ่านหลังได้เลย และจะเริ่มมีความรู้สึกว่า
ขาทั้งสองข้างมีแรงไม่เท่ากัน รับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน
ประมาณนี้ เล่าให้ฟังเป็นตัวอย่าง

โดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่เคยได้ผ่าตัด ใส่เหล็กมาแล้ว
การรักษาจะหายได้ไม่ยาก...แต่มีข้อแม้อีกอย่างว่า
ต้องไม่มีกระดูกที่งอก(เคยได้ยินไหม กระดูกงอก หรือกระดูกเกิน)มาเพิ่มตามแนวกระดูกสันหลัง
หรือกระดูกบริเวนก้นกบด้วยนะครับ...

เพราะพวกนี้ใช้เวลารักษาไม่กี่นาทีก็หายได้
ด้วยการดึงกระดูกสันหลังเราออกมา
แล้วก็ทำการจัดเรียงมันเข้าไปใหม่ครับ
ซึ่งจะสามารถป้องกัน อาการกระดูกทับเส้นได้ด้วย
และสำหรับในกรณีที่เป็นสุภาพสตรี
ก็จะป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ด้วย
(ที่เป็นมะเร็งเต้านมกันเพราะกระดูกสันหลัง
ช่วงที่ตรงกับหน้าอกมันคตนั่นหละครับ
ถ้าแนวกระดูกตรงนี้ไม่ตคแทบจะไม่มีโอกาสเป็นเลย
ตรงนี้ถือว่า ในวงเล็บที่เล่าให้ฟังนี้ถือว่า
ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ)

และพอจัดกระดูกตรงนี้ เข้าไป ผู้รักษาก็จะมาทำการ
จัดกระดูกตรงสบักหลังเราด้วย กระดูกตรงนี้
ถ้ามันเกิดผิดรูป มันจะส่งผลให้เราเหมือนคน
ที่มองดูแล้วเหมือนคนที่หลังโก่งนั่นหละครับ
เหตุเกิดได้ เพราะชอบเดินหลังโค้งๆกัน
ไม่ยอมแบบว่า อกฝายไหล่ผึ่งนั่นหละครับ เรื่องปกติ...
ซึ่งพอจัดตรงนี้ได้ ก็จะส่งผลให้ การปวดบริเวณ
ต้นคอ และหัวไหล่ ตลอดจนอาการศรีษะเอียง
อาการปวดด้านข้างศรีษะด้านเดียว พวกนี้ทุเลา
ลงจนกระทั่งหายไปได้....

แล้วเค้าก็จะมาทำการจัดเส้นต่างๆจากบริเวณก้นกบ
ที่มันไล่ลงมาเรื่อยๆ ตามขาของเราจนถึงเท้า
ที่มันแข็ง ผิดรูป เพราะเหตุจากกระดูกสังหลัง
ที่มันเคยเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือคตนั้น
มันกลับเข้าคืนสู่สภาพเดิมของมัน

พวกอาการขาชา ขาไม่มีแรงก็จะค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ
ได้ ถ้าเรารักษาบุคคลิกภาพ ระวังการใช้ชีวิตเราไม่ให้
มันเอื้อที่จะกลับไปเกิดอาการแบบเดิมได้
ภายในระยะเวลา ๒ เดือนก็จะสามารถเป็นปกติได้ของมันเอง
พวกนี้ ทางแพทย์แผนไทยเรา มีการเรียนและถ่ายทอดกัน
มานานแล้วครับ อยู่ในส่วนหนึ่งของสายแพทย์แผนไทยครับ

ซึ่งผู้ที่จะทำดังกล่าวได้ ก็จะเป็นผู้ที่ผ่านการศึกษาผ่านการ
เรียนรู้มา จนกระทั่งได้รับเหมือนใบปริญญาบัตรทั่วไปนี่หละครับ
ซึ่งเข้าใจว่า ที่ กทม. ก็มีนะครับ
หาร้านที่เขียนบอกว่า จัดกระดูก
โดยแพทย์แผนไทย คิดว่า ทุกท่านคนทำได้หมด
และที่มีชื่อ เสียงอีกท่าน คือ อ.เสน่ห์ ที่ จ.เลย
ที่มีข่าวว่า บังเอิญรักษาเด็กที่เป็นไบ้ตั้งแต่กำเนิด
แล้วพูดได้นั่นหละครับ.....
คือ ต้องเข้าใจว่า ถ้าว่ากันด้วยทางทฤษฎี
พูดตามหลักวิชาการ โดยนักวิชาการ
ก็คงจะได้คำตอบว่า เป็นไปไม่ได้

แต่ถ้าว่ากันด้วย เรื่องพลังงาน เรื่องของ
คนที่มีฐานมาจากการฝึกสมาธิมา
การสัมผัสนามธรรมต่างๆมา
เรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามา
เรื่องแบบนี้ ก็มีโอกาศเกิดขึ้นได้เสมอ...

เพราะแม้ว่า คุณจะอยู่ในเหตุการณ์
และเห็นกับตา ว่าท่านรักษาได้จริงๆ
แต่ถ้าเอาเชิงทฤษฏีมาอ้าง
เอาหลักศาสนามาอ้าง
ยังไงเค้าก็ปฏิเสธว่าไม่มี
และด้วยพื้นฐานที่ปฏิเสธ
หากแม้ว่า ตนเองจะไปรับการรักษา
ยังไงมันก็ย่อมไม่เกิดผล หรือเห็นผล
ได้ยากนั่นเองครับ....

ดังนั้น ตามความเห็น ให้เรารักษาตาม
วิชาแพทย์แผนไทยไปก่อน
ซึ่ง ใน Youtube ก็ยังมี ท่าจัดกระดูก
สิบท่า ที่พระอาจารย์ที่เป็นพระที่มีปัญหาอยู่
ท่านนำมาลง เราดูแต่ท่าทางที่ท่านสอนก็พอ
มันใช้ได้ผลจริงอยู่ครับ อย่าไปฟังเรื่องอื่นๆ....


ส่วนกรณีกองเชียร์เห้ย ! หน้าม้าข้าพเจ้า เห้ย !
ข้างบนที่พูดซะเหมือนหน้าม้านั้น ๕๕๕๕
เรื่องการจัดกระดูก หรือ ย้ายเส้นเอนนั้น
ใช้ฐานมาจาก พื้นฐานกำลังของกสิณ
ที่มันพัฒนาขึ้นมาได้เรื่อยๆ ตามวิถีการใช้งานครับ
คือ พอเราใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ
และเรามีเป้าหมายชัดเจนที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง
หรือเพื่อที่จะหวังอะไรก็ตามเพื่อสนองลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
ก็จะมีท่านๆแบบที่มองไม่เห็น มาคอยส่งเสริม คอยให้รู้วิธีการ
แต่นั่นหมายความว่า ตัวเราก็ต้องมีการพัฒนาพื้นฐาน
เพื่อรองรับ เทคนิคต่างๆเหล่านั้นด้วย..

ในบางเทคนิคนั้น กว่าที่ส่วนตัวจะรู้ได้
คือลองผิดลองถูก ใช้แล้วใช้อีก ทำโน้นนี่นั้นไป
ประมาณ ๗ ถึง ๘ เดือนนะครับ
กว่าท่าจะยอมบอกเทคนิคคอลเทอม
ให้ลองเปรียบเทียบความพยายามดูนะครับ
ว่ากว่าจะได้มา ส่วนตัวทำอะไรไปบ้าง
ใช้เวลาเท่าไร...

แล้วก็เอามาบอก มาเขียน มาพิมพ์ให้คนที่สนใจอ่าน
ภายในเวลาไม่ถึง ๕ นาที ...
พอจะเข้าในเรื่อง ของการพยายามทดลอง
พยายามเข้าถึง พยายามที่จะพิสูจน์ด้วยตนเองหรือยัง....

เทียบกับที่เคยแนะนำไปว่า ตรงนี้ห้ามสน
ตรงนี้ห้ามยุ่ง ตรงนี้ห้ามใส่ใจ
แต่ไม่กี่สัปดาห์ แล้วก็มาถามที่ห้ามอีกนั่นหละครับ ๕๕๕๕๕๕
แค่เล่าให้ฟัง ถามมาก็ตอบนั่นหละครับ
แต่ถ้าถามบ่อย ก็อาจจะต้องโดนบ้างเล็กน้อย
ถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับลักษณะที่ถาม
ควรเข้าใจประเด็นนี้ไว้ด้วยนะครับ ๕๕๕๕
แล้วจะมาหาว่า ดุไม่ได้นะ เพราะบอกแล้ว เตือนแล้ว ๕๕

ส่วนกรณีส่วนที่ข้าพเจ้าได้ทำนั้น
มันเป็นกรณีที่ได้ผลคล้ายๆใกล้เคียง
แบบที่เล่าให้ฟังข้างบน..เช่น พวกการย้าย
คล้ายๆเส้นเอนต่างๆ ตามแนวกระดูกสังหลัง
สบัก คอ ขา การคล้ายๆต่อกระดูก
การจัดกระดูก บางกรณีก็ต้องใช้เวลาหรือทำบ่อยๆ
หรือการปรับธาตุในส่วนของอวัยวะที่พร่อง.ฯลฯ
เพียงแต่ว่า มันไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวเท่านั่นเองครับ...
จะว่าไป ปลายทางเพื่อรักษา บรรเทา ทุเลาลง
เหมือนๆกัน แตกต่างที่วิธีการที่ใช้ในการรักษา
เพียงแค่เท่านั่นเองครับ ซึ่งเข้าใจว่า
มันไม่สามารถที่จะได้เรียนได้
จากตำราในโลกนี้ครับ....
และในอดีตก็เคยมีท่านที่เก่งๆ
ทำได้มากกว่าข้าพเจ้าเยอะ
เสียดายตอนนี้ดันไปเป็น ท่านผู้ยิ่งใหญ่ข้างล่างซะแล้ว..
ในอดีตก็มี อีกท่าน ที่ทางแพทย์แผนไทยให้ความ
เคารพนับถือ...ซึ่งส่วนตัวอาจจะ หรือ มโนก็ได้ว่า
บางส่วนหรือบางทริค อาจจะมีท่านเหล่านั้น
ในการส่งเสริมก็ได้ ส่วนนี้ถือว่าโม้นะครับ

มีอยู่ท่าน เคยนึกจะให้ท่านเป็นอาจารย์
เคยเนียนๆจะไปให้ครอบครูให้
แต่ทางนั้นเค้าบอกว่า ต้องเรียนจบหลักสูตร
หรือเฉพาะคนที่เรียนจบ ซึ่งต้องใช้เวลา ๓ ปี
แต่เหมือนๆคล้ายฝัน ว่าท่านแวะมาหาแล้วบอกว่า
'' อย่างเอ็งไปครอบครูแบบคนอื่นๆไม่ได้หรอก
เพราะเอ็งมันเป็นพวก(...................)มานี่
ข้าจะทำ(..................)ให้ ''
ส่วนนี้ก็โม้นะครับ ในวงเล็บน่าจะเติมคำว่า ตลก
และก็คงจะเป็นผลจากการกินกาแฟมากไป ๕๕๕

ปล. ถือว่า เล่านิทานให้ฟัง พูดไปโม้ไปบ้าง
ตามวิสัยชาวโลกธรรมดาคนหนึ่งนะครับ
ไม่มีอะไรครับ พอคลายหนาว(แทนที่จะร้อน
จะสงกรานต์อยู่หละ) ขำๆเน้อ

​

 

ไม่ผมไม่ถามนะ ผมเข้าใจแล้วล่ะ กำหนดจิตที่ปลายจมูกแล้วดันลมให้ลึกถึงท้อง

 

สวัสดีครับพี่นพ ผมขอคำแนะนำ เรื่องทุกข์ใจ ครับ การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก และ เรื่องอดีตที่ผิดพลาดไป มันวนกลับไปคิดมาทำร้ายตัวเราตลอดครับ ยอมรับความจริง การอยู่กับปัจจุบัน ขอคำแนะนำด้วยครับ

 

ความผลัดพรากจากสิ่งที่ตนรักเป็นความทุกข์ครับ
แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้ครับ
เหมือนผิวหนังวันหนึ่งมันต้องเหี่ยว
ฟันวันหนึ่งมันก็ร่วง ฯลฯ

เพราะแม้แต่ร่างกายเราเองนี้
วันหนึ่งมันก็จะต้องทิ้งจิตนี้ไปเช่นกัน

ดังนั้นเราควรเข้าใจธรรมชาติตรง
นี้เอาไว้ด้วย ว่ามันเรื่องธรรมดาของโลกครับ

ควรหันมาเตรียมความพร้อมของจิต
เรานี้เอาไว้ให้มันพร้อม ที่จะทิ้ง
หรือสละร่างกายนี้ไว้เสมอครับ

ไม่ควรระลึก นึก คิด เรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วให้อาลัย
ควรเปลี่ยนเรื่องหรือดับมันไปซะเพราะไม่มีประโยชน์อะไร
และไม่ควรกล่าวถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงให้ใจฟุ้งเฟ้อ
อยู่กับปัจจุบัน เป็นตัวเรา ทำตัวเราให้เสมือนเป็นพระ(ผู้สละ
หรือรู้จักเสียสละประโยนช์ตน เพื่อผู้อื่น)
ทำกายให้สงบๆเหมือนเป็นวัด

จะช่วยทำให้ใจเราผ่อนคลายอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
เข้าใจมัน ไปกับมันได้อย่างแยบยลเองครับ

 

ขอบคุณมากๆครับพี่นพ

 

ทุกคนต้องเจอปัญหาก่อนครับ
ณ เวลานั้น สติกับปัญญานี่หละครับ
ที่จะทำหน้าที่แทนความคิดของเรา
และอีกอย่าง มันก็จะได้เป็นตัวชี้วัด
ผลการปฏิบัติของเราได้ด้วยครับ...
คิดแบบฝรั่ง จบคือจบ
งานคืองาน ไม่หยุ่มหยิม
หรือเอาไปพูดต่อหลังจากเวลาจบงาน
หรือเรื่องนั้นๆแล้ว มองมันขั้นตอนในการทำงานพอ....

สังเกตุไหมฝรั่งถ้าได้ลองมานั่งสมาธิ
แล้วจะเข้าถึงระดับสูงได้ดี หรือไม่ก็มีกำลังจิตกันเยอะ
เพราะว่า วิธีคิดที่มา จากวัฒนธรรมเข้าด้วยส่วนหนึ่ง

เราสามารถนำมาปรับใช้ ในการดำรงชีวิตประจำวันได้
เลือกเอาแต่ส่วนที่เหมาะและดีก็พอ....

 

**นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ลึกๆ**
และเป็นวันแรกที่ผมเพิ่งทราบ...ทราบ
"ตัวตนที่แท้จริงของท่านอ.นพ"
ผมดีใจที่ขันเรียกท่านว่า "ท่านอาจารย์นพ"
ตั้งแต่ผมยังไม่ทราบอะไรมากมายในตัวท่านเลย
//คือผมรู้จากในใจลึกๆว่า...ท่านต้องมีอะไรดีๆ//


************************

ข้างบนที่ผมยกมาอ้างอิง
...ผมว่า "ไม่ต้องฟังหูไว้หูครับ"
*เป็นความจริงที่ท่านอ.นพว่าไว้ทุกประการ*

เพราะญาติสนิทใกล้ชิดของผมคนหนึ่ง
แกจะมีทรวดทรงแบบ"หลังแอ่นคดงอนิดๆ"
(ตามที่ท่านอ.นพว่าหน้าอกมันคดนั่นแหละ)
...ปรากฏว่าแกป่วยเป็นมะเร็งเต้านม
ผ่าตัดทิ้งไปแล้ว 10 กว่าปี
ปัจจุบันนี้ยังแข็งแรงเหมือนคนปกติ

ฉะนั่นตามที่ท่านอ.นพกล่าวไว้
สะท้อนให้รู้ว่า....
"สุภาพสตรีที่รู้สึกว่าตนเองหลังคดหลังแอ่น
*ทุกครั้งที่รู้ตัว*ก็สมควรปรับท่านั่งท่าเดินให้ตรงๆ

**Wow !! สุดยอดเลยท่านอาจารย์นพ**
---ขอคารวะด้วยใจจริง---

 

**************************
ผมว่าข้อมูล(วรรคทอง)ของท่านอาจารย์นพข้างบนนี้
สมควรช่วยกันเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์นะครับ
โดยส่งต่อๆกันทางไลน์ ,Facebook หรืออื่นๆ
"เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมของสตรีเพศ"

ขออนุโมทนาบุญกุศลในครั้งนี้ครับ สาธุๆๆ

 

ข้อมูลตรงนี้ ไม่ใช่แบบสากล..
ส่วนตัวไม่แน่ใจว่า แพทย์แผนไทย
มีสอนตรงนี้ หรือเตือนตรงนี้หรือไม่
คงไม่สามารถพิสูจน์เป็นสากลได้...
เด่วพูดว่า ได้ยินมาจากผู้มีประสบการณ์
เด่วก็มีคนถามว่าใครอีก...๕๕๕
หรือพอบอกว่า ไม่มีในตำราทางโลก
สอนกันในทางภพภูมิ เด่วก็โดนข้อหา
ยกตัวเองอีก ๕๕๕๕...

เอาเป็นว่า ถ้าไม่เชื่อ ก็ฟังไว้ก่อน
ไปจัดกระดูกหลังให้ตรงซะ
อย่างมาก ก็ ๕๐๐ ถึง ๘๐๐ บาท
(เพราะมันเป็นค่าวิชา เพราะเค้าต้องเรียน
ผ่านการอบรบมา เหมือนเราเรียนหลักสูตร
ในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน จำไม่ผิด
จบหลักสูตรเค้าเรียนกัน ๓ ปี
หลักสูตรจัดกระดูกก็ประมาณ ๖ เดือน
ดังนั้นเหมือนเป็น ค่าวิชาชีพเค้านั่นหละ)
ดีกว่าหมดเป็นแสนๆแล้วค่อยมาทำ
หรือเป็นแล้ว ถึงนึกได้ว่าจะต้องทำ...ประมาณนี้...
ปล.เรียกไว้ว่า กันไว้ดีกว่าแก้.....เนอะ...

 

อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะเข้าเกณฑ์เหมือนกัน ด้วยลักษณะงานที่ต้องนั่งก้มหลังประจำ มีสิทธิ์หลาย% น่าจะต้องไปจัดกระดูกบ้าง แต่ก็กลัว และ แต่ไม่กล้า 555 (ใจปลาซิว ) อยู่ ToT

ขอถามว่าภาพนี้คือเกร็ดพญานาคใช่ไหมคะ??

 

ในภาพตอบไม่ได้ ต้องไปดูที่
ลป. วัดพุทธบาทภูควายเงิน ท่านเก็บไว้
พอดี ไม่ค่อยสนใจแนวๆนี้เท่าไร...

 

ผมอยู่101 รบกวนคุณนพแนะนำ ที่จัดกระดูกหลังใกล้ๆแถบนี้ให้หน่อยครับ ...อีกอันหนึ่งพระอาจารย์จิตไว้ที่ว่ากันนี้คือ..พระอาจารย์ท่านใดครับ.......ขอบคุณครับ