ถ้าพูดว่า"ปลง" และ"ปล่อยวาง"คุณจะคิดถึงเรื่องอะไรกันบ้าง ?

ตามนั้นแหละครับ
เราจะปลง และปล่อยวางอะไรกันดี ?

 

ก็ต้องเข้าใจ กลไกการทำงานของจิต

จิต ที่เคลื่อนไปกระทำด้วย อาการจงใจ เจตนา
....จะกลายเป็น กรรม เกิดเป็นภพ อย่างหนึ่ง

ถ้าไม่เข้าใจคำว่า จิต+นา ( การเกิดผลเก็บเกี่ยว อันเกิดจาก สิ่งที่เรียกว่า จิต เป็น เมล็ดพันธุ์ )

ปล่อยวางให้ตาย ก็ โง่กว่าเดิม !!! [ ในทางธรรม มีสิทธิเสวยภพเป็น
เดรัจฉาน เอาดื้อๆ หากปล่อยผิด ถ้า ปล่อยด้วยอำนาจสมาธิ อย่านึกว่าไปเป็น พรหม สถาณเดียว
ยังมี สัตว์เลื้อยคลานเดินด้วยท้อง ที่เรียกว่า พยานาค รอเรียกพี่ โดยเฉพาะสมาธิที่เป็น กสิณ
ยกตัวอย่าง ชฏิลสามพี่น้อง ....ก่อนกราบธรรม นั่น กราบ งู ตัวเดียว ในเข่ง มาก่อน]

จิต+นา เขียนในรูป อาลักษณ์ ได้หลายแบบ เช่น เจตนา จินตนา วิจิตราการณ์


ที่นี้ถ้าทำความเข้าใจ จิต หรือ เจตนา ได้แล้ว

กลับไปที่คำถาม " ปล่อย ปลง ปล่อยวาง " มันจะเกิด คำถามภายในใจ
ที่ยังไม่เคลื่อนไปคิด จะมี อาการคิดเป็นแนวต้าน .... การกำหนดรู้การ
ที่จิตมันไม่ยังไม่ทันไปคิด เห็นคิดเป็นสภาวะธรรม ก่อน ระลึกสภาวะธรรม
ได้ มีสติ มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น หลังจากนั้น จิตมันจะคิดห้ามไม่ได้

จิตไหลไปคิด ไหลไปปล่อย ไหลไปปลง ....ก้กำหนดรู้ เมล็ดพันธุ์ของจิต ที่ก่อภพ
ห้ามไม่ได้ ไม่ใช่เรา ไปตรงๆ

เห็นมันทำงาน ตามความเป็นจริง จึงเห็นทุกข์

ถ้าเห็นทุกข์ ไม่ต้องคิด มันจะประจักษ์อยู่ ณ ขณะนั้นแล้ว พ้น หรือ ปลง หรือปล่อย
หรือไม่ ก็จะ รู้ เอาตรงนั้น

 

ถ้า ปลง ก็ ต้องเข้าใจในความเป็น ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะ ปลงได้ จึง ปล่อยวาง แต่ไม่ได้ หมาย ความว่า ปล่อยทิ้ง หรือ ละทิ้ง

 

ไปเกิดเป็นพญานาคก็ยังดีนะ อย่างน้อยก็ยังมีคนบูชา อายุยืนกว่ามนุษย์
เป็นกึ่งสัตว์กึ่งเทพ ทีแรกเห็นคุณนิวรณืพูดถึงเดรัจฉาน ผมยังนึกว่าเป็นไส้เดือนกิ้งกือเสียอีก แต่พออ่านจบจึงรู้ว่าพญานาค
พญานาคก็ดี อย่างท่านกาฬนาคราช เพราะอายุยืนเป็นกัปป์

 

เออ จะทำยังไงเมื่อจิตไม่ยอมกำหนดรู้ อยากแต่จะหาคำตอบว่า ทำไมๆๆๆๆๆอยู่ร่ำไป เป็นจิตผู้หลงโดยแท้

ครูอ้อยสอนว่า ให้ทำเต็มที่ แล้วปล่อยวางในผล ปรางทำสบู่เต็มที่ แต่ขายได้น้อย ปล่อยปลงไม่ลงก้อเป็นทุกข์

 

คนที่ทำอะไรต้องเพอร์เฟ็กอ่ะ จะปล่อยวางยาก เช่นปรางเป็นต้น แต่คนที่ชิวๆสบายๆจะไม่ซีเรียสว่าทำอะไรต้องให้ดีที่สุด แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูด้วย เช่น สมัยเด็ก ตั้งใจเรียนเต็มที่ เราก้อมีความภูมิใจแล้ว แต่ครอบครัวหวังมากกว่านั้น ว่าต้องท็อปไฟว์ เป็นต้น

 

เรื่องมี มาแล้ว ในสมัยพุทธกาล

ชื่อเรื่องคือ "การไม่รู้จักทางที่ควรเสพ เป็น บุญ" ( ชือเรื่องดัดแปลงนะ ...ส่วนชื่อ พระสูตรจริงๆ เป็นยังไง ไป ค้นคว้า หาเอาเอง )

เป็นเรื่องใน อดีต ของ สามเณร ราหุล สหชาติของ พระพุทธองค์ นั่นเอง

คือ ในสมัยก่อนโน้นนนนนนนน ไกลมาก จำพระสูตรไม่ได้นั่นแหละ

สามเณรราหุล เป็น หนุ่มน้อย มีพี่ชายร่วมท้องอีกหน่อ

สองพี่น้องเดินปา หรือ ทำนา กันอยู่ จำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เห็น ฤาษีสองตน
เล่นกสิณ เหาะเหินเดินอากาส ลอยข้ามหัวไป ก็ โอ้โห อัศจรรย์ใจ

พี่น้องดำริต่างดำริไปว่า ฤาษีสององค์นี้ คงให้พร ให้เราได้ ลาภอันวิเศษ
ได้แน่ๆ เช่น เหาะได้ ให้พรได้ (สาปแช่งได้ นั่นแหละ)

ก็เลย ทิ้งการงาน วิ่งตาม ฤาษี ที่เหาะไป จนกระทั่ง พบ ฤาษีทั้งสอง
องค์ หมดพลังลงมาหาอะไรกิน ในป่า ก็เลยแยกกันไป ปรนนิบัติ ฤาษี
คนละองค์กัน เพื่อที่จะได้ ขอพร ไม่ต้องแย่งกัน


คนพี่ นี่ดีหน่อย ฤาษีองค์ของคนพี่ ให้พรว่า ขอให้เจริญๆ และ พบ คนสอน
ที่ใช่ ที่เก่งกว่าตน(ฤาษี) ไปเรื่อยๆ

คนน้อง(สามเณาราหุล) เอ่ยปากขอให้ ฤาษี ประทานพร ที่ดีที่สุด ที่ฤาษี
รู้จัก ขอให้ตนได้ลาภอันนั้น

เสร็จเลย

ฤาษีขององค์น้อง เห็นว่า พยานาค ดี้ ดี เลยประทานพร ให้ ตายไปแล้ว
ขอให้ได้ไปสู่สิ่งที่ ดี๊ดี ของ ฤาษี ตามนั้น


คนพี่ พอเกิดอีกชาติ ไปเกิดใน พุทธันดรของ พระสัมมาสัมพุทโธ ก็เลย
สำเร็จ อรหันต์ไป พอเล็งญาณไปว่า เอ้ย เคยมีน้องชายแสนรัก ตอนนี้
อยู่ไหน

โน้นนนนนน ไปนอนเล่นฤทธิ์ เป็น พยานาคอยู่โน้น .............

คนพี่ก็เลย สงสาร ไปเตือนว่า ให้ตั้งจิตให้ดีๆ อย่าคิดว่า ตนได้ลาภ อัน
ประเสริฐ สุดติ่ง อลังกาล ขอให้รีบขึ้นมา ทำบุญยกใหญ่ 7วัน 7คืน กับ
พระพุทธเจ้า บัดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น พรของฤาษี(สาปไว้)ไม่อาจลบล้างได้

ก็เลย แปลงกายมาเป็น มะนุด มาทำบุญ กับพระพุทธเจ้า แล้วตอนทำ
บุญ ไปเห็น สามเณรน้อยน่ารักองค์หนึ่ง ก็เลย ถามพระพุทธองค์ว่า

เณรคนนั้นใคร

พระพุทธเจ้าสมัยนั้น ก็บอกว่า นี่บุตรชายเราเอง ตอนนี้ออกบวช เป็น
อรหันต์ตั้งแต่เป็นเณร ไม่กี่ขวบ เพราะ รู้จักว่าอะไร ใช่ อะไรไม่ใช่

พอฟังจบก็เกิด โสมนัสพอใจใน ฐานะของการได้ เป็น บุตร ผู้ได้
ชื่อว่า

เป็นผู้รับมรดกจากผู้ประเสริฐแท้ๆ ไม่โง่ดักดาน ให้พรส่งไปเกิดเป็นเดรัจฉาน

ก็เลยกระทำในใจ อธิษฐานจิตใหม่ ขอเกิดเป็น บุตรชายของพระผู้รู้จักให้
มรดกที่แท้จริง เมื่อเอ่ยปากขอทรัพย์สมบัติ


กงกรรม กงเกวียน วนมาใหม่ โดยไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่มัน สบจังหวะ
ของวงล้อ เวรกรรม !!! พระนางพิมพา บอกให้ ราหุล ไปทูลขอราชสมบัติ
จากพระพุทธเจ้าเสีย ...... พระพุทธองค์ ก็เลยประทาน การบวชให้ เป็น
สมบัติที่แท้จริง ไม่ดักดานจมภพใดๆ อีกต่อไป

เอวัง

 

คุณนิวรณ์พูดมาตรงนี้ก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็กำลังสงสัยว่า พระพุทธเจ้านี้
จำเป็นต้องมีลูกก่อนค่อยออกบวชเหมือนกันหมดทุกองค์หรือ
จะมีพระพุทธเจ้าสักพระองค์ไหมที่ออกบวชทั้งๆที่ยังโสด
แล้วก็สถานที่ตรัสรู้จำเป็นไหมที่ต้องตรัสรู้ใต้ต้นไม้เหมือนกันหมด

 

ผมนึกว่า ปลง มันจะมีหลายๆปลง เช่น
ปลงกิเลส
ปลงอสุภะ
ปลงธรรมสังเวช
ปลงพระชนมายุสังขาร(พระพุทธเจ้า)
ปลงกับชีวิต
ปลงกับคน
ฯลฯ

 

คำถาม ไม่เป็นไปเพื่อการ สิ้นตัณหา อุปทาน

ตรงกันข้าม

คำถามเป็นการ ยั่วยุ ให้ผู้ตอบ ฝุ้งซ่าน หวังประทุษร้ายใน สมาธิจิต ของผู้ตอบคำถาม ไปทั่ว !!!!

 

ประจวบเหมาะกับว่านวลปรางจะบวชตามพระราหุลพอดี วันนี้ช่างบังเอิญจัง รำคาญเรื่องผู้ชาย

 

ธรรมใดพอหยั่งลงในปุถุชน จะเป็น สัทธรรมปฏิรุป ทันที

ปลง ทางธรรม จึงได้ แตกออกเป็น ปลงหลายแบบ ต่างคนก็ต่างบอกว่า นี่ใช่ อย่างอื่นเปล่า

ทีนี้

สำหรับ คนมีปฏิภาณ จะเห็น " ความแตกต่างของการปลง "

อาศัย จิตระลึกได้ว่า เอ้ย นี่ก็แค่ " ความแตกต่างของสัญญา "
ที่หมายเอา กับ บัญญัติว่า ปลง อันแล่นไปด้วยจิต ที่บังคับบัญชา
ไม่ได้ พอจิตกระทบคำว่า " ปลง " ก็เกิดการปฏิรุปไปต่างๆ นานา
ตามผัสสะ นามรูป

ถ้าเห็น สภาวะสำคัญต่างๆนานา นานัตสัญญา แล้วกำหนดรุ้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง

 

ปลง[v.] lay down
[syn.] ปล่อยวาง,ปล่อย,เปลื้อง,ปลด
[v.] put something down
[syn.] เอาลง,ยกลง,วางลง
ตัวอย่างประโยค
ลุงหันหน้าเข้าวัดมากขึ้นพยายามปลงว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
ดูคำอื่นๆในหมวดแปล ไทย-อังกฤษ LEXiTRON
ปลกเปลี้ย
ปลงกรรมฐาน
ปลงชีวิต
ปลงช้าง
ปลงตก
ปลงผม
ปลงพระชนม์
ปลงสังขาร
ปลงสังเวช
ปลงอนิจจัง

ปลง คืออะไร แปลภาษา แปลว่า หมายถึง (พจนานุกรมภาษาไทย-อังกฤษ LEXiTRON)

 

ผมไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรลงไป ผมแค่เขียนไปตามที่คิดเท่านั้น :boo:

 

บางเรื่องบางราวเราก็อยากจะปลงและปล่อยผ่านไปเสีย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมให้เราปลงง่ายๆ

 

อยู่คนเดียว ละซี่ !!?

พระท่านว่า " อยู่คนเดียวให้ ระ........ " ................ออกไปดูก่อน

 

สำหรับปราง คือ เรื่องโหยหาความรัก ติดตรงเนี้ยมาเป็นปีแล้ว จะฆ่าตัวตายหลายหนแล้ว แต่ได้บารมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยไว้ ปรางจะกระโดดให้สิบล้อชน แต่ที่มาชนคือรถมอไซต์ อีกรอบปรางอยากโดนข่มขืน แต่ที่มาทำเราคือพวกภพภูมิละเอียด คือบารมีท่านแผ่ลงมาช่วยหลายครั้ง ผ่อนหนักเป็นเบา รู้มั้ย ปรางอยากตาย มากกว่าอยากไปนิพพานเป็นไหนๆ ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะต้องขอเป็นลูกพระองค์ก่อน ครูบาอาจารย์บอกมา

 

ถ้า วางจิต ให้อยู่ในกระแสแบบโลก มันก็ ธรรมดาที่ผลมันจะเป็น โลก

ผู้รู้ๆ

ออกมาดู นอกๆนี่ ออกมาดู กระแสปลงโลก ห่างออกมานี่ แล้วกำหนด
รู้นั่น กระแสโลก ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา พร่องเป็นธรรมดา พร่องเป็นนิจ

อยู่ในข่ายแห่งมาร ก็ สมเหตุสมผลของ มันแล้ว

แต่ผู้รู้ หาติดข้องอยู่ไม่

 

จริงๆแล้ว กระทู้และข้อความในลักษณะที่ทำให้คนเครียด หมกมุ่น ทำลายสมาธิ
จะมีอยู่มาก แต่อยู่ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต-ลึกลับ
มีการดึงเอาพระพุทธศาสนาไปยำปนกับลัทธิประหลาดๆ
ซึ่งผมเองก็แปลกใจที่ทางเว็บเขาไม่ว่าอะไร
เรื่องในหนังในละครก็นำมาเขียนเป็นตุเป็นตะ แต่ที่สำคัญคือ นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นการปลูกฝังการเข้าใจผิด

 

จริง เป็นตามนั้นแหละ ทุกประการ