อภิญญา ในสาธารณะ |
|
![]() |
![]() |
|||||
|
||||||
![]() |
![]() |
|
ยินดีต้อนรับ, คุณ zipper.
คุณเข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ at 12:03 AM มีข้อความส่วนตัว: 0 Unread, Total 810. |
User CP | สมัครเป็นสมาชิก | คู่มือการใช้เว็ปบอร์ด | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | โพสที่มาใหม่ | ค้นหา | Quick Links | Log Out |
![]() |
Thread Tools | Search this Thread |
Rating: ![]() |
Display Modes |
![]() |
#1 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
กำเนิดชีวิต ตามตำราไตรภูมิพระร่วงกำเนิดชีวิต-ไตรภูมิพระร่วง
ไตรภูมิพระร่วงนี้เป็นหนังสือที่แต่งขึ้นโดยพระยาลิไท แต่งขึ้นเมื่อสักราช 23 ปีระกา (ประมาณ พ.ศ. 1888) ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนังสือที่มีประโยชน์มาก และกล่าวถือได้ว่ามีคัมภีร์อ้างอิงถึง 30 คัมภีร์ ถือได้ว่ามีอิทธิพลต่อวรรณกรรมของไทยในยุคหลังๆ ต่อมา ไตรภูมิพระร่วงภูมิถ้าเราแปลตรงๆ ก็คือสามภูมิ ซึ่งประกอบไปด้วยกามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ในส่วนของกามภูมิประกอบด้วยสองส่วนคือ สุขติภูมิ และ อบายภูมิ ในส่วนของสุขคติภูมิ ประกอบไปด้วยมนุสภูมิ(ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์) และ ลักคภูมิ (ถิ่นที่อยู่ของเทวดา) ทีนี้เรามาดูในเรื่องของมนุสภูมิและการกำเนิดชีวิตในภูมินี้ตามห้วข้อกระทู้ที่ตั้งไว้ครับ ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงมนุษย์ว่า เริ่มแรกที่จะเกิดเป็นมนุษย์นั้นเล็กเหลือเกิน (ในนั้นใช้คำว่าน้อยนักหนา) ซึ่งเรียกสิ่งนั้นว่า กัลละ (ฝรั่งอาจจะเรียกว่า cell ก็ได้) แล้วคำว่า กัลละ ที่ว่าเล็กนี้มันเล็กขนาดไหน ตำตอบก็มีอยู่ว่า ให้นำเอาเส้นผมของคนในอุตตรกุรุทวีป ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์เราถึง 8 เท่า ไปชุบน้ำมันงา แล้วสลัด 7 ครั้ง จะมีน้ำมันงาติดอยู่บนเส้นผม ซึ่งมีขนาดโตกว่ากัลละ อีก (พิจารณาดูนะครับว่าน้ำมันคงไม่ติดเส้นผมง่ายๆ หรอก) ในทางชีววิทยาสมัยใหม่เราคงต้องเรียก กัลละ คือ protoplasm (คือสิ่งมีชีวิตภายในเซลนั่นเอง) แสดงว่าเราค้นพบก่อนฝรั่งเกือบ 500 ปี (protoplasm ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2380 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ ปัวคินเย) แล้วยังมีการแบ่งมนุษย์เป็นพันธุ์ต่างๆ ตามที่อยู่อาศัย โดยแบ่งออกเป็นทวีป โดยตรงกลางคือชมพูทวีป ทางตะวันออกคือ บูรพาวิทห ทางทิศเหนือชื่ออุตตรกุรุทวีบ มีทวีปต่อไปอีกคือ อมรโคยานทวีป ต่างๆ เป็นต้น จากนั้นก็กล่าวถึงการปกครองมนุษย์ โดยจักรพรรดิ์ราชา ซึ่งมีคุณสมบัติของผู้ที่เป็นจักรพรรดิ ก็คือผู้บริหารงานนั่นเอง (Administration) จักรพรรดิ์ราชานั้นมีแก้ว 7 ประการ 1. ช้่างแก้ว หมายถึงมีความหนักแน่น อดทน มีพลัง แสดงว่ามีพลังแห่งการบริหารงานด้วยความมีคุณธรรม ทั้งทางด้านอารมณ์ และสติปัญญา ก็คือ Energy หรือ Power ก็ได้ 2. ม้าแก้ว เนื่องจากม้าเป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วและแม่นยำ ข่าวสารต้องรวดเร็ว ปัจจุบันถ้าจะเทียบแล้วก็คือ ระบบ Information นั่นเอง 5. ขุนคลังแก้ว นี่ก็เกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจ 6. คฤหบดีแก้ว 7. ปริณายกแก้ว ก็แสดงว่าเราค้นพบในเรื่องเกี่ยวกับ cell และในเรื่องราวเกี่ยวกับการบริหาร มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.1888 โน่น..... จากข้อความตอนหนึ่งของ รศ.ดร.ประัจักษ์ สายแสง รายละเอียดเพิ่มเติม http://buddhism.hum.ku.ac.th/topics/trai_bhumi.htm รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.thai-folksy.com/L2Qua/L1-30/04-L2Q.htm |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#2 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
ภูมิปัญญาไทยเราเจริญกว่าฝรั่ง รู้เรื่อง Cell มาก่อนฝรั่งตั้งเป็น 500 ปี
ประเดี๋ยวผมจะมาต่อเรื่อง "วาจาศักดิ์สิทธิ์ ของพระร่วงเจ้า" ใน อาณาจักรสุโขทัย ครับ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#3 |
สมาชิก
Join Date: Apr 2005
โพส: 225
Rep Power: 25
![]() |
ต่อค่ะๆ ;>
__________________
=========================================
To solve a difficult problem, one must experiment and suffer!
=========================================
|
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#4 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงเจ้า ผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์กาลครั้งนั้น ที่เมืองศรีสัชนาลัย ปัจจุบันคือ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แต่เก่าก่อนนั้นเป็นเมืองใหญ่ที่ถือว่าเป็นเมืองคู่ของสุโขทัยก็ว่าได้ เราเรียกกันรวมๆ ว่า "สุโขทัยศรีสัชนาลัย" ก็ได้
มีกษัตริย์อยู่พระองค์หนึ่งชื่อว่าพระร่วง ซึ่งท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ถ้าพูดอะไรออกไปต้องเป็นไปตามนั้น อยู่มาวันหนึ่งท่านคงจะเหงา ก็เลยเอาไม้มาท่อนหนึ่ง แล้วก็เรียกท่อนไม้นั้นว่าน้อง และทรงขอให้ท่อนไม้นั้นกลายเป็นคน ท่อนไม้นั้นก็เลยกลายเป็นคนจริงๆ ท่านก็ตั้งชื่อคนคนนี้ว่า "พระลือ" สรุปก็คือว่าตอนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกันแล้วคือ พระร่วงกับพระลือ ครับ เดี๋ยวมาต่อครับ ผมพิมพ์ช้า ใจเย็นๆ เน้อ (คนแก่ๆ ก็เป็นแบบนี้แหล่ะ) ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#5 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
แข่งกันสร้างเจดีย์ ระหว่างพระร่วงและพระลือพระร่วงกับพระลือ เป็นพี่น้องที่รักกันมาก ทั้งคู่เล่นหัวอยู่ด้วยกันตลอด อยู่มาวันหนึ่ง ก็เชิญชวนกันประกวดว่า "เรามาสร้างเจดีย์ แข่งกันมั๊ย?" และพระร่วงกับพระลือก็ชวนกันสร้างเจดีย์
พอสร้างเสร็จก็ปรากฎว่า เจดีย์ของพระร่วงไม่ค่อยสวย ส่วนเจดีย์ของพระลือนั้นสวยงามมาก พระร่วงก็เกิดการไม่พอใจที่มีฝีมือสู้น้องไม่ได้ ก็เลยโกรธ ในเรื่องก็เล่าว่า ใช้พระบาทเตะเจดีย์ของพระลือจนกระเด็นออกไป ยอดของเจดีย์นั้นได้ตกลงมาที่เมืองพิษณุโลก (คาดว่าเป็นบริเวณวัดราชบูรณะ ในปัจจุบัน) ปล. วิเคราะห์กันในเชิงวิชาการ การเตะยอดเจดีย์นั้นหมายถึงการเผยแพร่อารยธรรมของวัฒนธรรมแห่งอาณาจักรสุโขทัย จากศรีสัชนาลัยสู่เมืองสองแคว ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#6 |
ธรรมะคือธรรมชาติที่จริง!
Join Date: Jan 2005
Location: เดินทางตามสายธารเวลา เพื่อค้นหา ค่าของตน ที่ได้เกิดเป็นคนภพนี้ อยากมอบสิ่งดีๆให้จากกำลังใจที่ล้นเปี่ยม ก่อนลา
โพส: 3,925
Rep Power: 403
![]() ![]() |
อิิอิ มาอ่านและยกยอพี่ท่านเจ้าค่ะ โครตเจ๋งเยยพี่NiNeเราเนี่ย! ยายชอบนะ จะรออ่านง่ะ ช้านี่เป็นเรื่องปกติของคนแก่ย่ะ เดะๆอย่าติพี่ท่านนะคะ รอไหวป๊ะ ไปกินอะไรหลับสักงีบแล้วค่อยมาอ่านยังทันท่อนต่อไปหล่ะค่ะ
__________________
![]() หรือถ้าไม่กลัวบ้าก้อเข้าห้องนี้นะ ตามหาคุณยายที่รักคะ ![]() "ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้นเป็นเพียงกิ่งและใบของศาสนา , การมีความสมบูรณ์ด้วยศีลนั้นเป็นเพียงสะเก็ดของศาสนา , ความสมบูรณ์ด้วยสมาธินั้นเป็นเพียงเปลือกของศาสนา, การมีความเห็นที่ถูกต้อง(สัมมาทิฐิ)นั้นเป็นเพียงกะพี้ของศาสนา , ความหลุดพ้นจากทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้นคือแก่นของศาสนา" *ยายผีป่า* จอมซ่าส์... บ้า...เพี้ยนห้ามเลียนแบบ!.. บุคคลสงวนพันธุ์คุ้มครองประเภทหนึ่ง แห่งBOARDจักรวานฯ at palungjit.com THE ONE AND ONLY! |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#7 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
จารึกหลักที่ 8จารึกสุโขทัยหลักที่ 8 ข. ได้กล่าวไว้ว่า ในสมัยของพระยาลิไท หรือ พ่อขุนลิไท พระองค์นั้นเคยมาครองเมืองสองแคว เป็นเวลาถึง 7 ปี คงจะมาเพื่อกันทัพจากอยุธยา ไม่ให้ขึ้นมาทางเหนือมั้ง โดยที่พระยาลิไทครองอยู่นั้น ปัจจุบันคือ "วัดจุฬามนี"
กล่าวกันว่าพระองค์อยู่ที่วัด "จุฬามนี" ถึง 7 ปี ต่อมาในสมัยพระบรมไตรโลกนารถได้ทรงผนวชที่วัดนี้ ก็ได้ทรงทำสิ่งต่างๆ ตามที่พระยาลิไททำคือ พระยาลิไท ได้แต่งเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" ขึ้น พระบรมไตรโลกนารถ ก็ได้ทรงพระราชนิพนธ์ "มหาชาติคำหลวง" ขึ้นเช่นกัน ปล1. แสดงให้เห็นว่า อารยธรรมและวัฒนธรรมสุโขทัยจากศีรสัชนาลัย ได้มาอยู่ที่เมืองสองแคว ในยุคของพระยาลิไท แล้วพระยาลิไทเอง ก็ได้สร้างพระพุทธชินราชขึ้น ปล2. พระพุทธชินราชนั้น ได้หันพระพักตร์กลับสู่สุโขทัย และศรีสัชนาลัย (ปัจจุบันพระพุทธชินราชองค์จริงนั้นอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ส่วนพระพุทธรูปองค์โตๆ ที่จังหวัด นครสวรรค์ นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในยุคหลัง ต่อมา) ... Last edited by NiNe : 22-05-2005 at 01:24 PM. |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#8 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระพุทธรูปหันพระพักตร์ สู่อาณาจักรสุโขทัยก็เป็นอันว่า ถ้าแม้นคิดถึงบ้าน เมื่อสร้างพระพุทธรูป ก็จะหันพระพักตร์กลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ นั่นคือ สุโขทัย ครับ
ลักษณะการสร้างเช่นนี้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะในสมัยสุโขทัยหรอกครับ แม้แต่ในสมัยของพระเจ้ากาวิละ (กษัตริย์องค์แรกแห่งนครเชียงใหม่) นั้น พระพุทธรูปที่พระเจ้ากาวิละที่ได้สร้างขึ้นก็หันพระพักตร์กลับเข้าสู่เชียงใหม่เหมือนกัน การก่อสร้างพระพุทธรูปในสมัยของพระยาลิไท ได้เรียนการก่อสร้างต่างๆ โดยอาศัยหลักฮวงจุ้ยของจีน (ตอนนี้เริ่มมีอิทธิพลจากจีนเข้ามาแล้ว) "ฮวง" ภาษาจีนแปลว่า "ลม" (น่าจะเป็นจีนแต้จิ๋ว) ส่วนคำว่า "จุ้ย" ก็คือ "น้ำ" สรุปได้ว่า "ฮวงจุ้ย" ก็คือการดูทั้งลมและน้ำ เพราะฉะนั้นทรงเห็นว่าแม่น้ำน่าน ได้ไหลมาทางนี้ เพราะฉะนั้นจึงหันพระพักตร์พระพุทธชินราช หรือหันวิหาร ลงสู่น้ำ (ตามหลักของฮวงจุ้ยของจีน) ส่วนด้านหลังนั้นให้อิงภูเขา หรือ "เขาสมอแครง" ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ... นี่คือเงื่อนงำและปริศนาที่มาจนถึงทุกวันนี้ครับ ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#9 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงกับกวางกล่าวว่าในตอนนั้น พระร่วงเดินอยู่บริเวณเมืองเก่าสุโขทัย (แถวบ้านกล้วย บ้านนา บ้านเพชรไผ่) สำหรับท่านสมาชิกที่อยู่แถวๆ จังหวัดสุโขทัยคงนึกออกนะครับ
ในขณะที่เดินอยู่นั้น ก็กระหายน้ำอย่างเต็มที่ เดินไปกระหายน้ำไป ยังหาน้ำดื่มไม่ได้ ในตอนนั้นเองก็มีกวางตัวหนึ่ง มันก็ร้องเสียงดังอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้พระร่วงรำคาญ หิวก็หิว (คนเราเวลาหิวเนี่ย ... มักจะอารมณ์เสีย ใช่ป๊ะ?) ไหนจะกระหายน้ำ (นี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่) กวางมันก็ร้องดัง พระร่วงก็บอกให้หยุดร้อง แต่กวางก็ไม่หยุดร้องซักที พระร่วงจึงสาปว่า ต่อแต่นี้ไป "ขอให้กวางพวกนี้เป็นสัตว์ไม่มีดี" ในความหมายของพระร่วงเจ้าก็คือเลว อันนี้ก็เลยเป็นเรื่องที่ร่ำลือกันในปัจจุบันว่า ถ้าเราผ่าท้องกวางออกมาจะพบว่าอวัยวะต่างๆ มีครบหมด ยกเว้นแต่ว่ามัน "ไม่มีดี" นี่คงเป็นเรื่องที่พระร่วงได้สาปเอาไว้ เห็นไหมครับ พระร่วงเจ้ามีวาจาศักดิ์สิทธ์ ยิ่งนัก ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#10 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
คำสาปของพระร่วง - บ้านกล้วยไม่มีน้ำเฮ้อ ... เมื่อยจริงๆครับ มาต่อเรื่องของพระร่วงกันดีกว่า
ต่อจากข้อความข้างบนครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องต่อจากความรำคาญกวาง พระร่วงก็เดินอยู่แถวๆ บ้านกล้วย จังหวัดสุโขทัย นุ่นแหล่ะ เนื่องจากเกิดความกระหายน้ำอย่างหนัก ก็ไปเจอบ้านตายาย พระร่วงก็เข้าไปขอน้ำที่บ้านตายายแห่งนี้ แต่ตายายคู่นี้บอกว่าไม่มีน้ำ (ทั้งๆ ที่มีน้ำอยู่เต็มตุ่ม) พระร่วงโมโหมาก ก็เลยสาปว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป บ้านกล้วยอย่าให้มีน้ำ" เป็นเรื่องจริงครับ ต้องถามว่าแถวบ้านกล้วยในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากขาดน้ำนั่นเอง ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#11 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงเล่นว่าว ที่วังกะพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์เรื่องนี้เกิดขึ้นที่วังกะพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ครับ
พระร่วงเล่นว่าว ว่าวขาด ก็เลยไปขอยางขนุนของชาวบ้านมาติดว่าว แต่ปรากฎว่า ชาวบ้านไม่ยอมให้ยางขนุน พระร่วงเลยสาปว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไป ขนุนที่ปลูกที่วังกระพี้ที่อุตรดิตถ์ เนี่ยอะน่ะ อย่าให้มันมีลูกอีกเลย ถึงปลูกก็ไม่ติดผล" นี่เป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่นั้นมาขนุนที่วังกะพี้ก็ไม่มีลูกอีกเลย ไม่ว่าจะปลูกอย่างไรก็ตาม ปล. ความไม่เอื้อเฟื้อก็จะนำมาซึ่งความยากไร้ ... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#12 | |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
Quote:
แหม๋คุณยายจ๋า คำก็แก่ สองคำก็แก่ (ทำยังกับตัวเองไม่แก่แน่ะ ... อิอิ !!!) ช่วงนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ... เมื่อยมือจริงๆ (ผมพิมพ์สดๆ ครับ ... ช้ามากๆๆๆๆๆ) เรื่องราวเกี่ยวกับวาจาศักดิ์สิทธิ์ของพระร่วงยังไม่จบครับ ยังมีอีกหลายตอน ขอพักนวดนิ้วก่อน เมื่อยนิ้วจริงๆ ครับ ประเดี๋ยวอีกสักพักใหญ่ๆ จะมาพิมพ์ต่อครับ .... โปรดติดตามตอนต่อไป ... |
|
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#13 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงสร้างถนนพระร่วงเรื่องนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก กล่าวว่าพระร่วงนั้นยืนอยู่บริเวณเขาหลวง (เขาหลวงก็อยู่ในบริเวณเขตของอำเภอศีรีมาส ต่อเขตอำเภอเมือง ต่อเขตอำเภอด่านลายหอย จังหวัดสุโขทัย) พระร่วงยืนอยู่ที่นั่น โดยยืนหันหน้าไปทางทิศใต้ จากนั้นก็กวาดเท้าขวาออกไปเต็มที่เลยนะครับ เท้าขวาที่กวาดไปนั้น ไปถึงเมืองศรีสัชนาลัย ส่วนเท้าซ้ายนั้นก็กวาดไปถึงเมืองกำแพงเพชร แต่ในช่วงกวาดนั้นไม่ได้หมายความว่าแยกขาออกจากกันนะครับ คงจะยืนอยู่กวาดข้างซ้างไปข้างหนึ่ง ขวาข้างหนึ่ง ด้านขวาเนี้ยพอกวาดออกไปก็เกิดเป็นถนน ปัจจุบันยายประมาณ 75 กิโลเมตร แสดงว่าพระร่วงนี้มีบุญญาธิการมาก เป็นถนนยาวไปเลย จากเมืองเก่าสุโขทัยบริเวณเขาหลวงนั่นแหละครับ ไปจนกระทั่งถึงศรีสัชนาลัย แล้วอีกด้านหนึ่งก็จากเมืองเก่าสุโขทัยไปจนถึงกำแพงเพชร ถนนนี้ยาวรวมกันแล้วประมาณ 145 กิโลเมตร (ข้างละประมาณ 75 กิโลเมตร) โดยมีความกว้างประมาณ 12 เมตร ซึ่งเป็นเรื่องที่พิศดารมาก และก็เป็นถนนที่ตรงๆ ไม่คดเคี้ยวครับ
|
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#14 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงสร้างถนนพระร่วง ตอนที่ 2หลังจากสร้างถนนเสร็จแล้ว พระร่วงก็ยกเท้าขวาขึ้นแล้วก็สะบัดไปอย่างแรงครับ ลงไปทางทิศใต้ ก้อนดินที่ติดกะเท้าของท่านนั้น ก้อนที่ใหญ่ที่สุดลอยไปเขาหลวงเหมือนกัน ส่วนดินอีกก้อนหนึ่งนั้นกระเด็นไปตกที่เมืองเพชรบุรีพอดี ก็เกิดเป็นชื่อเขาหลวง และมีถ้ำที่นั่นชื่อถ้ำเขาหลวง ดินก้อนที่กระเด็นไปไกลสุด จากสุโขทัย นี่แหละครับ กระเด็นไปตกที่อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ปัจจุบันก็ชื่อเขาหลวงเหมือนกัน เขาตั้งเป็นวนอุทยานแห่งชาติเขาหลวง นี่ก็แปลว่า โอ้โห! มันไปถึง 3 ที่นะครับ ก้อนดินจากเท้าขวาเนี่ย
จากนั้นก็ดีดเท้าซ้าย ก้อนดินที่บริเวณส้นเท้านั้นตกลงไปที่ดอยหลวง เขตจังหวัดตาก อีกด้านหนึ่งไปตกที่ภูหลวงจังหวัดเลย แปลว่าก้อนดินกระเด็นจากสุโขทัย จากการเตะและการดีดของพระร่วงเนี่ย มันไปไกลตั้งหลายที่ ใต้สุดไปถึงลานสภา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#15 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
วิเคราะห์ นิทานเรื่องพระร่วงสร้างถนนภูเขาหลวง นั่นคือการเผยแพร่วัฒนธรรม และอารยธรรมของสุโขทัย จากนิทานเรื่องพระร่วงสร้างถนน ก็จะสามารถตีความให้เห็นได้ว่า เจตนารมณ์จริงๆ ของผู้เล่าวรรณกรรมหรือนิทานเรื่องนั้นเรื่องนี้ มีความประสงค์ที่จะแสดงข้อเท็จจริงต่างๆ อาจจะเป็นทางประวัติศาสตร์หรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ เพราะนักประวัติศาสตร์ก็คงไม่ยอมรับเรื่องนี้กันมากนักหรอก แต่ว่ามุ่งแสดงให้เห็นว่า วัฒนธรรมและอารยธรรมสุโขทัยนั้น ได้เผยแพร่จากสุโขทัยลงไปสู่ใต้ และก็ขึ้นไปสู่ตะวันตกทางเหนือหน่อย และก็มีทางตะวันออกด้วย
|
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#16 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
นิทานพื้นบ้าน เรื่องพระร่วงกับมะกะโทเริ่มต้นเรื่องก็มีอยู่ว่า มีมอญคนหนึ่งชื่อว่า อมคมอญ ได้บวชเป็นเณร อมคมอญนี้มีคุณสมบัติพิเศษนะท่านนะ นั่นคือถ้าปัสสาวะลงไปถูกแผ่นหินเนี่ยแผ่นหินจะแตกเป็นทางเลยท่าน แผ่นหินใหญ่ๆ ก้อนใหญ่นะ ถ้าปัสสาวะถูกก็จะแตกแยกออกเลย แสดงว่าปัสสาวะนั้นมีฤทธิ์ร้ายมาก อมคมอญนี้บวชเป็นเณร ต่อมาก็ได้บวชเป็นพระ บวชเป็นพระแล้วก็ลาสิกขาออกมา ภาษาชาวบ้านเรียกว่า สึกออกมา สึกออกมาเนี่ยก็ได้มาแต่งงานกับลูกสาวของมะตะหยอก มะตะหยอกนี้ก็เป็นมอญนะ น่าคิดว่ามะตะหยอกคิดอย่างไร ถึงได้ยอมให้ อมคมอญ มาแต่งงานกับลูกสาวคนที่ปัสสาวะถูกแผ่นหินแผ่นหินแตกเป็นทางนี่ ถ้าเป็นผมๆ ไม่อยากให้แต่งงานด้วยเลย กะลูกสาวนั่นนะครับ แต่ก็แต่งงานกันจากนั้นสืบเชื้อสายมาจนกระทั่งถึงมอญคนหนึ่งรุ่นหลานรุ่นเหลนมั้ง มีชื่อว่า มะกะโท
มะกะโทนี้ ก็ไม่ใช่มอญธรรมดาละครับ วันหนึ่งก็หาบของออกมามีไม้คานนะและก็มีคงจะเป็นกระบุง ตะกร้า อะไรก็ไม่ทราบล่ะ กระชงกระเฌออะไรนั่นแหละหาบมาละครับ ปรากฎในช่วงที่กำลังหาบนั้นเกิดฟ้าผ่าไปถูกคาน ที่มักกะโทใช้หาบของ คานหักสะบั้นเลยครับ แต่มะกะโทไม่เป็นอะไร แสดงถึงว่า มะกะโทเป็นคนมีบุญญาธิการ มะกะโทนั้นเห็นว่า ฟ้าผ่ามาทางทิศตะวันออก ก็เลยถือเป็นนิมิตรออกมาแสวงโชคทางตะวันออก เดินทางเข้ามาทางตะวันออก สู่อาณาจักรสุโขทัยของพระร่วงเจ้ามาอีกแล้ว มะกะโทเป็นมอญก็เหมือนกับพวกเนี้ย ต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเดี๋ยวนี้แหละ เข้ามานั้นงานที่ได้ทำก็เป็นเพียงงานประเภทแรงงาน มะกะโทก็มาเป็นคนเลี้ยงช้าง เอาหญ้านั้นล้างน้ำให้สะอาด พวกพืชพรรณต่างๆ ล้างให้สะอาดแล้วก็เอาให้ช้างกิน เป็นคนเลี้ยงช้างวันหนึ่งพระร่วงเสด็จที่โรงช้าง เสด็จไปได้จังหวะที่มะกะโทกำลังเอาหญ้าให้ช้างกินพอดี มะกะโทอาจจะบกพร่องไปกระมัง ปรากฎว่าหญ้าที่เอาไปให้ช้างกินนั้น มีเบี้ยหอยติดไปบนนั้นด้วย เป็นหอยเล็กๆ น่ะ แต่เป็นเบี้ยนะติดเข้าไปในหญ้า ช้างกินเข้าไปก็คงจะระคายเคืองก็เลยพ่นเบี้ยหอยออกมาตกสู่พื้นพระร่วงมองดูรู้ทันทีว่า มะกะโทล้างหญ้าไม่สะอาด มีเบี้ยหอยติดไปให้ช้างพ่นออกมา แต่พระร่วงแทนที่จะตำหนิโดยตรง พระองค์ไม่ตำหนิโดยตรงนะครับ แต่ตำหนิโดยอ้อม โดยเก็บเอาเบี้ยหอยขึ้นมาและก็ยื่นให้มะกะโท พร้อมกับบอกว่า มอญเอ๋ยเจ้าจงเก็บเบี้ยนี้ไว้เถิด ช้างมันไม่อยากกินหรอก มะกะโทเป็นคนฉลาด รู้ทันทีว่าพระร่วงตำหนิในความฉลาดนั้น มะกะโทก็เลยเปลี่ยนความหายนะของตนเนี้ย ความไม่รอบคอบของตนเนี้ยให้เป็นโอกาส โดยนำเอาเบี้ยหอยนั้นแลกกับพันธ์ผักกาดของคนที่ขายเม็ดผักกาด คนขายเม็ดผักกาดบอกว่า เบี้ยนี้ราคาต่ำนัก แลกอะไรไม่ได้หรอก มะกะโทก็บอกว่าขอแลกนิดหนึ่ง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ก็เอานี่เนี่ยนิ้วมือนี่ละฮะ นิ้วเดียวเนี่ยแตะที่น้ำลายของตัวนิดหนึ่ง แล้วก็จิ้มลงไปในกระทายผักกาดก็มีเม็ดผักกาดติดมา 5 - 6 เม็ดแลกกับเบี้ย คนขายก็พอใจว่า เออ! มะกะโทเนี่ยมันฉลาดแฮะ ก็ให้เม็ดผักกาดนั้นไป มะกะโทก็นำเม็ดผักกาดนั้นไปปลูกขึ้นเป็นผักสวยทีเดียวจนนะครับจนต้นโต ต้นโตขึ้นมาก วันนึ่งพระร่วงเสด็จโรงช้างอีก มะกะโทก็เลยไถ่โทษของตัวเสียครั้งนี้ โดยการถอนผักกาดออกล้างน้ำให้สะอาด คงจะไม่ให้มีเบี้ยอะไรติดอีกละคราวนี้ แต่ไม่ได้ให้ช้างกินนะครับ เอาไปถวายพระร่วง พระร่วงก็ถามว่าเจ้าได้ผักกาดนี้มาอย่างไร มะกะโทก็เล่าให้ฟัง ย้อนความไปตั้งแต่ตอนที่ พระร่วงประทานเบี้ยหอยให้แก่ตน แล้วตนก็นำไปแลกกับพันธุ์ผักกาดพระร่วงนั้นฟังเสร็จแล้วก็พอพระทัยเป็นอันมาก เห็นว่ามะกะโทนี้เป็นคนฉลาด ก็เลยสั่งเลื่อนขั้นมะกะโท นี่จะพูดภาษาปัจจุบันก็บอกว่า เลื่อนขั้นมะกะโทจากคนเลี้ยงช้างจากลูกจ้างประจำตำแหน่งคนเลี้ยงช้าง เห็นจะพูดอย่างนี้ภาษาราชการนะ ขึ้นเป็นข้าราชการระดับซี 10 ตำแหน่งขุนวัง (หัวเราะ) โอ้ย! ขึ้นทันทีเลย มะกะโทได้เป็นขุนวัง ก็เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยเนื้ยะ ที่เขาพึ่งเปลี่ยนกันเนี่ยแหละ กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ดูแลวังทั้งหมด มะกะโทก็ใหญ่ขึ้นเลย แต่ว่ามะกะโทเข้าไปอยู่ในวังไม่นานก็เกิดไปชอบพอกับพระนางเทพสุดาสร้อยดาวนี่ชื่อในนิทานนะ พระนางเทพสุดาสร้อยดาวนี่ก็เป็นพระธิดาของพระร่วง ไปชอบพอกันเข้า ตามกฎมณเฑียรบาลเนี้ย พระนางเทพสุดาสร้อยดาวจะอภิเษกสมรสกับคนต่างด้าวไม่ได้หรอก มะกะโทก็เห็นว่าอยู่ไปก็แค่นั้น ก็เลยคบคิดกับพระนางเทพสุดาสร้อยดาว ลักพาตัวพระนางเทพสุดาสร้อยดาวหนีไปเลย เนี่ยหนีออกไป พระร่วงทราบเข้าในตอนวันรุ่งขึ้น ทรงทราบเข้า ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร ถ้าทราบว่าขุนวังเนี้ยได้ขโมยพระธิดาหนีไป พระร่วงนั้นพอทราบว่าขุนวังขโมยพระธิดาหนีไปก็สั่งทันทีว่าเปิดด่านทั้งหมด ไม่ต้องค้นคนเข้าออก พอสั่งอย่างนั้นแล้ว สัญญาณไฟที่มณฑปวัดศรีชุมเนี้ยก็ส่งขึ้นบนเขาตะพานหิน สัญญาณไฟทิวเขาตะพานหิน ก็ส่งขึ้นยอดเขาหลวงนั้นดอยพุกาไงเขาหลวงน่ะ เลยยอดนารายณ์ เลยยอดพระแม่ย่าไปหน่อย ท่านที่อยู่สุโขทัย ก็ฟังเรื่องนี้ทราบดี ท่านนี่อยู่ห่างก็ฟังก็คงจะงงล่ะนะ จากนั้นสัญญาณไฟจากเขาหลวงก็ส่งไปทุกทิศ ยิงตรงเลย ถึงเขาสมอแครงพิษณุโลก 80 กิโลเมตร เลยครับ รับได้ตรงนั้นเลย ส่งเข้าด่านลานหอย ส่งเข้าพนมเพลิงศรีสัชนาลัย ส่งเข้าเมืองพิชัย ส่งเข้าเมืองกำแพงเพชร ถึงหมดเปิดด้านรวดเลย แล้วสั่งอีกว่าให้ทหารสองร้อยคนติดตามไปอย่าให้ใครทำอันตรายนะ ทหารก็ติดตามมะกะโทไป มะกะโทก็เดินทางไป จนกระทั่งถึงเมืองตองอู คงใช้เวลาหลายเดือนนะ อาจจะเป็นปี พอไปถึงที่นั่น มะกะโทไปปลงพระชนม์พระเจ้าตองอู เมื่อปลงพระชนม์พระเจ้าตองอูแล้ว ตัวก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ครอบครองพุกามทั้งประเทศ พุกามคือพม่านี่แหละครับ พอครอบครองพุกามทั้งประเทศ พอขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ขอพระราชทานนามจากพระร่วง พระร่วงจึงพระราชทานนามตามนิมิตที่ฟ้าผ่าคานว่า เจ้าฟ้ารั่ว เป็นอันว่าในตอนนั้น พระร่วงก็เสียลูกสาวไปหนึ่งคน นี่พูดง่ายๆ นะครับ แบบภาษาธรรมดา เสียลูกสาวไป 1 คนแต่ได้เมืองขึ้นมา 1 ประเทศ โอ้โห! มันเป็นการแก้ไขความหายนะให้เป็นโอกาสอย่างที่ดีที่สุดเลยครับ เสียลูกสาว 1 คน แต่ได้เมืองขึ้นมา 1 ประเทศ และจัดว่าพระร่วงนั้นเป็นเป็นคนแรกเลยนะครับ ที่แสดงให้เห็นว่า ความหายนะนั้นเราเปลี่ยนให้เป็นโอกาสได้ ที่มา http://www.thai-folksy.com/L2Qua/L1-30/02-L2Q.htm |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#17 | ||||
ธรรมะคือธรรมชาติที่จริง!
Join Date: Jan 2005
Location: เดินทางตามสายธารเวลา เพื่อค้นหา ค่าของตน ที่ได้เกิดเป็นคนภพนี้ อยากมอบสิ่งดีๆให้จากกำลังใจที่ล้นเปี่ยม ก่อนลา
โพส: 3,925
Rep Power: 403
![]() ![]() |
มาอ่านเรียกน้ำย่อยค่ะ ตอนนี้เวลาที่สวีเดนใกล้หนึ่งโมงเช้าแร้วค๊า ...
__________________
![]() หรือถ้าไม่กลัวบ้าก้อเข้าห้องนี้นะ ตามหาคุณยายที่รักคะ ![]() "ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้นเป็นเพียงกิ่งและใบของศาสนา , การมีความสมบูรณ์ด้วยศีลนั้นเป็นเพียงสะเก็ดของศาสนา , ความสมบูรณ์ด้วยสมาธินั้นเป็นเพียงเปลือกของศาสนา, การมีความเห็นที่ถูกต้อง(สัมมาทิฐิ)นั้นเป็นเพียงกะพี้ของศาสนา , ความหลุดพ้นจากทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้นคือแก่นของศาสนา" *ยายผีป่า* จอมซ่าส์... บ้า...เพี้ยนห้ามเลียนแบบ!.. บุคคลสงวนพันธุ์คุ้มครองประเภทหนึ่ง แห่งBOARDจักรวานฯ at palungjit.com THE ONE AND ONLY! |
||||
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#18 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พระร่วงคือใคร?พระร่วงในนิทานมีหลายองค์ บางองค์ก็จมหายลงไปในน้ำที่แก่งหลวงศรีสัชนาลัยก็มี อ้างว่าไปหาแม่ของตนที่เป็นนางนาค เพราะมีพระร่วงมากเหลือเกิน ถามว่าพระร่วงนั้นถ้าจะเทียบในเชิงประวัติศาสตร์เนี่ย พระร่วงนี่คือกษัตริย์พระองค์ไหนของสุโขทัย ผมไม่มีคำตอบหรอก เพราะพระร่วงมันเป็นนิทาน มันเป็นวรรณกรรมนั่นนะ แต่เราก็เรียกกษัตริย์ ของสุโขทัย จะเรียกกษัตริย์ก็ไม่เชิงเราเรียกพ่อขุนของสุโขทัยเนี่ยว่าพระร่วงเกือบทุกพระองค์แหละ และแต่ละพระองค์นั้นท่านก็ดูจะมีบุญญาภินิหาร มีความเฉลียวฉลาดทุกองค์เอ้ายกตัวอย่างอย่างนี้นะ เอาพระร่วงองค์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ ในจารึกเลยคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ครับ
ที่มา http://www.thai-folksy.com/L2Qua/L1-30/02-L2Q.htm |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#19 |
สมาชิก
Join Date: Sep 2004
โพส: 144
Rep Power: 23
![]() |
พระร่วงองค์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์สาปขอมที่ดำดินจะมาจับพระองค์ให้กลายเป็นหินได้ คือ พระร่วงโรจน์ฤทธิ์
ลองหาอ่านรายละเอียดได้จากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน ฉบับพิเศษ เล่าโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่านไป...อ่านมา...ผมมีความรู้สึกและเข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นชีวประวัติของหลวงพ่อในแต่ละชาติ ผิดถูกอย่างไร..ผมกราบขอขมาต่อหลวงพ่อไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันดู สนุกและน่าติดตามมาก ได้ทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์และเกร็ดพงศาวดารที่ไม่มีปรากฏเป็น ลายลักษณ์อักษรที่ไหน เพราะหลวงพ่อท่านบอกไว้ว่าไม่ได้เล่าตามตำรา แต่เล่าตามที่มีผู้มาบอก... |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#20 |
สมาชิก
Join Date: Oct 2004
Location: Bangkok
โพส: 17
Rep Power: 0
![]() |
จักรแก้ว เป็นวัตถุ หาเป็น กม.บมิได้ดูบางส่วนของต้นฉบับ แล้วตีความเลย..
.......................................... คนจำพวกหนึ่งร้องหัวแลว่าเขาฝูงนั้นมาว่าดังนี้เล่าไส้เหวยๆ สูชาวเจ้าทั้งหลายอย่าได้โจทย์เถียงกันไปมาเลย อันนี้มิใช่เดือนมิใช่ตระวันมิใช่ปราสาทแก้วเทพยดาฯ อันสูทั้งหลายว่าเดือนก็ดีตระวันก็ดี ว่าปราสาทแก้วเทพยดาก็ดี แสบห่อนเคยได้ยินเสียงมีเสียงก้องเสียงดังนักหนาดังนี้สักคาบ อันนี้ถ้าจะมีไส้คือกงจักรแก้วอันชื่อว่าจักรรัตนะนั้น ได้ยินท่านย่อมกล่าวมาแต่ก่อนดังนี้แลฯ อันว่ากงจักรแก้วนั้นย่อมมาด้วยบุญท่านผู้มีบุญ และจะได้เป็นพระญามหาจักรพรรดิราชนั้นไส้ฯ คนทั้งหลายต่างคนก็ต่างว่าไปว่ามาแก่กันอยู่ดังนั้น เขาบมิได้เชื่อถ้อยเชื่อค่ำของกันของกันแต่สักคนเลยฯ จึงกงจักรแก้วนั้นจากพระจันทร์เจ้ามาแลเข้าใกล้กว่าเก่า ยังแต่โยชน์หนึ่งจึงจะเถิงเมืองนั้นฯ จึงชนทั้งหลายเห็นแท้แลเห็นงามนัก แลมีใจรักทุกๆ คนแล ...ฯลฯ
__________________
เขากะลา มีลูกไฟลึกลับจริงๆ นะ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#21 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
ข้อความตอนหนึ่ง จากรายงานผลการศึกษาวิจัย
เกี่ยวกับ " ยูเอฟโอ " และ " ผู้ขับขี่ยานบิน " ในประเทศไทย พ.ศ. 2540 - 2541 ของศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ได้บอกไว้ว่า .............. ระยะ 5,000 - 6,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ได้บอกเล่าหรือบันทึกเป็นหลักฐานเกี่ยวกับโล่ไฟ หรือวัตถุบินที่มีผู้ขับขี่บังคับยานบินนั้นด้วย ตั้งแต่สมัยอียิปต์ 5,000 กว่าปี จีนและอินเดียโบราณ รวมทั้งเผ่ามายา อินคาในทวีปอเมริกาใต้ด้วย ............ แม้กระทั่งในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง สมัยพญาลิไท (ราว 800 ปี) ของอาณาจักรสุโขทัยก็มีบรรยายถึงการมาของ " จักรแก้ว " ที่บินได้ และมีผู้ขับขี่บินหมุนมาลงจอด และพระเจ้าแผ่นดินขอร้องให้ไปช่วยรบกับอีกเมืองจนชนะ แล้วจักรแก้วก็บินลาจากไป.... ที่มา http://www.geocities.com/jitwinyan/ufo/ufoframe.html น่าคิดนะครับ สำหรับคำว่า "จักรแก้ว" |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#22 |
สมาชิก
Join Date: Nov 2004
Location: My safeHouse at Bangkoknoi
โพส: 24
Rep Power: 0
![]() |
ลอกต้นฉบับไตรภูมิ ตอนจักรแก้วจากหอสมุดแห่งชาติ จ้างพิมพ์ไว้แล้วเย...มีคนเห็นบ้างแล้ว
แต่ผมตีความแล้ว พระมหาจักรพรรดิไม่รู้เป็นใครชาติทวีปไหน อาจเป็นอินคาก็ได้ คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดในแถบประเทศไทย และพระมหาจักรพรรดิไม่ต้องไปรบกับชาติอื่น เพียงแค่อาศัยจักรแก้วพาไปถึง หัวหน้าแผ่นดินเหล่านั้นก็ยอมซูฮกให้ทันที ดังข้อความ..... ........... ........... ........................ ..........จึงจากน้ำสมุทรไปหนปัจฉิมทิศ ธ จึงปราบแผ่นดินนั้น แล้ว ธ ก็สั่งสอนท้าวพระญาทั้งหลายนั้นโดยดังกล่าวก่อนนั้นแล้วๆ ก็ข้ามสมุทรไปเถิงตีนเขากำแพงจักรวาฬฝ่ายข้างปัจฉิมทิศ แล้ว ธ จึงเอาน้ำในคนที่ทองมาหลั่งลงแล้วฯ ว่าแต่นี้เป็นแดนเมืองกู เป็นอาณาราฐกูแล แล้ว ธ จึงคืนมาแลฯ แล้ว ธ จะใคร่ไปปราบแผ่นดินเมืองอุตตรกุรุทวีปอันกว้างได้ 8000 โยชน์ อันชื่อว่าอุตตรกุรุทวีปนั้นแล ท้าวพระญามาไว้นบ ธ แล้ว ธ จึงสั่งสอนท้าวพระญาทั้งหลายเสร็จแล้วๆ ข้ามน้ำสมุทรไปๆ เถิงตีนเขากำแพงจักรวาฬเบื้องอุดรทิศนั้นแล้ว จึงเอาน้ำในคนทีทองมาหลั่งลง แลว่าแต่นี้เป็นแดนเมืองกูนี้เป็นอาณาราฐแห่งกูแลฯ แล้วจึงคืนมาโดยทางในกลางสมุทรดังเก่า ครั้น ะ มาแล้วน้ำสมุทรคอยกลบตามมาเต็มงามดังเก่าแลฯ ฝูงท้าวพระญาทั้งหลายอันมีในแผ่นดินเล็กน้อย 2 พันนั้นเล่า เขาหากมาเองออกหาเองแลมิพักไปปราบเขาเลยฯ ......... .................. ......... ................. ................. ความจริง (คุย) เอกสารชุดนี้ได้ก๊อปถ่ายให้ อ.ท่านไปเมื่อ 3 ปีก่อน การตีความอาศัยประสบการณ์แต่ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#23 |
สมาชิก
Join Date: Nov 2004
Location: My safeHouse at Bangkoknoi
โพส: 24
Rep Power: 0
![]() |
พระมหาจักรพรรดิตามไตรภูมิพระร่วง เป็นผู้ประกาศบัญญัติ 10 ประการพระมหาจักรพรรดิอาศัยจักรแก้วบินไปปราบทวีปต่างๆ และสั่งสอนบัญญัติ 10 ประการ
แต่คนเรียบเรียงไตรภูมิเป็นชาวพุทธคงปรับข้อความเป็นศีลห้า ซึ่งข้อแรกๆ ตรงกันกับ ของชาวคริสต์เป๊ะเลย....................... พิจารณาข้อความ.................... ............... ..........ง .............................................................................. แลพระองค์จะได้กล่าวถ้อยคำตอบท้าวพระญาทั้งหลายฝูงนั้น ว่าเราจะเอาทรัพย์สิ่งสินส่วยสาอากรแก่ท้าวพระญาองค์ใดองค์หนึ่งนั้นหามิได้เลยฯ เพราะเหตุท่านนั้นมีสมบัติเหมือนทิพย์อยู่แล้ว ด้วยเดชอำนาจแห่งกงจักรแก้วนั้น อนึ่งเล่าท่านบมิถอดถ้อยร้อยความการงานท้าวพระญาทั้งหลายให้ เขาพรัดที่นาคาที่อยู่ให้เขาน้อยเนื้อน้อยใจดังนั้นก็หามิได้เลย พระองค์เจ้าไส้เทียรย่อมอนุเคราะห์เขาให้เขาชื่นเนื้อชื่นใจเขา ให้เขาได้ความสุขเกษมเปรมปรีดิ์ยินดีมิให้เป็นอันตรายแก่เขาเลยฯ สมเด็จมหาจักรพรรดิราชนั้น ธ รู้บุญรู้ธรรมรู้สั่งสอนคนทั้งหลายให้รู้ในธรรมเพียงดังพระพุทธเจ้าเกิดมา แลสั่งสอนโลกย์ทั้งหลายให้อยู่ในธรรมไส้ฯ ครั้งนั้นพระญามหาจักรพรรดิราชนั้น ธ ก็สั่งสอนแก่ท้าวพระญาทั้งหลายให้อยู่ในธรรม จึงกล่าวดังนี้ว่า ท้าวพระญาทั้งหลายจงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมทั้งหลาย 10 ประการอย่าให้ขาดจงรักลูกเจ้าเหง้าขุนทมุนทนายไพร่ฟ้าข้าไทยทั้งหลาย อย่าได้เลือกที่รักอย่าได้มักที่ชังแลรักเขาจงเสมอกันแล สัตว์ทั้งหลายนี้ยากที่จะเกิดมาเป็นคน ครั้นว่าเกิดมาได้เป็นท้าวเป็นพระญาดังชาวเจ้าทั้งหลายนี้ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#24 |
สมาชิก
Join Date: Jan 2005
Location: ดาวแม่ (Mother Star)
โพส: 1,455
Rep Power: 181
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
คุณ P_POP และ คุณพี่ป๊อป รู้เรื่องเกี่ยวกับ "จักรแก้ว" .....ค่อนข้างลึกซึ้ง
กรุณาบอกรายละเอียดเพิ่มเติมว่าด้วยว่าในแท่นศิลาจารึกได้กล่าวไว้อย่างไร? ขอบคุณครับ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#25 |
สมาชิก
Join Date: Oct 2004
Location: Bangkok
โพส: 17
Rep Power: 0
![]() |
อ้างจากฉบับเสถียรโกเศศผมยังค้นไม่ลึกเท่าไร แค่อ้างลอกมาจาก ไตรภูมิพระร่วง ฉบับงานศพเสถียรโกเศศ..หรือไงเนี่ย
เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คเก่ามากๆ มีสัก 3-4 C.(เล่ม) อยู่ในหอสมุดแห่งชาติเดินเข้าไปตึกหลัง ตอนนี้ คงอยู่ชั้น 2 แล้วมัง จริงๆ ต้นฉบับเป็นใบลานมัง ศิลาจารึกคงสลักไม่หวาดไม่ไหว ถ้าเป็นใบลานก็ลอกก๊อปๆ ต่อๆ มา เก็บไว้ตามวัดต่างๆ จากที่มาอื่นอีกที ใครติดตามมีเบาะแส นำมาแจ้งกันด้วยนะ เรามิได้จบโบราณคดีมา บังเอิญเจอ
__________________
เขากะลา มีลูกไฟลึกลับจริงๆ นะ |
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
#26 |
Guest
โพส: n/a
|
Pu NiNe!!!
|
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
Currently Active Users Viewing This Thread: 1 (1 members and 0 guests) | |
zipper* |
|
|
ลิงค์ที่น่าสนใจ
[ คนเมืองบัว
] [ ลานธรรมเสวนา ]
[ Praruttanatri ] [
สำนักข่าวชาวพุทธ
] [
84000.org ] [ธรรมเทศนาหลวงพ่อ]
[ พุทธภูมิ ]
[ สมเด็จองค์ปฐม
] [
กายทิพย์โลกวิญญาณ
] [แม่ชีพิมพา]
[ ดวงแก้ว ] [
คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ] [
ธรรมประทานพร ]
[
กัลยาณมิตร
]
[ เรื่องลึกลับที่พันทิพย์
] [ ศาสนา-ปรัชญาที่พันทิพย์
] [ยุวสงฆ์ดอทคอม
] [
ศากยบุตร ]
[ Buddhabirthplace
] [ มิติพิศวง
]
[
พระไทยเน็ต
] [
พระโพธิสัตว์ ]
[
ธรรมหลวงตามหาบัว ] [
ศรัทธาธรรม ] [
จักรวาลภูมิ
๓๑ ] [
ศาสนาต่างๆ ] [
จิตวิญญาน ]
[
ซีดีธรรมะ ]
[
เรื่องมหัศจรรย์ ] [
ฟิสิกส์น่ารู้ ] [
UFO ]
[12Rasi.com
ดูดวง ทำนายชีวิต]
[
Thai English Dictionary ]
Thai Keyboard