*ลดราคาพิเศษ* พีระมิดปรอท ลป.ละมัย/ ลป.ทวด "รุ่นรวมโพธิญาณ" หลวงตาม้า/ล็อคเก็ตจัมโบ้ ลพ.มนัส

พีระมิดปรอทหลวงปู่ละมัย ฐิตมโน









เป็นวัตถุมงคลที่ไม่เหมือนวัตถุมงคลอื่นๆ เนื่องจากหลวงปู่เป็นพระสายเหนือโลก
ท่านจึงสามารถสร้างวัตถุมงคลที่ดึงพลังงานจากจักรวาลมาไว้ที่ตัวพีระมิด มีพลังในการปรับสมดุลธาตุ นำมากำภาวนาดีมาก
สร้างน้อยหายาก มีเงินต่อไปก็ใช่ว่าจะหาได้ซักชิ้นนะครับ

หลวงตาม้าท่านมักจะกล่าวถึงปรอทหลวงปู่บ่อยๆ ว่าใช้ดี ป้องกันไข้ป่าได้ชะงัดนัก

ในส่วนของตัวปรอทเสกของท่าน ก็มีคุณสมบัติในการดูดพิษต่างๆอีกด้วย
ถ้าเกิดแมลงสัตว์กัดต่อย นำพีระมิดไปทาบไว้ ไม่นานก็จะหาย ปรอทเสกของหลวงปู่จะดูดพิษไปจนหมดครับ


อัตชีวประวัติ " หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน"

หลวงปู่ท่านมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ นาลอง จ.บุรีรัมย์ พออายุได้ ๔ ขวบโยมพ่อก็ได้พาท่านไปอยู่ที่กัมพูชา เมื่ออายุ ๑๒ ปี ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งนุ่งห่มจีวรสีเข้มเดินมาจากไหนไม่รู้ ถามท่านว่ามาจากใหนท่านก็บอกว่ามาจากลังกาป่าหิมพานต์ ท่านเรียกพระธุดงค์องค์นั้นว่า " หลวงปู่ผมยาว " หลวงปู่ผมยาวถามท่านว่า อยากบวชเณรไหม..ท่านจึงบอกว่าอยากบวช หลวงปู่ผมยาวบอกให้่ท่านไปขออนุญาตพ่อแม่ก่อน ซึ่งพ่อแม่ของท่านนั้นก็ไม่ขัดข้อง จากนั้นหลวงปู่ผมยาวก็บวชให้ท่านเป็นสามเณร พอเสร็จพิธีหลวงปู่ผมยาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

จากนั้นหลวงปู่ก็เริ่มปฏิบัติธรรมภาวนา จิตใจดื่มด่ำอยู่ในองค์ภาวนา ตี๔ตี๕ ตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์ กวาดลานวัด สวดมนต์เย็นทำสมาธิพอถึง ๔ ทุ่ม ก็เข้าจำวัด จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี วันเวลาผ่านไปแล้ว 12 ปี อายุของท่าน ๒๔ ปีท่านจึงมีความคิดที่จะบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อปฏิบัติธรรมให้รุดหน้ายิ่งๆขึ้น ในขณะนั้นท่านได้มาพักปฏิบัติธรรมอยู่ในดินแดนเขมรอยู่หลายปี จนท่านสามารถอ่านและเขียนภาษาเขมรได้ เมื่อมีความต้องการบรรพชาอุปสมบท ณ วัดแห่งหนึ่งในเมืองพนมเปญ

เมื่อได้ฤกษ์บวชพระกรรมวาจาจารย์ พระคู่สวด และพระอันดับมาพร้อมเพียงกันในพระอุโบสถ ขาดแต่พระอุปัชฌาย์ซึ่งท่านกำลังเดินทางมา อยู่ๆหลวงพ่อผมยาวที่เคยบวชให้ท่านเมื่อ ๑๐ ปีก่อนก็ปรากฎกายขึ้นที่อาสนะของพระอุปัชฌาย์พร้อมสั่งให้ท่านเริ่มพิธีขอบรรพชาทันที จนพิธีอุปสมบทนั้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์โดยท่าน ได้รับฉายาว่า "ฐิตมโน " จากนั้นท่านจึงคลานเข้าไปหาพระอุปัชฌาเพื่อขอนิสัย ซึ่งพระอุปัชฌาหรือหลวงปู่ผมยาว ได้ให้โอวาทกับพระบวชใหม่ แล้วท่านก็แสดงปาฏิหารต่อหน้าพระภิกษุในโบสถ์ ร่างของท่านลอยขึ้น เหนืออาสนะประมาณศอกครึ่ง แล้วท่านก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาพระทุกรูปในอุโบสถ


ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของเวียดนาม รัฐบาลของ โง ดินห์ เดียม ได้เริ่มกีดกันไม่ให้ความเท่าเทียมกันทางศาสนา ด้วยนายโง ดินห์ เดียม ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์พยายามให้ประชาชนเวียดนามส่วนใหญ่นับถือพุทธนิกายมหายานเปลี่ยนมาให้นับถือศาสนาคริสต์ ด้วยวิธีการกดขี่ เข่นฆ่าอย่างทารุณโหดเหี้ยมไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ แม่ชีและศาสนิกชนทั่วไป
พระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก อายุ ๗๓ ปี จากวัดเทียนมู่ เมืองเว้ ได้ประกาศอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพุทธศาสนาโดยประกาศเผาตัวเองเพื่อทำการประท้วงรับบาลแต่รัฐบาลของ นายโง ดินห์ เดียม หาสนใจไม่ แล้ววันที่โลกตะลึงก็มาถึง
๑๑ มิถุนายน ๒๕๐๖ กลางสี่แยกของกรุงไซ่ง่อนพระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก ก็ได้นั่งลงกลางสี่แยกไฟแดงท่ามกลางสายตาของพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี และศาสนิกชนหลายพันคน ท่านนั่งประนมมือทำสมาธิสั่งให้ลูกศิษยืนำน้ำมันเบนซินจากถังประมาณ ๕ ลิตร ราดลงไปบนตัวของท่าน จนชุ่มโชกไปด้วยน้ำมัน จากนั้นก็จุดไฟ

ท่ามกลางกองเพลิงที่ลุกโชนเปรวไฟอันร้อนแรงแผ่ความร้อนมาถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง ร่างของท่านนั่งนิ่งสงบไม่ไหวติงไม่มีอาการทุรนทุราย พระภิกษุ แม่ชี และเหล่าศาสนิกชนต่างก้มลงกราบท่านด้วยความเคารพและศรัทรา สักพักร่างของท่านจึงล้มลงกับพื้นถนน

หลวงปู่ละมัยซึ่งได้ธุดงค์ไปถึงเวียดนามในขณะนั้นท่านก็อยู่ในเหตุการณ์การสละชีพเพื่อเป็นพุทธบูชาของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก ก็กำหนดจิตดูก็รู้ว่า "ท่านได้เข้าฌานสมาบัติแยกจิตออกจากกาย" ตั้งแต่ที่เริ่มลาดน้ำมันที่ตัวท่านแล้ว ดังนั้นร่างของท่านจึงไม่รับรู้เวทนาจากเปลวเพลิงที่ร้อนแรง จิตที่สละชีวิตเพื่อพุทธศาสนาเพื่อเป็นพุทธบูชาอันเป็นภูมิธรรมของ " พระโพธิสัตว์"

หลังจากเปลวไฟสงบลง หลวงปู่ละมัยได้เข้าไปกราบนมัสการสังขารที่ไหม้เกรียมเป็นตอตะโกของท่าน จากนั้นร่างของท่านก็ถูกนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ณ วัดเทียนมู่ และสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น "หัวใจ" ของท่านมิได้ไหม้ไฟไปกับพิธีฌาปนกิจ เหมือนเป็นการยืนยันว่า หัวใจของท่านเป็นหัวใจของ "พระโพธิสัตว์" แท้จริง ปัจจุบันหังใจของพระโพธิสัตว์ถูกเก็บรักษาไว้ในสถูปทองคำที่วัด จากนั้นหลวงปู่ละมัยก็เดินธุดงค์ต่อไปในดินแดนเวียดนามอีกหลายพรรษา

อายุของหลวงปู่ละมัยเป็นอจินไตยไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ บ้างก็ว่าท่านอายุ 141ปี บ้างก็ว่า สามร้อยกว่าปี ซึ่งผู้เขียนเองไม่กล้าสรุปได้แน่ชัด แต่ได้ค้นคว้าพอได้ใจความคือ ปีพ.ศ.2545 หลวงปู่บุญมา ถาวโร อายุขณะนั้น108 ปี ท่านต้องการที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ก็เกรงว่าจะไม่สำเร็จ หลวงปู่บุญมา ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า หลวงปู่ละมัยเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน เคยพบกับหลวงปู่ละมัยท่านตอนธุดงค์ ตอนนั้นหลวงปู่บุญมาอายุ 15 ปีได้ หลวงปู่ละมัยท่านจะเป็นผู้ที่สร้างพระธาตุสำเร็จ เพราะท่านมีบารมีมาก หลวงปู่บุญมาท่านได้ปรึกษากับเหล่าศิษยานุศิษย์ และได้ทราบว่า หลวงปู่ละมัยยังดำรงขันธ์อยู่ ท่านจึงให้คณะศิษย์ ไปกราบอาราธนานิมนต์หลวงปู่ละมัย ซึ่งท่านก็รับนิมนต์จนการก่อสร้างสำเร็จ และยกฉัตรไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2552 ซึ่งก็คือ พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี วัดแดนคงคาวนาราม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ นั่นเอง จากข้อมูลนี้ ปี2545 หลวงปู่บุญมา อายุ108ปี ท่านเคยพบหลวงปู่ละมัยตอนอายุ15ปีหรือผ่านมา 93ปี พอจะสรุปได้คร่าวๆว่าหลวงปู่ละมัยท่านต้องอายุร้อยกว่าปีขึ้นไปแน่นอน อย่างที่ผู้เขียนได้แจ้งไว้ก่อนหน้า อายุของหลวงปู่ละมัยเป็นอจินไตย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
---------------------------


หลวงปู่ละมัยฯ ประธานจุดเทียนชัยในงานหล่อพระใหญ่ สมเด็จองต์ปฐมที่วัดสระพัง นครปฐม

-ศิษย์หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร.....

-ผู้สำเร็จวิชาปรอท( กล่าวกันว่าอมในปากแล้วเหาะได้) และตำรับยาสมุนไพร เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ(ยาอายุวัฒนะ-สาวสองพันปี ฯลฯ).....

-ผู้สร้างพระปิดตาปรอท ปิรามิดปรอท......

-ผู้ต้องนำไตรจีวรไปถวายหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรที่ถ้ำวัวแดงเป็นประจำทุกปี......

-ผู้อำนวยการสร้างวัดจุฬามณี ชัยภูมิ(อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง) โดยหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรมอบหมายหน้าที่สำคัญนี้.....

---------------------------
ธรรมะหลวงปู่ละมัย

***การกราบพระ
กราบครั้งที่ 1 - กราบพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
กราบครั้งที่ 2 - กราบพระธรรมเจ้า ตั้งแต่ อดีจ ปัจจุบัน และอนาคต
กราบครั้งที่ 3 - กราบพระสงฆเจ้า ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

***มีโยมมากราบหลวงปู่ บอกหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ของเขา

หลวงปู่ตอบว่า ครูมีอยู่ 6 คน
1. ตา
2. หู
3. จมูก
4.ลิ้น
5.กาย
6.ใจ

***การภาวนา

เอาแค่"นิจจัง"ก็พอ "นิจจัง" แปลว่า "จริง" ใช้อย่างอื่นจิตมันดิ้นไปมาได้
แต่ถ้านิจจังมันไม่ดิ้น มันไปไหนไม่ได้ โลกนี้มันมีอยู่แค่นั้น

"จริง" เป็น "โลกียะ"
"ไม่จริง" เป็น "โลกุตระ"

(ตรงนี้เป็นปริศนาธรรมที่ลึกซึ้งมากครับ เพราะปกติเราจะสอนกันว่าโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่จริงแท้ แต่หลวงปู่ให้ดู"นิจจัง" ความเที่ยง ความจริงแท้ แล้วตอนท้ายหลวงปู่ยังมาสลับอีกรอบว่า "จริง" เป็นแค่โลกียะอีก ลองพิจารณากันดูนะครับ จริงไม่จริง... จริงไม่จริง...)

หลวงปู่บอกว่า - การภาวนาน่ะ ทำท่าไหนก็ได้ ไม่ต้องไปนั่งตัวตรงเป๋ง ขัดสมาธิแบบที่ใครๆมันบอก เอาที่มันสบาย ดูตาคูณสิ (หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่) เค้านั่งยองๆ รู้รึเปล่าว่า ที่เค้านั่งยองๆน่ะ เค้ากำหนดจิตไว้ที่ฝ่าเท้า เค้าถึงได้มีกำลังจิตขนาดนั้น สมเด็จโต เค้าก็เอากำปั้นมาซ้อนกัน มันสบาย เค้าก็เอาแบบนั้น ท่าไหนก็ได้ จะนั่ง จะเอน จะพิง เอาให้มันสบาย..."

---------------------------
คำของพระอริยะสงฆ์หลายๆองค์ที่ท่านกล่าวถึงองค์หลวงปู่ละมัย
(บางองค์ก็มรณะภาพไปแล้ว)

" พระของท่านมีค่ามากกว่าทองและมีพุทธคุณครอบจักรวาล "
นี่คำบอกบอกหลวงพ่อรวยวัดตะโกอยุธยา (หลวงพ่อรวยเป็นพระที่หลวงพ่อคูณยกย่องในคุณธรรม และท่านก็ศิษย์รุ่นน้องหลวงพ่อคูณ หลายคนไม่รู้ว่าหลวงพ่อรวย ท่านก็เป็นศิษย์หลวงปู่คงวัดถนนหัก พระอภิญญาที่มีอิทธิ์ฤทธิ์เช่นเดียวกับหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า)

" ฉันยังต้องไปกราบหาท่านเลย และขอบารมีจากท่าน เรื่องการหล่อพระ ต้องไปถามพระผู้ใหญ่แบบท่าน ท่านเป็นพระดีพระแท้องค์หนึ่ง "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่นะ วัดหนองบัว

" จะหาพระแบบหลวงปู่ละมัย ไม่ได้แล้วน๊ะ " นี่คือคำบอกของหลวงปู่สุภา

" พระแบบนี้ นานๆจะออกมาโปรดพวกเราสักที ท่านเป็นผู้ใหญ่ พระโบราณ ตักตวงเข้านะ "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน พระอรหันต์เจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยา
(หลวงปู่ชื้นท่านเป็นพระที่มีอิทธิ์ฤทธิ์ ผมเคยไปเรียนวิชากับท่าน เช่น วิชาจักรพระรัตนตรัย และวิชาธรรม และวิชาต่างๆ เทียวไปเทียวมาอยู่หลายปี ตอนท่านยังไม่โด่งดัง พระของท่านราคาแค่20-30บาทครับ)

" หลวงปู่ท่านอยู่ที่ไหน พาฉันไปกราบท่านบ้าง "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่เปรี่ยม (แล้วท่านก็ขอพระปรอทผมไป และยังขอรูปถ่ายผมไป ซึ่งผมก็ถวายให้ท่านไป
ท่านยังเก็บไว้ในอังสระของท่านตลอด)

" ท่านเป็นพระสำคัญมากน๊ะ ไม่มีท่าน ชาวเพชรบูรณ์จะตายกันมาก "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่ใหญ่พิษณุโลก (พระองค์นี้คือลูกชายแท้ๆของ.....และเป็นศิษย์สายตรงของหลวงปู่เทพโลกอุดร)


" ท่านใหญ่ ท่านมีบารมีมาก ทุกพิธีเกี่ยวกับฉันต้องอาราธนาท่านทุกครั้ง อย่าได้เอาฉันไปเทียบกับท่านเลย" นี่คือคำบอกของหลวงปู่หมุนวัดบ้านจาน

" เคยเจอกัน ท่านเสมือนเป็นอาจารย์ของฉันอีกองค์ ฉันเจอท่านยังต้องกราบท่านเลย ในพิธีพุทธาภิเษกหลายๆครั้ง "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่กองวัดศระมณฑล

" หลวงปู่ละมัยท่านเป็นพระโบราณ มีความศักดิ์สิทธิ์มากน๊ะ " นี่คือคำบอกของหลวงปู่จิต

" หลวงปู่บุญมาวัดแดนคงคาราม สั่งลูกลูกศิษย์ไปหาหลวงปู่ละมัย เพราะท่านเป็นอาจารย์ของฉันตั้งแต่สมัยฉันเป็นเณร ท่านเก่งมาก ถ้าฉันตายไปแล้ว ให้ไปหาไปกราบเอาธรรมจากท่านให้ได้ ท่านอยู่ที่เพชรบูรณ์ "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่บุญมา

" ท่านใหญ่ท่านบารมีมากหลายเด้อ " นี่คือคำบอกของหลวงปู่คำน้อย

" จิตท่านไปไกลมาก นั่นคือดวงธรรมแห่งพุทธะที่เป็นหนึ่งเดียว " นี่คือคำบอกของหลวงปู่เที่ยงธรรม

" ท่านยังอยู่หรือนี่ ท่านเคยเป็นอาจารย์ฉันมาก่อน ท่านเก่งรอบด้าน ทุกอย่างเลย ฉันยังต้องเรียนจากท่านเลย "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่กลอยเขาหิน

" โอ้ย ! ท่านไม่ได้มาเรียนอะไรจากฉันหรอก มีแต่ฉันที่ต้องศึกษาจากท่าน ที่หนังสือเอาไปลงเขาเขียนกันเปรอะไป ฉันต้องเคารพท่านในฐานะครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง "
นี่คือคำบอกของหลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน เพชรบูรณ์
(ในหนังสือพระ จะลงข้อมูลไม่ตรงกับที่ผมได้ยินมาจากปากของหลวงปู่ขุ้ยครับ)
Credit:เพชรฉลูกัน
---------------------------

สร้างน้อยหายาก
25,000 บาท
ชิ้นนี้รับประกันแท้ตลอดชีพเพราะไปบูชามาเองตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ยังทรงธาตุขันธ์อยู่ครับ

----------------------------
รายละเอียดการจองและโอนเงิน
1. จองพระได้ไม่เกิน 3วัน นับตั้งแต่วันที่จอง ถ้าเกินตัดสิทธิ์การจองครับ
2. โอนเงินมาที่บัญชี
นายปีเตอร์ แสงมงคลเลิศสิริ ธ.กรุงเทพฯ บัญชีออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 171-4-150032
3. โอนเงินแล้ว ***รบกวนแจ้ง วัน-เวลา-ยอดเงินให้ทราบด้วยนะครับ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ***
4. จัดส่งฟรี จัดส่งแบบ EMS
5. โทรสอบถามรายละเอียดอื่นๆได้ที่ 099-095-4915

 

ช่วงนี้ราคาพิเศษ
สนใจอินบ็อกได้เลยครับ

 

หลวงปู่ทวด "รุ่นรวมโพธิญาณ" พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร วัดถ้ำเมืองนะ
ชุดนำฤกษ์ ประกอบไปด้วยพระ 3 องค์ พิมพ์กลักไม้ขีด, พิมพ์ใหญ่, และพิมพ์พระรอด
จัดสร้างขึ้นเพียง 32 ชุด ชุดพิเศษนี้กดพิมพ์โดยพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)



โดยด้านหลังองค์พระจะฝังด้วยชิ้นไม้เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช
แต่องค์ประธานคือกลักไม้ขีดจะมีเพิ่มพิเศษ คือ
ด้านหน้า
1.องค์หลวงปู่ดู่บรรจุอัฐิธาตุหลวงปู่ดู่องค์โตไว้
2.ผงมวลสารเข้มข้นป้ายติดหน้าองค์หลวงปู่ทวด
ด้านหลัง
เจดีย์กลับหัวจะมีเฉพาะที่หลวงตาม้าท่านกด32องค์
1.มีปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์
2.เม็ดมวลสารสมเด็จจิตรลดา
(โดยนำมวลสารสมเด็จจิตรลดาที่เป็นก้อน นำมาตำให้เป็นก้อนเล็กโดยประมาณ 1 - 2 มิล แล้วนำมาฝังอยู่ด้านหลังองค์พระ)

----------------------------
พระชุดนี้ถือกำเนิดจากการที่หลวงตาม้าท่านได้มอบพระเครื่องสมัยหลวงปู่ดู่ที่ทันเเละเเท้ตามสากลนิยมยุคเก่าๆเเม้กระทั่งพระดินเผาพระสมัยเเรกมาจำนวนมากให้ส่วนตัวกับข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าอยากจะสร้างพระถวายให้วัด พระเดชพระคุณหลวงตาม้าอนุโมทนาอนุญาติเเละเป็นประธานอธิษฐานเเละเป็นองค์พิมพ์ด้วยตัวท่านเอง

ประกอบกับมีศิษย์หลวงพ่อดู่ วัดสะเเกที่ได้เก็บ อัฐิธาตุของหลวงปู่เเละอังคารธาตุพร้อมทั้งผงมหาจักรพรรดิ์ที่ท่านลบเองกับมือนำมามอบให้ในพิธี
ฉะนั้นพระชุดนี้จึงถึงความเป็นองค์หลวงพ่อทวดที่ที่ผนวกกับหลวงพ่อดู่โดยความเกี่ยวของกับธาตุขัณฑ์อันหาได้ยากยิ่ง อย่าว่าเเต่ธาตุขัณฑ์ท่านเลยเเม้เเต่พระเเท้ๆ ที่ทันท่านยังหายากเเละเชื่อยากเต็มที ฉะนั้นพระชุดนี้จึงเป็นอีกประวัติศาสตร์หนึ่งของการสร้างพระหลวงพ่อทวดที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดู่ที่ใกล้ชิดองค์ท่านมากที่สุดในลักษณะวัตถุ

------------------------------
มวลสารมหามงคลชั้นสูงที่ผสมการสร้างพระเครื่องรุ่นพิเศษนี้
1.มวลสารจิตรลดาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสืบถอดสมบัติของคุณครูอาคม สายคม
2.รัตประคตพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทาน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2539 คราวบรรพชาสามเณร
3.พระจีวรสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร
4.เศษอิฐกำเเพงโบราณวัดบวรนิเวศวิหาร
5.ไม้ราชรถในสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาถ
6.ไม้ช่อฟ้าใบระกาพระที่นั่งพุทไธสวรรค์
7.อิฐฐานชุกชีในโบสถ์วัดบวรสถานสุทธาวาส นาฏศิลป์
8.ใบลานในกรุวังหน้า เมื่อปี2508

มวลสารจากประเทศอินเดีย
1.ดินสังเวชนียสถานทั้งสี่
2.กิ่งเเละใบโพธิ์พุทธคยาเเละเศษอิฐพระเจดีย์พุทธคยาองค์เดิม
3.ดินเเละน้ำเเม่น้ำสายสำคัญของประเทศอินเดีย เช่น เเม่น้ำคงคา
4.ผงธูปสถานมงคลในพระพุทธประวัติทุกที่

มวลสารสายหลักเมืองนครศรีธรรมราชมีดังนี้
1.ผงว่านผ่านพิธีหลักเมืองนครปี2530
2.ผงพระสุริยันผงพระจันทราผงพระพุทธสิหิงส์ปี2530
3.ผงไม้ตะเคียนที่เหลือจากการเเกะสลักเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราชปี 2528 จาก 3 ท่านดังต่อไปนี้
พระปลัดเกษม เขมจิตโต วัดชะเมา ท่าวัง นครศรีธรรมราช
นาย ณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช
นาย บุญส่ง ธาดาประดิษฐ์
4.ชิ้นส่วนพระเจ้าศรีธรรมโศกองค์จริงที่โบราณสถานลานสะกา
5.ชิ้นส่วนถ้วยชามเเละเศษกระเบื้องโบราณที่โบราณสถานลานสะกา
6.เเร่ดีบุกภายในวังโบราณลานสะกา
7.ดินเเละน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ห้วยนาคราช
8.ดินเเละว่านผงมวลสารรวมในการสร้างจตุคามรามเทพของวัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จากพระราชธรรมสุธี
9.ผงพระเครื่องจตุคามรามเทพรุ่นมงคลบารมีครอบฟ้าคลุมดินที่เเตกหักทุกเนื้อของกองทุนหลวงพ่อปาน โสนันโธ สุพรรณบุรี มอบโดย คุณธงชัย กองทุน
ปาน

มวลสารสายตรง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้
1.ผงว่านเเละดินกากยายักษ์เมื่อปี2497เเละอิฐสถูปหลวงพ่อทวดอันดั้งเดิมที่พบสมัยอาจารย์ทิม
2.ผงชิ้นส่วนพระเครื่องหลวงพ่อทวดเนื้อว่านปี2497พิมพ์ต้อ
3.ผงดินใต้ฐานพระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี2502
4.ผงดินเเละว่านเก่าของท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว
5.ผงลูกอมหลวงพ่อทวดที่อธิษฐานด้วยการประทับทรงหลวงพ่อทวดที่ได้รับการรับรองจากอาจารย์นอง ในปี 2526 ว่าเป็นของจริง
6.ผงว่านเก่าของอาจารย์เขียวเจ้าอาวาสรูปเก่าเเละชิ้นส่วนพระเกศพระพุทธรูปสมัยอยุธยาก่อนสมัยสมเด็จเจ้าพะโค๊ะรวมทั้งเศษอิฐโบราณของวัด ผงธูปเเละเกสรดอกไม้บูชาสมเด็จเจ้าพะโค๊ะ วัดพะโค๊ะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา (อันเป็นวัดที่สมเด็จเจ้าพะโค๊ะได้เคยเล่าเรียนในสำนักนี้รวมทั้งเป็นวัดที่สมเด็จเจ้าได้กลับมาบูรณะหลังจากได้รับการถวายราชสมบัติเป็นรางวัลในการตอบปัญหาในครั้งกู้ชาติได้สำเร็จ)
7.ผงดินที่พักพระศพของหลวงพ่อทวดในประเทศมาเลเซียเเละประเทศไทยครบทุกที่ ในตำนานโดยได้รับมอบจากคุณย่า สุมณฑา กุลละวณิชย์

มีดินที่พักพระศพดังนี้
จุดที่ 1 สถานที่มรณภาพริมฝั่งน้ำสุไหงเกอร์ และสุไหงเกอร์นาริง รัฐเปรัค
จุดที่ 2 สถานที่พักพระศพบ้านพกั๊วะลั๊วะ หรือวัดโกร๊ะใน รัฐเปรัค
จุดที่ 3 สถานที่พักพระศพวัดจะดาบ (ร้าง) อำเภอโกร๊ะห์ รัฐเปรัค
จุดที่ 4 สถานที่พักพระศพโคกเมรุ อำเภอบาลิง รัฐเคดะห์
จุดที่ 5 สถานที่พักพระศพบุกิตสามี หรือควนพระ รัฐเคดาห์
จุดที่ 6 สถานที่พักพระศพบ้านควนเจดีย์หรือบ้านหลังไกว้ รัฐเคดะห์
จุดที่ 7 สถานที่พักพระศพบ้านปาดังเปรียง หรือปาดังแปลง รัฐเคดะห์
จุดที่ 8 สถานที่พักพระศพบ้านทุ่งควาย หรือกำปงจีนา รัฐเคดะห์
จุดที่ 9 สถานที่พักพระศพวัดลำปำ ตำบลรำไม อำเภอเปิ้นดัง รัฐเคดะห์
จุดที่ 10 สถานที่พักพระศพบ้านปง ตำบลเตอกเยร์คีรี รัฐเคดะห์
จุดที่ 11 สถานที่พักพระศพบ้านปลักคล้า ตำบลนาคา รัฐเคดะห์
จุดที่ 12 สถานที่พักพระศพบ้านนาข่า ตำบลนาคา รัฐเคดะห์
จุดที่ 13 สถานที่พักพระศพบ้านบาวฉมัก รัฐเคดะห์
จุดที่ 14 สถานที่พักพระศพบ้านดินแดง รัฐเคดะห์
จุดที่ 15 สถานที่พักพระศพบ้านปาดังสะไหน อำเภอปาดังเตอรัป รัฐเคดะห์
จุดที่ 16 สถานที่พักพระศพบ้านถ้ำตลอด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
จุดที่ 17 สถานที่พักศพบ้านช้างไห้ตก วัดบันลือคชาวาส จังหวัดปัตตานี
จุดที่ 18 สถานที่ฌาปนกิจพระศพวัดช้างไห้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
8.ผงว่านรวมทั้งอิฐเก่าเเละเศษพระเจดีย์ของหลวงพ่อทวดที่ วัดดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา (อันเป็นวัดที่หลวงพ่อทวดได้บวชเป็นสามเณรกับหลวงลุงจวง)
9.ผงอิฐเเละดินใต้มหาสมุทรรวมทั้งดินจอมปลวกในโบสถ์มหาอุตจ์ของวัดสีหยัง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา (อันเป็นวัดที่หลวงพ่อทวดได้เรียนหนังสือที่วัดเเห่งนี้)
10.ดินเเละกิ่งต้นเลียบที่สำนักสงฆ์ต้นเลียบ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา (เป็นบริเวณที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด)
11.ผงอิฐเเละน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่บ่อน้ำวัดเสมาเมือง อำเภอ เมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช (อันเป็นวัดที่หลวงพ่อทวดท่านเคยศึกษาพระปริยัติธรรม)
12.อิฐโบราณวัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
13.น้ำในรอยเท้ารอยพระบาทหลวงปู่ทวดที่ อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
14.ดินเเละน้ำบริเวณท่าเเพ สถานที่บวชของหลวงพ่อทวด
15.ดินบ้านโกฏิ ปากพนัง
16.ดินถ้ำหินครกบดยา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
17.ผงดินอิฐโบราณภายในถ้ำฉัตรถรรพ์ วัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง
18.ผงอิฐดินรวมทั้งผงรวมวัดผงอิทธิเจของหลวงพ่อคง วัดบ้านสวน
19.ผงไม้เทพธาโรเเละชานหมากของหลวงปู่สุภา
20.ผงว่านเเละจีวรของพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี
21.ผงว่านของพ่อท่านพล วัดนาประดู่ ปัตตานี
22.ผงว่านพ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
23.ผงว่านเก่าเเละดินกากยายักษ์เเละดินพระสถูปหลวงพ่อทวดบุญฤทธิ์ วัดศรีมหาโพธิ์ ปัตตานี เถ้าเเบงค์พันล้าน(มวลสารนี้เป็นมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระเครื่องของพ่อท่านเเดงผู้สร้างหลวงพ่อทวดรุ่นห้าเเชะอันลือลั่น)
24.ดินอิฐใต้ฐานชุกชีเดิมของกรุวัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยารวมทั้งเศษพระพุทธรูปบูชาสมัยอยุธยา
25.อิฐเเละดินโบราณ วัด เเค ราชานุวาส ตำบลหัวรอ อยุธยา
26.อิฐเเละดินโบราณวัดหน้าพระเมรุ อำเภอเมือง อยุธยา
27.ผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ วัดสะเเก อำเภออุทัย อยุธยา พระเครื่องรุ่นเเรกๆ ข้าวสารเสก ข้าวก้นบาตร ผงอัฐิธาตุ ผงอังคารธาตุ ของหลวงปู่ดู่
28.ผงว่านยาวัดรามเเก้ว จากท่านพระครูเจ้าอาวาส
29.ผงว่านเเละผงพุทธคุณพ่อท่านนวล วัดไสหร้า นครศรีธรรมราช
30.ผงของพ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ นครศรีธรรมราช
31.ผงพ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ นครศรีธรรมราช
32.ผงพุทธคุณเเละว่านเก่าของพ่อท่านเขียว วัดหรงบน นครศรีธรรมราช
33.ผงพระสมเด็จปี2506วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพมหานคร

มวลสารมหามงคลอื่นๆ
1.ศาสตราวุธโบราณรวมทั้งกำไลสมัยก่อนยุคบ้านเชียงอายุหลายพันปี
2.ผงตะไบพระกริ่งชินราชอินโดจีน
3.ผงตะไบพระกริ่งปวเรศรุ่น2ที่ในหลวงเททอง
4.ผงตะไบเศษพระเศียรหลวงพ่อทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันฑ์
5.เศษสนิมปืนปิ่นมหาฤกษ์ ปืนปิ่นมหาไชย ข้างพระบวรรูปพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
6.เศษสนิมปืนโบราณ วัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
7.โคตรเหล็กไหลของพรหมณ์อายุหลายพันปีที่อยู่ในฐานพระศิวลึงค์ ณ โบราณสถานฐานพระสยม ตำบลท่าชี อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช (อันเชื่อว่าน่าจะเป็นหลักเมืองเก่าเเก่ที่ปรากฏในเมืองนครศรีธรรมราช)
8.ชิ้นส่วนพระพุทธรูปโบราณวัดเกษ อยุธยา
9.ชิ้นส่วนพระพุทธรูปดินอิฐโบราณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี
10.ชิ้นส่วนพระพุทธรูปเเละอิฐโบราณวัดนครโกษา ลพบุรี
11.ชิ้นส่วนพระพุทธรูปบุเงินบุทองสมัยอยุธยา รับมอบจากพระครูโสภณธรรมรัตน์หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า
12.ผงพระกรุรวมในจังหวัดลพบุรีเเละผงพุทธคุณต่างๆ ผงงาช้าง ผงพระประธานสมัยลพบุรี ผงหัวเชื้อสมเด็จโตที่ใช้ในการสร้างพระเครื่องของวัดเชิงท่า ลพบุรี
13.ผงพุทธคุณ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงพระกรุ ผงธาตุสี่ ผงเหล็กน้ำพี้ จากหลวงพ่อประโยชน์ วัดนาลับเเลง
14.ผงอิทธิเจ ผงพุทธคุณรวม ผงตะไบเเผ่นพระยันต์ ผงว่านอาจารย์นำ เขาอ้อ จากพระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ ลพบุรี
15.ผงชนวนพระนาคปรกลพบุรี สธ.
16.อิฐทางเดินจงกรมหลวงปู่มั่น วัดป่าพระอาจารย์มั่น เชียงใหม่
17.ไม้กุฐิหลวงปู่เสาร์ วัดดอนธาตุ อุบลราชธานี
18.ไม้เสาพระวิหารวัดเจดีย์หลวงอายุกว่า700ปีที่ขุดพบที่วัดปี2550
19.อิฐพระเจดีย์วัดพันอ้น อำเภอเมือง เชียงใหม่อายุ500กว่าปี
20.อิฐศาลสูง ศาลพระกาฬ อายุนับพันปี ลพบุรี
21.อิฐพระปรางค์เเละชิ้นส่วนของลวดลายที่เเตกหักปราสาทหินพนมรุ้ง
22.ไม้งิ้วดำ เเร่เหล็กไหล เเละเหล็กยอดพระธาตุพนมของหลวงพ่อโชติ วัดภูเขาเเก้ว อุบลราชธานี
23.ผงกิ่งโพธิ์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน อำเภอจันดี นครศรีธรรมราช
24.ช่อฟ้า วิหารวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดโพธิ์ท่าเตียน อายุกว่า100ปี
25.ผงเมตตามหานิยมเเละผงสร้างพระเครื่องราชันดำเเละพระภรตมุนี ตามตำรับโบราณของศาสตร์เมธี พระครูสังฆรักษ์ ศิริพงศ์ คุรุพันธ์กิจ วัดสุทธาราม สำเหร่ กรุงเทพมหานคร (ผู้สร้างพระพิราพเต็มองค์ท่านเเรกเเละศรีษะราชันดำเศียรเเรกของโลก)
26.ผงพระเครื่องสายพระกรรมฐานจำนวนมาก เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่เเหวน หลวงพ่อชา หลวงปู่เหรียญ
27.ข้าวก้นบาตร สายมงคลเสก หลวงพ่อเกษม เขมโก ลำปาง
28.ผงพระเครื่องเเละมวลสาร เกสา ผงพระธาตุ 500 องค์ ของครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม ลำพูน
29.ใบเสมาเก่าสมัยอยุธยาของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางเเก้ว นครปฐม
30.ผงยาวาสนาตำรับวัดกลางบางเเก้ว
31.ชิ้นส่วนพระหัตถ์ ของหลวงพ่อฉิม พระสมัยอยุธยา คราวบูรณะ วัดสุทธาราม กรุงเทพมหานคร
32.น้ำพระพุทธมนต์ตามวัดสำคัญทั่วประเทศรวมทั้งน้ำพระพุทธมนต์ จากอินเดียเเละน้ำจากเเม่น้ำคงคา
33.ดินของวัดครูบาศรีวิชัย161วัด ผงสาริกา ผงชันโรงฟ้าชันโรงดิน ผงไม้มงคล108 ผงอาถรรพ์ต่างๆ จากพระมหาทองสุข สิริวิชโย วัดบวกครกน้อย เชียงใหม่
34.ชิ้นส่วนใบเสมาเก่าเเก่ของวัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา
35.พระเศียรโบราณของพระพุทธรูปวัดตึกหรือวัดของพระเจ้าเสือ อยุธยา

ผงอังคารธาตุของพระสุปฏิปันโณดังต่อไปนี้
1. ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง ลำพูน
2. ครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน
3. ครูบาอินทรจักร วัดน้ำบ่อหลวง ลำพูน
4. ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม เชียงใหม่
5. หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี
6. หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง
7. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
8. หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ วัดสะเเก อยุธยา
9. หลวงปู่คำพอง วัดถ้ำกกดู่ อุดรธานี

ชานหมากของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
1.หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
2.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา
3.หลวงพ่อพูน วัดบ้านเเพน อยุธยา
4.หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี
5.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมเเก้ว อยุธยา
6.ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน
7.ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี เชียงใหม่
8.หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี

---------------------------------
พระเครื่องทุกชุดที่สร้างเเละประกอบพิธีกรรมนี้ที่ผ่านมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ ครูบาอาจารย์หลายท่านรับรองความศักดิ์สิทธิ์ว่าพระที่สร้างนั้นดีรอบด้านจริงๆอาทิ

หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ท่านบอกว่าพระนี้เป็นพระสำคัญให้เอาไว้ที่หัวเตียงกูจะกราบไหว้ทุกวัน

หลวงปู่คำบ่อ วัดใหม่ปาดตาล สายหลวงปู่มั่นท่านบอกว่าเด็กที่สร้างหลวงพ่อทวดนี้เขาสร้างบารมีมาทางนี้พระเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่เเปลกหรอก

หลวงปู่สมบูรณ์ ท่านบอกว่าอย่าไปยึดเป็นพลังงานหลวงพ่อทวดโดยเเท้องค์เดียวท่านบอกว่าขอรูปปาฏิหาริย์ไปบูชาด้วย

หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า ท่านบอกว่าหลวงพ่อทวดมาจริงๆเเละมาช่วยหลวงพ่อด้วยพระที่เธอทำศักดิ์สิทธิ์กระเเสพลังงานเย็นมาก

พ่อท่านนวล วัดไสหร้า ท่านบอกว่าหลวงพ่อทวดนี้ดีจริงๆ

หลวงหรีด วัดป่าโมกข์ ท่านบอกว่าเป็นบารมีเฉพาะที่ทำพระหลวงพ่อทวดได้ดีไม่มีใครเลียนเเบบได้

ท่านอาจารย์เขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี ท่านบอกว่าพระเครื่องที่เธอทำนั้นไม่ต้องปลุกเสกเเล้วเพราะเป็นพระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อทวดท่านมาทำให้เองเลยนะ

หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ พูดถึงหลวงปู่ทวดว่ามีบารมีที่มากจริงๆบารมีเย็นเเท้ๆเพียงเเค่หลวงปู่นึกก็เย็นวาบตั้งเเต่หัวถึงปลายเท้าเลยทีเดียว

หลวงพ่อเปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก เชียงใหม่ บารมีหลวงพ่อทวดเเละหลวงพ่อโตท่านทั้งสองนี้บารมีมากจริงๆ

หลวงปู่สมบูรณ์ วัดดอนธาตุ อุบลราชธานี พูดถึงหลวงพ่อทวดขณะที่ผมนำภาพปาฏิหาริย์ขณะมอบพระบูชาหลวงพ่อทวดให้คนๆหนึ่งอยู่ ท่านบอกว่ารังสีที่เห็นเป็นของหลวงพ่อทวดอย่างเดียวเท่านั้นไม่มีสิ่งอื่นปนมาเลยทีเดียวถ้าอย่างไรเสียปูขอภาพนี้ไว้บนโต๊ะหมู่นะไว้บูชาเพราะท่านเป็นพระผู้รักษาโรค

หลวงปู่โชติ วัดภูเขาเเก้ว อุบลราชธานี หลวงปูทวดอาตมาเจอมาเเต่ไหนเเต่ไรเเล้ว ขณะที่เธออธิษฐานจิตให้หลวงปู่เพื่อรักษานั้นหลวงปู่ทวดได้มาจริงๆเเละอยู่รักษาอาการป่วยของอาตมาจริงๆ ท่านมาจริงๆนะ

หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เคยบอกว่าพระที่ทำโดยข้าพเจ้าเองนั้นมีโชคลาภวาสนาดีมากนะลูกนะ เเล้วหลวงปู่ท่านก็ขอเป็นที่ระลึก

นักปฏิบัติธรรมหลายท่านยืนยันว่า พระชุดนี้มีหลวงพ่อทวดท่านมาคุมมาเสกเองเลยทีเดียว

พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ ท่านบอกว่าพระที่เราทำด้วยเจตนาดีจึงศักดิ์สิทธิ์เเต่เรื่องนี้อย่าไปเล่าให้คนอื่นฟังเยอะ

หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน ท่านบอกว่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหลวงพ่อจะเป็นกำลังใจให้เสมอ
------------------------------
ครจะไปเชื่อว่าพระเครื่องรุ่นนี้มีมวลสารล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งคือ

มวลสารจิตรลดา
มวลสารจิตรลดาซึ่งเป็นสมบัติของ คุณครูอาคม สายาคม ซึ่งท่านได้ทูลขอพระราชทานมวลสารจิตรลดานี้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านทางนายเเก้วขวัญ วัชโลทัย สมัยนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อจัดสร้างหน้าพ่อครูฤาษีเเจกเเก่ศิลปินเพราะครูอาคม เป็นผู้ที่รับการครอบครูพระราชทานพระพิราพเต็มองค์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรงเมื่อปี 2508 เเละท่านยังเป็นครูที่ครอบหน้าครูถวายสมเด็จพระเทพรัตนเเละฟ้าหญิงพระองค์เล็กอีกด้วยครอบถวายท่านที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวังหน้านั่นเอง

ปัฐวีธาตุธาตุกายสิทธิ์) หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
หลวงปู่คำพันธ์เป็นที่รู้จักของลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความศักสิทธิ์ขลังของปัฐวีธาตุ ท่านได้นำเอาเม็ดหินทรายกลางแม่น้ำโขงมาเสกแปรธาตุเช่นเดียวกับท่านเจ้าคุณนรได้เคยทำมา จึงนับได้ว่าหลวงปู่คำพันธ์เป็นองค์เดียวในภาคอีสาน ที่เสกปัฐวีธาตุได้เหมือนเจ้าคุณนร ซึ่งในสมัยก่อนเจ้าคุณนรก็เคยบอกว่ามีช้างเผือกเกิดขึ้นทางฝั่งแม่น้ำโขง สามารถเสกทำปัฐวีธาตุได้เหมือนเฉกเช่นเดียวกับท่าน ซึ่งหมายถึงหลวงปู่คำพันธ์นั่นเอง ทั้งทหารตำรวจและชาวบ้านทั่วไปหลั่งไหลไปขอหินเม็ดทรายศักสิทธิ์จากหลวงปู่กันไม่ขาด ทำให้ชื่อเสียงของท่านขจรกระจายไปอย่างกว้างขวาง เพราะอำนาจบารมีอันสูงยิ่งของหลวงปู่นั่นเองครับ
บุคคลใดที่มีปัฐวีธาตุของแท้จากแม่น้ำโขงอยู่ในครอบครองควรแล้วที่จะได้พบกับเหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงจิตวิญญาณอันนอกเหนือไปจากคงกระพันมหาอุด แคล้วคลาด และเมตตา ซึ่งเป็นประสบการณ์ธรรมดา ที่หาได้ทั่วไปในหมู่ที่นิยมของขลัง (เพราะประสบการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ 3 เลย) เป็นเรื่องระหว่างผู้เสกกับผู้แขวนล้วนๆ แต่ปรากฐการณ์อันเนื่องจากปัฐวีธาตุ กลับมีใครบางคนหรืออะไรบางอย่างคอยเฝ้าดูเราอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ ซึ่งเราไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้ ทว่าเกิดเหตุการณ์คับขัน "ผู้ดูแลอยู่นั้นก็จะก้าวออกจากเงามืดมาช่วยเหลือเราได้ทันท่วงที นี่คือความอัศจรรย์ที่ไม่อาจหาได้ในวัตถุมงคลทั่วไป แต่คำว่าโชคดีคงไม่อาจใช้ได้กับผู้มีปัฐวีธาตุอยู่ในมือ หากเพิ่มคำว่า ด้วยบุญบารมีเก่า ก็น่าจะสมควรอย่างหาคำแย้งได้ยาก" (ปัฐวีธาตุมีพลังครอบจักรวาล เมื่อใดเกิดปัญหาก็ให้อธิษฐานขอให้ช่วยได้ คิดตรงนี้อบอุ่นใจเหมือนมีท่านอยู่ข้างๆทุกที)

ศาสตราวุธโบราณสมัยก่อนบ้านเชียง
ประวัติคือได้มีการขุดพบวัตถุนี้ในจังหวัดหนึ่งเเถวภาคกลางเเละได้มีคนเก็บไว้เป็นของส่วนตัวหลังจากนั้นเป็นความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ทางผู้เก็บรักษาโดนอาถรรพ์คือเจ้าของเดิมมาหลอกหลอนจึงได้นำไปวัดเเละทางพระท่านก็บอกวิญญาณที่ไปว่าจะนำมาให้ข้าพเจ้าสร้างพระ วิญญาณจึงสงบจึงเป็นเหตุให้ได้นำของโบราณมงคลนี้มาผสมในวัตถุอันเป็นมหามงคลนี้ตามหลักการสร้างพระเครื่องโบราณในเรื่องของพวกคงกระพันชาตรีที่ต้องมีผงตะไปศาสตราวุธโบราณผสมอย่างเช่นพระรอด เป็นต้น

บทความโดยผู้สร้าง: คนวังหน้า
--------------------------------------
สร้างตรงหลวงตาม้า หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อทวด ไม่ควรพลาดครับ
ชุดนี้ถือเป็นที่สุดจริงๆ ที่หลวงตาม้าเมตตาถึง 4 วัน 5 คืน และขณะที่หลวงตาท่านกดพิมพ์ก็มีเหตุการณ์พิเศษด้วยครับ
ซึ่งไม่เคยปรากฏมีในวัตถุมงคลชุดอื่นๆที่เคยสร้างมา ข้อมูลจากศิษย์วงในที่ร่วมพิธีครับ

40,000บาท
ลดเหลือ 25,000 บาท
หลวงปู่ทวดกลักไม้ขีดองค์นี้สภาพสวยแชมป์ครับ

 

หลวงปู่ทวด "รุ่นรวมโพธิญาณ" พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร วัดถ้ำเมืองนะ
ชุดนำฤกษ์ ประกอบไปด้วยพระ 3 องค์ พิมพ์กลักไม้ขีด, พิมพ์ใหญ่, และพิมพ์พระรอด
จัดสร้างขึ้นเพียง 32 ชุด ชุดพิเศษนี้กดพิมพ์โดยพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)

ช่วงนี้ลดราคาพิเศษเลยครับ
สนใจPMสอบถามได้ครับ

 

ขอราคาครับ.

 

แจ้งราคาไปทางPM แล้วครับ

 

ล็อคเก็ต รุ่นไม่มีหนี้ หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต

สร้างเป็นที่ระลึก งานทำบุญถวายสังฆทาน หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต
เมื่อ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555

*** ด้านหลังของล็อกเก็ต บรรจุด้วย พระยอดธงปั๋งหงาย ,เกศา ,ผ้ากลดกรรมฐานตอนท่านธุดงค์ในป่า
และตะกรุดทอง เงิน นาค มวลสาร และผงอิทธิเจต่าง ๆ ***

พุทธคุณ เน้นด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม วาสนาบารมี ทรัพย์





ประวัติหลวงพ่อมนัส มนฺตชาโตพระเมตตา แห่งสำนักกรรมฐานฟื้นฟูจิตเขาแหลม
เรื่อง:ไตรเทพ ไกรงู

ท่านพ่อมนัส เกิดวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๙๑ เป็นชาว จ.จันทบุรี โดยกำเนิด อายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ก็อุปสมบทแล้วเล่าเรียนสรรพวิชาต่าง ๆ จากครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น วิชาธาตุของหลวงปู่สำเร็จลุน นครจำปาสัก ประเทศลาว เรียนคาถาอาคมจากพระอาจารย์จำรัส เตชะปัญโญ วัดบ้านแห จ.ปราจีนบุรี หลวงพ่อผาง พระอาจารย์ประเสริฐ ถิระจิตโต จ.อ่างทอง เรียนวิชาด้านเมตตาค้าขายจากหลวงปู่สาย วัดท่าน้ำแดง จ.ตาก และเรียนวิชาทำน้ำมนต์จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เป็นต้น



ในด้านการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านพ่อมนัสสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคลด้วยจิตบริสุทธิ์ ลูกศิษย์ใกล้ชิดรู้กันดีถึงความขลัง และพุทธานุภาพ เด่นดังแทบทุกรุ่น ทั้งพระยอดธง พระสมเด็จ พระกริ่ง พระผง รูปหล่อ ล็อกเกต ตะกรุด มีประสบการณ์เล่าสามวันสามคืนก็ไม่จบ อย่างตะกรุดมหารอด ญาติโยมบูชาแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุรถข้ามเกาะกลางถนน ไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียวหรือตะกรุดพรานพิฆาตที่แจกทหารและเจ้าหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดนซุ่มโจมตีปลอดภัยทุกคน

พระหมอยาแผนโบราณ
หลวงพ่อมนัส ยังเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งท่านมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ สอบได้ใบประกอบโรคศิลปะ สาขาเภสัชกรรมไทย เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ โดยส่วนตัวแล้วท่านชอบปลีกวิเวกอยู่ตามป่าตามเขา แต่ด้วยความเมตตาของท่าน ท่านจึงปรารถนาจะช่วยคน ท่านใช้ยอดวิชาเดินธาตุ และธาตุกรรมฐาน ๔ และวิชาต่างๆ ที่ร่ำเรียนมาในการสงเคราะห์ญาติโยมทั้งหลาย โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก หรือเหน็ดเหนื่อยแม้แต่ประการใด ไม่ว่าจะยากดี มี จน อย่างไรท่านไม่เคยสนใจ ขอเพียงมาพึ่งพาท่าน ท่านก็จะสงเคราะห์ทุกรายไป

ยาสมุนไพรต่างๆ ของท่าน ก็เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง ที่ท่านแจกเป็นทานบารมี ได้ช่วยรักษาผู้ป่วยให้หาย หรือมีชีวิตยืนยาวขึ้นมากมาย เป็นที่ประจักษ์ จนเป็นที่ซาบซึ้งและสำนึกในพระคุณและความเมตตาของท่าน


พระกริ่ง"มนฺตชาโต"
วัตถุมงคลที่ออกในนามของท่านพ่อมนัสนั้น ท่านจะนั่งปรกปลุกเสกแทบทุกคืน ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดต่างรู้กันดีถึงความเข้มขลัง และพุทธานุภาพ วัตถุมงคลของท่านนั้นเด่นดังแทบทุกรุ่นจนมีคำพูดในหมู่ลูกศิษย์ว่า "ของดีของลองได้" ไม่ว่าจะเป็นพระยอดธงที่ขึ้นชื่อ หรือตะกรุด ที่มีประสบการณ์มากมายเล่าสามวันสามคืนก็ไม่จบ ตัวอย่างเช่น ตะกรุดมหารอด ที่มีญาติโยมบูชาแล้วสามารถแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุรถข้ามเกาะกลางถนนแต่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว แต่รถซึ่งเป็นเหล็กกลับเละ จนใครเห็นก็คิดว่าคนขับคงไม่รอดแน่ แต่ตรงข้ามรอยแมวข่วนยังไม่มีเลย หรือตะกรุดพรานพิฆาตที่ท่านทำขึ้นมาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทหารใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเมื่อทหารเหล่านั้นได้รับตะกรุดจากหลวงพ่อก็จะพกติดตัวตลอด ปรากฏว่า โดนซุ่มโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่สามารถรอดปลอดภัยมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ บางคนขนาดโดนยิงจนหงายท้องก็ยังลุกขึ้นมาได้โดยไม่เป็นอะไร

ในขณะที่เหรียญกระทิงดำ ที่มีญาติโยมบูชาไปแขวนไว้ในรถ เมื่อมีคนร้ายจะมาขโมย ก็ปรากฏเห็นแสงและมีกระทิงวิ่งอยู่รอบ จึงทำให้ก่อการโจรกรรมไม่สำเร็จ และปัจจุบันนี้พระสมเด็จทันใจขี่ไก่ ที่รวบรวมสุดยอดมวลสาร ก็กำลังเป็นที่นิยม เพราะเด่นมากในด้านเมตตา โชคลาภ

ส่วนการเปิดสำนักกรรมฐานฟื้นฟูจิตเขาแหลมนั้น ในวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ทุกๆ ต้นเดือน พ่อท่านมนัสได้เปิดโครงการฝึกภาวนาวิชาแก้วไพฑูรย์ จะเป็นการฝึกโดยใช้ดวงแก้ว คล้ายๆ แบบของหลวงปู่สด วัดภาษีเจริญ (เป็นการเน้นธาตุดิน หรือสีเหลือง) จากนั้นก็จะเสริมด้วยวิชาพลังธาตุ 4 (นะ มะ พะ ทะ) คือ น้ำ ดิน ไฟ ลม ซึ่งเป็นยอดมนต์ยอดคาถาของทุกๆ วิชา ฝึกเพื่อให้สมาธิมีความเข้มแข็ง เกิดปัญญาและเกิดพลังทิพย์ทางจิต จิตที่สามารถรู้อะไรต่างๆ ได้

ตั้งแต่หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต หรือท่านพ่อมนัส แห่งสำนักกรรมฐานฟื้นฟูจิตเขาแหลม บ้านคลองโปร่ง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มาอยู่ที่นี่ญาติโยมก็ทำบุญปฏิบัติธรรมได้ง่าย ชาวบ้านอุ่นใจอยู่เย็นเป็นสุขเพราะมีที่พึ่งทางใจ นอกจากนี้หลวงพ่อก็ยังช่วยรักษาป่าให้อุดมสมบูรณ์มาตลอดสอนชาวบ้านไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า เวลามีช้างลงมาก็นำชาวบ้านช่วยดูแล นำเงินไปซื้อสับปะรด และไปปลูกอ้อยปลูกกล้วยไว้ให้ช้างกินในป่า โดยเฉพาะช่วงนี้มีช้างป่าลงมามากถึง ๕๐-๖๐ ตัว ถ้าไม่ไปดูแลช้างก็จะไปสร้างความเสียหายแก่ไร่

จากความสำเร็จของการรักษาป่าและป้องกันช้างไม่ให้ลงมากัดกินพืชไร่ของชาวบ้าน หลวงพ่อมนัส ได้รับเลือกให้บุคคลที่ควรยกย่องและเชิดชู ที่ประกอบคุณงามความดีให้แก่สังคมและประเทศชาติ ในโครงการแทนคุณแผ่นดิน ๗๗ ต้นแบบคนดี สู่ ๖๐ ล้านคนทั่วไทย ประจำ พ.ศ.๒๕๕๔ ที่บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ได้จัดขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูผู้ที่ประกอบคุณงามความดีให้แก่สังคมและประเทศชาติ ทั้งหลวงพ่อมนัสได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลผู้ที่ได้รับการยกย่อง ในสาขาการดูแลช้างป่าโดยตลอด

เปิดบันทึกตำนาน หลวงพ่อมนัส
https://www.youtube.com/watch?v=23sJNmpazZo

บูชา 1,600บาท
ลดเหลือ 1,500 บาทครับ

 

"ผ้ายันต์มังกรเขียว" (แชเล้งฮู้) ท่านอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ แห่งอเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน)
(ขนาด 10.5 x 19 ซม.)




ประวัติเซียน ลื้อท๊งปิง วิหารเซียน จ.ชลบุรี


กระผมเคยคุยกับท่านอ.สง่า ที่เป็นผู้ก่อตั้งวิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปินสามารถสื่อกับท่านได้โดยทางจิตแต่ท่านไม่เคยเห็นตัวองค์ท่าน ทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมี หน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย

มูลเหตุที่ท่านได้รู้จักกับองค์ท่านนั้นเนื่องมาจากคุณแม่ของอ.สง่าท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหาซินแสหรือหมอแผนปัจจุบันมาหลายท่านก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับท่านอ.สง่าในสมัยนั้นไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้าทรงเจ้าต่างๆท่านไม่เชื่อเลย แต่เมื่อเป็นความต้องกรของญาติๆก็เลยได้แตลองทำดูเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว จนวันหนึ่งได้เชิญคนทรงมาซึ่งคนทรงนี้ตามปกติจะไม่ใช่ร่างทรงของท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพองค์อื่น แต่วันนั้นพอทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปินก็มาประทับทรงทันทีและก็อกว่าจะช่วยให้คุณแม่ของอ.สง่าลุกเดิน ได้หายภายใน3เดือน แต่มีข้อแม้ว่าอ.สง่าจะต้องทำงานรับใช้ท่าน ซึ่งท่านอ.สง่าก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้าให้เป็นร่างทรงแบบนี้ท่านไม่เอาและ ท่านก็ไม่เคยศึกษาศาสตร์แนวนี้มาก่อน ม่านลื่อตงปินก็บอกว่าไม่เป็นไรท่านจะคอยช่วยบอกให้เองว่าจะต้องทำอะไร แล้วท่านก็ขียนฮู้ให้ อ.สง่าเก็บไว้เผาให้คุณแม่ของท่านละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอครบ3เดือนคุณแม่ท่านก็แข็งแรงเป็นปรกติเดินได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปินก็มาทวงสัญญาอ.สง่าจึงต้องยอมทำงานรับใช้ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่านกับอ.จะสื่อสัมผัสทางใจกัน เหมือนเป็นอ.กับลูกศิษย์ อภินิหารขององค์เซียนลื่อตงปินที่วิหารเซียนมีเยอะครับ เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าเป็นเรื่องๆไปครับ เช่นเรื่องตอนช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอนไฟไหม้โรงแรมที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการของเจ้าของผลิตภัณฑ์จากไก่รายใหญ่ ตอนช่วยเจ้าของตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วยแบงค์กสิกรที่จะล่มช่วงIMF



อีก อย่างหนึ่งคือเพื่อนผมคนหนึ่งเขาบูชาพระผงท่านลื่อตงปินจากที่วิหารเซียนที่ ชลบุรีไป วันหนึ่งก็เจอนักจับพลังพระ ขณะที่นักจับพลังพระกำลังตรวจพระของคนอื่นอยู่ว่าดียังไง จู่ๆเขาก็หันมาที่เพื่อนของกระผมแล้วถามว่เขาห้อยพระอะไรอยู่(พระอยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอก)เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาดีทางเมตตาร่มเย็น และพลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเหมือนหยินและหยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอบบนี้เขาก็เลยขอดูพระของเพื่อนผม พอเขาเห็นพระเเล้วเขาก็เลยหายสงสัยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ พระนี้คิดว่าที่ทางวิหารเซียนยังมีอยู่นะครับ ผมเองยังเคยไปงานวันที่เขาอัญเชิญท่านองค์ลื่อตงปินมาประทับทรงที่วิหาร เซียนเลย

อาเตียเล่าให้พวกเราฟังว่า สถานที่ตั้งวิหารเซียนแห่งนี้ท่านไม่ได้เป็นผู้มาพบเอง เดิมท่านมาช่วยงานวัดญาณสังวรารามวรวิหาร พอสร้างวัดญาณฯเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชทานที่ดินผืนนี้ให้ ซึ่งท่านคิดว่าที่ดินผืนนี้เป็นที่ที่มีคุณค่า สมควรจะสร้างเป็นที่เผยแพร่วัฒนธรรมไทยและจีน

ที่ดินผืนนี้ได้รับพระราชทานในปี ๒๕๓๑ ซึ่งเป็นปีมังกรทอง..

จึงได้เริ่มสร้างในวันที่ ๖ มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานศิลาฤกษ์ลอย ทางวิหารจึงได้นำไปแกะลงบนแผ่นไม้และอัญเชิญไปติดไว้บนผนังทางเข้าวิหาร และในปี ๒๕๓๖ ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้ชื่อชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด ร่วมจิตร่วมใจกันสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ ๖๐ พรรษา


สมัยที่สร้างวัดญาณสังวรวราราม ชลบุรีใหม่ๆนั้น ได้ประสบปัญหาและอุปสรรคนานาชนิดทั้งที่เกิดจากคนงานก่อสร้าง และจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน จึงได้เชิญผู้ที่มีสมาธิจิตดีมาตรวจดูว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็พบว่าบริเวณที่สร้างวัดนั้นมีความสัมพันธ์กับพระนเรศวรมากและมีดวงวิญญาณ ของผู้ที่ตายจากสงครามอยู่มากเป็นเหตุให้กานทำงานมีอุปสรรค ความทราบถึงองค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชท่านก็เลยได้เดินทางมาทำ พิธีแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วยพระองค์เองแต่ปรากฏว่า ยิ่งแผ่เมตตาก็ยิ่งมีดวงวิญญาณพากันมามากขึ้นจนท่านต้องมีบัญชาให้ไปตามตัว ซินแสสง่า(ผู้ก่อตั้งวิหารเซียน)มาช่วยตรวจดูให้ ซึ่งเมื่อท่านมาตรวจดูแล้วก็รู้ว่าจุดที่สร้างวัดเคยเป็นที่เดินทัพและเกิด สงครามมาก่อน ท่านจึงได้เผาฮู้ตรงใจกลางของที่นั้นซึ่งก็ได้มีคนที่ตาดีได้เห็นองค์ท่าน ลื่อตงปินสด็จมาบนหลังมังกร ซึ่งเมื่อท่านมาถึงพวกวิญญาณทั้งหลายก็กระเจิงหมด ซึ่งสถานที่ท่านได้เผาฮุ้นั้นได้กลายเป็นใจกลางพระอุโบสถในปัจจุบันนี้ครับ



สำหรับพระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากชื่อ"พระ พุทธหทัยนเรศวร์"สร้างขึ้นจากฝาบาตรพระที่ลงอักขระถึง84000ฝาด้วยกัน อีกทั้งยังได้อัญเชิญเทพระดับพรหมมารักษาพระพุทธรูป และภายในองค์ท่านยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึง84000องค์ ซึ่งเท่าที่ผมทราบมาน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมากที่สุด เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุเกือบเต็มบาตรพระเลยครับ ใครผ่านไปก็ลองแวะไปขอพรท่านดูนะครับและอย่าลืมแวะชมวิหารเซียนกับพระพุทธ รูปเขาชีจรรย์ที่แกะสักด้วยเลเซอร์ด้วยครับ

ช่วงที่สร้างวัดญาณสังวรใหม่ๆ นอกจากจะประสบปัญหาจากดวงวิญญาณเก่าแก่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเวลาฝนตกแล้วน้ำจะท่วมถนนทางเข้าขาดทำให้การก่อสร้างต้อง หยุดชะงักและไม่คืบหน้า ทางอ.สง่าได้พิจารณาดูแล้วพบว่าเขาที่อยู่เบื้องหลังของวิหารเซียนในตอนนี้ (ตอนนั้นวิหารเซียนยังไม่ได้ก่อตั้ง)เป็นที่อยู่ของมังกรเขียวที่ดุร้ายตัว หนึ่งเวลาฝนตกจะชอบออกมาเล่นน้ำฝนเป็นประจำ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมทางขาดเป็นประจำ มังกรเขียวตัวนี้มีหน้าที่เฝ้าบ่อเงินกับบ่อทอง(ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ตั้ง ของวิหารเซียนไปแล้ว)ท่านจึงมีความคิดที่จะปิดปากถ้ำพญามังกรตัวนี้ไว้ ซึ่งท่านลื่อตงปินก็ได้มาแนะนำว่าให้เอาดินทับฟ้าไว้จึงจะปิดปากถ้ำไม่ให้ พญามังกรตัวนี้ออกมาอาละวาดได้ ดังนั้นถ้าใครพอมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยจะต้องเคยเห็นรูปปลาดำปลาขาว (สัญลักษณ์หยิน-หยางที่หน้าอกนักพรตไท้ก๊ก)ซึ่งแทนความหมายฟ้า-ดิน โดยสีขาวหมายถึงฟ้า สีดำหมายถึงดิน ตามปกติเครื่องหมายนี้สีขาวจะต้องอยู่ข้างบนและสีดำจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่ที่วิหารเซียนจะกลับกันจากที่อื่นคือสีดำจะอยู่บนสีขาวจะอยู่ข้างล่าง เคยมีนักดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่รับดูฮวงจุ้ยเป็นอาชีพได้ไปที่วิหารเซียนและ คยปรามาสท่านอ.สง่าว่าไม่รู้จริงสร้างผิดหลัก ท่านก็ได้แต่หัวเราะไม่ว่าอะไร ท่านมาเฉลยให้ผมฟังว่าที่ท่านทำอย่างนี้พื่อจะได้เอาดินทับฟ้าสะกดปิดปากถ้ำ มังกรเขียวไว้นั่นเอง และตอนนี้มังกรเขียวตัวนั้นก็ได้กลายเป็นพาหนะของท่านลื่อตงปินไปแล้ว

อ.สง่าท่านจึงเขียนฮู้มังกรเขียวแจกฟรี ใครสนใจไปขอได้ที่วิหารเซียนครับ และมีอย่างผ้ายันต์มังกรเขียวด้วย ท่านบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้เผาฮู้กลางแจ้งจุดธู)บอกองค์เซียน ลื่อตงปินท่านแล้วอธิษฐานครับ

ฮู้นี้มีผู้เคยประสบเหตุบ่อย ๆ คือมีอยู่ท่านหนึ่งได้รับฮู้แบบผ้ายันต์ไปซึ่งตามปกติท่านจะแจกแบบกระดาษซะ เป็นส่วนใหญ่ ก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ระหว่างทางขับรถกลับบ้านก็ประสบอุบัติเหตรถพังยับแต่ตนเองไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่เมื่อกลับไปถึงบ้านเอาอู้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อปรากฏว่า ฮู้ขาดเป็นสองท่อน ก็เลยรีบมาเล่าให้ท่านอ.สง่าฟัง ท่านก็บอกว่ามังกรเขียวเขาออกไปรับแทนไม่งั้นจะเจ็บหนักแน่ ที่น่าแปลกคืออู้นั้นเป็นผ้ายันต์แต่ขาดเหมือนโดนฉีกออกจากกันอย่างแรง ผมเองเคยได้มาเป็นปึกๆสมัยท่านยังอยู่แต่ก็แจกไปซะเกือบหมดแล้ว อย่างกระดาษคิดว่าที่วิหารเซียนยังคงมีอยู่แต่แบบผ้ายันต์ไม่แน่ใจครับ


อาเตีย ท่านเป็นผู้ที่มีบุคลิกลักษณะอันโดดเด่น คิ้วโค้งเปี่ยมด้วยความกรุณา นัยน์ตาแฝงด้วยความอารีย์โอบอ้อม จิตใจร่าเริง ถ้อยคำวาจาก็ล้วนเป็นความสัจตรง

อย่างที่ผมบอกในตอนต้นครับว่าคนทั่วๆไป ต่างมีความเห็นว่าอาเตียมีความสามารถพิเศษในการดูทำเลที่ตั้ง รู้ทิศทางของลมและน้ำ ว่าตรงไหนเป็นทำเลที่ให้คุณ ตรงไหนเป็นทำเลที่ให้โทษ หรือทำเลนั้นควรเป็นไปเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินหรือที่ฝังศพ....

ซึ่งในเรื่องความสามารถพิเศษของอาเตียตรงนี้ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษณ์(ส.ศิวลักษณ์) เคยกล่าวถึงไว้ว่า..

“ที่น่าอัศจรรย์ อันคนทั่วๆไปยากจะเข้าใจได้ ก็ตรงที่ท่านมีคุณวิเศษทางด้านติดต่อกับสิ่งมหัศจรรย์ สิ่งลี้ลับต่างๆ ไม่ใช่ในทางของไสยศาสตร์ หากเป็นไปในแนวทางของศาสนธรรม....”

“นายสง่า เป็นบุคคลจำนวนน้อยในเมืองไทย ที่เข้าถึงคุณธรรมอันล้ำลึกของลัทธิเต๋าและขงจื้อ พร้อมๆกับความเป็นพุทธศาสนิกของท่าน โดยท่านเข้าใจประวัติศาสตร์และวรรณคดีของจีน ที่เป็นองค์ประกอบของลัทธิศาสนาและวัฒนธรรมของจีนเป็นอย่างดี....

พร้อมๆกันนี้ ท่านก็เข้าถึงวรรณคดีและวัฒนธรรมไทย โดยมีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ของไทยอย่างลึกซึ้งอีกด้วย..”

ว่ากันว่า..“ความเมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก ไม่สามารถหาขอบเขตสิ้นสุดได้”..

ดังนั้นความหมายของคำว่า ความเมตตานั้น จึงมิใช่เพียงแค่สงสาร เห็นอกเห็นใจเท่านั้น หากแต่หมายรวมถึง

”การเอาใจใส่ การใส่ใจและการปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย...”

อาเตียชอบที่จะปฏิบัติต่อผู้คนที่เข้ามาหาท่านด้วยความเมตตา ไม่คิดเอารัดเอาเปรียบ และไม่ฉกฉวยของผู้อื่นไปเป็นของตน....

ดังนั้นเวลาที่คนมีความทุกข์ร้อนและเข้าไปหาอาเตีย อาเตียจะแนะนำให้เขาเหล่านั้นสวดมนต์ ภาวนา ทำบุญและบริจาคทาน พร้อมกับให้เผา “ยันต์จีน” หรือที่เราเรียกกันว่า “แชเล้งฮู้” ตามความเชื่อของคนจีน..

ขอบคุณข้อมูลจาก

ให้ร่วมบุญ 1,400 บาท
แบบผ้ายันต์หายากมากครับรายการนี้ นานๆจะเจอสักแผ่น
แผ่นนี้สภาพใช้นะครับ เจ้าของเดิมพับใส่กระเป๋าสตางค์ไว้
ลดราคาเหลือ 1,000 บาท

 

cool:

 

สวัสดีครับ ขอจองบูชาผ้ายันต์มังกรเขียวครับ ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจองครับคุณrunkey

 

แหวนจักรพรรดิ รุ่น2 หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
เนื้อทองคำ เบอร์ 56-57















ราคาพิเศษ
75,000 บาท

 

สวัสดีครับ ต้องขออนุญาตยกเลิกรายการจองบูชาผ้ายันต์มังกรเขียวไปก่อนนะครับ ต้องขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ไม่มีปัญหาครับ

 

ปรับลดราคาพิเศษทุกรายการครับ

 

ปิดรายการพีระมิดให้สมาชิกทางPMครับ