จะแก้คุณไสยด้วยการปฏิบัติสมาธิได้อย่างไร

ดิฉันโดนคุณไสยเมื่อตอนช่วงเบญจเพศ พ.ศ. 2555 เพื่อนสมัยเรียนเป็นคนทำใส่ ที่รู้เพราะเจ็บปวดทีไรก็จะเห็นหน้าเพื่อนคนนี้ลอยมาตลอดเวลา
ก็เลยไปหาพระอาจารย์ที่เคารพ ท่านก็ดูทางในให้ปรากฏว่าดิฉันโดนคุณไสยจริง แต่ท่านไม่สามารถแก้ให้ได้ ท่านไม่มีวิชาไสยขาว ดิฉันก็เลยไปหาคนแก้เองตามสำนักร่างทรงและพระ ปรากฏว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้แก้คุณไสยให้ดิฉันเลย แต่ดิฉันกลับถูกทำให้เป็นหนักขึ้น เพื่อที่ดิฉันจะได้ไปหาบ่อยๆ เอาเงินไปให้เขาบ่อยๆ จนดิฉันตัดสินใจเลิกแก้คุณไสยทุกอย่าง แล้วหันมาสวดมนต์ และปฏิบัติสมาธิอย่างเดียวตอนช่วงพย. 2558 จนดิฉันเริ่มสังเกตตัวเองแล้วพบว่าคุณไสยจริงๆแล้วคือผีที่เขาปล่อยมาใส่ร่างกายดิฉัน ผีที่อยู่กับดิฉันมีกลิ่นหอมเอี้ยนๆเหมือนกลิ่นควันเทียน แล้วดิฉันก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนทำ เพราะรู้ในจิตได้ทันที แล้วดิฉันมองเห็นผีเป็นลักษณะกลุ่มพลังงาน
การที่ดิฉันสวดมนต์มันช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดทิ่มๆแทงๆทางร่างกายให้แผ่วเบาลงได้ แต่มันก็ไม่สามารถไล่คุณไสย คุณผีออกจากร่างกายได้
เพื่อนดิฉันบอกว่าดิฉันจะไม่มีทางหายเลยเพราะตราบใดที่คนทำคุณไสยยังคงทำของใส่ดิฉันๆก็ยังคงต้องมีอาการอยู่ดีมันจริงไหม
ถ้าดิฉันจะไปบวชอย่างจริงๆจังๆ เรียนสมาธิเอาให้ได้ระดับฌานจะพอขับไล่สิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายได้ไหมหรือยังไงก็ต้องไปหาครูบาอาจารย์ให้ช่วยอยู่ดี หรือไปฝึกมโนมยิทธิ ที่วัดท่าซุงจะดีไหม
ขอความกรุณาแนะนำวัดที่ปฏิบัติให้ดิฉันด้วย

 

จะแก้ ไม่ยาก

ยากตรงที่ ไม่ได้ต้องการจะแก้

แก้ยังไง......ไม่ต้องแก้

คือ เลิกเชื่อเรื่องคุณไสย ไปเลบ

รวมถึง เลิกเชื่อว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะไปแก้ ด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้น หากตั้งจิตเอาไว้ว่า ปฏิบัติธรรม
เพื่อแก้ อุปทานพามาปฏิบัติธรรม ก้คือ แก้ไม่ได้
เพราะ เหตุ ไม่ได้ละ

การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ของต่ำ มีไว้เพื่อแก้คุณไสย

การปฏิบัติธรรม เปนเรื่องขัดเกลากิเลส โลภ โกรธ หลง

คนโดนคุณไสย ชำระกิเลสได้เลย ไม่ต้องแก้
คุณไสย ปล่อยมันไปอย่างนั้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า

สมมติว่าไฟไหม้บนหัว แล้ว กำลังมีการแสดง
ธรรม อริยสัจจสี่

สิ่งที่ควรทำก่อนคือ ฟังธรรม สดับอริยสัจจสี่
ก่อน แล้วค่อยไปดับไฟบนหัว

ภิกษุรูปนึง ถูกเสือกัดกิน ท่านรีบภาวนาก่อน
ที่เสือจะกินทั้งตัว เสือกัดถึงเข่า ท่านตัด
สังโยชน์สาม เสือกินถึงท้องน้อยตัดสังโยชน์ห้า
พอกินถึงอก ก้สำเรจอรหันต์

ดังนั้น

อย่าวางจิตผิด

กิเลสใดเกิดก่อน ชำระกิเลสนั้นก่อน สดับอริยสัจจสี่
ก่อน แล้วค่อยดับไฟบนหัว

ถ้าไม่ตั้งจิตให้ได้แบบนี้ พอมาปฏิบัติธรรม
จะมาด้วยอาการ คนก่นด่าบริภาษธรรมไปเรื่อย

เพราะพอปฏิบัตินิดหน่อย ก้อุปทานไปว่าแก้ได้
เดี๋ยวก้เหนว่าไม่ได้ ไม่ได้ผล

มันจะได้ผลได้ยังไง

ธรรมะเขามีไว้แก้กิเลส ชำระความหลง ความเมา

 

พระโมคคัลลานะ ผู้เลิสทางฤทธิ์ โดน ผีเข้ามา
แฝงร่างกายได้ไหม

ในพระไตรปิฏก ก้จะกล่าวว่า ผีเข้ามาได้

ผีเข้าไปอยู่ในล้ำไส้ ทำสภาวะบิดไส้ เกิดเวทนา
กายแรงกล้า

พระโมคคัลลานะเข้าฌาณ ใช้ฤทธิ์แก้หรือไม่

ไม่ได้ใช้

ใช้แค่ ละกิเลส ประกาสความสิ้นอุปทาน

ผีมันก้ อ้าว! ต่อให้บิดไส้แหลกละเอียด
พระโมคคัลลานะ ยังไงก้สิ้นกิเลสอยู่ดี
ตนเสียแรงเปล่า ผีก้ฉลาด ไม่ได้โง่
ไม่รู้ว่าคนสิ้นอุปทานแล้ว มีผลเลอเลิสยังไง

 

ให้นั่งสมาธิ ก่อนนอน และ ตื่นนอนทุกวัน โดยนั่งนานไม่ต่ำกว่า 15 นาที
ขณะที่นั่งสมาธิ ให้บริกรรมคำว่า "นามะรูปัง อนิจจัง นามะรูปัง ทุกขัง นามะรูปัง อะนัตตา" ไปเรื่อยๆ เมื่อนั่งครบเวลา ขณะที่กำลังจะออกจากสมาธิ ให้อธิฐาน "ขอให้ได้พบ บุคคลที่มีสัมมาทิฐิ อันตรง เพื่อที่จะช่วยเหลือให้พ้นจากทุกข์ที่ประสบอยู่ด้วยเทอญ" แล้วจึงออกจากสมาธิ

อนึ่ง หากในขณะนั่งสมาธิ พบเห็นในนิมิต ไม่ต้องใส่ใจ ให้บริกรรม ตามคำที่ได้บอกไว้ จนกว่าภาพนิมิตนั้นจะหายไป

หากได้พบผู้ที่มีวาสนาที่จะช่วยเหลือแล้ว ยังไม่ควรปักใจเชื่อ ให้สังเกตุ ปฏิปทา ว่า เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ อันตรงหรือไม่ ใจเย็นๆ
หวังว่า คงจะพอที่จะบรรเทา ไปได้ และ จงมีสติ ให้ดี คุมให้ได้ เด้อ...

 

นึกประมานว่าพวกนี้มาจากภายนอก
เข้ามาควบคุมเราครับ
ฝึกเจริญสติให้ต่อเนื่องด้วยครับ
กำลังสมาธิถึงจะมีผลครับ
เราต้องเหนือกว่า เพื่อชนะมันครับ

การไม่คิดถึงได้
แค่นี้ก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ
แค่พูดง่ายแต่ทำยากครับ
แต่มีวิธีคือ



ด้วยถ้าสติเรามากพอ
ที่ได้จากการฝึก
เจริญสติในขีวิตประจำวัน
ที่จะควบคุมไม่ให้มี
ความคิด ไม่ให้ระลึกถึง ไม่ให้นึกถึงได้
ไม่ว่าเป็นเซียนคุณไสย์ระดับโลก
ก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ
พูดง่ายๆว่าจิตเราจะไม่มีตัวไปเชื่อม

เข้ามา ยกตัวอย่าง
คล้ายๆ มีผีมาดูเราเค้าก็พยายาม
ทำให้เรารู้สึกได้ สัมผัสได้
ถ้าเราเฉยๆได้ ก็ไม่มีอะไร
แม้ผีจะยังมีอยู่นั่นหละครับ
นึกภาพออกไหม

หรือมีคนด่าเราแต่เราเฉยๆนั้นหละครับ
ถ้าเผลอคิด เผลอระลึกคือมันเข้ามาในใจเราแล้วนั่นเองครับ

ตัวที่ทำให้เรา คลาย เราละ เราเฉยได้
ก็คือสติทางธรรม ที่ได้
จากการเจริญสตินั่นหละครับ

ช่องทางที่เค้าเข้ามาได้เพราะเราไปเผลอคิด
ระลึก นึกขึ้นมานั่นหละครับ

แต่หากเกิดเมื่อใดให้เรากำหนดอโหสิกรรม
ออกจากกลางลิ้นปี่เรา ๓ ถึง ๔ ครั้ง
ตามด้วยการอุทิศส่วนกุศลซ้ำลงไป
ทำบ่อยๆ ถ้าทำได้ประมาน ๒
เดือนจะหายก่อนครับ แต่จะมีมา
ตอดๆ แระไม่เกิน ๖ เดือนครับ
สัปดาห์แรกๆ
มันจะทำให้เราระลึกบ่อยๆ
เรื่องปกติ. เราก็ทำไปจนกระทั่ง
เรื่องนี่นี้มันหายไปจากโลกใบนี่ครับ

ตอนนั้นเราก็จะได้ทั้งสติ
และสมาธิไปในตัวครับ

 

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

หากโดนคุณไสยจริง ไม่ได้มานั่งพิมพ์นี้หรอกครับ

หากอยู่ใกล้ ที่นี่

รีบไปหา ไปเล่าเรียน ไปปฏิบัติธรรมครับ


วัดหนองไผ่เจริญธรรม อ.สามชุก จ. สุพรรณบุรี
หลวงพ่อสุวัฒน์ สุวัฒฑโน

 

นักฝึกสมาธิ นักปฏิบัติธรรม ที่ขาดการกำหนดรู้ ขาดสติ

เวลา ฝึกๆไป กระทบกระทั่งตามปกติ ตามผัสสะ
การฝึกสมาธิมันจะทำให้จิตมันไวขึ้น แม้ไวแค่หยาบๆ
หากขาดสติ ขาดการกำหนดรู้
จะออก อาการ คนนั้น คนนี้ ทำคุณไสยใส่
คนนู้นคนนี่ ส่งพลังใส่ บลาๆ จิปาถะ
พอออกมาพูด กลายเป็นพุดมุสาไปเรื่อย
ยิ่งมีคนเข้าใจผิดคิดเป็นตุเป็นตะตามนั้น
ผลกรรมก้จะสะท้อนแรงขึ้น เนื่องด้วยไปกล่าวตู่เขา
กรณีที่ผู้ต้องหาไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นผู้บริสุทธิ์

จึงเป็นเรื่องที่ต้องสำรวมระวัง

บางที่เห็นแล้วก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
บอกอ้อมๆบ้าง สะกิด ยกบทเทศน์บทธรรมพระให้ไปอ่านบ้าง
ก็ยังช่วยไม่ได้

บอกตรงๆ ก็จะเคียดแค้น กลายเป็นเข้าตัวผู้บอกไป

สุดท้ายก็ต้อง กัมมุนาไป

 

คุณว่าคุณไสยทำของใส่กันมีมั้ยครับ

 

มีครับ

เรื่องพวกนี้ สมัย บวช
ลองกันมาพอสมควรครับ

 

อ้อ เก็ทแล้วครับ

 

จขกท เป็นคนมีสัมผัสต่อนามธรรม
ภายนอกดีเป็นทุนเดิมครับ
แต่ภูมิต้านทานต่อ
พลังงานภายนอกเหล่านั้นไม่พอ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการควบคุม
ร่างกายตัวเองด้วยครับ
ในขณะที่สัมผัสกับสิ่งที่มาจาก
ภายนอกเหล่านั้นครับ

แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ปกติอยู่ครับ
โดยที่สิ่งที่มาจากภายนอกอาจ
มาจากมีบุคคลกระทำก็ได้
หรือเป็นวิบากเฉพาะตนก็ได้ครับ
หรือทั้งสองอย่างก็ได้ครับ

ปล พูดให้ฟังแบบกลางๆนะครับ
อย่างเราๆฝึกสมาธิมาบ้าง
และไม่ยึดเรื่องนามธรรมต่างๆ
เราจะไม่เจออย่าง จขกท ครับ

 

ไปหาหมอปลาคับ

 

หาวัตถุมงคลมาใช้ ป้องกัน ครับ

ผ้ายันต์เกราะเพชร น้ำมนต์พุทธคุณเสาร์ห้า ก็แก้ได้ละครับ

 

อ เจน ไหม หรือ กฏเเห่งกรรมไป ถ้าแก้ไม่ได้อีกเเล้ว

 

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง
ด้วยการเจริญสติให้ต่อเนื่อง
สร้างกำลังสมาธิสะสมร่วมด้วย
ควรมีสองสิ่งพร้อมกัน..
และก็อุทิศส่วนกุศลให้บ่อยๆ
ไม่ต้องสนใจว่าเค้าจะรับไม่รับ
เราอุทิศของเราไปเรื่อยๆครับ
เพื่อให้กระแสตรงนี้ซึ่งเป็นวิบาก
(วิบากคือจรเข้ามาเรื่อยๆ)มันค่อยคลายครับ
แต่ว่าต้องใช้เวลาหน่อย..

ถ้าการไปหาคนแก้หรือการใช้วัตถุมงคล
มันช่วยได้ ป่านนี้คงไม่มาตั้งกระทู้ถามแล้ว
เพราะกระแสภายนอกพวกนี้ จะมาขวาง
การเข้าถึงพระรัตนตรัยของเราได้ครับ
หากว่า เค้ายังมีกำลังมากกว่าเรา...
ดังนั้นมันจึงถือว่า เป็นวิบากหรือกระแส
ที่จรมาเฉพาะดวงจิตเราครับ...

ดังนั้น ไม่ต้องไปคิด ไประลึก นึกถึงมัน
แม้เห็นได้ตอนทำสมาธิก็ช่างมันหรือ
ไม่ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆก็ช่างหัวญาติมัน...
ทำตามที่แนะนำแล้วจะหายได้เอง
ด้วยตัวเราเองนี่หละครับ

ถ้าเราสร้างตัวเราเองให้มีภูมิคุ้มกันดีพอ
ไม่ว่ากระแสอะไรภายนอกก็มาทำอะไร
เราไม่ได้ครับ. และแนะนำเลิกคบหาพวกตำหนักทรง
คนทรงเจ้า หรือ บุคคลประเภทที่จะทำอะไรแล้ว
ร่างกายไม่เป็นปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไปทุกกรณีครับ

ปล.สายขาวท่านแก้ได้หมดแระครับ
แต่การจะแก้ให้หรือไม่ ต้องดูวาระด้วยครับ
กรณีแก้ไปก็ได้แค่ชั่วคราว เด่วก็เกิดขึ้นอีก
ดังนั้นวิธีที่เหมาะที่สุดคือ สร้างภูมิคุ้มกัน
ให้ตัวเราเอง และด้วยตัวเราเองครับ

 

จริงๆแล้วการฝึกสมาธิ เป็นเรื่องของการฝึกตน ฝึกใจเพื่อข่มกิเลส ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณไสยหรอก
คุณไสย เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ เป็นเรื่่องของมิจฉาสมาธิ
ในตำราฝึกสมาธิ ก็ไม่มีพูดเรื่องการทำคุณไสยหรือแก้คุณไสย
มีแต่การพูดเรื่องการแก้กิเลส

แต่ถ้าเชื่อจริงๆว่า โดนคุณทำคุณไสย ก็ขอแนะนำให้เอาชนะด้วยความดี
คือหมั่นสวดมนตร์ไหว้พระ สวดอิติปิโส เท่าอายุ สวดพาหุง เท่าอายุ สวดมหาการุณิโก เท่าอายุ แล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนถึงคนที่คุณคิดว่ามาทำคุณไสยคุณด้วย
ให้หมั่นทำไปเรื่อยๆ ทุกๆวัน
จนวันหนึ่ง เมื่อความดีของเรามากกว่าเขา
ของนั้นก็จะหายไปเอง

 

ขอบคุณมากคะ พวกผีไม่กลัวพระ ดิฉันใส่พระก็ยังมีกระแสพวกนี้เข้ามาได้ แล้วดิฉันไม่สามารถใส่เบี้ยแก้ได้ ใส่เบี้ยแก้ทีไรโลกหมุน ใจสั่นทุกที
ดิฉันเลิกไปหาพวกร่างทรงคนแก้ของเป็นเวลาปีกว่าแล้วค่ะตั้งแต่พย. 2558 ที่เริ่มมาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่เคยไปบวชชีที่วัดไหนเลย
ปฏิบัติเองที่บ้าน ยอมรับว่าตั้งแต่เลิกไปหาพวกร่างทรงต่างๆ ร่างกายดีขึ้นมากๆค่ะ แต่สายขาวที่คุณว่าแก้ได้หมด ดิฉันก็ไปมาหมดแล้วนะคะในเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่าจะแก้ได้สักคน ไม่เห็นจะไล่ผีได้เลย แถมผีไม่กลัวอีกต่างหาก แถมบางคนพอแก้ให้ดิฉันเสร็จ วันรุ่งขึ้นเข้ารพ.บ้าง แขนหักบ้าง มีดตกใส่เท้าบ้าง ผีไปเข้าลูกเขาบ้าง ลูกเขาปวดท้องหนัก แล้วก็โทรมาว่าดิฉันว่าเพราะเขาไปรับเวรกรรมของดิฉันมา สายขาวที่เคยไปแก้นี่ทั้งฆราวาสทั้งพระเลยคะ

 

นั่นเป็นคำภาวนาเวลาทอดผ้าศพให้พระบังสุกุล หรือ สวดเวลาเผาศพ ไม่ใช่หรอคะ

 

ถ้าเราไปในทางของความเชื่ิออย่างเดียวต้องระวัง เพราะเราเชื่อศรัทธาถูกคนก็ดีไป แต่ถ้าไปเชื่อผิดคนก็น่าเสียดายเวลา เหมืิอนไม่สบายแต่กินยาผิดเป็นปีๆ แบบนี้นะ วิธีป้องกันก็คืออย่าพึ่งเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ วิธีไหนลองแล้วไม่ได้ผลก็ลองเปลี่ยนวิธีดู แต่ต้องให้เวลาหน่อย อย่าพึ่งสรุปว่าเป็นเพราะโดนของอะไรแบบนี้ ถ้ามองว่าเป็นเพราะกรรมยังมีโอกาสแก้ไขได้มากกว่า

 

ดังคำว่า ไม้สอยสูงกว่าต้นมะม่วง