ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ขอท่าน...ดอกไม้เย็น...ช่วยอธิบาย ความแตกต่างของ เป้าหมายของ ธรรมบัวบานด้วยครับ

เช่นพระสมณโคดม..มีพระนิพพาน...เป็นที่หมาย แล้วธรรมบัวบาน..ที่หมายคืออะไรครับ

 

กลับคืนสู่ "พุทธะ"


เราทั้งหลายล้วนมาจากพุทธะ
เพราะมหากรุณาอันมากล้นนั้น
เราจึงจากพุทธะนี้มาสู่โลก

เรายอมอยู่ในรูปนามหลากหลาย
ยอมเวียนว่ายในสังสารวัฏนี้
ก็เพื่อปวงสรรพสัตว์อื่นๆ
ที่ยังต้องทนทุกข์กันอยู่

เมื่อเรากลับคืนสู่พุทธะ
เราย่อมฉุดช่วยเวไนยยะที่ยังเสื่อมต่ำ
ให้เลื่อนระดับสูงขึ้นไปได้อีกด้วย

นิพพาน เป็นเพียงประตูให้เราผ่านไปเท่านั้น
หากเราคิดเอานิพพาน เท่ากับละมหากรุณาเท่านั้นเอง

 

พุทธะ เบ่งบานได้.................ในใจ
เวียนว่ายเกิดแก่เจ็บตายใน....วัฏะสงสาร
รูปนามหลงทรมาน.........อยากพ้นทุกข์ แท้เอย
ที่แจ้งแห่งบัวบานนั้น.............ถึงแล้ว...พุทธภูมิ

 

พอเห็นภาพ "ธรรมบัวบาน" นะครับ?


ต่างจากธรรมสายอื่นๆ อย่างไร
แต่ก็สำเร็จได้ผลจริง มีเหตุผลยังไง
และเป็นจริงในบริบทปัจจุบัน พิสูจน์ได้ยังไง


วันนี้ ขอตัวพักแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ละกันครับ

 

พุทธะภูมิ ภูมิแท้........ในใจคน
บ่อมิมัวหมองมี มล... .....ทิน ค้าง
เป็นมนุษย์สุดจะทน....กิเลสตัณหายั่ว...ให้หลงเอย
ชำระอวิชชาล้าง.........สะอาด สว่าง สงบ...พบพุทธภูมิ

 

ความจริงแล้ว...ธรรมะไม่ได้เก็บกลับ
แต่ กัปน์นี้มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์...เปรียบเหมือน องค์ความรู้ ที่แตกต่าง แต่มาจากพุทธะ สิ่งเดียวกัน แตกต่างกันที่ ความเป็นมนุษย์ในยุคต่างๆ ที่มีสมองและสติปัญญาที่ ต่างกัน เปรียบเหมือนรุ่นแรก..ก็รุ่น มนุษย์ถ้ำ..ต่อมาก็มนุษย์นอกถ้ำ มนุษย์ล่าสัตว์ ขยายเผ่าพันธุ์...จนพัฒนามาจนถึง.รุ่นขี่ม้ายิงธนู ขี่เกวียน...จนมาถึง.มนุษย์รุ่นปัจจุบัน

นี่คือ...การพัฒนา..เวอร์ชั่นของธรรมะไปตาม สติปัญญาของมนุษย์..ที่เรียกว่า...โลกธรรม

 

ธรรมบัวบาน...ก็ต่อยอดมาจาก ธรรมที่พ้นน้ำขึ้นมาได้..ของท่านพระสมณโคดม...นั้นเอง
พระสมณโคดม ท่านชี้สอน..ทางแห่งการหลุดพ้น..เปรียบเสมือน บัวที่รอดปากเต่า ปากปลา ปากหอย ขณะที่อยู่ไต้น้ำ..จนเกิดปัญญา ลอยพ้นน้ำมาได้....และเมื่อพ้นน้ำมาได้.ก็เปรียบการรับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์คือ การได้รับแสงสว่างแห่งปัญญา..เพื่อที่จะเบ่งบาน..ถึงความเป็นพระพุทธะ...นั่นเอง

 

ธรรมะมีแก่นแท้เหมือนกันก็จริง แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน


เช่น ถ้าเราใช้ธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ในเวลาปัจจุบัน จะกระทบต่อ
ระบบกรรมทันที กาลเวลาจะแปรปรวนผิดเพี้ยนไป และเกิดปัญหามากมายได้
ผมพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจถึงความแตกต่างและความจำเป็นในการเลือก
ใช้ธรรมบัวบานเพราะอะไร? ทำไม ผมจึงต้องยกตัวอย่าง "พระธิดาเมี่ยวซ่าน"


ถ้าเราใช้ธรรมอะไรก็ได้ ทำไม ผมต้องเลือกใช้ธรรมของพระศากยมุนีละครับ?

 

ไม่มีมนุษย์ถ้ำในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ หรอกครับ


พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของโลกเท่านั้น ไม่สิต้องกล่าวว่า
ที่โลกเจริญเพราะมีพระพุทธศาสนาต่างหาก เพราะอะไร? เพราะว่าได้
"มหาปณิธาน" ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ส่งผลให้โลกเจริญไงครับ
เช่น มหาปณิธาน ที่จะช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีอาหารการกินสมบูรณ์
มหาปณิธาน ที่จะช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ต้องทนทุกข์ด้วยโรคภัยฯ
ดังนั้น ไม่มีหรอกครับ ยุคพระพุทธเจ้าที่จะมีมนุษย์ถ้ำ มนุษย์ยุคหินอะไร
โลกจะเจริญขึ้นแล้วเสื่อมลง เสื่อมลงแล้วเจริญขึ้นอีก ขึ้นๆ ลงๆ เป็นช่วงๆ
เช่นนี้ และพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นในยุคที่โลกเจริญเท่านั้น ไม่เคยเกิด
ขึ้นในยุคที่มนุษย์ล้าหลัง และมนุษย์โลกก็ไม่ได้วิวัฒนาการมาจากความ
ล้าหลังแล้วจึงมาเจริญทุกวันนี้ ไม่ใช่ แต่มีวิทยาการในแบบของเขาเองดัง
เช่นความเจริญของ "แอตแลนติสต์" ก็เป็นประจักษ์พยานถึงยุคเจริญก่อน
ยุคของเราได้ เราไม่ได้อาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนเพื่อให้ได้มา
ถึงจุดนี้ แต่จะบอกว่าไม่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน หลงเหลือให้เห็น
ในยุคนี้บ้างเลย ก็คงกล่าวไม่ได้ แต่โดยหลักการแล้ว เราจะใช้ธรรมะที่เข้า
กับยุคสมัยครับ ยุคใครยุคมัน ธรรมใครธรรมมัน ใช้ผิดยุคสมัย กาลจะวิบัติ
จะเกิดการแปรปรวนของระบบกรรม ซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อนยากจะอธิบายครับ


ดังนั้น จึงต้องมี "พระพุทธเจ้า" มาโปรดสัตว์ ยุคใครยุคมัน ตามลำดับไงครับ

 

องค์ก่อนๆท่านปูทาง ไว้ ก็ล้วน..ชี้ไปที่จุดเดียวกันคือ..เข้าถึงความเป็นพุทธะ...แต่ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับสติปัญญาของพุทธบริษัทของแต่ละพระองค์ ว่า พุทธบริษัทที่ปฏิบัติตามนั้น เขาเดินทางได้ถึงขั้นไหน สะสมปัญญาบารมีได้ ถึงไหน..มันก็จะต่อ ยอด ไปเรื่อยๆ สะสมสติปัญญา ตาม..โลกธรรม..

นั่นคือ...ปฏิบัติฝึกจิตรู้ความคิด...จินตมยปัญญา...ในจิตตน(ทางนามธรร )....
แต่ทางโลกธรรมหรือทางรูปธรรม หรือทางวิทยาศาสตร์ จะต้องสามารถอธิบายได้ และพิสูจน์ได้..ว่า มีจริง..เช่น สมัยพระสมณโคดม ไม่มีไฟฟ้า หลอดไฟ เครื่องยนต์ น้ำมัน แอร์ ตู้เย็น เครื่องบิน ฝนเทียม.การโคลนนิ่ง หลอดแก้ว ..สกัดสารอาหาร โทรทัศน์ โทรศัพท์ คลื่น พลังงาน แสง สี เสียง...เรื่องเหล่านี้ คือสิ่งที่ เป็นรูปธรรม

ที่พิสูจน์..ว่า..เรื่องของความคิด เรื่องจิต มีจริง และเป็นไปได้อย่างไร

แต่ทั้งโลก...ที่เขายังสงสัยเหมือนกันอยู่ก็คือ....เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน...นรกสวรรค์พระเจ้า...มีจริงหริอ...นี่ไง..มันเข้มข้น มันตีวงแคบ เข้ามา หาตนเองแล้ว....

 

ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์....ชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติ อันเดียวกัน..คือ...ความเป็นพระพุทธะ..ที่เป็น เจ้า..

ดังนั้น..ธรรมที่มันแตกหลายแบบ หลายสาขา หลายยาน...ผสมกับอีกหลายความเชื่อ ของศาสนาอื่นๆ....ก็เพื่อ เจตนาเอามาผสมเชื่อมกับศาสนาพุทธ..(ผสมกับความจริง ผสมกับสิ่งที่ดีดี)ก็เพื่อ สักวันหนึ่ง สาวกจะได้..มีข้ออ้างว่า อย่างน้อย ก็ได้เคย ได้ยินได้ฟังเรื่อง ของพระพุทธะ ว่า มีชื่อนี้จริง....ชึ้นชื่อว่า ได้เคยเกิดมาสัมผัสกับ...คุณของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ บ้าง....ไง

 

พุทธภูมิภูมิแห่งพุทธะ...ปัญญาแห่งพุทธะ.มึเพื่อช่วยใครล่ะ ถ้าไม่ช่วยสัตว์โลก...ทำไมต้องเป็นสัตว์โลก...ก็มนุษย์ มีอายตนะครบ กว่าสัตว์อื่นๆ และมีทุกข์ครบ(พระไตรลักษณ์ครบสมบูรณ์ด้วยเหตุด้วยผลและแสดงกฏแห่งกรรมได้ครบทุกเงื่อนไข คือ ครบ 360องศารอบทิศทางกันเลยทีเดียว...เรียกได้ว่า ทุกคนจะปฏิเสธผลแห่งกรรม วิบากต่างๆที่มันย้อนมากระทบต่อตนเอง นั้น ไม่ได้เลย..นี่คือความจริงอันเดียวกัน อย่างนึง

 

เส้นทางแห่งการหลุดพ้น จากวัฏสงสาร ล้วนแสดงเอาไว้แล้ว..ที่แดนมนุษย๋โลก...(แดนแห่งพุทธภูมิ)..นี้

แต่มนุษย์ที่ยังมีอวิชชาก็ยังหลงทาง..หาแดนพุทธภูมิที่เข้าใจว่า อยู่ที่อื่น...

ใจอยู่ที่ไหน...พุทธภูมิ อยู่ที่นั่น....

 

มนุษย์ถ้ำ ...ก็คงจะเป็น เทพเทวดา.ที่ไปโปรด...เช่นฟ้าผ่า เกิดไฟไหม้ เกิดความร้อน..เพื่อให้มนุษย์ถ้ำ...ได้รู้จักไฟ

ต่อมา ศาสนาอื่น ก็เทพอีกนั่นแหล่ะ ที่เป็นผู้ไปชี้ทาง แสดงปาฏิหารย์..ตั้งแต่ ยุคแรกๆ เรื่องการก่อสร้าง..สิ่งต่างๆ..เพื่อการเรียนรู้ เอาตัวรอด ในโลก....

จะเห็นได้ว่า ล้วนขึ้นอยู่กับ สติปัญญาของมนุษย์ควบคู่ไปกับ.วิวัฒนาการทางรูปธรรม..นั่นเอง

 

จนมาถึง...ปัจจุบันนี้.....ปัจจุบัน

ปัจจุบัน...บอกอะไร...ได้บ้างล่ะ....ในจิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย..ปัจจุบันของโลกธรรม ปัจจุบันของวิวัฒนาการ ปัจจุบันของเทคโนโลยี ปัจจุบันของการมีชีวิต ปัจจุบันของการใช้ชีวิต ปัจจุบันของการเกิดมามีชีวิตใช้ร่วมกับโลกใบนี้

ปัจจุบัน..ของประเทศต่างๆทั่วโลก...เขาถึงไหนกันล่ะ เขาทำอะไรกันอยู่ล่ะ...(ล้วนแล้วแต่มีปัญหาเดือดร้อนกันโดยทั่ว)....

 

ปัจจุบัน....ที่เคยพัฒนา..จนพัฒนามาถึงจุด...โลกไร้พรมแดน...เห็นกันได้หมด....เหมือนเล่นเกมส์...ที่แผนที่ปิดหมด มองไม่เห็นกัน...แต่มาตอนนี้ แผนที่เปิดหมด..มองเห็นโลกทั้งโลกบนฝ่ามือ.....แล้ว มันได้อะไรบ้างล่ะ....เห็นแต่...โลกที่ถูก..มนุษย์..ทำลายธรรมช่าติ...โดยไม่คิดคำนึง ถึงว่า ได้เกิดมาอยู่ร่วมในโลกใบเดียวกัน...ทวีปเดียวกัน ประเทศเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน อำเภอเดียวกัน ตำบลเดียวกัน บ้านเดียวกัน บ้านไกล้กัน สังคมเดียวกัน..มนุษย์เหมือนกัน....ธรรมะความจริงที่เห็นๆกันอยู่นี้.....มันบอกอะไร ในใจเราได้บ้างล่ะ

 

ผมพยายามสืื่อถึง "ธรรมบัวบาน" ให้ได้ง่ายที่สุดนะครับ
และมันไม่เหมือนธรรมสายอื่นๆ จึงจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า
ธรรมบัวบานแตกต่างจากธรรมอื่นๆ อย่างไร

ธรรมมีแก่นแท้เดียวกัน แต่ถ้าไม่แสดงความแตกต่างให้ชัดเจน
เวลาปฏิบัติจริง จะปฏิบัติผิด ได้ธรรมเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนกัน
เหมือนพระธิดาเมี่ยวซ่าน บรรลุธรรมได้ แต่พ่อของท่านก็คงไม่พ้นนรกครับ

 

แล้วมนุษย์ทุกคน....ก็จะเข้าใจหัวอก อันเดียวกัน.ว่า......จะตายไปด้วยกัน หรือ จะรอดไปด้วยกัน...นั่นเพราะ...มนุษย์เกิดมาเพื่อ อยู่ร่วมกัน เป็น..สัตว์สังคม....นี่คือสิ่งที่ต้อง...ตระหนักในจิตใจให้ได้ว่า....ความสุขของมนุษย์...ที่แท้จริง ล้วนมาจาก ความสุขและรอยยิ้มที่ได้เห็นจาก คนอื่นๆรอบตัวเรา....ที่ไกล้ตัวเราที่สุดก็คือ..คนในครอบครัวเรา..

 

ก็ถูกต้องแล้ว...ครับที่คุณเข้าใจ ว่า พระธิดาเมี่ยวซ่าน..ทำไม่ถูกต้อง

คนเรา ถ้ารู้ว่าอะไรคือถูกคือผิด..ทำไมจะต้องไป โอนอ่อนผ่อนตาม ในความไม่ถูกต้อง เพื่อให้คนอื่น ..ทำผิดจริงๆด้วย เพราะ ความผิด มันมีผลจริงๆ ต่อคนที่ทำผิด ช่วยเขาทำผิด สนับสนุนการทำผิด เมินเฉยต่อคนที่จะทำผิด...อุเขกขาต่อคนที่หลงผิด...สิ่งเหล่านี้....มันคือความไม่ถูกต้องครับ

 

สวัสดีครับท่านดอกไม้ ท่านวรณ์นิและทุกท่านได้มาอ่านธรรมบัวบาน ก็มีความรู้สึกเหมือนๆการปฏิบัติตัวตามปรกติของตัวผมเลยนี่ครับ มันก็คือกำารทำสมมุติให้ดีเพราะสมมุติกับวิมุติมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากไม่ใช่เหรอครับ ทำสมมุติให้ดีมันก็จะวิมุติของมันเองอยู่แล้ว แค่สมมุติยังทำไม่ดีก็ไม่ต้องไปถามหาอนาคตแล้วละครับ