สอบถามนะครับ เกี่ยวกับกาม อภิญญา

ไปเที่ยวกันใหม
ภพใหนดี
5555+

 

ถ้าพี่ว่า
ไม่ได้หมายว่าเราานะ
โปรดเข้าใจ

 

แล้ว คุณหนุ่ม สังเกตเพิ่มด้วย

นอกจาก ปิติ สุข อันเกิดจาก จิตตนได้

หากสังเกตุ ปิติ สุข จากธรรมภายนอก(คนอื่น) เราก็ น้อมมาเป็น
ธรรมภายใน เพื่ออาศัยระลึก หน่วงเหนี่ยวให้ จิตเป็นกุศลได้

การระลึกถึง บรรพบุรุษ แล้ว สัมผัส ปิติ สุข ได้ เราก็เรียกว่า เทวตานุสติ

การระลึกถึง พระพุทธองค์ แล้ว สัมผัส ปิติ สุข ได้ เราก็เรียกว่า พุทธานุสติ

การระลึกถึง ทาน จาคะ ศีล แล้ว สัมผัส ปิติ สุข ได้ เราก็เรียกว่า ".......นุสติ "

จะเห็นว่า เราไม่ได้น้อมเพื่อเข้าไปเป็นพวก เป็นกลุ่มชน เราจะอาศัยเป็นวัตถุ
ธาตุหน่วงเหนี่ยว สภาวะกุศลธรรม เพื่ออาศัย ระลึกความเกิด ความดับ

 

วันนี้มียักษ์ด้วยนะ
เห็นใหม
55555+

 

ย้อนไปดูในอดีต ผมเรียน ป 5 เห็นจะได้

แม่ไห้ตั้งค์ กินหนม ปั่นจักรยานไป ผ่าน

ร้านขายเสื้อผ้า ห้อยโตงเตง ตามตลาดนัด

สีแดง ผมเห็นชอบใจซื้อเลย

ป้านะ พี่แม่ผม แกผิวพรรณดี

ได้ คนจีน เป็นสามี

พอเทศกาลของคนจีน

ขนม นมเนย แบบจีน

ที่บ้านมีกินตลอด อะไรที่เป็นของจีนๆ

ผมได้หมด ตอนนั้นนะ

ณ.นี้ อีสง อีสาน ได้หมด

แต่ไปย้อนดูวัยเด็ก ส้มตำ ไม่ค่อยชอบ

ปลาร้าไม่เอา ...

 

แล้วใงต่อ

 

ก็บอกแล้วว่าคนจีนไม่ชอบปราร้า
ก็ตรงตัวแล้วนี้นะ

 

กลับมาที่ กระทู้

ทำอย่างไร พ้นกาม

เราจะซ่องเสพฌาณ มีจิตไม่ห่างจากฌาณ

แต่ ห้ามตั้งจิตว่า เราเสพฌาณเพื่อละกาม ...ถ้าทำแบบนี้ ภพใหญ่ อันเป็น
เหตุให้ลงมือปฏิบัติ จะเน่าใน พอฌาณเสื่อม กามจะกระโดดกัดเหวะหวะเอน็จอนาถ

การซ่องเสพฌาณ จะต้องวางจิตให้ถูก วางจนเข้าไปแจ้งว่า ปฏิปทานี้ เป็นอุบาย
นำกามออก อันนี้จะ ล่วงส่วน ไม่โดนคิดดอกเบี้ย เหวะหวะภายหลัง

แต่พอปฏิบัติจริง จะยากนะ ร้อยละร้อย พอนึกถึงการปฏิบัติ เราจะเอา กามตั้งเสีย
ร้อยละร้อย จะเจตนาบังคับจิตให้เป็นไปตามต้องการ ...ก็อย่าท้อ เพราะการเห็น
ปฏิปทาที่เป็นทาง นานๆ จะเห็นได้ทีนึง และ จะเห็นชัดแค่ 4หน ก็จบกิจ

 

บ้านพี่มีเป็นให
ปลาร้า ปลาจ๋อม

พี่กินได้หมดนะ
ไม่อี้
พี่โตมาอย่างงั้น
นะ

 

ออกมาได้ก็อย่าให้หลอกได้
ออกได้ก็ออกจริงๆ
ไม่ใช่ออกหลอกๆนะ
จริงมะ

 

อิอิ
แล้วเวลาคุยทำไม่ต้องดันเพื่อนฝูงเขาให้ตกเก้าอี้หรอก
แย่งกันนั่งบ้างก็ได้
หากปฎิบัติ
ที่นั่งที่พอจะแบ่งให้เขาได้ก็แบ่วบ้าง
ไม่ใช่โยนขี้ให้คนอื่น
กูหอมคนเดียว
มันไม่ใช่วิสัยนักปฎิบัตินะ
5555+

 

ป้องกันตัวได้
แต่ทำร้ายคนอื่น
มันบาป

 

ตรงนี้ ขอแทรก การน้อมจิตไปในญาณทัศนะ นิดนึง

การที่ จิตเข้าไปในแสง ไปเห็นภพของหมู่สัตว์(ไม่ใช่คำหยาบนะ สัตว ในทางธรรม หมายถึง จิตที่มีอุปทานขันธ์ ต่างๆ ) และได้ พูดคุยด้วย และ ได้กำหนด
รู้ว่าเคยร่วมใน ภพ ภูมินั้นด้วย อันนี้ จะเป็น ญาณทัศนะ ตัวหนึ่ง

แต่ ส่วนที่ระลึกได้ถึง ชาติ พิวพรรณ วรรณะ อุปทานในรส ในขันธ์ อย่างหนึ่งๆ
อันทำให้ได้มาซึ่ง ภพ ชาติถัดไป อันนี้ก็เป็น ญาณทัศนะ อีกตัวหนึ่ง

ในทางปฏิบัติ เราจะ หมายเอา การระลึกที่เป็น ปัจจัยการ ให้ได้มาซึ่ง ภพ
ชาติ เป็นหลัก หากวางจิตระลึกตรงนี้ จะเห็นภาพได้นับแสน นับพัน ไม่ต้อง
ไปนับ ไม่ต้องไปเสียเวลาคุย ซึ่ง จะทำให้ มี วิชชา ในการดำริออกจากภพ
ได้มากกว่า การเข้าไปแบบ มีเสวนา มีการกำหนดว่าเคยเป็นไหม

ถ้าชำนาญ จะเห็นได้ว่า ญาณชนิดหนึ่งกลับออกมาแล้วมันติดใจ มันมีอาสวะ อุปกิเลส ตบท้ายเสมอ

ส่วนอีกญาณหนึ่ง ออกมาแล้วจะไม่หวลกลับไปติดรสชาติ สงสัยว่าเห็นอะไร รู้อะไร ไม่มีอาการ
เกิดอุปกิเลสแถมพ่วง จิตก่อนเห็น ระหว่างเห็น หลังเห็น จะเรียบบบบบบ เป็นเนื้อเดียว เอกัคคตา
ไม่ใช่แค่ตอน ฝึก

 

ผิดข้อนี้
ให้รู้เพื่อละ
นะ
เป็นส่วนดี

 

รู้
ให้เห็นเหตุ
ให้เห็นผลของเหตุ
ละเพื่อก่อเวร
รู้เพื่อละไม่ผิดนะ

จะเคยเป็นอะไร
ต้องย้อนได้
ทำไม
อะไร
เสวยอะไร
ดับใหม
ดับได้เหมือนกันนนะ

 

หากรู้เพื่อหลง
อย่าไปรู้มันเลย
เสียเวลาทำมาหากิน

 

พระท่านว่า
เอาปัจจุบัน
จิตอยู่ที่ปัจจุบันจบที่ปัจจุบัน
ไม่มีอดีตไม่มีอนาคต
มีตรงนี้
ตรงนี้
ปัจจุบันนี้เท่านั้น
นะ

 

วันนี้พูดเพราะมาก
ถูกใจ

แล้วยานนี้ยานใหนละ

 

ไฟทนี้
น้องได้กุศล
พี่ได้ใบบุญด้วยนะเนี้ย
โมทนาคะ

 

ยานนี้อย่านานนะ
จะรออ่าน
นะคะ