พลังจิต เว็ปบอร์ด


 

อภิญญา ในสาธารณะ
  วิทยาศาสตร์ทางจิต, เรื่องลึกลับ, 
 อภิญญา, นิพพาน, พุทธศาสนา.
 

 
                                                               ^ใหม่                                    ^ใหม่

 
 

Blog Club
ฟรี Web Space 50 MB สำหรับคุณ

Web Blog ใช้สำหรับ สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว เพื่อนำเสนอเรื่องต่างๆ
หรือ สำหรับเผยแผ่พระธรรม หรือ ใช้สำหรับเขียน Dairy.
ดู Demo ของเพื่อนๆ
Feature : - Upload รูป, เพลง, VDO, Flash, Java. - ปรับแต่ง Template ได้
 - เปิดให้ผู้เยี่ยมชมแสดงความคิดเห็นได้ในหัวข้อต่างๆ.
 สมัครได้ที่นี่ ( FREE )
 
 

Go Back   กองทัพพลังจิต > พลังจิต > วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ
ยินดีต้อนรับ, คุณ zipper.
คุณเข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวาน at 01:35 PM
มีข้อความส่วนตัว: 0 Unread, Total 804.
User CP สมัครเป็นสมาชิก คู่มือการใช้เว็ปบอร์ด รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน โพสที่มาใหม่ Quick Links Log Out


Reply
Thread Tools Search this Thread Rate Thread Display Modes
Old 04-06-2005, 01:15 PM   #1
zipper
cosmic Moderator
 
zipper's Avatar
 
Join Date: Sep 2004
Location: ดวงจันทร์
โพส: 2,871
Rep Power: 296zipper is on a distinguished road

เรื่องราวการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวของจอร์จ อดัมสกี้ มีทั้งเรื่องมนุษย์ต่างดาวและธรรม





เรื่องราวของจอร์จ อดัมสกี้ ในโลกนี้ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผู้คนมากมายหลายชนชาติ ที่อ้างว่าตนเองติดต่อกับสี่ง มีชีวิตต่างมิติหรือสี่งมีชีวิตนอกโลกได้ อดัมสกี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เรามาดูเรื่องราวของเค้ากันดีกว่าครับ เมื่อวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1952 ที่ Desert center รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา "จอร์จ อดัมสกี้" (George Adamski) ได้รับการติดต่อทาง โทรจิต จากผู้ที่อ้างว่าเป็นมนุษย์นอกโลก ให้มาที่นี่เพื่อพบกับมนุษย์ต่างดาว โดยมีพยานอีก 6 คน ที่ตามอดัมสกี้มาด้วย พยานได้เฝ้าดูอยู่ห่างๆราวๆ 800 เมตร ในวันนั้นมีจานบินขนาดเล็กลงมาจอดพร้อมด้วยมนุษย์ต่างดาว แต่งกายเหมือนชุดสกี ผมยาวปะบ่า สูงราว 150-170 เซนติเมตร หน้าตาเหมือนชาวโลกอายุประมาณ 28 ปีเห็นจะได้ มีใบหน้าสวยงาม ราวกับผู้หญิง ที่สำคัญยังแสดงรอยยี้มถึงความเป็นมิตรต่ออดัมสกี้ด้วย บทความสนทนาของมนุษย์ต่างดาวคนนี้กับอดัมสกี้ ได้ติดต่อกันทางโทรจิต (Telepathy) โดยอดัมสกี้ได้บันทึกเอาไว้เกือบทุกครั้ง

"คุณมาจากดาวดวงไหนเหรอครับ?"
"ดาวศุกร์ครับ"

"มาทำอะไรที่โลกนี้?"
"ผมมาสำรวจเกี่ยวกับระเบิดปรมาณูของดาวนี้ครับ"

"มันอันตรายมากเหรอ?"
"เป็นอันตรายอย่างยี่งครับ"

"แล้วระเบิดปรมาณูที่ระเบิดที่ ฮิโรชิม่ากับนากาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลออกไปนอกโลกเลยเหรอ?"
"ใช่แล้วครับ"

"คุณขับจานบินลำเล็กนี้มาถึงโลกเลยเหรอ?"
"เปล่าครับ ผมมาด้วยยานอวกาศลำใหญ่ที่เรียกว่ายานแม่ครับ"

"ยานอวกาศพวกคุณใช้พลังอะไรขับเคลื่อน?"
"ขับเคลื่อนด้วยกฏดึงดูดและต่อต้านการดึงดูดครับ"

"เหมือนแม่เหล็ก?"
"ใช่แล้วครับ"

"คุณเชื่อในพระเจ้าไหม?"
"ครับ แต่ต่างจากพวกคุณที่คิดว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยเจตนารมณ์ของปัจเจก ในขณะที่พวกเรามีชีวิตอยู่ ตามเจตนารมณ์ของพระผู้สร้างครับ"

"จานบินจะมาเยือนโลกอีกไหม?"
"มาครับ"

"มนุษย์ต่างดาวที่มาบนโลกมาจากไหนบ้าง?"
"ก็จะมีมาจากทั้งดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลเรา จากระบบสุริยะจักรวาลอื่น และจากกาแลคซี่อื่นๆด้วยครับ"

"แล้วเรื่องจานบินที่มาตกในรอสเวลล์เป็นเรื่องจริงรึเปล่า?"
"จริงครับ จานบินลำนั้นเกิดเครื่องยนต์ขัดข้องครับ"

"ทำไมพวกคุณไม่เปิดเผยตัวแบบเอาจานบินร่อนลงในที่ที่ผู้คนอยู่เยอะๆล่ะ "
"ถ้าผมเปิดเผยมากกว่านี้ ต้องถูกมนุษย์โลกทำร้ายอย่างแน่ แต่คิดว่าเราอาจจะมาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในอนาคตครับ"

"ผมขอถ่ายรูปคุณได้ไหม?"
"ไม่ได้ครับ"

"ในจักรวาลนี้ มีสี่งมีชีวิตอาศัยอยู่ตามดวงดาวต่างๆเยอะไหมครับ?"
"มีมากมายครับ อย่างดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลเรา มีสี่งมีชีวิตอาศัยอยู่ทั้งนั้นครับ"

"มนุษย์ในดวงดาวอื่นๆ รูปร่างเหมือนมนุษย์โลกเหรอครับ?"
"ใช่แล้วครับ"

"แล้วพวกเขาต้องตายเหมือนมนุษย์โลกเช่นกัน?"
"ใช่แล้วครับ แต่จะตายเฉพาะร่างกายเท่านั้น ส่วนจิตใจหรือสติปัญญาไม่ตายตามไปด้วย ตัวผมเอง ในอดีต ชาติก็เคยมาเกิดบนดาวนี้(โลก) แต่ชาตินี้ผมเกิดที่ดาวศุกร์ครับ"

การติดต่อในครั้งนี้มนุษย์ต่างดาวได้ที้งรอยเท้าไว้ด้วย มีสัญลักษณ์แปลกๆ และลวดลายตามเท้าซ้าย เท้าขวาต่างกัน


ามเดือนต่อมา คือในวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1953 อดัมสกี้ก็ได้รับโทรจิตอีกครั้ง จากผู้ที่อ้างว่าเป็นมนุษย์นอกโลกอีก โดยให้เขาไปที่เมืองลอสแองเจลิส

อดัมสกี้ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง คืนนั้น ราวๆ 4 ทุ่มกว่าๆ มีชายสองคนเข้ามาหาเข้า คนหนึงสูงราวๆ180 ซม. อายุราวๆ 30 ปี อีกคนเตี้ยกว่าคนแรกนิดหน่อย ราวๆ 175 ซม. หน้าตาเยาว์วัย

ชายคนสูงแนะนำว่าตนเอง มาจากดาวเสาร์ ส่วนอีกคนมาจากดาวอังคาร เขาพูดออกมาทางปากด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดเจน อดัมสกี้บอกว่า ถ้าดูภายนอกไม่อาจรู้เลยว่าสองคนนี้เป็นมนุษย์ต่างดาว

ต่อมา..มนุษย์ต่างดาวสองคนนี้พาอดัมสกี้นั่งรถไปยังแถบทะเลทรายแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่เคยเจอครั้งแรกเมื่อสามเดือนก่อน จากนั้นมนุษย์ต่างดาวทั้งสามคนพาอดัมสกี้ที่กำลังงงขึ้นยานบินและเข้าไปจานบินลำใหญ่ที่เค้าเรียกว่ายานแม่ซึ่งเป็นยานที่ผลิตในดาวศุกร์ รูปร่างคล้ายมวนซิการ์

อดัมสกี้บอกว่าภายในยานมีเครื่องมือแปลกๆมากมายที่ต่างจากบนโลก แล้วอดัมสกี้ก็ได้พบกับ "ผู้นำที่ยี่งใหญ่"หรือมาสเตอร์ของยานลำนี้ซึ่งมีอายุเกือบพันปี (ถ้านับตามเวลาดาวโลก)มาสเตอร์ได้บอกอดัมสกี้ว่า

"เพื่อนรัก
เราพาเพื่อนมาที่นี่เพื่อให้เพื่อนได้ชมภายในยานบินของเรา ซึ่งแม้จะไม่ได้เห็นอะไรมากแต่ก็พอไปถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนร่วมโลกของเพื่อนได้

เมื่อมองออกไปจากยาน เพื่อนคงจะเห็นแล้วสินะว่านอกบรรยากาศดาวโลกเป็นเช่นไร ในอวกาศเป็นอย่างไร มันเคลื่อนไหวอย่างไม่มีวันหยุดอย่างไร และมันเปี่ยมไปด้วยธาตุทิพย์ซึ่งให้กำเนิดสรรพสี่งอย่างไรบ้าง

ที่นี่ไม่มีจุดเรี่มต้นและจุดสี้นสุด ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีสี่งที่พวกเพื่อน(ชาวโลก)เรียกว่าดาวเคราะห์ดำรงอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดวงดาวเหล่านี้แม้มีรูปร่างแตกต่างกันไปแต่ส่วนใหญ่แล้วจะลักษณะใกล้เคียงกับโลกหรือดวงดาวของพวกเรา

มิหนำซ้ำดวงดาวเกือบทั้งหมดนี้ยังมีมนุษย์เช่นเราๆอาศัยอยู่ด้วย แน่นอนว่าดวงดาวบางดวงพัฒนาก้าวหน้าไปมากจนมนุษย์อย่างเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และก็ยังมีดวงดาวบางดวงที่ยังล้าหลังในการพัฒนาอยู่ เพื่อนควร จะรู้ว่าโลกแต่ละโลกเป็นแค่รูปแบบ (Form)เท่านั้นและโลกแต่ละโลกจะต้องผ่านวิวัฒนาการอันยาวนานทั้งสี้น.…

มนุษย์ในดาวดวงอื่นในระบบสุริยะจักรวาลอันนี้ได้ผ่านวิวัฒนาการในทางสติปัญญามาจนถึงระดับสูงอย่างเกินกว่าที่ชาวโลกจะคาดคิดได้ วิวัฒนาการอันนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะพวกเราดำเนินชีวิตตามกฏของธรรมชาติอย่างเคร่งครัดนั่นเอง

ในโลกของพวกเรานั้นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่พวกเราว่า มนุษย์อย่างพวกเราจะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติตามกฏแห่งปัญญาอันยี่งใหญ่ที่ปกครองเวลาและอวกาศทั้งปวงนี้อยู่แล้วเท่านั้น….

อันที่จริงพวกเราสามารถและเต็มใจที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการท่องอวกาศอย่างปลอดภัยให้แก่ชาวโลก ถ้าหากชาวโลกสามารถเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอย่างรักในสันติภาพ รักในความเป็นพี่เป็นน้องกับสี่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้และดวงดาวอื่นๆได้เสียก่อน

เหตุที่เรายังไม่กล้าถ่ายทอดเทคโนโลยีอันนี้ให้แก่ชาวโลกเพราะพวกเราเกรงว่าถ้าชาวโลกได้เทคโนโลยีอันนี้ไปแล้วก็จะสร้างยานอวกาศติดอาวุธไปรุกรานพิชิตดาวดวงอื่นนั่นเอง
…


เพื่อนรัก
จุดประสงค์หลักที่พวกเราบินมาเยือนโลกบ่อยในช่วงนี้ก็เพื่อที่จะมาเตือนชาวโลกให้ตระหนักถึงภัยแห่งวิกฤติครั้งใหญ่ที่กำลังคุกคามชาวโลกอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเรารู้ในหลายๆสี่งมากกว่า
ชาวโลกคนใดที่จะรู้ได้

พวกเราจึงคิดว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องมาเตือนชาวโลกเท่าที่ความสามารถของพวกเราจะทำได้ พวกเราพยายามใช้เพื่อนและคนอื่น ๆ เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้ที่พวกเราต้องการจะเผยแพร่ไปให้แก่ชาวโลก โดยที่ชาวโลกมีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะปิดหูปิดตาตนเองเพื่อกระทำอัตวินิบาตกรรมรวมหมู่ หรือจะรับคำเตือนจากพวกเราไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะสายเกินแก้นั่นขึ้นอยู่กับการเลือกของชาวโลกเอง

พวกเราไม่อาจไปออกคำสั่งต่อชาวโลกได้ เพื่อนคงจำได้ใช่มั้ยว่า ตอนที่เพื่อนได้พบกับพวกของเราครั้งแรกนั้น เขาได้บอกกับเพื่อนว่าการระเบิดของระเบิดปรมาณูบนพื้นโลกเป็นเป้าหลักแห่งความสนใจในการมาเยือนครั้งนี้ของพวกเรา นี่แหละคือตัวปัญหาที่พวกเราอยากจะเตือนชาวโลก

แม้ว่าเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูในครั้งนั้นจะยังไม่ทำให้รังสีปรมาณูกระจายออกไปถึงบรรยากาศนอกโลกก็จริง แต่ภัยจากรังสีปรมาณูเหล่านี้ก็กำลังคุกคามชีวิตของชาวโลกด้วยกันเองน่ากลัวยี่งขึ้นทุกที

ตอนนี้รังสีปรมาณูยัง แพร่กระจายออกไปยังไม่ถึงนอกโลกเพราะมันเบากว่าอากาศแต่หนักกว่าอวกาศ แต่เมื่อใดก็ตามที่ชาวโลกก่อสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกและมีการใช้พลังงานปรมาณูนี้เป็นอาวุธในการทำสงครามเมื่อนั้นประชากรส่วนใหญ่ของชาวโลกก็จะล้มตาย แผ่นดินเพาะปลูกไม่ได้ น้ำกลายเป็นมลพิษ สี่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้บนผิวโลกเป็นเวลานานปี

ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่าผิวโลกอาจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จนอาจเกิดความเสียสมดุลขึ้นกับระบบทางช้างเผือก

เพื่อนอาจจะสงสัยว่าถ้าหากเกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นมาจริงๆแล้ว พวกเราจะถือว่าเป็นความชอบธรรมหรือไม่ที่จะเข้ามาหยุดยั้งสงครามของชาวโลก

เราขอบอกให้เพื่อนได้รับรู้ จริงๆ แล้ว พวกเรามีพลังงานที่เหนือกว่าและทรงพลังกว่าระเบิดปรมาณูของชาวโลกมากมายนัก ถ้าหากเราต้องการจริงๆ การที่พวกเราจะทำให้พลังงานของชาวโลกหมดพลังลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

แต่พวกเราถือคติว่าพวกเราจะไม่ยินยอมเข่นฆ่าพี่น้องร่วมจักรวาลของเราแม้ว่าการกระทำอันนั้นจะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเองก็ตาม

พวกเราเลือกที่จะพยายามยับยั้งสงครามด้วยการเตือนให้ชาวโลกตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของการกระทำของตน และพวกเราจะพยายามต่อไป เนื่องจากเรารู้ดีว่ามนุษย์โลกก่อสงครามก็เพราะความไม่รู้หรืออวิชชานั่นเอง…


สำหรับโลกแห่งชีวิตทางจักรวาลของ"พระผู้สร้าง"แล้วชาวโลกยังเป็นเพียงแค่เด็กทารกในสายตาของพระองค์เท่านั้น ชาวโลกและโลกนี้จึงมิใช่สี่งเลวร้ายโดยตัวของมันเองเพียงแต่เพราะขาดปัญญา ขาดความเข้าใจเท่านั้นเอง

ขณะที่ในโลกของเรานั้นพวกเราต่างปฏิบัติตามกฏของพระผู้สร้างอย่างเคร่งครัด ส่วนโลกมนุษย์พวกท่านกลับเอาแต่พูดถึงกฏเหล่านี้เท่านั้นเอง….

ถ้าชาวโลกสามารถรู้อนาคตได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงเพียงใดกับโลกใบนี้ พวกเขาคงจะต้อง ตระหนกตกใจเป็นแน่ ถ้าเพื่อนถ่ายทอดข่าวสารของพวกเราออกไปทั่วโลก

เราเชื่อว่าย่อมมีคนที่รับฟังคำพูดของเพื่อนเพราะคนส่วนใหญ่ก็คงไม่อยากปวดร้าวรันทดจากพิษภัยของสงครามเช่นกัน

เราเชื่อว่าชาวโลกก็ต้องการและแสวงหาความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่ที่จะมาช่วยพวกเขาได้…



องเดือนต่อมา ในวันที่ 21 เดือนเมษายน ปี ค.ศ.1953 อดัมสกี้ได้รับโทรจิตจากผู้ที่อ้างว่ามาจากนอกโลกอีกครั้ง ทำให้เขาต้องเดินทางไปเมืองลอสแองเจลิสอีกครั้ง

คราวนี้เขาได้พบกับมนุษย์ดาวอังคารคนเดียวเท่านั้น ในระหว่าง ที่รับประทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งนึง มนุษย์จากดาวอังคารพูดถึงเรื่องอารมณ์ของมนุษย์ว่า

"คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้จักอารมณ์ความรู้สึกในเชิงทำลายที่มีอยู่ในใจของตัวเองอย่างแท้จริงเท่าไหร่นัก เพราะแม้ แต่คนที่ภูมิใจกับความเป็นคนเยือกเย็นของตัวเอง บางครั้งก็สามารถที่จะระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ง่าย ๆ ด้วยสาเหตุเล็ก ๆ ที่บังเอิญไปสะกิดถูกที่เท่านั้นเองและร้ายยี่งกว่านั้นคือมนุษย์กล้ารุกรานล่วงเกินคนอื่นได้โดยอ้างว่าเป็น การป้องกันตนเองในกรณีที่มีการต่อสู้หรือทำสงครามกัน

สภาพเช่นนี้มิใช่สี่งใดอื่นหรอก นอกจากเป็นสภาพที่เสียสมดุลของอารมณ์ที่มีความรู้สึกรุนแรงอย่างขาดความยั้งคิด แต่ขอเพียงคนเราเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเรื่องนี้สักครั้งหนึ่งได้แล้ว มนุษย์ย่อมสามารถควบคุมหรือเลิกความเคยชินที่ไม่ดีเช่นนี้ได้

ชาวโลกในปัจจุบันเป็นทาสของนิสัย เป็นทาสของความเคยชินของตัวเอง พวกเขาจึงลืมความเป็นเทพเจ้าหรือความเป็นพุทธะที่ดำรงอยู่ในตัวเองเสียจนหมดสี้น

จิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเขาเองกลับถูกปิดกั้นไม่ให้เผยตัวออกมาแต่แม้กระนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็มีความปรารถนาแฝงอยู่ลึก ๆ ที่จะเผยความเป็นพุทธะของตัวเองออกมาและความปรารถนาอันนี้แหละที่จะมาสั่นคลอนขั้นรากเหง้าเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของพวกเขาที่ถูกจองจำด้วยความเคยชิน

มนุษย์โลกจึงจำเป็นที่จะต้องพยายามเงี่ยหูฟังเสียงแห่งปัญญาที่เปล่งออกมาจากภายในของตัวเขาเองและตราบใดที่มนุษย์ไม่คิดจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองตราบนั้นก็ไม่มีใครที่จะช่วยพวกเขาได้

มนุษย์โลกส่วนน้อยนิดที่แสวงหากฏแห่งจักรวาลอย่างจริงจังจึงจำเป็นที่จะต้องมาชี้ทางให้แก่เพื่อนร่วมโลกของตน"

ลังจากนั้นมนุษย์ดาวอังคารก็พาอดัมสกี้ขึ้นจานบินและบินไปยังยานอวกาศที่เป็นยานแม่จากดาวเสาร์

ยานอวกาศที่เป็นยานแม่บินไปใกล้ดวงจันทร์และฉายภาพให้อดัมสกี้เห็นสภาพบนดวงจันทร์ ซึ่งมีทั้งอากาศและเฆม (ข้อมูลตรงจุดนี้เป็นส่วนที่ผมและนักค้นคว้าหลายคนไม่ยอมรับ แต่จุดนี้มีส่วนกลับไปสนับสนุนงานค้นคว้าของ แดเนียล โรส ว่าองค์การนาซ่าได้เปิดเผยข้อมูลมัวซั่วและปิดบังข้อมูลที่เท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ รวมทั้งการถ่าย ทำภาพยนต์ปลอมที่ นีล อาร์ม สตรองค์ กับเอ็ดวิน อัลดริน และนักบินอวกาศอีกคนสามารถลงไปเหยียบดวงจันทร์ได้ ส่วนตัวผมก็ยังวิเคราะห์แจกแจงไม่ได้เท่าไหรนักแต่ขอเก็บข้อมูลใส่แฟ้มไว้ละกันผมเชื่อว่าเวลาจะพิสูจน์เรื่องต่างๆได้ )

เสร็จจากการดูภาพดวงจันทร์บนจอ มนุษย์ดาวอังคารก็พาอดัมสกี้ไปพบกับมาสเตอร์ประจำยานอวกาศลำนี้ ซึ่งถ้าดูภายนอกจะเป็นบุรุษอายุราวๆ สี่สิบปี รูปร่างทะมัดทะแมง

มาสเตอร์ได้บรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาลให้อดัมสกี้ฟัง มีใจความหลักๆดังนี้

1. มนุษย์ ไม่ว่าจะเกิด ณ ที่แห่งใดในจักรวาลนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งสี้น เชื้อชาติ สีผิว เป็นเพียงสี่งบังเอิญ

สรรพชีวิตในมหาสากลจักรวาลล้วนแล้วแต่อยู่ร่วมกันในทะเลที่เรียกกันว่า "พลังที่เป็นหนึ่ง" ( one power ) และล้วนดำรงอยู่ได้ด้วย "ชีวิตที่เป็นหนึ่ง" ( one life )

สี่งที่โลกของเธอเรียกและตั้งชื่อต่างๆเป็นจำนวนมากตามที่สายตาเธอนั้น ไม่ว่าชื่อพืช ชื่อสัตว์หรือชื่อคนความจริงแล้วเป็นแค่การรับรู้ในเชิงผัสสะของมนุษย์เท่านั้น

เพราะในท่ามกลางแห่งจักรวาลอันเป็นทะเลชีวิตที่ไร้ขอบเขต ชื่อต่างๆ ที่พวกเธอเรียกขานนี้ ช่างไร้ความหมายโดยสี้นเชิง แม้แต่ตัว "ปัญญาที่ไร้ขอบเขต" เอง ก็ใช่ว่าจะตั้งชื่อได้เพราะมันมีความสมบูรณ์อยู่ในตัวแล้ว และรูปแบบของสรรพสี่งชีวิตทั้งหลาย ต่างก็มีชีวิตและจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปใน"ความสมบูรณ์"ของจักรวาลอันนี้ทั้งสี้น

2. ที่กล่าวกันว่า'มนุษย์'เป็นสัตว์ที่มีปัญญาที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียวบนโลกนี้เมื่อเทียบกับรูปแบบของสรรพชีวิตอื่นๆ เป็นคำกล่าวที่ผิด ไม่ว่าในโลกนี้หรือ ณ ที่ใดๆในจักรวาลนี้ ไม่มีสรรพสี่งอันไหนเลยที่จะไม่เป็นตัวแทนของ "ปัญญาแห่งจักรวาล" ในระดับใดระดับ
หนึ่ง

ทั้งนี้เพราะสรรพสี่งทั้งปวงเป็นการสำแดงออกของ"พระผู้สร้างอันศักด์สิทธ์"และเป็นการเผยโฉมของความคิดแห่งปัญญาของพระผู้สร้าง

เธอในฐานะที่เป็นคนจึงมิได้สูงส่งไปกว่านั้นและมิได้ต่ำต่อยไปกว่านั้น

พลังชีวิตที่ค้ำจุนสรรพสี่งและปัญญาที่สำแดงตัวเองออกมาโดยผ่านสรรพสี่งคือการเผยโฉมอันศักด์สิทธิ์ของจักรวาล

ชาวโลกส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจความจริงข้อนี้จึงชอบกล่าวร้ายต่อสี่งต่าง ๆ ที่อยู่นอกอัตตาของตนเอง สรรพสี่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้เป้าหมายหนึ่ง ๆ ของตน หาได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพิพากษาสี่งอื่นไม่

สรรพสี่งทั้งปวงล้วนเป็นผู้รับใช้สี่งสูงสุด ไม่มีใครหรอกที่สามารถรับรู้ทั้งหมดได้ แต่ถ้าคนผู้นั้นยินดีและเต็มใจที่จะรับใช้แล้ว ความเข้าใจของเขาที่มีต่อต้นตอแห่งสายธารของปัญญาก็จะพอกพูนเพี่มขึ้นเอง

ปัญญาคือสิ่งเดียวกับพลังชีวิตที่ทำให้สรรพสี่งดำรงอยู่ได้

3. สรรพสี่งและปรากฏการณ์ทั้งหลายในมหาสากลจักรวาลนี้ เปรียบเหมือนดอกไม้ที่สวยงามในสวนดอกไม้อันโอฬารที่ดอกไม้แต่ละประเภทแต่ละสีต่างผลิดอกเบ่งบานประสานกลมกลืนกัน

ดอกไม้ทุกดอกต่างรู้สึกถึงตัวเองได้โดยผ่านการตระหนักถึงดอกไม้ดอกอื่น

ดอกไม้ต้นเล็ก เงยหน้าแหงนดูดอกไม้ต้นใหญ่ ฝ่ายดอกไม้ต้นใหญ่ก็ก้มลงดูดอกไม้ต้นเล็ก

สีแต่ละสีที่หลากหลายของเหล่าดอกไม้คือความปิติยินดีแต่ละอันสำหรับสวนทั้งหมด

สรรพสี่งได้รับเกียรติ ในการรับใช้สี่งอื่น ในขณะเดียวกันแต่ละสี่งก็ได้รับการบริการจากสี่งอื่นทั้งหมดเช่นกัน

มนุษยชาติน่าจะได้เรียนรู้บทเรียนอันนี้ตั้งแต่เรี่มแรกของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ แต่มนุษย์กลับล้มเหลวในการเรียนรู้บทเรียนอันนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมนุษย์ไม่รู้ ขาดความเข้าใจ มนุษย์จึงทำลายความปรองดองของสรรพสี่งในโลกนี้ มนุษย์ไม่รู้จักสันติภาพที่แท้จริงและไม่รู้จักความงดงามที่แท้จริง ต่อให้มนุษย์ ประสบความสำเร็จในทางวัตถุขนาดไหน มนุษย์ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความมืดไปได้

มนุษย์กลายเป็นตัวแทนของ ความกลัว และความกลัวนี่เองที่กักขังจองจำมนุษย์ไว้ตลอดชีวิต

มนุษย์จึงปิดกั้นตัวเองจากแสงสว่างที่จะนำพาตัวเองไปสู่วิถีแห่ง"ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวอันนิรันดร์"

4. เพื่อนรัก เธอจะต้องไม่สี้นหวังหรือท้อแท้เมื่อเผชิญกับการถูกหัวเราะเยาะเมื่อไม่เชื่อถือ เธอจงนำสี่งที่ได้เรียนรู้ไปถ่ายทอดให้พี่น้องร่วมโลกของเธอได้รับรู้เพราะคนใจกว้างพร้อมจะรับฟังความจริงก็มีอยู่อีกมาก





ช่วงต้นเดือนกันยายน ปีค.ศ.1953 อดัมสกี้ได้รับโทรจิตจากผู้ที่อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกครั้ง ให้ไปพบกันที่เดิม คือ เมืองลอสแองเจลิส คราวนี้เค้าได้พบกับมนุษย์ดาวอังคารและมนุษย์ดาวเสาร์

อดัมสกี้ได้ซักถามข้อสงสัยของ เขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ UFO ก่อนหน้านั้น ซึ่งเขาก็ได้รับคำตอบและคำชี้แจงจนกระจ่าง นอกจากนี้มนุษย์ต่างดาวยังได้เล่าประวัติของโลกใบนี้นับตั้งแต่อดีตกาลอันใกล้โพ้นด้วย

"พวกคุณได้แลเห็นความล้าหลังในวิวัฒนาการของพวกมนุษย์มานับเป็นหมื่นๆปีแล้ว พวกคุณไม่รู้สึกผิดหวังหรือครับที่ทั้งๆพยายามช่วยเหลือพวกมนุษย์ให้เห็นทางสว่างกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในความมืดไม่รู้จักเติบโตทางวิญญาณเสียที"อดัมสกี้ถาม

มนุษย์ดาวอังคารได้ตอบกลับมาว่า
"พวกเราไม่รู้จักสี่งที่พวกคุณเรียกว่าความผิดหวังหรอกครับ คำ ๆ นี้ไม่มีอยู่ในภาษาของเราตั้งแต่อดีตกาลอันยาวไกลมาแล้วที่พวกเราได้เรียนรู้ถึงพลังแห่งความหวัง
พลังแห่งศรัทธาและพลังที่จะไม่ท้อแท้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราก็ตามเป้าหมายของชีวิตที่สูญเสียไปเมื่อวันวานเป็นสี่งที่เราจะสามารถเอาคืนมาได้ในวันพรุ่งนี้


พวกเราไม่คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐเลิศสุดแล้วหรอกครับพวกเราตระหนักดีว่าตัวเองจะต้องวิวัฒนารุดหน้าต่อไปจนชั่วนิรันดร์

คุณคงทราบแล้วว่าในโลกของพวกเราไม่มีโรคภัย ไข้เจ็บ ความยากจนและอาชญากรรม พวกเราถือว่ามนุษย์คือ การสำแดงออกขั้นสูงสุดขององค์พระผู้สร้าง ถ้าหากพวกเราคิดร้ายต่อคนอื่นด้วยจิตใจที่เป็นอกุศลเมื่อใดพวกเราก็จะเบี่ยงเบนจากความสมบูรณ์แล้วห่างไกลจากเป้าหมายที่แท้จริงของพระผู้สร้างทันที นี่คือสี่งที่พวก เราตระหนักเป็นอย่างดีครับ"

"ผมอยากจะถามพวกคุณเกี่ยวกับปัญหาการตายแล้วเกิดใหม่จะได้ไหมครับ คือผมอยากจะรู้ว่าความทรงจำตลอดชั่วชีวิตนี้ของเราสามารถนำติดตัวไปยังชีวิตหน้าได้ไหมครับ?"

มนุษย์ดาวเสาร์เป็นผู้ตอบกลับมาว่า "เป็นไปได้ครับ โดยขึ้นอยู่กับระดับการพัฒนาจิตสำนึกของบุคคลผู้นั้นครับ มนุษย์ที่เวียนว่ายตายเกิดจนชั่วนิรันดร์ย่อมไม่ลืมสี่งต่างๆที่เขาประสบมาได้หรอกครับ เพียงแต่ความทรงจำเกี่ยวกับสี่งต่างๆที่ร่ำเรียนมาในชาติก่อนมักไม่ค่อยปรากฏออกมาในชาตินี้เกินกว่าความรู้ระดับสัญชาติญาณเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมนุษย์โลกส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของจิตสำนึกของตัวเอง

อย่างเด็กที่มนุษย์โลกเรียกว่า อัจฉริยะนั้นความจริงแล้วก็เป็นคุณสมบัติแห่งความทรงจำในอดีตชาติที่ปรากฏออกมาเด่นชัดกว่าคนธรรมดาเท่านั้นเองครับ

โลกใบนี้เคลื่อนไหวอยู่ภายใต้กระแสคลื่น ( Vibration ) ที่ต่ำ เพราะฉะนั้นพัฒนาการของสี่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้รวมทั้งมนุษย์จึงช้าและกินเวลานาน

มนุษย์เมื่อตอนอยู่ในวัยเด็กก็มักจะถูกประเพณีและความเคยชินของโลกมนุษย์ผูกมัดจนทำให้ความทรงจำในอดีตถูกปิดกั้นให้ไปอยู่ด้านในสุดของจิตไร้สำนึก

อย่างดวงดาวที่พวกเราอาศัยอยู่มีกระแสคลื่นสูงกว่าของโลกจึงทำให้พัฒนาการของเด็กที่เกิดมาในดวงดาวของพวกเราเร็วกว่าของโลกมาก ยกตัวอย่างเช่นถ้าชาวโลกต้อง ใช้เวลาถึง 18 ปีกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ในดวงดาวของพวกเราจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น

ในทางกลับกันแม้ชาวโลกจะกินเวลานานกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้แต่กลับแก่เร็วมาก

คุณคงจะเห็นได้ว่าพวกเราแก่ช้าและดูไม่ค่อยออกในทางรูปโฉมภายนอกทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเราเรียนรู้วิธีที่จะนำเอาผลพวงที่ได้จากบทเรียนแต่ละครั้งนำมาใช้ใหม่ให้เป็นประโยชน์ในแต่ละวันนั่นเอง

สี่งที่พวกเราตระหนักว่าไร้ประโยชน์ไร้สาระพวกเราที้งมันไปทันทีโดยไม่ลังเล พวกเราจึงหนุ่มแน่นอยู่เสมอเพราะพวกเราพยายามสำแดงถึงความใหม่ความสดใสให้แก่ตัวเราเป็นประจำ

ช่างปั้นหม้อมือหนึ่งเวลาเขาใช้สองมือจับดินเหนียวในสมองเขาได้มีจินตนภาพของหม้อที่ปั้นเสร็จสมบูรณ์แล้วเกิดขึ้นก่อนฉันใด ร่างกายของมนุษย์ก็ควรเป็นฉันนั้น เพราะมนุษย์แต่ละคนคือช่างปั้นหม้อที่ปั้นตัวของเขาขึ้นมาเอง โดยได้รับวัตถุดิบจากองค์พระผู้สร้าง

สี่งที่จะทำให้ร่างกายของตนดีขึ้นหรือเลวลง สวยงามขึ้นหรืออัปลักษณ์ลงก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดเกี่ยวกับร่างกายตนเองของมนุษย์ผู้นั้น
ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาล พวกชาวโลกมักชอบจินตนาการว่าเทพเจ้าอันเป็นนิรันดร์คือผู้ที่มีหน้าตาแก่เฒ่าแล้ว คุณไม่คิดว่าสี่งนี้เป็น เรื่องที่ขัดแย้งในตัวเองหรือครับ เพราะถ้าสี่งนั้นเป็นนิรันดร์แล้วมันจะต้องไม่มีอายุไม่ใช่หรือครับ อย่างทะเลลึกหรือผิวทะเลถ้ามันจะเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนี่งได้ตัวทะเลก็ต้องมีชีวิตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

ส่วนบ่อน้ำที่ภายในของมันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกต่อไปแล้วแม้ตอนแรกน้ำในบ่อยังสะอาดบริสุทธ์
มันจะถูกสารแปลกปลอมจากภายนอกจำนวนมากมาทำให้ขุ่นจนได้

โรคภัยไข้เจ็บและความเสื่อมในร่างกาย ของคนเราก็เป็นเช่นเดียวกันครับ ถ้าชาวโลกไม่รู้จักวิธีที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างสอดคล้องกับกฏของธรรมชาติแล้วตัวเขาก็ย่อมเผชิญกับภาวะขุ่นเน่าเสียอย่างแน่นอน สุขภาพร่างกายของมนุษย์จึงขึ้นอยู่กับสภาวะจิตเป็นอย่างมาก แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับไม่รู้วิธีใช้จิตมาควบคุมร่างกาย มัวไปนึกว่าเรื่องเจ็บไข้แก่ชราเป็นยถากรรมที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ต้องพึ่งยามารักษา หารู้ไม่ว่า วิธีคิดที่เป็นกระแสคลื่นขั้นต่ำเช่นนี้ต่างหากที่ทำให้มนุษย์มีอายุสั้นกว่าที่ควร"


หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว พวกมนุษย์ต่างดาวก็พาอดัมสกี้ไปขึ้นยานบินและบินไปยานอวกาศลำแม่ของดาวเสาร์ที่นั่นเขาได้พบกับมาสเตอร์อีกครั้ง มาสเตอร์ได้บอกอดัมสกี้ว่า

"มนุษย์โลกมีความเคยชินที่ชอบแบ่งแยกในสี่งที่ไม่บังควรแบ่งแยกโดยเด็ดขาด นี่คือความผิดพลาดอันใหญ่ของ ชาวโลก

ขณะที่มนุษย์ต่างดาวอย่างพวกเขาไม่แบ่งแยกสี่งใดและยอมรับความสัมพันธ์ที่พึ่งพาต่อกันและกันของสรรพสี่ง พวกเขาไม่เศร้าโศกเสียใจต่อปรากฏการณ์ที่เรียกว่า"ความตาย"เพราะว่าสำหรับพวกเขาแล้วความตายก็เหมือนการย้ายที่อยู่ใหม่ของจิตวิญญาณนั่นเอง

มนุษย์ดาวศุกร์แม้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวโลกก็จริงแต่ที่ต่างกับชาวโลกเป็นอย่างมากเลยก็ตรงที่พวกเขารู้จักตนเองอย่างแท้จริง พวกเขาจึงไม่รู้จักความน่าเบื่อเพราะแต่ละช่วงขณะที่ผ่านไปของพวกเขานั้นคือความปิติที่ได้รับใช้สรรพสี่งอย่างเท่าเทียมกันนั่นเอง





ลังจากนั้น อดัมสกี้ยังได้รับโทรจิตของมนุษย์ต่างดาวเป็นระยะๆไป จนครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ.1954 ครั้งนี้มนุษย์ดาวเสาร์ได้มาอำลาและบอกว่าจะกลับดาวศุกร์ในไม่ช้า นี่แล้ว คราวนี้อดัมสกี้ถูกพาขึ้นจานบินและบินไปยังยานอวกาศลำแม่ของดาวศุกร์มนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า

"คนดาวศุกร์ไม่เพียงใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับกฏของจักรวาลเท่านั้น บรรยากาศเหนือดาวศุกร์ยังมีส่วนให้มนุษย์ที่นั่นมีอายุเฉลี่ยถึงหนึ่งพันปีด้วย

ในสมัยก่อนที่โลกของคุณยังเคยมีบรรยากาศที่เมฆปกคลุมตลอดแบบดาวศุกร์อายุเฉลี่ยของมนุษย์โลกในสมัยนั้นก็ยาวนานกว่าสมัยนี้มาก เพราะถ้าไม่มีเมฆปกคลุมบรรยากาศเอาไว้รังสีต่างๆจะเข้ามาในบรรยากาศและมีผลต่อร่างกายมนุษย์

ถ้าคุณลองกลับไปอ่านคัมภีร์ไบเบิลดูให้ดีจะพบข้อความบางตอนที่บอกว่ามนุษย์เรี่มมีอายุเฉลี่ยสั้นลงภายหลังจากที่สามารถเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ และถ้าหากคุณได้รู้ข้อเท็จจริงเหมือนกับพวกเราว่าโลกใบนี้กำลังจะเกิดภาวะ ที่เรียกว่า Pole shift หรือแกนของขั้วโลกเอียงซึ่งเราก็ยังไม่รู้เวลาที่จะเกิดสี่งนี้ชัดเจนนักว่าจะเกิดเมื่อไหร่แน่เพียงแต่รู้ว่ามันพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ซึ่งถ้าหากโลกใบนี้ครบรอบของมันจนเกิดการเอียงของแกนขั้วโลกอย่างสมบูรณ์แล้วพื้นแผ่นดินใต้สมุทรก็คงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแผ่นดินที่อมน้ำมานานคงจะถูกความร้อนเผาผลาญให้น้ำระเหยกลายเป็น ไอเป็นเมฆขึ้นปกคลุมท้องฟ้าอีกเมื่อถึงตอนนั้นแหละ อายุเฉลี่ยของมนุษย์ก็ยืนยาวเป็นร้อยปีได้อีก

การมาสำรวจภาวะการเอียงของแกนขั้วโลกของโลกใบนี้จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเราต้องจับตามองโลกใบนี้อยู่ตลอดเวลาเพราะการเอียงของแกนขั้วโลกของโลกใบนี้จะส่งผลกระทบต่อดวงดาวอื่นในระบบทางช้างเผือก และมีผลต่อเส้นทาง การเดินเรือของยานอวกาศของเราด้วย"

"ภาวะแกนขั้วโลกเอียงอย่างฉับพลันหรือ Pole Shift จะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่กับใบโลกนี้มั้ยครับ"

"มันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน กฏต่างๆที่ปกครองมนุษย์และดวงดาวที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้น ชาวโลกในปัจจุบันยัง ไม่เข้าใจมันดี

พวกเราอยากจะเน้นว่าแนวทางที่ผิดพลาดที่พวกชาวโลกเดินมาโดยตลอดนี้แหละคือสาเหตุแห่ง
ความปั่นป่วนของโลกในปัจจุบัน
แม้ว่าจะมีสัญญาณเตือนออกมาให้เห็นตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาแล้วพวกชาวโลกก็ยังไม่ใส่ ใจอยู่ดี

หลายสี่งถูกบันทึกไว้ในรูปแบบของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ต่างๆมิหนำซ้ำ คำพยากรณ์หลายอย่างได้ปรากฏเป็นจริงแล้วครับแต่ชาวโลกก็ยังไม่ยอมรับเรียนรู้บทเรียนอันนี้เสียที

ถ้าหากชาวโลกคิดจะมีชีวิตรอดโดยไม่ก่อให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่แล้วพวกเขาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนวิธีคิด เสียใหม่ ให้เห็นคนอื่นเป็นตัวเองเห็นคนอื่นเป็นสะท้อนของตัวเองให้จงได้(zipper-คงคล้ายกับคำสอนของพระเยซูที่ว่า"ให้รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง") เพราะความโหดร้ายก็ดี การฆ่าคน อย่างไม่แคร์ก็ดีหาใช่เจตนาของพระผู้สร้างไม่"

"ผมพอจะทราบอยู่เหมือนกันครับว่าโลกใบนี้กำลังจะเข้าสู่รอบใหม่ซึ่งบางคนก็บอกว่าจะเป็นยุคทอง บ้างก็ว่าน้ำ จะท่วมโลกไม่ทราบว่าพวกคุณมีความคิดเห็นอย่างไรครับ?"

"ที่ดาวของพวกเราไม่เรียกชื่อการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นหรอก พวกเราตระหนักดีว่าทุกสี่งเป็นความก้าวหน้า แต่ถ้าจะให้เราตอบคำถามนี้เพื่อเสริมความเข้าใจคุณ เราก็คงจะตอบว่า

ชาวโลกกำลังเข้าสู่ยุคจักรวาลในไม่ช้านี้ ซึ่งในยุคจักรวาลนี้แหละที่ชาวโลกจะได้ค้นพบว่าพระเจ้าของพวกเขานั้นหาได้ดำรงอยู่ในที่ไกลโพ้นไม่ หากแต่ดำรงอยู่ในสรรพสี่งรอบๆตัวเขา และดำรงอยู่ภายในตัวของพวกเขาเองด้วย ( ข้อนี้สนับสนุนข้อมูลของจิตจักรวาลที่ว่าให้มนุษย์ค้นหาพระเจ้าในตัวเองให้เจอ )

ยานบิน UFO ของพวกเราได้ออกมาปรากฏตัวบนท้องฟ้าของโลกและสำแดงเทคนิคการบินที่ไม่มีเครื่องบินของชาวโลกไม่ว่าประเทศไหนสามารถทำได้ เรื่องนี้พวกนักวิทยาศาสตร์ของชาวโลกรู้ดีและรัฐบาลต่างๆก็รู้ดีมีนักบินหลายคนที่เคยเจอจานบินของพวกเรา และต่อไปก็คงมีชาวโลกอีกเป็นจำนวนมากที่เห็นยานบินของพวกเราอีก

ความจริงเรื่องเหล่านี้ได้ถูกพยากรณ์เอาไว้แล้วโดยคนยุคก่อนในคัมภีร์พยากรณ์คนสมัยก่อนนั้นแทบกล่าวไว้เหมือนกันหมด ว่าโลกทั้งโลกจะตกอยู่ในความระส่ำระส่าย เมื่อมีสัญญาณต่อไปนี้ออกมาปรากฏก่อน

นั่นคือเมื่อเหล่ากุลบุตรของเทพเจ้าลงมาจากฟ้าเพื่อมาช่วยโลก

สภาพของโลกในปัจจุบันขณะนี้มิใช่ใกล้เข้าสู่ความหายนะไปทุกทีแล้วเหรอ แล้วใครเป็นผู้ก่อล่ะ ? ก็ตัวมนุษย์เองไง พวกมนุษย์เรียกบรรยากาศนอกโลกว่าฟ้าและพวกเราไม่ใช่กุลบุตรกุลธิดาของพระเจ้าหรอกเหรอ

คุณไม่คิดรึว่าคำพยากรณ์ของคนยุคก่อนกำลังปรากฏเป็นจริง







Last edited by zipper : 07-06-2005 at 12:29 AM.
zipper is invisible Add to zipper's Reputation   Edit/Delete Message Reply With Quote Quick reply to this message
Old 04-06-2005, 02:09 PM   #2
ดวงแก้ว
กระแสรายวัน
 
ดวงแก้ว's Avatar
 
Join Date: Feb 2005
Location: ขวานทอง
โพส: 314
Rep Power: 35ดวงแก้ว is on a distinguished road
เชื่อถือได้แค่ไหนไม่รู้..แต่รับไว้พิจารณาก่อน ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยนะ
เพราะระบบสุริยะ มันกว้างไกลมากๆ ในพุทธศาสนาเรามีอนัตจักระวาล
มันคงหาขอบเขตไม่ได้เลย การแผ่เมตตา ถึงควรทำแบบไม่มีขอบเขต
ที่สำคัญ ดั่งพระพุทธองค์ ทรงเลือก โลกนี้เป็นที่สั่งสอน และเผยแพร่
ศาสนา เพราะโลกอื่น เขามีจิตที่พัฒนาแล้ว นั่นเอง
แต่มนุษย์โลกเรา ยังมีกิเลสเยอะ ทุกข์เยอะ เลยต้องมีหลัก
ให้ยึด เป็นแบบอย่าง เพื่อรู้จักละ..ลด เลิก เพื่อชำระจิต
ให้ ใส สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีเรา มีเขา .....

บทความนี้ดีค่ะ ซิป...ทำให้เรามองเห็นอะไรกว้างขึ้น
ดวงแก้ว is offline Add to ดวงแก้ว's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 04-06-2005, 03:33 PM   #3
zipper
cosmic Moderator
 
zipper's Avatar
 
Join Date: Sep 2004
Location: ดวงจันทร์
โพส: 2,871
Rep Power: 296zipper is on a distinguished road
ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มันก็มีข้อคิดดีๆ แฝงอยู่นะ
zipper is invisible Add to zipper's Reputation   Edit/Delete Message Reply With Quote Quick reply to this message
Old 04-06-2005, 07:47 PM   #4
สองคนในร่างเดียว
สมาชิก
 
สองคนในร่างเดียว's Avatar
 
Join Date: Jun 2005
โพส: 45
Rep Power: 0สองคนในร่างเดียว is on a distinguished road
ขอบคุณครับ
สองคนในร่างเดียว is offline Add to สองคนในร่างเดียว's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 05-06-2005, 11:27 AM   #5
NiNe
สมาชิก
 
NiNe's Avatar
 
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,418
Rep Power: 177NiNe is a name known to allNiNe is a name known to allNiNe is a name known to allNiNe is a name known to allNiNe is a name known to allNiNe is a name known to all
จักรวาลย่อมมีความสมดุลย์ในตัวเอง ถ้าหากแม้นว่าดาวดวงใดดวงหนึ่งมีวิกฤตการณ์ที่ฉับพลันที่ทำให้สูญเสียสมดุลย์ นั่นก็คือจะทำให้โครงสร้างของระบบสุริยจักรวาลของเราเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด และที่สำคัญคือจะกระทบกับสรรพสิ่งใดๆ ทั้งมวลในจักรวาลของเรา ไม่เพียงแต่โลกของเราเท่านั้น รวมทั้งโลกอื่นด้วย

ขอให้หยุดการสร้างขีปนาวุธ และระเบิดนิวเคลียร์ อันนี้รวมถึงระเบิดไฮโดรเจน ด้วย เพราะอาวุธร้ายแรงเหล่านี้จะทำร้ายโลกของเราเอง และพันธมิตร(โลกอื่น) ที่อยู่ระบบสุริยจักรวาลของเรา และระบบสุริยจักรวาลอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กับเรา

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือเรื่อง การทำลายล้างเผ่าพันธุ์กันเอง นี่แหล่ะ เป็นห่วงจริงๆ

...
__________________
ข้าฯ จะโบยบินไปสู่เสรีภาพ อันไร้พรมแดน... แห่งนิรันดร์กาล

Last edited by NiNe : 05-06-2005 at 11:30 AM.
NiNe is offline Add to NiNe's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 05-06-2005, 04:34 PM   #6
:-)
สมาชิก
 
:-)'s Avatar
 
Join Date: Apr 2005
Location: Bkk,Thailand
โพส: 293
Rep Power: 31:-) is on a distinguished road
Send a message via Yahoo to :-)
Icon 05

นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง

ความสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
:-) is offline Add to :-)'s Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 07-06-2005, 01:19 PM   #7
Kamen rider
Super Moderator
 
Kamen rider's Avatar
 
Join Date: Sep 2004
โพส: 4,515
Rep Power: 485Kamen rider is a glorious beacon of lightKamen rider is a glorious beacon of lightKamen rider is a glorious beacon of lightKamen rider is a glorious beacon of lightKamen rider is a glorious beacon of lightKamen rider is a glorious beacon of light


สอดคล้อง กับที่เคยรู้....ประสบการณ์ทางจิต อภิปรัชญาจิตจักรวาล ตำนานโบราณ ศาสนาต่างๆ



:+:+:ยามเมื่อ ผีเสื้อกระพือปีก ย่อมเกิดพายุใหญ่ เด็ดดอกไม้ย่อมสะเทือนถึงดวงดาว:+:+

ยังยืนยัน มนุษย์ อหังการ์ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของระบบ จงตระหนักด้วยว่า เรา แค่เพียงส่วนหนึ่งของระบบ ที่เชื่อมโยงค์ถึงกัน...การกระทำอันตื้นเขินของเราสามารถสะเทือนถึงเอกภพ จักวาลได้...มีตัวกู ของกู เป็นหลัก สนองสัญชาติญาณฝ่ายต่ำ....สุดท้ายมุนษย์นี่แหละรับกรรม..แบบรวมกลุ่ม อัตวิบากกรรมหมู่

เราได้สร้างต้นตอ เหตุปัจจัย ต่ำๆ ฝังไว้บนพื้นโลก มาเยอะแล้ว และ สิ่งเหล่านั้นก็ กำลังกลายเป็นระเบิดเวลา..รอวันระเบิด..ระเบิดหลายลูกด้วย..ลูกโซ่อิทัปปจยตา แห่ง ปรากฎกฎการณ์ กำลังเดินทาง...กราฟธรรมชาติ ไม่ใช่เส้นตรง เส้นโค้ง ที่พอจะคาดวิถี มันได้นะ กราฟธรรมชาติของจริงมันโยงใยซับซ้อน...บ่อยครั้งมันพุ่งพรวด เหนือคาดหมาย....

มนุษย์ไม่เคยจำ มองอะไรสั้นๆ มองไม่คลุมทั้งระบบ
มนุษย์ทำตัวคล้าย ตัวยิสต์ โลกของยิสต์ ในขวดโหลทดลอง ชอบเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ พอน้ำตาลหมดยิสต์ ก็ตายหมด
ยิสต์ กับ น้ำตาล มนุษย์ กับ ธรรมชาติ ช่างไม่ต่างกันเลย

เรามากู้โลก กู้ ระบบสุริยะจักรวาล กันเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
__________________
"ความรู้สึกที่งดงามที่สุดและลึกซึ้งที่สุดที่ประจักษ์แก่เรานั้นก็คือ ความรู้สึกในเรื่องที่เกี่ยวกับความลึกลับ(จิตวิญญาณ ) ความรู้สึกอันนี้แหละที่ก่อ ให้เกิดวิทยาการทั้งมวล"
ไอน์สไตน์...


ห้องของมดเอ้ก เปิดให้ปั่นแล้ว ปั่นให้จุใจ ไปเลย

แอ๊ดของป๋มก้าบบบบ :> botestu@hotmail.com

หนังสือ....สารคดีเล่มล่าสุด..เจาะเรื่อง..ไอสไตน์ ด้วย หาอ่านเองเด้อ คุ้มๆๆๆๆๆๆ




Last edited by Kamen rider : 07-06-2005 at 02:04 PM.
Kamen rider is offline Add to Kamen rider's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 07-06-2005, 06:33 PM   #8
moddang
สมาชิก
 
Join Date: Jan 2005
โพส: 15
Rep Power: 0moddang is on a distinguished road
ใครเคยได้ยินบ้าง ว่าในจักรวาลนี้มีสิ่งมีชีวิตเช่นมนุษย์แค่ ดาวราหู กับดาวพฤหัสบ้าง แต่มนุษย์ดาวพฤหัสมีเทคโนโลยีสูงมาก ทุกจักรวาลที่มีอยู่มากมายจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้เฉพาะ ดาวราหู หรือ โลกเรา และดาวพฤหัสเท่านั้น ผมอ่านเจอในหนังสือประวัติพระองค์หนึ่ง
moddang is offline Add to moddang's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Old 07-06-2005, 08:26 PM   #9
UFO99
สมาชิก
 
Join Date: Apr 2005
โพส: 8
Rep Power: 0UFO99 is on a distinguished road
Alien

มีหลวงปู่อยู่องค์นึงที่เคยปะลองวิชากับหลวงพ่อปานอยู่ที่ภาคเหนือ อันนี้ผมเคยอ่านเจอหนังสือเล่มเก่ามาก หลวงปู่องค์นี้เคยถอดจิตไปในจักรวาล ท่านก็ได้ไปถึงดาวดวงหนึ่ง ที่นั่นมีมนุษย์เหมือนอย่างเราๆนี้อยู่มาก แต่ที่แปลกก็คือ มนุษย์ดาวดวงนั้น ในมือจะถือดวงแก้ว ทุกคน ถือไว้อย่างนั้นไม่วาง มีอยู่คนนึงได้ถามหลวงปู่ว่า ท่านมาถึงดาวดวงนี้ได้อย่างไร นานแล้วที่จะมีคนมาเยี่ยมดาวดวงนี้ คนบนดาวดวงนั้นถือศีลเหมือนกับอย่างเราๆเนี่ยแหละครับ

แล้วที่ว่ายานแม่มีรูปเหมือนซิกก้านั้น ผมเคยเปิดสาระคดี ยูเอฟโอแล้ว มีอยู่ลำนึงที่เค้าตั้งกล้องวิดีโอถ่ายเอาเลย แล้วทุกคนในเมืองนั้นก็ออกมาดูกันเย๊อะมาก แบบจานบินลำยาวเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีดำ มีปุ่มวงกลมเย๊อะมาก ส่วนหัวของยานคล้ายแมลงชนิดหนึ่ง แบบว่าลอยอยู่กลางท้องฟ้านานมาก จากนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของทุกท่านผู้มีสมาธิทุกคนแล้วหละครับ

จาก UFO99 (ผู้ที่ต้องเรียนรู้อีกมาก)
UFO99 is offline Add to UFO99's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Unread เมื่อวาน, 01:54 PM   #10
อธิษฐานบารมี
Guest
 
โพส: n/a
เรื่องมนุษย์ต่างดาว เป็นเรื่องที่คาดว่าน่าจะมีจริง จักรวาลมีหลายกาแลกซี กว้างไกลไม่สิ้นสุด ไม่แปลกที่จะมีมนุษย์ต่างดาว แต่ที่ได้ความรู้มากขึ้น เพราะพอได้ฟังว่าเป็นมนุษยืต่างดาวทีไร จะนึกว่าเขาจะนำเรื่องร้ายๆ มาให้ มนุษย์มักตื่นตระหนกกับสิ่งที่ยังครางแครงใจ เอาไปทำภาพยนต์ชี้นำไปว่ามนุษย์ต่างดาวมีฤทธิ์กว่ามนุษย์ มีเทคโนโลยีเหนือกว่า ที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้

แต่จากข้อความที่อธิบายมา ถ้าเป็นความจริง ก็รู้สึกว่ามองมนุษย์ต่างดาวผิดไปมาก พวกเขามีคุณธรรมจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงก็อยากคุย อยากสนทนาธรรมที่เรารู้จักสักหน่อย ฮิๆ อยากทราบว่าจะแตกต่างหรือเหมือนกับเราอย่างไร ข้อความที่เล่ามาเห็นว่ามีประโยชน์มากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Unread เมื่อวาน, 07:02 PM   #11
ธุลีดิน
สมาชิก
 
ธุลีดิน's Avatar
 
Join Date: Sep 2004
Location: ชมพูทวีป
โพส: 154
Rep Power: 24ธุลีดิน is on a distinguished road
มนุษย์โลกอื่นนั้นมีจริงครับ
ธุลีดิน is offline Add to ธุลีดิน's Reputation Report Bad Post   Reply With Quote Quick reply to this message
Unread วันนี้, 12:13 AM   #12
zipper
cosmic Moderator
 
zipper's Avatar
 
Join Date: Sep 2004
Location: ดวงจันทร์
โพส: 2,871
Rep Power: 296zipper is on a distinguished road
อืม ได้ข่าวมาบางทีก็บอกว่ามีมนุษย์ต่างดาวบางกลุ่มคิดไม่ดีกับมนุษย์ แต่ก็ไม่กี่กลุ่มเมื่อเทียบกับกลุ่มมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดที่มาที่โลกเรา
zipper is invisible Add to zipper's Reputation   Edit/Delete Message Reply With Quote Quick reply to this message
Reply


Quick Reply
Message:
Bold
Italic
Underline
Wrap [QUOTE] tags around selected text
Options

Currently Active Users Viewing This Thread: 1 (1 members and 0 guests)
zipper*

Posting Rules
You may post new threads
You may post replies
You may post attachments
You may edit your posts

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is On
Forum Jump



All times are GMT +7. The time now is 12:13 AM.


Powered by: vBulletin Version 3.0.6
Copyright ©2000 - 2005, Jelsoft Enterprises Ltd.


ลิงค์ที่น่าสนใจ   [ คนเมืองบัว ] [ ลานธรรมเสวนา ] [ Praruttanatri ] [ สำนักข่าวชาวพุทธ ] [ 84000.org ] [ธรรมเทศนาหลวงพ่อ]
[
พุทธภูมิ ] [ สมเด็จองค์ปฐม ] [ กายทิพย์โลกวิญญาณ ] [แม่ชีพิมพา] [ ดวงแก้ว ] [ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ]  [ ธรรมประทานพร
[
กัลยาณมิตร ] [ เรื่องลึกลับที่พันทิพย์ ] [ ศาสนา-ปรัชญาที่พันทิพย์ ]  [ยุวสงฆ์ดอทคอม ] [ ศากยบุตร ] [ Buddhabirthplace ]  [ มิติพิศวง
[
พระไทยเน็ต ] [ พระโพธิสัตว์ ] [ ธรรมหลวงตามหาบัว ]  [ ศรัทธาธรรม ]  [ จักรวาลภูมิ ๓๑ ]  [ ศาสนาต่างๆ ]  [ จิตวิญญาน
 [
ซีดีธรรมะ ] [ เรื่องมหัศจรรย์ ]  [ ฟิสิกส์น่ารู้ ]  [ UFO ]  [12Rasi.com  ดูดวง ทำนายชีวิต] [ Thai English Dictionary ] Thai Keyboard