"วัตถุมงคลพระสุปฎิปันโณ (กระทู้เก่า ถ้าสนใจ ดูในกระทู้ใหม่ ตามลิงค์ได้ครับ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย montrik, 25 พฤษภาคม 2016.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 240 : พระขรรค์ไม้ ลงอักขระ หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก จ เพชรบุรี

    รายการที่ 240 : พระขรรค์ไม้ ลงอักขระ หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก จ เพชรบุรี
    ขนาด ยาว 5 นิ้ว ใบกว้าง 1 นิ้ว.
    ทำด้วยไม้ ลงอักขระ สองด้าน
    ด้ามพันด้วยด้ายมงคน เป็นเชือกฝ้ายเก่า

    ราคา 6,500 บาท

    หลวงพ่อโศกท่านเดินทางไปเรียนวิชาการสร้างมีดหมอ(พระขรรค์)นี้มาจากสองสำนักคือ หลวงพ่อคล้าย วัดพระทรง และหลวงพ่อแหล่ม วัดบางคลี่ สมุทรสงคราม (ตอนต่อมาได้ย้ายไปวัดจันทร์เจริญสุข)

    คาถากำกับพระขรรค์มีดังนี้ ให้ตั้งนะโมฯ ๓ จบแล้วตามด้วยพระคาถา ....

    "พุทโธปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ สังโฆปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ"


    มีเรื่องเล่ากันว่า...เสือขาว ลูกศิษย์หลวงพ่อดิ่งแขวนพระปิดตา และตะกรุดหลวงพ่อดิ่ง แต่ไม่ประพฤติตนเป็นคนดีเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจเป็นอย่างมาก อาวุธปืนไม่สามารถทำอันตรายเสือขาวได้แต่อย่างใดทางตำรวจจึงมากราบหลวงพ่อดิ่งผู้เป็นอาจารย์เพื่อปรึกษาหาแนวทางในการคัดของเสือขาวหลวงพ่อดิ่งท่านว่า ไม่มีอะไรคัดของของท่านได้ ยกเว้นอย่างเดียว คือ พระขรรค์หลวงพ่อโศก ผู้เป็นสหธรรมิกของท่านเพียงรูปเดียวโดยให้ใช้ปลายพระขรรค์เขียนคาถาตามที่ท่านให้ลงที่ลูกปืนผลสุดท้ายเสือขาวต้องจบชีวิตการเป็นโจรด้วยเหตุแห่งการล้างอาถรรพ์คัดของโดยพระขรรค์หลวงพ่อโศกวัดปากคลองฯอันศักดิ์สิทธิ์นี้

    วัตถุมงคลของหลวงพ่อโศกไม่ว่าจะเป็นเหรียญพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พระขรรค์ ปลัดขิก ผ้ายันต์และวัตถุที่เป็นมงคลอื่น ๆ ลูกศิษย์ลูกหาผู้ใกล้ชิด และประชาชนทั่วไปได้นำไปบูชาพกพาอาราธนาติดตัว ล้วนมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์มากมายวัตถุมงคลของท่านโดดเด่นในเรื่องคงกระพันชาตรี สยบภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไรแคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยพิบัติอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะมาจากน้ำมือของเทวดา มนุษย์และผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ก็มลายหายสิ้นอย่างสิ้นเชิง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    ขอร่วมถวามความอาลัย

    ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Sad2.jpg
      Sad2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.4 KB
      เปิดดู:
      125
  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 241 : ผ้ากาสายะ พระสุปฎิปันโนที่ระลึกในงานครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิด ของหลวงพ่อปาน 2518

    รายการที่ 241 :ชุดแผ่นผ้ากาสายะพระสุปฏิปันโน มีทั้งหมดรวม ๑๓ แผ่น (ครบชุดที่สุด) ขนาดประมาณ ๕.๔ x ๙.๓ ซม. .
    สร้างที่ระลึกในงานครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิด ของหลวงพ่อปาน(วัดบางนมโค จ.อยุธยา) ณ.วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี วันที่ ๖ - ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘

    มีทั้งหมด ๑๓ แผ่น ๑๒ คณาจารย์ ได้แก่...
    ๑.) ลป.สี วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์
    ๒.) ลป.บุดดา สำนักสงฆ์สองพี่น้อง จ.ชัยนาท
    ๓.) ลป.แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    ๔.) ครูบาอินทจักร์รักษา วัน้ำบ่อหลวง จ.เชียงใหม่
    ๕.) ครูบาพรหมจักสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    ๖.) ครูบาชุ่ม วัดวังมุย จ.ลำพูน ( ๒ แผ่น)
    ๗.) ครูบาชัยยะวงษา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
    ๘.) ครูบาบุญทืม วัดจามเทวี จ.ลำพูน
    ๙.) ลป.คำแสน วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่
    ๑๐.) ลป.คำแสน วัดป่าดอนมูล จ.เชียงใหม่
    ๑๑.) ลป.สิม สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
    ๑๒.) ลพ.ฤษีลิงดำ วัดท่ซุง จ.อุทัยธานี


    ปิด
    ไม่แยกขายครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2018
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    ปิดรายการนี้ครับ


    รายการที่ 210 : พระเนื้อตะกั่ว ฝังเขี้ยวหมาป่า หลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี ก่อนปี 2500
    เก่า คราบกรุ เห็นเขี้ยวฝังด้านหลังชัดเจน
    หายากครับ

    ราคา 3,000 บาท

    หลวงพ่อดำ เป็นพระธุดงค์มาจากเขมร มาจำพรรษาอยู่วัดกุฏีน่าจะช่วงก่อน พ.ศ.2500 มรณภาพนานมากแล้ว พระท่านมีชื่อเสียงเรื่องคงกะพันมหาอุดมากป้องกันคุณไสย อาถรรพ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี หลวงพ่อดำธุดงค์มา วัดมีโบสถ์เก่าอยู่แล้ว หน้าโบสถ์จะมีสิงห์ตะกั่วคู่หนึ่งตั้งอยู่ ขนาดไม่ใหญ่มาก เด็กๆ แถววัดจะชอบแบกกันไปเล่นกันตามท้องนาเป็นที่สนุกสนาน แล้วเรื่องที่แปลกก็คือสิงห์คู่นี้ ต่อให้เด็กๆเล่นแล้วทิ้งไว้ตามท้องนา เช้ามาก็จะเห็นกลับไปตั้งอยู่หน้าโบสถ์ที่เดิมทุกครั้งไปโดยไม่มีใครทราบว่าใครเอามาไว้ที่เดิม
    ที่มาของเนื้อตะกั่ว ของพระหลวงพ่อดำ ท่านนำมาหลอมสร้างพระของท่าน พร้อมฝังเขี้ยวหมาป่าแก้อาถรรพ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อดำ วัดกุฏิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งประวัติของหลวงพ่อดำท่านนี้ มีความไม่แน่ชัดสักเท่าไหร่ แต่กลับมีประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดเลื่องลือจากรุ่นสู่รุ่น ที่กล่าวขานกันถึงพระเครื่องเนื้อตะกั่วของหลวงพ่อดำ โดยสมัยนั้นช่วงในยุคของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยในจังหวัดปราจีนบุรีที่หลวงพ่อดำนั้นได้อาศัยจำพรรษอยู่ที่วัดกุฏิ หลวงพ่อดำท่านนี้ได้เล่ากันว่าท่านเป็นพระธุดงค์จากเขมรและได้มาจำพรรษาที่วัดกุฏิ ซึ่งมีพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับฝั่งเขมร โดยเป็นที่รู้กันดีว่า วิชามนต์ดำ,คุณไสย,ยาสั่ง,ตลอดจนภูตผีพลายกุมารรักยม เป็นที่ขนานนามว่าของเขมรนั้นแรงนัก ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นก็พากันหวาดกลัวกันไปทั่ว ร้อนจนถึงหลวงพ่อดำ วัดกุฏิ ซึ่งหลวงพ่อดำท่านนี้มีตบะวิชาแกร่งกล้า เนื่องจากท่านเป็นพระที่ชอบธุดงค์ ตามป่าเขาแถวตะเข็บชายแดนติดเขมร และที่แน่นอนว่าหลวงพ่อท่านเองท่านก็เป็นพระเขมรอยู่แล้วก็ต้องได้พบเจอกับการท้าทายจากมนต์ดำฝั่งเขมรกันอยู่เนื่องๆในครั้งที่ยังธุดงค์อยู่ พอมาครั้งนี้ก็มีข่าวที่ชาวบ้านพากันหวาดกลัวเกี่ยวกับคุณไสยมนต์ดำจากฝั่งเขมร
    หลวงพ่อดำท่านจึงได้เมตตาจัดสร้างวัตถุมงคลเนื้อตะกั่วซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรกๆของท่าน ไม่ว่าจะเป็นพระเนื้อตะกั่วพิมพ์พระปิดตาเกลอเดียว(พิมพ์ปักเป้า) ตลอดจนพิมพ์พระปิดตา5เกลอ หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า ปิดตาพวงชมพู่5เกลอเนื้อตะกั่วหลวงพ่อดำ วัดกุฏิ ในการสร้างครั้งนั้นหลวงพ่อดำได้กดพุทธาคมเจาะจงเลยว่า ป้องกันคุณไสย,มนต์ดำ,อวิชชาต่างๆตลอดจนเกาะเพชรคงกระพันชาตรี ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากคมหอกคมดาบและอันตรายทั้งปวง พอหลวงพ่อดำได้สร้างเสร็จ ก็แจกจ่ายชาวบ้านให้พกติดตัวกันเอาไว้ โดยในครั้งนั้นก็มีประสบการณ์กันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีโจรมาปล้นและมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น โจรได้ควักปืนมายิง แต่ปรากฏว่าปืนกลับยิงไม่ออก แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่ใช่เหตุการณ์เดียว ก็มีการกล่าวมานักต่อนักว่า โดนยิงไม่เข้าบ้างละ โดนโจรปล้นควักปืนมายิงแต่ปรากฏว่าปืนนั้นกลับระเบิดใส่ตัวของโจรเองจนเสียชีวิต พูดกันง่ายๆว่าแม้ในปัจจุบันก็มีประสบการณ์ที่ไม่แพ้ในยุคนั้นเลยทีเดียว ได้เล่ากันว่า พระชุดที่มีเขี้ยวหมาป่านั้น ครั้งตอนที่หลวงพ่อดำ ได้ออกธุดงค์ตามป่าตามเขาแถวตะเข็บชายแดน ท่านได้ไปเจอกับซากหมาป่าจำนวนหนึ่ง และในซากนั้นก็มีซากเสือโคร่งอยู่ไม่กี่ตัว ซึ่งในเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นไปได้ว่า มีการต่อสู้กันระหว่างฝูงหมาป่ากับเสือโคร่งที่พลัดถิ่น จึงมีร่องรอยการต่อสู้และซากศพอย่างที่เห็น หลวงพ่อดำท่านได้มองเหตุการณ์นี้อย่างลึกซึ้งถึงความอาจหาญของหมาป่า แม้ว่าจะตัวเล็กกว่า2เท่าแต่ใจนั้นไม่ต่างกับเสือโคร่งแม้แต่น้อย ดั่งคำที่ว่า “เสือหลงป่า อย่าดูแคลนหมาเจ้าถิ่น” หลวงพ่อดำท่านสังเกตจุดนี้จึงนำเขี้ยวของหมาป่ามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้างวัตถุมงคลของท่าน โดยเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นเครื่องรางที่หลวงพ่อดำท่านต้องการสะกดความเข้มขลังคงกระพันชาตรีและกำกับพระคาถาหัวใจราชสีห์ลงไปด้วยที่จะป้องกันและสะท้อนคุณไสย,มนต์ดำและอวิชชาต่างๆกลับไปหาคนผู้นั้น และการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อดำท่านก็จะเป็นรูปแบบพระเนื้อชินตะกั่วฝังเขี้ยวหมาป่าเสียส่วนใหญ่ และสำคัญด้วยว่าท่านได้มีรูปแบบพิมพ์พระที่หลากหลายกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ปิดตา,พิมพ์พระพุทธและพิมพ์ต่างๆ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างวาระกัน บางองค์โชคดีหน่อยก็จะได้เขี้ยวหมาป่าทั้งเขี้ยวเลย [/QUOTE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2016
  5. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    ท่านที่จองวัตถุมงคลไว้ ติดต่อด้วยครับ
     
  6. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 242 : ลูกประคำกระดูกช้างเม็ดเล็ก 108 เม็ด หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

    ปิดครับ

    รายการที่ 242 : ลูกประคำกระดูกช้างเม็ดเล็ก 108 เม็ด หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
    เช่ามาประมาณปี 2530
    ความยาว 1ฟุต 6 ซม (ไม่รวมภู่)
    เก่าตามสภาพ ภู่สีซีดแล้ว

    ราคา xxxx บาท

    รับประกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2016
  7. นพพร 2553

    นพพร 2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    743
    ค่าพลัง:
    +1,230
    จองครับ


     
  8. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รับทราบครับ
     
  9. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 243 : ขุนแผนผงพรายกุมารพิมพ์เล็ก เนื้อสีฟ้าทาบรอนซ์ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    รายการที่ 243 : ขุนแผนผงพรายกุมารพิมพ์เล็ก เนื้อสีฟ้าทาบรอนซ์ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    เก่ามาก ไขขึ้นฟู ยุบ ย่น ตามภาพ

    ราคา PM
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    ขอปิด สองรายการนี้
    พรุ่งนี้ส่งให้ครับ
     
  11. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 244 : ปลัดขิก ไม้พยูง หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ 2503

    รายการที่ 244 : ปลัดขิก ไม้พยูง หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ 2503
    ฝังตะกรุดที่ก้น 1 ดอก จารมือรอบ
    ยาว ประมาณ 4 นิ้ว
    รับประกัน

    ราคา PM
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นพพร 2553

    นพพร 2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    743
    ค่าพลัง:
    +1,230
    โอนงิน

    โอนเงินเเล้วครับ 6000 บาท 26 OCT 16 18:25 น


    รายการที่ 242 : ลูกประคำกระดูกช้างเม็ดเล็ก 108 เม็ด หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
    เช่ามาประมาณปี 2530
    ความยาว 1ฟุต 6 ซม (ไม่รวมภู่)
    เก่าตามสภาพ ภู่สีซีดแล้ว

    ราคา 6,000 บาท
     
  13. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการส่งพัสดุ

    ส่งให้แล้ว สองรายการนี้

    EP 9216 5189 9TH
     
  14. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการส่งพัสดุ
    EQ 8899 0601 6 TH
     
  15. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 245 : ตะกรุดสอดหวาย หลวงปู่จัน วัดนางหนู ลพบุรี

    รายการที่ 245 : ตะกรุดสอดหวาย หลวงปู่จัน วัดนางหนู ลพบุรี
    ดอกทองแดงเก่า มีจาร
    ยาว ประมาณ 3 นิ้ว
    หวายใหญ่ จารรอบ แห้ง หด เก่าถึงยุค ก่อน 2500

    ราคา 3,500 บาท

    ประวัติของ หลวงปู่จันทร์ เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด เดิมชื่อ "จัน" หรือ "จันทร์" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2395 ที่บ้านบางพุทโธ ตำบลตลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ไม่ปรากฎว่าบิดามารดามีชื่อเสียง เรียงนามอย่างไร อุปนิสัยเป็นคนพูดจริงทำจริง และเจ้าชู้ด้วยความเจ้าชู้ของท่านในวัยหนุ่ม ทำให้ท่านชนะใจสาวงามแห่งบางพุทโธ สองสาวงามเป็นพี่น้องกัน คนพี่ชื่อนางสิน ส่วนคนน้องชื่อนางทรัพย์ กล่าวกันว่า ท่านร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆจากปู่ ซึ่งเป็นฆราวาสจอมขมังเวช อีกทั้งนิยมชมชอบการกินว่าน และอาบว่าน เพื่อให้ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธต่างๆ หรืออยู่ยงคงกระพันชาตรีนั้นเอง บ้างก็ว่า ท่านเคยบวชที่วัดหลวงสุวรรณาราม หนึ่งพรรษาแล้วสึกออกมาประกอบอาชีพและเผชิญภัยต้องคดีแล้วกลับมาบวชใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่บ้างก็ว่าท่านก่อคดีฆ่าคนตายจนต้องหลบหนีอาญา บ้านเมืองไปก่อนที่จะกลับใจมาบวช โดยระหว่างที่ท่านยังหลบหนีคดีอยู่นั้น ท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาอาคมจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆ หากแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นท่านใดบ้าง มีบางท่านกล่าวว่า ท่านร่ำเรียนจาก หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จังหวัดอยุธยา ด้วยความเป็นคนมีความสนใจเกี่ยวกับไสยเวทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านจึงดั้นด้นไปฝากตัวเป็นศิษย์สำนักต่างๆจนกระทั่งมีความสำนึกในบาปที่กระทำลงไป จึงตัดสินใจออกบวชเมื่อวัยกลางคน
    หลวงปู่จันทร์ เข้าอุปสมบท ณ วัดบัว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดนางหนู โดยมี พระสังฆภารวาหะมุนี (เนียม) วัดเสาธงทอง พระเกจิชื่อดังในยุคนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ได้นามฉายาว่า "จันทโชติ" และจำพรรษาอยู่ ณ วัดบัว จนต่อมาเห็นว่าสภาพวัดนางหนู ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชำรุด ทรุดโทรมมากเกือบจะร้างก็ว่าได้ และไม่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาอยู่เลย ท่านจึงได้ย้ายไปพำนักอยู่ที่วัดนางหนู ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ ตลอดจนเสนาสนะต่างๆ จนมีความถาวรเป็นปึกแผ่นขึ้นมา เมื่อท่านมาอยู่วัดนางหนู ท่านได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังหลายอย่างแจก แก่ลูกศิษย์ลูกหาที่สละแรงกาย และกำลังทรัพย์ในการปฏิสังขรณ์วัด เป็นการตอบแทนน้ำใจแก่สาธุชนทั้งหลาย หลังจากนั้นท่านได้รับตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาส วัดนางหนู และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลางในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้มีอาคมเข้มขลัง
    จากชื่อเสียงที่ดังกระฉ่อนนี่เอง ทำให้ท่านได้รับเกรียรตินิมนต์เข้านั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อปี พ.ศ. 2481 และเป็นหนี่งในพระเกจิ 108 ที่ปลุกเสกพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2485

    นอกจากท่านจะมีชื่อเสียงด้านตะกรุดไม้รวกแล้ว ท่านยังสร้าง ตะกรุดหวายไว้ด้วยเช่นกัน แต่สร้างน้อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2016
  16. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 246 : หุ่นพยนต์ ตัว พ ปู่เย็น วัดสระเปรียญ

    รายการที่ 246 : หุ่นพยนต์ ตัว พ ปู่เย็น วัดสระเปรียญ

    ของดี หายาก

    ราคา 3,000 บาท

    หุ่นพยนต์ตัว พ ... หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จัดเป็นวิชาพยนต์สายบน สายหนึ่งที่มีเอกลักษณ์การสร้างและปลุกเสกเป็นเฉพาะตนเอง และ ได้หายสาบสูญไปภายหลังหลวงปู่เย็น ละสังขาร ซึ่งวัตถุมงคลนี้เป็นวัตถุมงคลเครื่องรางชนิดหนึ่งที่มีประวัติการสร้างน่าสนใจอย่างยิ่ง

    หุ่นพยนต์ ที่กำเนิดจากตัวแทนพระรัตนตรัย ปกป้องคุ้มครองป้องกันภัย และ นำสิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิต ...


    หลวงปู่เย็น ทานรโต พระผู้มีเมตตาธรรม วัดสระเปรียญ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ชาติภูมิ หลวงปู่เย็น ทานรโต เป็นชาวเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยกำเนิดท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสี่ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๔๕ เป้นบุตรคนแรกในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ของ นายถิ่น นางแซ่ม ศรีศาสตร์ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา ตัวท่านเองนั้นนอกจากจะช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรมแล้ว ยังมีฝีมือในเชิงช่างหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างปูน แม้กระทั้งการออกแบบบ้านเรือน หรือวัดวาอารามตลอดจนสลักลวดลายท่านก็ทำได้และฝีมือดีมากเสียด้วย จนกระทั่งอายุครบบวชหลวงปู่เย็นได้ทำการอุปสมบทตามประเพณีอันดีงามของชายไทยทั่วไป ณ วัดเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่าน หลังจากได้เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม จังหวัด ธนบุรี (ในสมัยนั้น) กับพระที่เป็นญาติของท่านรูปหนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ภาษาบาลี และภาษาขอม จนกระทั่งสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญ ๔ ประโยค ระหว่างนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในฐานะนักเทศน์ฝีปากเอก ที่ใดมีงานมงคลต่างๆ หรือแม้กระทั่งงานศพ หากประชาชนรู้ว่าได้นิมนต์มหาเย็นมาเทศน์ด้วยไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกลก็หลั่งไหลมาฟังเทศน์กันอย่างล้นหลาม ธุดงค์ลึกลับ สมัยที่หลวงปู่เย็นยังจำพรรษาอยู่ที่วัดระฆังฯ นั้น วันหนึ่งท่านเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินแบกกลดสะพายบาตรผ่านมา เกิดความรู้สึกเลื่อมใสในบุคลิกของท่าน จึงเข้าไปกราบนิมนต์ขอให้พระธุดงค์เข้ามาพักที่กุฎิก่อน และให้การต้อนรับสู้อย่างแข็งขัน ระหว่างการสนทนาตอนหนึ่ง หลวงปู่เย็นได้ขอให้พระธุดงค์เล่าถึงการเดินธุดงค์ของท่าน พระธุดงค์ก็มีเมตตาเล่าถึงการออกธุดงค์ไปยังเมืองลาว ต้องเดินผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องยาพิษยาสั่ง คนแปลกหน้าผ่านเข้าผ่านไปในหมู่บ้านเป็นต้องถูกลองยาเสมอ น้อยคนนักจะออกมาได้อย่างปลอดภัย หลวงปู่เย็นได้ฟังดังนั้นเกิดความสงสัยจึงถามท่านว่า “ท่านไม่กลัวเขาทำให้ตายหรือ” “เขาทำให้ตาย กินข้าวได้เราไม่กลัว” พระธุดงค์ตอบเป็นปริศนา หลวงปู่เย็นแม้ว่าจะไม่เข้าใจคำตอบกระจ่างนัก แต่ก็มิได้ซักถามต่อเมื่อได้สนทนาต่อไปเรื่อยๆ จึงรู้ว่าพระธุดงค์รูปนั้นไม่ใช่พระธรรมดา แต่เป็นพระอภิญญาที่เรืองวิทยาคมยิ่งรูปหนึ่ง จึงไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากสัตว์ร้าย ไข้ป่า หรือแม้กระทั่งคน ท่านได้ธุดงค์มาแล้วแทบจะทั่วแผ่นดินไทยยังไปถึงเมือง ญวน เขมร ลาว และพม่า ก่อนจะจากกัน พระธุดงค์ได้มอบของวิเศษอย่างหนึ่งไว้ให้หลวงปู่เย็นบอกว่าเป็นแก้วสารพัดนึก สามารถบันดาลให้เป็นไปตามปรารถนาได้ทุกประการ แก้วสารพัดนึก พระธุดงค์รูปนั้นเอื้อมมือหยิบก้านธูปที่หน้าหิ้งพระมาก้านหนึ่งแล้วดัดให้เป็นรูปตัว “พ” ต่อจากนั้นก็หยิบสายสิญจน์มาพันผูกก้านธูปตัว “พ”นั้นหลายๆ รอบพร้อมกับร่ายมนตร์กำกับตัว “พ” ต่อจากนั้นก็ยื่นให้หลวงปู่เย็น และได้กำชับว่าตัว “พ” นี้คือแก้วสารพัดนึกหมายถึงการนึกอยากได้หรือต้องการอยากได้อะไรก็จะได้ดังใจปรารถนา ผู้ใดได้ไว้ครอบครองตั้งมั่นในศีลธรรม ในความดี ก็จะได้สมใจนึก ตัวพอ “พ” นี้ เป็นของวิเศษ อันเกิดจากพระวาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ที่โคนต้นโพธิ์ “พอ พอ แล้วใครไม่ต้องเป็นครูสอนเราแล้ว” พอเรารู้ในธรรมวินัยนี้ว่าเป็นของที่เลิศประเสริฐยิ่งนัก พระพุทธก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี เป็นของดีที่วิเศษ ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ ดังคำบาลีว่า “ยังกิจจิ ระตะนังโลเก วิชชะ ติริริธัง ปุถุระตะนัง พุทธธะสะมัง นัตติตัสสะมา โสตถี ภะวันตุเม” แปลว่า แก้วแหวนเงินทอง ทรัพย์สินใดๆ ในโลกนี้ มนุษย์หรือปุถุชนจะไขว่คว้าหามาได้โดยไม่ยากแต่ของวิเศษ ดีเลิศ ประเสริฐ ยิ่งกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มีอีกแล้วที่ดีกว่านี้ พระธุดงค์รูปนั้นท่านได้อธิบายถึงสรรพคุณและถ่ายทอดวิชาสร้างตัวอักษร “พ” ให้กับพระเย็น (หลวงปู่เย็น) จนหมดสิ้น หลวงปู่เย็นท่านจึงได้ก้มกราบพระธุดงค์รูปนั้น แต่พอครั้นเงยหน้าขึ้นมาปรากฎว่า พระธุดงค์รูปนั้นได้หายไปอย่างไรร่องรอย นับว่าน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง “ท่านบอกว่าชื่ออะไรก้ไม่รู้แต่จำหน้าท่านได้แม่นยำ มารู้ที่หลังว่าเป็นใครเมื่อได้เห็นรูปท่านนั่นแหละ” หลวงปู่เย็นบอก หลวงปู่เย็นชี้ให้ดูรูป “พระครูโลกอุดร” ที่ท่านใส่กรอบตั้งไว้บูชาข้างหัวนอนและว่า “อาจารย์รูปนี้แหละ ที่ทำให้สร้างวัดสร้างวาได้สำเร็จ” เสาะหาอาจารย์ดี หลวงปู่เย็นอยู่วัดระฆังโฆสิตารามได้ ๙ พรรษา ระหว่างนั้นก็ค่อยสดับตรับฟังว่ามีพระอาจารย์เก่งๆ ที่ไหนบ้าง พอได้ข่าวว่า หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาอาคมแก่กล้า จึงเดินทางไปกราบนมัสการขอฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านจึงรับไหว้แล้วก็ได้ถ่ายทอดวิทยาการต่างๆ ให้ทั้งด้านวิชาอาคมการผสมธาตุสำหรับนำมาสร้างเครื่องมงคลตลอดจนวิชาแพทย์แผนโบราณ การผสมยาด้วยความวิริยะอุสสาหะขยันขันแข็ง ไม่นานต่อมาหลวงปู่เย็นก็สามารถรับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ จากหลวงพ่ออิ่มอย่างหมดสิ้น หลวงพ่ออิ่มเห็นว่าไม่มีอะไรจะสอนให้อีกแล้ว แต่หลวงปู่เย็นก็ยังกระหายใคร่รู้ในวิทยาการอยู่อีก หลวงพ่ออิ่มจึงฝากฝังให้เรียนต่อกับพระครูศรี วัดสระปรางค์ จังหวัดสิงห์บุรี ท่านพระครูศรี วัดพระปรางค์รูปนี้ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมยิ่งในสมัยนนั้น มีลูกศิษย์ลูกหามาขอเรียนวิทยาคมจากท่านมากมาย และต่อมาได้กลายเป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็หลายรูป เช่น หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อพิม หลวงพ่อทอง หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองเป็นต้น ท่านพระศรีเมื่อทราบว่าหลวงปู่เย็นเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออิ่มวัดหัวเขา ซึ่งเป็นสหมิกกับท่าน และได้ฝากมาเรียนวิทยาคมเพิ่มเติม ก็รับไว้ด้วยความเต็มใจประกอบกับหลวงปู่เย็นเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที คอยปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ด้วยความขยันขันแข็ง และเป็นผู้ฝักใฝ่ในวิชาความรู้ จึงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของท่านพระครูศรี และได้เมตตาสั่งสอนถ่ายทอดความรู้ให้จนหมดเปลือกโดยไม่ปิดบังอำพราง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ หลวงปู่เย็นได้ธุดงค์ผ่านไปทางอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พบเจดีย์องค์หนึ่งซุกอยู่ในดงหญ้ารกทึบอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงรู้ว่าอดีตเคยเป็นวัดที่ถูกปล่อยปละละเลยทิ้งให้รกร้าง ด้วยกุศลเจตนาที่บังเกิดขึ้นในดวงจิตอย่างแรงกล้า จึงตั้งปณิธานที่จะบูรณะก่อสร้างขึ้นมาใหม่ หลวงปู่เย็นได้จัดการขายที่นาซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาถึงท่านไปหลายแปลง นำเงินที่ได้ทั้งหมดมาซื้ออิฐ หิน ปูน ทราย และวัสดุก่อสร้าง อาศัยที่ท่านมีฝีมือในเชิงช่างอยู่ก่อนแล้ว จึงลงมือสร้างกุฎิขึ้นมาก่อน จากนั้นก็สร้างศาลาสำหรับประกอบศาสนกิจ หอสวดมนต์ ขุดสระน้ำ สร้างพระอุโบสถ (เสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๒๒) เมรุเผาศพ (เสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๔) จนกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองสวยงาม มีนามว่า “วัดกลางชูศรีเจริญสุข” ปัจจัยในการบูรณะวัดกลางชูศรีเจริญสุข จากวัดร้างให้กลับรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ในชั้นแรกนั้นเป็นเงินจากการขายที่นาหลวงปู่เย็น ต่อมาเมื่อชาวบ้านได้เห็นเจตนาอันบริสุทธิ์ของท่านก็นำวัสดุก่อสร้างมาถวาย ผู้ใดถวายปูน ๑ ถุง หลวงปู่ก็มอบอักษร “พ”ให้หนึ่งตัว ปรากฎว่าตัว “พ”ที่หลวงปู่เย็นได้มอบสมนาคุณให้ไปนั้น ผู้ที่รับไปแล้วต่างประสบอภินิหารกันหลายต่อหลายราย ตั้งจิตอธิษฐานขอสิ่งใดมักจะสมหวังในสิ่งนั้นเสมอ เป็นที่เล่าลือจากปากต่อปาก จึงมีคนมาขอตัว “พ”จากหลวงปู่จำนวนมากผ็ที่มาจากที่ไกลไม่สามารถขนปูนมาได้ ก้ถวายปัจจัยตามราคาของปูน ๑ ถุง หลวงปู่ก็มอบตัว “พ”ให้ไป ๑ ตัว แต่ก่อนปูนถุงละ ๒๐ บาท ใครถวาย ๒๐ บาท ก็จะได้ตัว “พ” ไป ๑ ตัว เมื่อปูนขึ้นราคา ตัว “พ” ของหลวงปู่เย็นก็ขึ้นราคาตามไปด้วย ซึ่งผู้ที่รับไปไม่เคยคิดในเชิง “พุทธพาณิชย์” แม้หลวงปู่จะพูดอย่างอารมณ์ดีเสมอว่า “ตัว พ ของข้าเป็นพุทธพาณิชย์” ทุกคนก็รู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านได้มาล้วนแต่ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัดทั้งสิ้น ช่วงที่หลวงปู่เย็นบูรณะก่อสร้างวัดกลางชูศรีเจริญสุขนี้ ในแต่ละวันหลังจากท่านออกบิณฑบาตฉันจังหันเสร็จ ก็จะมาขนหินขนทรายผสมปูนก่อสร้างหรือทำงานช่างไม้ด้วยตัวท่านเอง ถ้ามีญาติโยมเจ็บป่วยมาให้รักษา ท่านจะทำหน้าที่เป็นหมอ รักษาด้วยยาแผนโบราณบ้าง น้ำมนต์บ้าง โดยเฉพาะเรื่องฝีและแผล เนื้อร้ายแผลเน่านั้น หลวงปู่เย็นมีวิธีรักษาที่เฉียบขาดไม่เหมือนใคร ท่านจะใช้เหล็กเผาไฟจนแดงแทงตรงที่เป็นฝีแล้วพรมน้ำมนต์ ไม่กี่วันก็หานอย่างน่าอัศจรรย์ แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีคนไปให้ท่านรักษาอยู่เสมอ ตกกลางคืนหลังจากที่ท่านไหว้พระสวดมนต์แล้ว หลวงปู่เย็นก็จะมานั่งหักก้านธูปทำตัว “พ” ไว้แจกจ่ายสมนาคุณผู้ที่นำปูนมาถวายจึงกล่าวได้ว่าสิ่งก่อสร้างรุ่นเก่าภายในวัดกลางชูศรีเจริญสุข ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ กุฎิธรรมฐาน กุฎิต้อนรับญาติโยม เมรุ ล้วนแล้วแต่เกิดจากฝีมือของหลวงปู่เย็นทั้งสิ้น นิมนต์หลวงปู่บุดดามาสร้างความเจริญต่อ คราวหนึ่งหลวงปู่ได้ไปกิจนิมนต์ เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่ขึ้นธรรมมาสน์ มีสำเนียงการเทศน์น่าฟังยิ่งนัก อีกทั้งกิริยาเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็นบ่งบอกถึงการเป็นพระนักปฎิบัติธรรมในใจเกิดความผูกพันอยากได้พระรูปนี้มาอยู่ที่วัดที่ท่านกำลังสร้างอยู่ เพื่อจะได้ช่วยกันสร้างความเจริญรุ่งเรือง แต่ไม่กล้าเอ่ยปากด้วยเกรงว่าจะพาท่านมาอดมาอยากลำบากเสียเปล่าๆ จนเมื่อไตร่ตรองรอบคอบดีแล้วก็ให้เกิดกำลังใจครั้นพอเสร็จพิธี หลวงปู้เย็นก็เข้าไปกราบนมัสการพระภิกษุรูปนั้นแล้วนิมนต์ให้ไปอยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข เพื่อช่วยกันพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง โดยยื่นขอเสนอว่าขอให้มาอยู่สักพักหนึ่งก็ได้ หรือถ้าอยู่นานได้ยิ่งดี พระเทศน์รูปนั้นรับปากทันที และบอกหลวงปู่เย็นว่าจะอยู่นานทีเดียวละ ทราบในภายหลังว่า พระภิกษุที่หลวงปู่เย็นนิมนต์ไปอยู่ด้วยนั้น มีนามเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “หลวงปู่บุดดา ถาวโร” หลังจากที่หลวงปู่บุดดา มาจำพรรษาอยู่ด้วยแล้ว หลวงปู่เย็นก็ได้สร้างวัดกลางชูศรีเจริญสุขให้เป็นวัดของนักปฎิบัติธรรมโดยแท้จริง โดยมีหลวงปู่เย็นเป็นผู้นำในการเจริญภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่เย็นมักจะหยอกพระเณร และศิษยานุศิษย์ของท่านเสมอเสมอว่า ตราบใดที่หลวงปู่บุดดายังอยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุขความเจริญรุ่งเรืองก็มีมาเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะท่านเป็นพระแท้ ไม่ต้องทำอะไรลาภสักการะก็จะไหลมาเทมา ที่พูดกันว่า “ยามหลับได้เงินหมื่น ยามตื่นได้เงินแสน” หลวงปู่บุดดาได้ทำให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายครั้งหลายหนเมื่อท่านจำวัดหลับอยู่ คนที่มาทำบุญกับท่านเกรงใจไม่กล้าปลุกจึงรวมปัจจัยใส่ซองแล้วค่อยๆสอดใส่มือท่านโดยไม่ให้รู้สึกตัว เมื่อวัดกลางชูศรีฯ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาสมตามที่หลวงปู่เย็นได้ตั้งปณิธานไว้แต่ต้น ท่านก็ถวายให้หลวงปู่บุดดาดูแลรักษาต่อไป ส่วนหลวงปู่เย็นนั้นก็ออกเสาะหาวัดร้างเพื่อจะพลิกความเจริญ ให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ หลวงปู่เย็นท่านก็เล่าให้ฟังว่า ในเขตจังหวัดสิงห์บุรีติดกับจังหวัดชัยนาทมีวัดร้างอยู่แห่งหนึ่ง อยู่ใขเขตชัยนาท หลวงปู่ปรารภว่า ตั้งใจไว้ว่าสร้างเมรุเผาศพวัดกลางชูศรีฯ เสร็จ จะไปบูรณะวัดร้างแห่งใหม่ในเขต ชัยนาท นั่นคือ“วัดร้างการเปรียญ” วัดร้างการเปรียญ ณ ตำบลบางขุน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท มีวัดเก่าแก่อยู่วัดหนึ่งชื่อว่า “วัดการเปรียญ” ตอนที่หลวงปู่เย็นไปพบนั้น ทางกรมศาสนาได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดสร้างมาแล้วประมาณ ๖๐-๗๐ ปี สิ่งที่หลงเหลือให้เห็นจึงมีแต่เพียงซากอิฐเก่าในดงหญ้ารก ซึ่งสันนิษฐานว่าจะเป็นโบสถ์ที่หักทรุดลงมา และใบเสมาแกะสลักที่เหลืออยู่เพียงครึ่งใบอีก ๒-๓ ชิ้น จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้กับวัดมานานกล่าวว่า สมัยก่อนโน้นมีคนเข้ามาขุดหาของมีค่าในวัดร้าง และได้ไปเป็นสมบัติส่วนตัวหลายชิ้น เช่นพระพุทธรูปบูชา ขนาดย่อม พระเครื่องของใช้ทำด้วยสัมฤทธิ์ โลหะ อื่นๆ และเครื่องปั้นดินเผา ตลอดจนพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พระอุโบสถวัดหัวเด่นเดิมที่นั้น วัดการเปรียญมีเนื้อที่อันเป็นธรณีสงฆ์อยู่ ๙๐ ไร่ แต่หลังจากทำการรังวัดใหม่ในปัจจุบันเหลือที่อยู่เพียง ๗๐ ไร่เศษ ภายในบริเวณวัดมีสระน้ำอยู่ ๒ สระ แต่ต่อมาภายหลังได้ถมเสียหนึ่งสระ จึงเหลือเพียงสระเดียว และเชื่อถือกันว่าเป็นสระน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาหลวงปู่เย็นได้มาบูรณะวัดการเปรียญและทำการขุดลอกสระเพื่อจะได้กักเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดทั้งปี ได้พบตรงกลางสระมีเสาไม้ ๑๐ กว่าต้น ผู้เฒ่าซึ่งอยู่ที่นั้นมานานคาดว่าคงเป็นเสาหอไตรที่สร้างไว้กลางสระในสมัยก่อน และเล่าต่อไปว่าคนรุ่นเก่าๆไม่มีใครกล้าลงไปในสระนั้น เพราะเคยมีคนตักน้ำไปกินไปใช้แล้วเกิดอาเพศขึ้นภายใน ๓ ถึง ๗ วัน บางคนลงไปอาบน้ำในสระ ปรากฎว่า ๒-๓ วันต่อมาผิวหนังตามตัวเกิดสะเก็ดเหมือนเกล็ดปลา บางคนก็เป็นผดผื่นคัน รักษาเท่าไรก็ไม่หายจนต้องจุดธูปขอขมาที่ข้างสระ อาการที่เป็นอยู่ก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ในการขุดลอกสระคราวนั้นได้ใช้รถแม็กโคตักเอาดินขึ้นมาจากสระ ทำไปได้จวนจะเสร็จอยู่แล้ว ก็ได้ไปตักเจอของแข็งสิ่งหนึ่งเข้าพยายามดึงเท่าไรก็ไม่สามารถเอาขึ้นมาได้แถมรถแม็กโคก็ทำท่าจะเลื่อนลงไปในสระอีกด้วย แม้ว่าย้ายที่ใหม่ก็ไม่สามารถตักขึ้นมาได้อีก การขุดสระจึงต้องยุติลงเพียงแค่นั้น หลังจากหลวงปู่เย็นได้บูรณะวัด สร้างใหม่ให้มีสภาพร่มรื่นเหมาะแก่การ ปฎิบัติธรรมแล้วท่านได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดสระเปรียญ” โดยได้แรงจูงใจจากที่วัดนั้นเคยมีหอไตรอยู่กลางสระน้ำอันเป็นที่รวบรวมพระคัมภีร์ต่างๆ เพื่อการศึกษาและปฎิบัติ หลวงปู่เย็นได้สร้างศาลาอเนกประสงค์ตรงบริเวณที่เคยเป็นโบสถ์เก่า สำหรับประกอบศาสนกิจของญาติโยมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้สร้างกุฎิสงฆ์ขึ้น ๑๑ หลัง สร้างแท็งก์น้ำใหม่ ๒ ที่ สร้างแท่นพระสีวลี ๒ แท่น ปรับบริเวณวัดให้มีทางเดินสะดวกสบาย ปรับปรุงถนนเข้าวัดที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น สรางหอสวดมนต์ปฎิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณร และอุบาสิกาที่สนใจการปฎิบัติกรรมฐาน และสร้างกุฎิให้เจ้าของวัดในอดีตเรียกว่า “กุฎิเจ้าท้ายสระ” เพื่อปกปักรักษาดูแลวัด เพราะสมัยนั้นวัดร้างแห่งนี้ปราศจากผู้ดูแลจึงมีคนมาขุดหาของมีค่าไปเป็นสมบัติจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงซากอิฐเก่าๆ ให้ดูพอเป็นหลักฐาน หลวงปู่เย็นเคยกล่าวกับศิษย์ที่ใกล้ชิดตอนอยู่วัดสระเปรียญใหม่ๆ ด้วยความเชื่อมั่นว่า “เคยสร้างวัดกลางชูศรีฯ มาแล้ว จะต้องสร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่ให้ได้” และบัดนี้ท่านได้ทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว และยังคงทำต่อไปโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก หุ่นพยนต์ตัว พ. จัดเป็นหุ่นพยนต์ชนิดหนึ่งในสายบน กล่าวคือเป็นตัวแทนของคุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถือเป็นของสูง ต่างจากหุ่นพยนต์ในสายทั่วไปคือมักจะแทนสัตว์ แทนอมนุษย์ มีขีดความสามารถเฉพาะส่วนเครื่องรางตัว พ. นั้นมีอุปเท่ห์ สรรพคุณ ฝอยท่วมหลังช้าง ทั้งขอได้ดั่งใจปราถนา แคล้วคลาด เตือนภัย เห็นผู้เขียนเปรยไว้แบบนี้บางท่านอาจคิดว่ากล่าวเกินจริง ประสปการณ์จากผู้บูชาต่างหากเป็นข้อพิสูจน์บทความชิ้นนี้ อย่าปรามาสเครื่องรางนิวเอจที่สร้างขึ้นไม่ถึง ๕๐ ปีนะครับของที่ครูบาอาจารย์อุทิศตนสร้างเพื่อสงเคราะห์ผู้คนทั้งหลายอย่างตั้งใจ แม้จะไม่เก่าเป็นร้อยๆปีแต่ก็ดีไม่ต้องเสี่ยงกับของเก๊ของฝีมือ เพราะตัว พ. พิจารณาง่าย มีข้อความในกระดานภายในวัดสระเปรียญแสดงคุณวิเศษชัดเจนดังนี้ "พ.พาน หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วิธีใช้ให้เรียก พ.นี้ว่า พ่อ ปรารถนาสิ่งใดบอกพ่อช่วยด้วย เป็นสิ่งมหัศจรรย์ประดุจแก้วสารพัดนึก นึกสิ่งใดจะสำเร็จ มีประสปการณ์มากมายเช่น ค้าขาย แคล้วคลาด เตือนภัย ทำน้ำมนต์ ป้องกันอันตราย นับถือให้มั่นมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น" กรรมวิธีการสร้างท่านจะนำก้านธูปที่จุดบูชาพระแล้วพลีเอามาหักเป็นลักษณะตัวพยัญชณะ พ.พาน แล้วพันด้วยสายสิญจ์หรือด้ายสีขาว (หากเป็นด้ายสีแดงหรือส้มจะหายากยิ่ง) พันไปก็บริกรรมปลุกเสกไปจนสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วท่านก็ปลุกเสกอีกที จะสังเกตุว่าบางตัวก็มีทองบางตัวก็ไม่มีเนื่องจากตอนที่ไปรับจากท่านท่านแจกให้มาเปล่าๆแต่ท่านก็จะบอกให้เอาทองมาปิดแล้วเลี่ยมคล้องต่อมาท่านก็ปิดทองให้เลยแล้วท่านก็เอากระดาษทองนั่นแหละห่อมาให้ ภายหลังท่านแจกแบบเลี่ยมเดิมจากวัดเลยพร้อมใบคาถาปลุกเป็นแบบโรเนียวตัวพิมพ์ดีด บางครั้งไม่มีท่านก็จะบอกปากต่อปาก ยุคที่จัดเป็นฝีมือการเลี่ยมพลาสติกที่มาตรฐานของวัดคือฝีมือ ช่างชื่อห่วง จะมารับงานเลี่ยมถึงที่วัดโดยมีมอเตอร์ไซด์ซื้อหมูสีดำกับกล่องอุปกรณ์มานั่งเลี่ยมแทบทุกวันเดินสายเลี่ยมให้กับวัดละแวกนั้นซึ่งก่อนหน้านั้นวัดหลวงพ่อกวยก็เคยใช้บริการตาห่วงเช่นกัน บางทีงานชุกเอากลับไปเลี่ยมที่บ้านก็มี หรือคนที่ได้รับเอาไปให้แกเลี่ยมเองก็มี ฝีมือปราณีตพร้อมปิดทองให้เสร็จสรรพ ทองที่ใช้จะเป็นทองสังเคราะห์นะครับไม่ใช่ทองแท้จึงเรียบตึงสวยงามไม่ปริแตก ส่วนช่างอีกคนชื่อช่างเลี้ยง อยู่ละแวกเดียวกันตะเวนรับงานในลักษณะเดียวกันมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่หลายคนที่เช่าตัว พ.มักจะเลือกที่เลี่ยมเก่าเลี่ยมเดิมก่อนเพราะดูง่ายส่วนตัวเปล่าๆเปลือยๆหากมีความชำนาญก็จะพิจารณาได้ง่ายเช่นกันครับ ขนาดปกติประมาณปลายนิ้วก้อย หรือหัวแม่โป้ง ใหญ่ขนาดบูชาก็มี ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว ใหญ่ขนาดที่หลวงปู่อุ้มได้ หรือพิเศษขนาดทีวี ๒๙ นิ้วก็มีทำให้เฉพาะคนหายากมาก ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่เย็นท่านสร้างตัว พ. มาตั้งแต่ช่วงแรกจนบั้นปลายแห่งสังขารท่านตรากตรำเพียรทำเพียรหักก้านธูปและพันด้ายบริกรรมปลุกเสกด้วยตัวท่านเองมาตลอดมาช่วงท้ายๆก่อนมรณะภาพจึงมีพระเณรลูกวัดและฆราวาสศิษย์วัดสระเปรียญมาช่วยกันบ้างอีกอย่างมีผู้คนต้องการสูงมากยิ่งขึ้นไม่เพียงพอแก่ความศรัทธาของสาธุชนจึงต้องสร้างคราวละมากๆ แต่ความศักดิ์สิทธิ์มิได้ต่างกันแม้แต่น้อย คะเนดูว่าตัว พ. ที่มีหมุนเวียนอยู่นี้น่าจะมีจำนวนแค่พันกว่าตัวเท่านั้นเนื่องจากกรรมวิธีสร้างที่ซับซ้อน ความแรงในสายวิชาและช่วงหลังมีคนเสาะหากันมากบางคนเข้าไปกว้านเช่าออกมาจากพื้นที่ ตอนนี้หายากแทบไม่มีแล้ว ต่อไปคงหาได้ไม่ง่ายอีกอย่างความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำมีจุดเด่นเฉพาะสาย เฉพาะตัว ที่สำคัญประสปการณ์ในทุกๆด้านจากผู้เคยบูชา จริยาวัตร หลวงปู่เย็นมีอายุ มากแล้ว แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่หลวงปู่ได้ยึดถือมาตลอดก็คือท่านเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ พูดจาตรงไปตรงมาแบบคนโบราณไม่อ้อมค้อม มีความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่เคยอวดอ้างว่าตัวท่านเองเก่งกาจแต่จะพูดถึงผู้อื่นด้วยความชื่นชมยกย่องเสมอ เคยมีคนมาทดสอบภูมิปัญญาของท่านแต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่แฝงด้วยคติธรรมของหลวงปู่ต่างก็ยอมรับโดยดุษฎีว่าท่านรู้จริงปฎิบัติจริง หลวงปู่ไม่เคยว่ากล่าวให้ร้ายผู้ใด แม้ว่าผู้นั้นจะทำให้ขุ่นเคืองใจ หลวงปู่เย็นมีโรคประจำตัว คือ โรคหอบและระบบขับถ่ายไม่ปกติ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ต้อนรับบรรดาญาติโยมที่มาหาท่านตั้งแต่เช้าจรดเย็นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่านมีวิธีสั่งสอนธรรมะ ที่ทำให้ผู้ฟังสนุกสนานเพลิดเพลินไม่รู้เบื่อ ใครที่เคยไปหาท่านครั้งหนึ่งแล้วก็กลับไปอีกคนที่มีทุกข์ทางใจ หลังจากได้สนทนากับหลวงปู่เย็นก็จะเกิดกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรคต่อไป วัตถุมงคล หลังจากทำบุญอายุครบ ๘๙ ปี ของหลวงปู่เย็น เมื่อวันที่ ๒-๓ มีนาคม ๒๕๓๔ ประมาณกลางเดือนมีนาคม ได้มีการขึ้นกุฎิกรรมฐานของหลวงปู่เย็นที่วัดกลางชูศรีเจริญสุขเป็นอาคารไม้สองชั้นหลังเล็กกะทัดรัด ซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ได้พบพระเครื่องจำนวนหนึ่งซึ่งสร้างไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดจนถึงรุ่นฝังลูกมิมิตฉลองพระอุโบสถ ตลอดจนรุ่นสร้างเมรุ ประเภทเนื้อดิน ได้แก่ พระขุนแผนหลังยันต์ “ตัว นะ” ซึ่งกล่าวว่าเป็นพุทธคุณทางเมตตาแรงมาก พระรอด ชาวบ้านศรัทธากันมาก ใครกลัวลูกหลานถูกเกณฑ์ทหาร ถ้าแขวนพระรอดของหลวงปู่เย็นมักจะจับได้ใบดำไม่ต้องเป็นทหาร พระนางพญาเนื้อดิน พระสรรณ์เนื้อดิน และพระตรีกายเนื้อผงใหญ่ซึ่งมีจำนวนน้อย สำหรับรุ่นฝังลูกนิมิตก็มีพระนาคปรก พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เย็นนั่งสมาธิรูปสี่เหลี่ยมนางกวัก เหรียญ ๒ หน้ารูปหลวงปู่เย็นกับพระครูศรี ล็อกเกต รูปหลวงปู่เย็นอัดพลาสติก รุ่นสร้างเมรุเป็นรูปเหมือนอุดกริ่ง นอกจากนั้นก็มีเครื่องมงคลของหลวงพ่อกวยปะปนอยู่ด้วย ได้เค้าความจากหลวงปู่เย็นว่า ในปี ๒๕๒๒ ซึ่งมีงานฝังลูกนิมิตที่วัดกลางชูศรีเจริญสุขนั้น หลวงปู่ได้สร้างเครื่องมงคลจำนวนมาก เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญ ท่านได้นิมนต์พระเกจิสายพระครูศรีมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกหลายรูปอาทิเช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อพิม หลวงพ่อทอง หลวงพ่อปรง เป็นต้น ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๓๔ ได้มีพิธีเททองหล่อพระรุ่นแรกของหลวงปู่เย็นนับตั้งแต่หลวงปู่เย็นได้ศึกษาการผสมธาตุมาจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จนกระทั่งท่านอายุ ๘๙ ปี ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่หล่อพระขึ้น หลวงปู่ได้จัดพิธีถูกต้องตามแบบอย่างโบราณครบถ้วน มีการจัดตั้งศาลเพียงตาบูชาครูบาอาจารย์ เจ้าของวัด เจ้าที่เจ้าทาง และเทพาอารักษ์ ปลุกเสกแผ่นยันต์เจิมเบ้าหลอม จุดไฟ สุมพิมพ์ จุดไฟหลอมโลหะ นำชนวนต่างๆ ที่บรรดาลูกศิษย์นำมาถวายใส่เบ้าหลอม ตลอดพิธีหลวงปู่ได้กำหนดจิตภาวนากระทั่งเสร็จพิธีพระเครื่องรุ่นนี้ได้แก่พระกริ่งอุดด้วยผงผสมเศษเกศาหลวงปู่แหวน ตัว “พ” รูปเหมือน ๘๙ และพระพิฆเนศ ในโอกาสเดียวกันนี้ได้จัดสร้างพระผงขึ้นจำนวนหนึ่ง ได้แก่ สมเด็จทรงนิยม ๘๙ ตัว “พ” เนื้อผงทรงกลมพระผงรูปเหมือนหลวงปู่เย็น นอกจากนั้นยังมีเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ครึ่งองค์ทรงรูปไข่ซึ่งนับได้ว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของวัดสระเปรียญ เครื่องมงคลทั้งหมดเมื่อสร้างเสร็จแล้ว หลวงปู่ได้ทำการปลุกเสกเรื่อยมา จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ จึงได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่อีกครั้ง หลังจากงานทำบุญครบรอบ ๘๙ ปี ของหลวงปู่เย็นเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้มีการสร้างเครื่องมงคลขึ้นอีกรุ่นหนึ่งเป็นผ้าพิมพ์รอยมือรอยเท้าของหลวงปู่เย็น เรียกว่ารุ่นก้าวหน้าหลวงปู่เย็นให้เหตุผลในการสร้างวัตถุมงคลนี้ขึ้นว่า เท้ามีไว้เดินเพื่อประกอบธุรกิจ ส่วนมือมีไว้เพื่อสร้างสรรค์ หลวงปู่เย็นอาพาธ หลังจากงานทำบุญอายุ ๘๙ ปี ผ่านพ้นไปแล้วบรรดาพุทธศาสนิกชนที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงปู่เย็น ต่างพากันหลั่งมาขอเครื่องมงคลจากท่านไปบูชาเป็นจำนวนมาก ใครที่มีทุกข์ทางกายก็พากันมาให้หลวงปู่รักษา ด้วยวัยชราแถมยังมีโรคประจำตัวด้วยทำให้สังขารของท่านทรุดโทรมเรื่อยมา กลางวันต้องคอยต้อนรับญาติโยม กลางคืนต้องมานั่งทำตัว “พ” ที่ทำเสร็จแล้วก็แจกจ่ายกันไปหมด แล้วก็นัดให้มารับวันหลัง ใครที่มารับตัว “พ” ไปจากหลวงปู่เย็นท่านจะประสิทธิ์ให้ด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ให้เขากินอิ่มนอนหลับ พ่อจงโปรดลูกคนนี้เขาจะเอาอะไรก็ขอให้ช่วยเขาสมปรารถนา พระเจ้าพ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ พระเจ้าแม่ลูกคนนี้ พุทธะ เต เชนะ ธัมมะ เต เชนะ สังฆะ เต เชนะ ความใดอย่าให้ถูก ปติเสวามิ พุทธะ เมตตาจิต ธัมมะเมตตาจิต สังฆะเมตตาจิต นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธะปิติอิ” (บทนี้จากในหนังสือโลกทิพย์เป็นผู้เผยแพร่ ส่วนที่ผมใช้ท่องเป็นอีกบทที่เคยเผยแพร่ไว้แล้ว) เมื่อว่างจากการต้อนรับญาติโยม หลวงปู่เย็นก็จะออกไปรดน้ำดูแลต้นไม้และบริเวณวัดให้ร่มรื่นเมื่อได้มา สะอาดตาเมื่อได้เห็นสะอาดหูเมื่อได้ยินแต่สิ่งที่ดี สบายใจเมื่อกลับไป จากการที่หักโหมกำลังเกินวัย ในเดือนเมษายน ๒๕๓๔ หลวงปู่เริ่มอาพาธด้วยอาการระบบขับถ่ายไม่ปกติฉันจังหันได้น้อย จนถึงฉันไม่ได้เลย เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลมาหลายครั้งแต่ก็ไม่ดีขึ้น อาการมีแต่ทรงกับทรุด ศิษย์ที่ใกล้ชิดจะนิมนต์ท่านไปรักษาที่กรุงเทพฯ แต่หลวงปู่ไม่ยอมไป ท่านถือเสียว่าถึงเวลาละสังขารแล้ว หลวงปู่ยอมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งแรก เนื่องจากมีคนบอกกับท่านว่าภาระของท่านยังไม่เสร็จสิ้นวัดสระเปรียญยังไม่เจริญถึงที่สุดตามที่ท่านได้ตั้งใจไว้ เมื่อได้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอย่างเต็มที่อาการของท่านก็เริ่มทุเลาลงเป็นลำดับ หลวงปู่ได้กล่าวกับญาติโยมที่มาเยี่ยมเยือนท่านว่า “ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เป็นทุกข์อย่างยิ่งในชีวิต ร่างกายต้องการอาหาร เครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค จิตวิญญาณต้องการบุญกุศลเป็นอาหาร การได้พบได้เข้าใกล้ ได้ปฎิบัติต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นกุศลอย่างยิ่ง แต่ในชีวิตของคนบางคนและบางครั้งก็ยากที่จะทำได้” เมื่อหลวงปู่เย็นหายจากอาพาธออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่วัดสระเปรียญ ท่านได้ดำริจะสร้างพระขึ้นโดยกล่าวว่า “การสร้างพระเป็นมหากุศลอย่างหนึ่งที่น้อยคนจะสร้างขึ้นมาได้ ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย จะช่วยปัดเป่าบรรดาทุกข์โศก โรคภัยไข้เจ็บและอันตรายต่างๆ ให้สิ้นไปอีกทั้งยังเป็นการเพิ่มบุญบารมีให้แก่ตนเองและช่วยบูรณะวัดสระเปรียญที่เก่าแก่กร้างมาเกือบร้อยปีให้เจริญรุ่งเรืองเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป” และนั้นคือที่มาของเครื่องมงคล “รุ่นชนะภัย” เครื่องมงคลรุ่นชนะภัย เครื่องมงคลรุ่นชนะภัยนี้ หลวงปู่เย็นได้ประกอบพิธีเททองหล่อขึ้นมาเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคน ๒๕๓๔ ซึ่งตรงกับวันมหามงคลวิสาขบูชา โดยจัดพิธีอย่างถูกต้องตรงกับตำหรับของบุรพาจารย์ ที่ท่านถ่ายทอดมาจากหลวงพ่ออิ่มวัดหัวเขา จังหวัดสุพรรณบุรี และท่านพระครูศรี วัดพระปรางค์ จังหวัดสิงห์บุรี ชนวนต่างๆ ที่นำมาสร้างเครื่องมงคลรุ่นนี้ประกอบด้วยชนวนพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ฯ ชนวนท่านเจ้ามา ชนวนหลวงปู่ทอง ชนวนพระอาจารย์ธรรมกิตติ ชนวนหลวงพ่อศรี ชนวนหลวงปู่อิ่ม ชนวนโลหะสัมฤทธิ์เก่าวัดกลางชูศรีเจริญสุข และชนวนของวัดสระเปรียญ ส่วนแผ่นอักขระลงยันต์ประกอบด้วย แผ่นอักขระลงยันต์ของพระครูโลกอุดร แผ่นยันต์พระอาจารย์ ๑๐๘ ยันต์พิชัยสงครามยันต์จักรพรรดิ ยันต์คุ้มกันภัย กันฟ้าผ่า กันไฟ ยันต์มงคลคู่ชีวิต ยันต์เรียกคนมาสู่ไม่ขาด ยันต์มหาปราบ มหาระงับ มหาอำนาจ มหานิยม มหาระรวย มหาลาภ ยันต์จักรนารายณ์น้อยใหญ่ และยันต์ตามแต่อธิษฐานใช่ได้ ๑๐๘ ประการ นอกจากนั้นแล้วยังมีตะกรุดเหรียญเก่าที่สึกชำรุด และห่วงเหรียญจำนวนมาก นำมาหล่อหลอมรวมกันเป็นเครื่องมงคล ที่หลวงปู่เย็นตั้งใจสร้างและปลุกเสกเป็นพิเศษ เพื่อฝากไว้เป็นอนุสรณ์ก่อนอายุขัย มีอยู่ด้วยกัน ๓ ชนิด คือ ๑. พระพุทธมงคลชัยชนะภัย หรือ พระชัยสะดุ้งกลับ เนื้อทองผสม อุดมด้วยผงวิเศษ ผสมเส้นเกศาหลวงปู่เย็น ๒. เหรียญหล่อรูปหลวงปู่เย็นนั่งสมาธิในกลด เนื้อทองผสม ๓. เหรียญหล่อรูปพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จและขจัดอุปสรรคทั้งปวง เนื้อทองผสม เครื่องมงคลรุ่นฉลองอายุ ๙๐ ปี เนื่องในโอกาสที่หลวงปู่เย็นมีอายุครบ ๙๐ ปี คณะศิษย์ได้ร่วมกันขออนุญาตหลวงปู่สร้างเครื่องมงคลเป็นอนุสรณ์ขึ้นชุดหนึ่ง และได้ทำพิธีพุทธภิเษกไป เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๓๕ เครื่องมงคลของหลวงปู่เย็นทานรโต ล้วนแต่เป็นของดีที่หายากในกาลต่อไปข้างหน้าทั้งสิ้น และโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปกราบรับของจากหลวงปู่โดยตรงยิ่งมีความประทับใจมากเป็นพิเศษเพราะปีติที่ได้รับจากมือท่าน ได้ฟังเสียงของท่านแล้วต่างยิ่งมีความสุข เพราท่านเป็นพระคุยสนุกเรียกว่าได้พบได้เห็นได้พูดสนทนาธรรมกับท่านแล้วหายเหนื่อย หลวงปู่เย็น ทานรโต ท่านเป้นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีจริยาวัตรงดงามผุดผ่องน่าเลื่อมใส แทบทุกคนที่ได้ไปพบเห็นท่านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่าน เป็น “พระอริยะ” เป็นพระแท้ พระผู้ประเสริฐเลิศล้ำอย่างแท้จริง มรณานุสติ ในบางครั้งที่สนทนาธรรมกับหลวงปู่ หลวงปู่ท่านก็ให้พิจารณามรณานุสติไว้ ชิวิตคนเราจะได้ไม่ประมาท “สพฺเพ สตฺตา มริสสนฺติ มรณนติหิ ชิวิตํ” ซึ่งแปลว่าสัตว์ทั้งหลายมั้งมวล ย่อมต้องตายเพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุดอย่างนี้ อันกาลเวลาย่อมมีปกติเปลี่ยนแปลงไปไม่มีเวลาหยุดยั้ง ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ย่อมหมดไปสิ้นไปตามกาลเวลา มนุษย์เราทั้งหลายเกิดในโลกนี้ย่อมมีชรา ความแก่ความเฒ่าเริ่มเข้ามาหาเราอย่างเงียบๆ ไม่มีเวลาหยุดยั้งในที่สุดก็แตกสลายเข้าไปสู่อำนาจแห่งความตาย จะเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่จะเป็นคนจนหรือคนรวย จะเป็นใครก็แล้วแต่เมื่อถึงคราวตายก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ชีวิตทุกชีวิตถ้าหมดกรรมหมดอายุก็ต้องตายเหมือนกันหมดแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย พระองค์เป็นผู้ประเสริฐ ประกอบด้วยปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ เมื่อถึงคราวของชีวิต ก็ต้องเข้าสู่ปรินิพพาน คือความตายเหมือนกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จะเอาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเราซึ่งบางครั้งก็เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยกิเลส จักอยู่ค้ำฟ้าจักไม่ตายได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพวกเราชาวพุทธทั้งหลายควรหมั่นพิจารณารู้ตามความเป็นจริงว่า... “ความตาย” เป็นของธรรมดาเป็นธรรมชาติล้วนๆที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามกฎของธรรมชาติ เมื่อเราพิจารณารู้เหตุดังนี้แล้ว เราก็จะเกิดปัญญา มรณภาพด้วยอาการสงบ โดยท่านมีโรคประจำตัวคือระบบขับถ่ายไม่ปกติ โรคหอบ โรคถุงลมโป่งพอง ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤกษภาคม ๒๕๓๙ เวลา ๑๓.๔๕ น. รวมอายุได้ ๙๔ปี ๒เดือน ๑๑ วันสรีระของท่านหลังจากสวดอภิธรรม บำเพ็ญกุศลแล้วนำมาบรรจุใส่โลงแก้วประดิษฐานไว้ที่วัดสระเปรียญ เพื่อให้สาธุชามาสักการะขอพรกันอย่างสม่ำเสมอ สำหรับหุ่นพยนต์ ตัว พ ที่โชว์สามชิ้นนี้ ตัวพ สองตัวแรกคือ สุดยอดแห่งตัว พ ของหลวงปู่ได้แก่ พ พานแปลงร่าง และ พ พานรุ่นแรก (กรอบเขียว) จัดเป็นสุดยอดนิยมอันดับ1ของหลวงปู่ครับ ส่วนล๊อคเกตนั้นเป็นล๊อคเกตยิ้มเมตตา ด้านหลังฝังตัวพ พานเช่นกัน ปัจจุบันของยุคหลังไม่ทันหลวงพ่อมีเยอะครับ ใครสะสมต้องปรึกษาผู้รู้จริงครับ ลองห้อยบูชาดูจะเป็นอะไรดีๆเกิดขึ้นในชีวิตครับ พิสูจน์มาแล้ว พุทธคุณร่มเย็น เหมือนกับชื่อหลวงปู่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 247 : พระสมเด็จสิริมหากาฬเนื้อตะกั่วผสมปรอทหลวงพ่อนก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิ

    รายการที่ 247 : พระสมเด็จเนื้อตะกั่วผสมปรอทหลวงพ่อนก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิ
    พิมพ์เล็ก หนา หนัก สวยงาม

    ราคา 2,500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2016
  18. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 248 : พระปิดตาปักเป้า เนื้อสัมริด แก่ตะกั่ว หลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี

    รายการที่ 248 : พระปิดตาปักเป้า หล่อโบราณเนื้อสัมริด แก่ตะกั่ว หลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี

    ราคา 1,800 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    ปิดรายการที่ 210
    รับทราบการโอน
    ขอที่อยู่เพื่อจัดส่งด้วยครับ
     
  20. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,121
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,082
    รายการที่ 210 ผมส่งให้ภายในพรุ่งนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...