ประวัติ วัดไชโย-วัดระฆัง (ฉบับวัดระฆังถวายในหลวง พ.ศ.๒๕๐๔)....

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย pmorn3339, 26 เมษายน 2016.

  1. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467

    ดีเลยครับ
    เรื่องราวประวัติ จะได้ไม่สูญหาย
    ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้อ่านกัน

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ได้วันละ 5-10 หน้าครับ
    แล้วแต่โอกาสและเวลา
     
  2. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    สมเด็จพระสังฆราช ศุข หรือ สุก มี 2 องค์ครับ องค์แรกสิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2359 ครับ สมเด็จโต

    https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระอริยวงษญาณ_สมเด็จพระสังฆราช_(ศุข)
     
  4. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ทุกๆตำราจะอ้างว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯบวชเป็นนาคหลวงที่วัดพระแก้ว มีสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน เป็นอุปัชฌาย์บวชให้.. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร เดิมเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สถิต ณ.วัดราชสิทธาราม ได้รับโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่๔ จึงโปรดให้แห่มาสถิต ณ.วัดมหาธาตุเมื่อปี พ.ศ ๒๓๖๓-๖๕.. สมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ เดิมเป็นพระพนรัตนอยู่วัดมหาธาตุฯ ได้รับโปรดเกล้าขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ ๒๓๓๖-๕๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุองค์แรกที่ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชครับ...เมื่อปี พ.ศ ๒๓๕๑ สมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ ชราภาพมากแล้วจึงรับสั่งมอบภาระกิจให้สมเด็จพระพนรัตน นาค วัดระฆังฯ ฐานะพระอุปัชฌาย์พระโต เป็นผู้อบรมสั่งสอนพระปริยัติธรรมให้พระโต...สมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ ก็ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์บวชนาคให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ครับ. ขอบคุณข้อมูลท่านpaper_white ครับ......
     
  5. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ผมไม่มีความรู้เรื่องสมเด็จโตเลยจริงๆไครับ
    ยิ่งเรื่องของพระเรื่องเจ้า ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เลย

    อยากร่วมวงเสวนาด้วย แต่ก็ด้อยด้วยความรู้ (จริงๆแล้ว ไม่มีเลย)
    จึงขอเชิญท่านผู้รู้ทั้งหลาย เสวนา แลกเปลี่ยน ความรู้กันเองนะครับ


    ผมแค่ไปอ่านเจอ จึงพยายามก๊อปเอามาเล่าสู่ พสมช เผื่อเป็นประโยชน์บ้าง
    หวังว่า ก็คงเป็นประโยชน์แก่ พสมช บ้างนะครับ



    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  6. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    อย่าเอาอันอื่นมาบ่นซิครับ ก็เล่มนี้ ไม่ได้บอกว่า
    สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) บอกแค่ สมเด็จพระสังฆราช สุก วัดมหาธาตุ ปี 2350 ซึ่ง ถ้าปี 2350 พระสังฆราชคือ ศุข* วัดมหาธาตุ ครับ ตามตำราที่บางท่านศึกษามา จริง ๆ แล้ว สมเด็จโต ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) แม้แต่น้อยครับ อาจผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อโย้งเข้า สมเด็จอรหัง และ/หรือ สมเด็จวัดพลับ กระมั้ง ครับ ผมศึกษาแบบงู ๆ ปลา ๆ แต่จับประเดนได้ประมาณนี้ครับ

    * คำว่า ศุข หรือ สุก อาจเพี้ยนกันได้ จากการพ้องเสียง อะครับ
     
  7. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ผู้รู้เสวนากัน
    ความรู้ล้วนๆๆ

    ผมไม่กระดิกเลย

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ต่อๆๆๆ ครับ
    วันนี้กลับบ้าน ขก ก๊อปมาได้หลายหน้าครับ
    วันทั้งวันไม่ต้องทำไร
    นั่งก๊อปแต่ destop เอาภาพมาตัดต่อเป็นหน้าๆๆไป
    วันนี้เหนื่อยแล้วครับ
    พักก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  8. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ผมไม่ได้เอาอันอื่นมาบ่นครับ ผมอธิบายประวัติสั้นๆของสมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ ตามลิงค์ที่ท่านเอามาให้ดู ในหนังสือเล่มนี้ หรือในหนังสือตำราทุกๆเล่มเขาเขียนเป็นสมเด็จพระสังฆราช สุก วัดมหาธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์สมเด็จฯโต ก็คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร หรือสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน วัดมหาธาตุ ถึงแม้ในหนังสือเล่มนี้จะเขียนบอกพระนามแค่สมเด็จพระสังฆราช สุก วัดมหธาตุ ก็เป็นที่รับรู้และเข้าใจกันโดยทั่วไปว่าหมายถึงสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน วัดมหาธาตุ ไม่มีใครเข้าใจเป็นสมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นคนล่ะองค์กันครับ ผมจึงต้องอธิบายว่าสมเด็จพระสังฆราช ศุข เดิมเป็นพระพนรัตนอยู่วัดมหาธาตุ รัชกาลที่๑ โปรดสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่๒ ปี ๒๓๓๖--๕๙ ประทับหรือสถิต ณ.วัดมหาธาตุตามเดิม...ส่วนสมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร (ไก่เถื่อน) เดิมเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สถิต ณ.วัดราชสิทธาราม รัชกาลที่๒ โปรดสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่๔ ปี ๒๓๖๓ แล้วโปรดให้แห่จากวัดราชสิทธารามมาประทับ หรือสถิต ณ.วัดมหาธาตุ เพราะวัดมหาธาตุโปรดให้เป็นที่ประทับ หรือสถิติของสมเด็จพระสังฆราช ผมก็เขียนอธิบายทุกๆครั้ง ว่าสมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร (ไก่เถื่อน) หรือสมเด็จพระสังฆราช ศุข วัดมหาธาตุ ทั้งสองพระองค์ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์บวชท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯโตเลย ท่านเองก็ยังบอกว่าสมเด็จฯโตไม่ได้เป็นลูกศิษย์ สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวร(ไก่เถื่อน) แม้แต่น้อย มีผลประโยชน์บางอย่างเพื่อโยงเข้าสมเด็จอรหัง และพระกรุวัดพลับ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 เมษายน 2016
  9. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ไม่ว่าวงการไหนๆ

    สุดท้ายก็จบที่ "ผลประโยชน์"

    เฮ้อออออ...ประเทศไทย..จงเจริญ...

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    พวกเจดีย์เก่าๆ อาคารเก่าๆ
    ไม่รู้ว่า ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่เปล่า
     
  10. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ก็บางคนเข้าใจ (ไม่ใช่ทุกคน) แต่ถ้าศึกษาข้อมูล ก็จะทราบว่า สมเด็จพระสังฆราช ศุข (สุก) วัดมหาธาตุ ปี 2351 คือ องค์ไหนอะครับ ผมขออนุญาต แค่นี้นะครับ เดี๋ยวจะเสียอรรถรสข้อมูลดี ๆ หมดอะครับ
    ป.ล. 1.หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้บอกว่า สมเด็จพระราชสังฆราช คือ สุก (ไก่เถือน) นะครับ การชื่อซ้ำ (รวมถึงพ้องเสียง) ไม่ได้หมายถึง (องค์) คนเดียวกันนะครับ
    2.ผมว่าที่บ้านมีเล่มนี้นะ เคยผ่านตา เดี๋ยวต้องลองไปหาดูครับ
     
  11. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ว่าแต่ว่า มีใครมี พระพิมพ์นอกพิมพ์นิยมที่เล่นหา ตามหนังสือฉบับนี้ ให้ส่องบ้างละครับ

    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดี ๆ ครับ
     
  12. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    เพราะผลประโยชน์ในวงการพระสมเด็จวัดระฆังฯและวัดใหม่บางขุนพรหม มันมีจำนวนมากมายมหาศาล พวกเขาจึงกล้าแต่งนิยาย นิทาน ตำนานขึ้นมาบิดเบือนตั้งแต่ตอนท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเกิด จนถึงตอนท่านฯสิ้นพระชนม์.. หนังสือบันทึกอัตชีวประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย คือบันทึกฉบับของท่านมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ บันทึกฉบับนี้เป็นฉบับแรก และฉบับเดียวที่เขียนบันทึกจากการตีความภาพเขียนประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ บนฝาผนังโบสถ์วัดอินทร์ เป็นภาพเขียนชุดต้นฉบับดั้งเดิม ไม่ใช่ภาพเขียนชุดปัจจุบันที่เห็นนี้น่ะครับ ผู้บันทึกตีความคือ พระมหา ม.ล สว่าง เสนียวงศ์ วัดสระเกศ และนายพร้อม สุดดีพงศ์ ชาวเมืองไชโย จัดทำบันทึกในปี พ.ศ ๒๔๗๓ พระมหาสว่างเขียนบันทึกตีความเสร็จแล้ว ก็ออกไปสอบถามชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่ ถามเกี่ยวกับประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ พระมหาสว่างจดบันทึกเรื่องเล่าปากต่อปากจากคนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น โดยไม่ตัดทอนเนื้อหาออกเลย ใครเล่ามาอย่างไรก็เอาตามนั้น ข้อมูลในบันทึกฉบับนี้จึงมีเนื้อหาสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นข้อมูลจากการตีความภาพเขียน และข้อมูลจากเรื่องเล่าจากปากชาวบ้าน ต่อจากนั้นพระมหาสว่างจึงเอาบันทึกทั้งหมดไปให้มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ผู้มีหน้าที่ดูแลโรงพิมพ์กระทรวงธรรมการ (ผมจำตำแหน่งไม่ได้)ให้ช่วยตีพิมพ์เป็นเล่มในปี พ.ศ ๒๔๗๕...หนังสือพระสมเด็จฯหรือหนังสือประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเล่มแรกตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ จนถึงปัจจุบันนี้ ก็คัดลอกเอาข้อมูลจากบันทึกฉบับของพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ทั้งสิ้น แต่คัดลอกเอาเฉพาะข้อมูลส่วนที่เป็นเรื่องเล่าของชาวบ้านเท่านั้น แล้วเอามาแต่งนิยาย นิทาน ตำนานต่อเติมเสริมแต่งขึ้นใหม่อีกตามสำนวนโวหารของแต่ล่ะคน ส่วนที่เป็นข้อมูลจากการตีความภาพเขียนฝาผังไม่มีใครสนใจเอามาเขียนขยายความเลย แม้แต่ในหนังสือของวัดระฆังฯเล่มนี้ ในเชิงอรรถก็อ้างว่าเอามาจากบันทึกฉบับของพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ใช่ครับ แต่เอาส่วนที่เป็นเรื่องเล่าปากต่อปาก จึงไม่มีวันเดือนปีบอกไว้ มีแต่ว่ากันว่า เล่ากันว่า มีผู้รู้บอกว่า เล่าว่า ตอนหนึ่ง ครั้งหนึ่ง สมัยหนึ่ง ปีหนึ่ง อัตชีวประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถ้าดูกันจิงๆแล้วมีเล่าตอนเกิด ตอนบรรพชาสามเณร และตอนอุปสมบทเท่านั้น ตอนท่านฯสิ้นพระชนม์ก็เป็นบันทึกเขียนขึ้นภายหลัง มีบันทึกตอนเป็นสามเณรโตเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร กรมพระราชวังบวรฯ โปรดให้มาอยู่วัดมหาธาตุ จะได้ใกล้ๆฟ้า โปรดให้ขึ้นไปบวชนาคที่วัดตะไกร เมืองพิษณุโลก เสร็จแล้วกลับมาอยู่วัดมหาธาตุ ข้ามไปเรียนกับพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระพนรัตน วัดระฆังฯ ไม่มีบันทึกตอนท่านฯสร้างพระพิมพ์เนื้อผงขึ้นไว้วัดใดๆเลย.. แม้แต่ในช่วงปี พ.ศ ๒๔๑๒--๑๔ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างวัดใหม่บางขุนพรหม ขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่๔ ก็ยังไม่มีข้อมูลบันทึกฉบับของพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ท่านฯสร้างวัดใหม่บางขุนพรหม ขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่๔ เป็นเหตุการณ์สำคัญกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นอย่างมาก เป็นวัดที่ท่านฯสร้างด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ วัดใหม่บางขุนพรหม ท่านฯสร้างก่อนที่ท่านฯจะสิ้นพระชนม์แค่สองปี วัดใหม่บางขุนพรหมจึงเป็นต้นกำเนิดของพระตระกูลสมเด็จ จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่องของประเทศไทย ท่านฯสร้างพระพิมพ์เนื้อผงพิมพ์ทรงต่างๆบรรจุในเจดีย์วัดใหม่บางขุนพรหมตามคตินิยมความเชื่อมาแต่โบราณ เสร็จแล้วท่านฯไปบูรณะฯวัดระฆังฯเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่๔ และสร้างพระพิมพ์เนื้อผงแบบเจ็ดชั้นฯและแบบสามชั้นขึ้นชุดหนึ่งจำนวนไม่มากเหมือนสร้างที่วัดใหม่บางขุนพรหม ท่านบูรณะฯวัดระฆังฯช่วงสั้นๆ เพราะท่านต้องกลับไปวัดอินทร์เพื่อดูแลการก่อสร้างพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ให้แล้วเสร็จ... แต่คนสมัยนี้กลับไปยกให้เสมียนตราด้วงเป็นผู้บูรณะฯวัดใหม่บางขุนพรหมและสร้างพระสมเด็จบรรจุในเจดีย์ เหตุผลเพราะเขากลัวว่าถ้าพระสมเด็จกรุวัดใหม่บางขุนพรหมและของวัดระฆัังฯเป็นพระสมเด็จฯที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างทั้งสองวัดรวมกันเป็นแสนกว่าองค์ เขากลัวว่ามีพระสมเด็จจำนวนมากเกินไป ราคาพระสมเด็จต่อองค์จะถูก องค์ไม่กี่ร้อยกี่พันบาท เขาจึงต้องแต่งนิยายนิทานตำนาน อุปโลกน์เป็นว่าพระสมเด็จวัดระฆังฯท่านสร้างไปแจกไป แจกตอนออกบิณฑบาตรตอนเช้า สร้างยากมาก ท่านฯสร้างน้อย พระจึงราคาแพง พระสมเด็จวัดระฆังฯมีราคามาตั้งแต่ท่านฯยังไม่สิ้น เขาตั้งใจปั่นราคาพระสมเด็จวัดระฆังฯให้แพงสูงสุด แล้วเขามาแต่งนิยายอุปโลกน์ว่าพระสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหม เสมียนตราด้วงเป็นผู้มาบูรณะฯวัดและสร้างพระสมเด็จจำนวน ๘๔๐๐๐ องค์บรรจุในเจดีย์ เขาจัดให้พระสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหม มีราคาถูกกว่าพระสมเด็จวัดระฆังฯหลายเท่า ที่เด็ดสุดๆเขากล้าเอาพระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯสร้างแจกชาวบ้านปี ๒๔๓๘--๔๐ มาอุปโลกน์ยัดให้เป็นพระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯขึ้นไปสร้างบรรจุไว้ในองค์หลวงพ่อโต......ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงนี้ คือเพราะผลประโยชน์ และเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆเพียงไม่กี่คนเท่านั้นครับ......เขียนเพ้อเจ้อไร้สาระซะยืดยาว ต้องขออภัยท่านpmormไว้ ณ.ที่นี้ด้วยน่ะครับ..........
     
  13. liverpool_Rak

    liverpool_Rak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    2,482
    ค่าพลัง:
    +3,153
    อ่านที่ท่านจัวน้อยพิมพ์มานั้นผมไม่รู้ว่าท่านจัวน้อยตั้งใจจะสื่ออะไรนะคับ แต่จับประเด็นคร่าวๆว่า 1.ท่านว่าวัดระฆังรวมกับบางขุนพรหมรวมกันเป็นแสนองค์ไช่มั้ยคับ 2.ท่านกำลังจะบอกว่าสมเด็จวัดเกศไชโยไม่ไช่สมเด็จท่านสร้างไช่มั้ยคับ. ถ้าไช่รบกวนขอหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันหน่อยผมว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่ามีแต่ตัวหนังสือเยอะๆ แฮะๆผมแก่แล้วอ่านแล้วมันชอบงงๆอะนะคับ อย่างข้อแรก สมมุติว่าบางขุนพรหมครบ84000องค์(ซึ่งส่วนตัวผมว่าไม่น่าจะถึง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรอ้างอิง) ดังนั้นสมเด็จวัดระฆังรวมทุกพิมพ์ต้องอย่างน้อย16000 ส่วนตัวผมก้อว่ายังเยอะไป เพราะว่าพระสร้างยาก มีขั้นตอนมากมาย ไช่ว่าท่านจะสักแต่จะสร้างเท่านั้น แค่ผงพุทธคุณเท่านั้นกว่าจะได้นั้นใช้เวลามากมาย ส่วนเกศไชโย หากท่านจัวนัอยมีประวัติชัดเจนว่าไม่ไช่ท่านสมเด็จสร้างก้อน่าจะเอามาแชร์ความรู้กัน เพราะว่าตอนสร้างนั้นรู้แต่ว่ามีการสร้างพระบรรจุแต่จะมารู้รายละเอียดแต่ละพิมพ์นั้นก้อตอนแตกกรุออกมาแล้ว แล้วมีประวัติย้อนหลังออกมา ซึ่งผมก้อเล่นพระสมเด็จเกศไชโยมาหลายสิบปีแล้ว คลุกคลีกับคนพื้นที่มาเยอะพวกเขาเหล่านั้นก้อบอกว่าท่านสมเด็จท่านสร้างพระไว้แต่ก้อเป็นตำนานเล่าขานจากชนรุ่นเก่าเล่าต่อๆกันมา ก้อคงมีแต่ท่านจัวน้อยเท่านั้นละคับที่บอกว่าไม่ไช่สมเด็จสร้าง แต่ก้อยังเห็นว่าสร้างยังสะสมวัดเกศไชโยเป็นร้อยองค์ ก้อเลยงง ๆ(อีกละ5555+) อ้อแต่ที่ผมมั่นใจอย่างเดียวคือราคาของพระสมเด็จนั้นที่แพงเพราะพุทธคุณคับมีแต่คนอยากได้ ที่ปั่นกันนั้นคือการเอาพระเก๊ พระฝีมือ มาหลอกว่าเป็นพระแท้ โดยเอาราคาเป็นหลัก หากใครคิดว่าพระแพงๆเป็นพระแท้ก้อสลบแน่ พระแท้ แท้ที่พระไม่ไช่เงินทำให้แท้คับ พระสนามกัอเป็นพระแท้ได้ถ้าพระแท้จริงๆ แต่หลายคนเอาพระเก็สนามมาทึกทักว่าว่าพระแท้ นั้นมีเยอะมาก หากสมเด็จแท้ๆนั้นราคาหลักล้าน มีคนซื้อแน่นอน คนเลยหันมาเล่นบางขุนพรหมกันเพราะจุดจบที่เนื้อหาคราบกรุนั้นชัดเจนกว่า ตอนนี้ชั่วโมงนี้ บางขุนพรหมออกตัวง่ายกว่าวัดระฆังเสียอีกคับ เอ้าท่าน pmorn ว่าต่อโลด เดี๋ยวต่อไม่ติด. 555555
     
  14. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ขอบคุณทั้งสองท่านครับ
    กระทู้มีสีสันขึ้นเยะเลย

    มีแต่ปรมาจารย์ที่ศึกษาเรื่องพระสมเด็จที่แท้จริงทั้งนั้น
    ชาตินี้ผมคงไม่มีบุญวาสนาได้เห็นพระสมเด็จวัดระฆังหรือบางขุนพรหมกับตาแบบเป็นๆ
    เอาเรื่องราวไว้ให้อนุชนรุ่นหลังไว้เป็นพื้นฐานในการศึกษาหาข้อมูลกันต่อไปครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  15. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467

    บันทึกตรงนี้
    ในหนังสือเล่นนี้ บอกไว้ดังนี้

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    แต่คนเขียนประวัติ เอามาเสริมแต่งเป็นข้อความแบบนี้

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤษภาคม 2016
  16. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804

    "ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างวัดใหม่บางขุนพรหม ขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่๔" ไม่ทราบว่า มีประวัติชัดเจนมาแชร์ไหมครับ น่าสนใจอยู่ครับ
     
  17. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804

    ถึงแม้ว่าภาพจะยังอยู่ ก็ใช่ว่าจะตีความได้ง่าย ๆ นะครับ
     
  18. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ตอบข้อ 1.ผมหมายถึงพวกเซียนพระเขากลัวว่าพระสมเด็จวัดใหม่บางขุนพรหม และวัดระฆังฯสองวัดรวมกันมีจำนวนเป็นแสนองค์ พระสมเด็จมีจำนวนมากเกินไป เขาจะปั่นพระสมเด็จฯไม่ได้ราคาสูงๆ เขาจึงแต่งนิยายว่าพระสมเด็จวัดใหม่บางขุนพรหม เสมียนตราด้วงสร้าง พระสมเด็จวัดระฆังฯท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้าง.... ตัวผมเขียนมาตลอดว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้สร้างพระสมเด็จพิมพ์ทรงต่างๆจำนวน ๘๔๐๐๐ องค์บรรจุในเจดีย์วัดใหม่บางขุนพรหม เพราะวัดใหม่บางขุนพรหม ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่๔ ท่านฯจึงสร้างตามแบบวัดบวรฯ วัดโสมนัสฯ และวัดมกุฎฯ วัดพระอารามหลวงในรัชกาลที่๔ มีเจดีย์เป็นประธาน ตามคตินิยมมาแต่โบราณจะนิยมสร้างพระพิมพ์เนื้อผงบรรจุในเจดีย์ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯจึงน่าจะสร้างพระพิมพ์เนื้อผงจำนวน ๘๔๐๐๐ องค์ ครบตามจำนวนพระธรรมขันธ์ สร้างวัดเสร็จ สร้างพระพิมพ์บรรจุในเจดีย์สำเร็จครบถ้วนตามคตินิยมโบราณ ท่านฯไปบูรณะฯวัดระฆังฯเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่๔ ช่วงสั้นๆ ไม่ได้สร้างเจดีย์เหมือนวัดใหม่บางขุนพรหม จึงไม่จำเป็นต้องสร้างพระพิมพ์จำนวน ๘๔๐๐๐ องค์ จิงๆแล้วมวลสารที่เอามาสร้างพระสมเด็จวัดระฆังฯก็คือ มวลสารที่เหลือจากสร้างพระสมเด็จวัดใหม่บางขุนพรหม นั่นแหล่ะครับ มวลสารเหลือเท่าไหร่ก็สร้างเท่านั้น สร้างไม่เน้นจำนวน เน้นแต่พิมพ์ทรง คือพิมพ์ใหญ่เจ็ดชั้นฯ และพิมพ์ใหญ่ประธานเท่านั้น ส่วนพระสมเด็จสามพิมพ์ทรงคือ พิมพ์เจดีย์ พิมพ์เกศบัวตูม และพิมพ์ฐานแซม เป็นพระที่เหลือ หรือตั้งใจไม่เอาลงบรรจุในเจดีย์วัดใหม่บางขุนพรหม พระสามพิมพ์นี้ไม่มีคราบกรุเขาตีเป็นของวัดระฆังสร้างหมด ซึ่งไม่ผิดกติกาใดๆครับ เขียนแบบนี้โดนถล่มจมดินแน่ๆ555555555 สรุปว่าพระสมเด็จวัดระฆังฯสร้างจำนวนน้อยจิงครับ หลักหมื่นต้นๆ แต่ไม่ใช่สร้างน้อยเพราะสร้างยากครับ และไม่ใช่สร้างไปแจกไปครับ ซื้อปูนเปลือกหอยเตรียมไว้เป็นโอ่งๆ ขึ้นไปบูชาเปิดกรุขอดินพระกำแพงทุ่งเศรษฐีตามกรุวัดร้างต่างๆขนลงมาเป็นโอ่งๆ ก้อนกรวดหินควอร์ทก็ไปร่อนเอาตามริมฝั่งแม่น้ำ มวลสารอื่นๆคงมีคนจัดหามาให้ท่านฯครับ เพราะสร้างพระสมเด็จฯในวาระเดียวมวลสารทุกอย่างจึงต้องเตรียมให้พร้อมครบสูตรครับ....เดี๋ยวมาตอบข้อ 2 ครับ....
     
  19. watgeang_e

    watgeang_e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +449
    การที่จะศึกษาประวัติหรือจะทำการสืบค้นประวัติของบุคคลที่มีประวัติอยู่เป็น100เรื่องราวและคลุมเครือ ไม่รู้ว่าเรื่องในจิงหรืออันในเท็จ การเริ่มต้นเราต้องอ่านประวัติทุกประวัติ และควรอ่านซ้ำกันหลายๆรอบจนเข้าใจ ถ้าอ่านจิงจะเข้าใจว่าทุกประวัตินั้นมาจากประวัติที่มคต้นฉบั้บเดียวกันที่ถูกเขียนแบบหยาบๆเพียงไม่กี่บรรทัด จากนั้นก้อถูกตกแต่งเพิ่มเติมเพิีอโชว์ว่าประวัติที่ตนเขียนเจ๋งกว่าทุกประวัติ เช่น นาคหลวง นาคหลวงองค์แรก บุตรนอกเสวตฉัตร หลวงปู่มีญาติทางเมืองเหนือ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมุลที่รุ้มาเพียงแค่ครึ่งเดียวแต่เขียนและตกแต่งด้วยจินตนาการเองทั้งนั้น..และยังมีการตอกย้ำความมึนงง และมืดบอดเพิ่มเติมเข้าไปอีกโดยการหยิบนำข้อมูลเท็จที่เกิดจากต้นฉบับเดียวกันมาหักล้างกันไปมา..สุดท้ายก้อจบลงที่เชื่อความเท็จอย่างสนิทใจ

    ..ถ้าเราอยากได้ความจิงที่ตรงกับเหตุผลและหลักการ อ้างอิงประวัติศาสตร์ของประเทศได้เลย..เราต้องอ่านประวัติของผู้ที่เกียวข้องกับหลวงปู่โตทั้งหมดตั้งแต่เล็กจนโต แล้วท่านจะพบกับคำตอบและความจิงทั้งหมด จะรุ้ว่าหลวงปู่โตเป็นนาคหลวงหรือไม่ และใครคือนาคหลวงคนแรก เหตุใดหลวงปู่โตถึงได้ไปค้นพบพระกรุเมืองเหนือหลายต่อหลายกรุ เพราะท่านไปเยี่ยมญาติจิงหรือ? ท่านเจ้าคุณอรัญญิก(แก้ว)คิอใคร ทำไมหลวงปุ่โตจึงมึความผูกพันกับวัดบางขุนพรหมมากมายนักถึงกับต้องมาค่อยคุมเพื่อนเฉลยชาวลาวระดับศักดินาทำการสร้างพระใหญ่ ชาวบ้านเดินผ่านไปผ่านมาหลวงปู่ก้อแจกพระให้ราวกับแจกลูกอม สิ่งนี้ต่างหากละที่เราควรศึกษาและสืบค้น ส่วนเรื่องว/ด/ป..และพญาหาเหวท่านจะรุ้เองเมื่อท่านได้อ่านประวัติผู้ที่เกียวข้องกับชีวิตหลวงปู่ทั้งหมด เรื่องราวจะพาท่านไปสู่ความจิงที่ขาดหายไปจนถึงการเลิกทาส
     
  20. watgeang_e

    watgeang_e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +449
    อีบุคอันนี้ก้อเป็นตัวอย่างที่ผมยกตัวอย่างชุดนี้ที่ัวัดดระฆังยังระดับประถม ลองไปชมของวัดอัมพวันทำประวัติหลวงปู่โตดูน่ะครับและลองอ่านดูนะครับ ยาวกว่านี้เยอะ พอดีผมเล่นทางโทรสับเลยลำบากเรืองหาลิ้งให้น่ะครับ ถ้าอยากรุ้เรื่องราวต่างๆของปู่โตต้องอ่านทุกเรืองของเพื่อนหลวงปูโคด้วย..ส่วนเรื่องของเจ้าพะยา หลวงวิจาร อะไรต่างล้วนเป็นแค่ตัวละคร อย่าหลงประเด็ดในการศึกษา ใครคือเจ้ากรมช่างสิบหมู่ ใครคือเจ้ากรมช่างวังหลวง แล้วช่างทองมีสิทธิอะไรมาสั่งทำพิมพ์นั้นพิมนี้ พระสมเด็จ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของบริบัทเคลือชีเมนต์ไทย..ที่เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาจนปัจจุบัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...